“เอ่ออ...” เสว่เฟยมองดูใบหน้าอมยิ้มของเย่ชิงหนิว ภายในใจครุ่นคิดขึ้นมาอย่างระแวงสงสัย ตาแก่ชิงหนิวใบหน้ายิ้มอย่างมีเลศนัย หรือว่าเ้าเด็กเย่ชิงหานยังมีไพ่ตายอะไรที่เก็บซ่อนไว้อยู่? ต้องเข้าใจว่าเสว่อู๋เหินพร์ไม่ธรรมดา ตอนนี้พลังฝีมืออยู่ในระดับขั้นที่สามขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ หากนับรวมแมลงปีกแข็งสีทองที่เขาเลี้ยงไว้อีกสิบสองตัวต่อให้เป็ผู้มีพลังฝีมือระดับแรกหรือระดับขั้นที่สองขอบเขตนักรบก็ยังไม่แน่ว่าจะเอาชนะเขาได้โดยง่าย
“ไอ้หยา! ตาแก่หนิว ดูท่าเ้ามั่นใจเ้าเด็กน้อยตระกูลของเ้าเสียเหลือเกิน? เสว่อู๋เหินเป็เด็กหนุ่มที่มีพร์ที่ยากจะพานพบในรอบร้อยปีของทวีปัเพลิงเชียวนะ ขนาดไอ้หนูเฟิงตระกูลข้ายังยอมรับเลยว่าไม่ใช่คู่มือของเสว่อู๋เหิน” ผู้าุโสูงสุดจากตระกูลเฟิงใบหน้าปรากฏแววประหลาดใจ พูดขึ้นด้วยความสงสัย
“ตาแก่เฟยพนันไปเลย ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเ้าเด็กน้อยอายุสิบห้าสิบหกปีคนนั้นจะสร้างปาฏิหาริย์อะไรขึ้นมาได้จริงๆ” ผู้าุโสูงสุดจากตระกูลฮวาสบโอกาสจึงรีบเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก
เยว่จีกลับเงียบไม่ปริปากใดๆ แต่สีหน้าที่แสดงออกมาเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย
ทั้งสามคน...สองคนพูดสนับสนุน อีกคนเงียบไม่ปริปาก ทำงานประสานร่วมกันได้อย่างไร้ที่ติ พวกเขาต่างหวังให้เฟยเสว่เดิมพันดู เนื่องจากเด็กหนุ่มทั้งสองคนล้วนเป็ผู้มีพร์ที่ร้ายกาจ ผลการต่อสู้ท้ายที่สุดไม่ว่าใครตาย สำหรับตระกูลของพวกเขาแล้วถือว่าได้กำไรอย่างไม่ต้องลงทุนใดๆ
ภายในใจของเสว่เฟยตอนนี้ยิ่งระแวงสงสัยขึ้นไปอีก ทั้งสามคนนี้เห็นได้ชัดว่ากำลังคอยผสมโรง เสว่อู๋เหินเป็ลูกชายคนเดียวของท่านหัวหน้าตระกูล ว่าที่หัวหน้าตระกูลเสว่รุ่นต่อไป หากเพียงเพื่อของนอกกายเพียงไม่กี่ชิ้นทำให้ต้องสูญเสียผู้ที่มีโอกาสเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ไป อย่างนี้ไม่คุ้มแน่ๆ ดังนั้นเขาจึงนิ่งเงียบไปไม่พูดไม่จา
“ข้าว่านะตาแก่เสว่ ตกลงเ้าจะเอาอย่างไรกันแน่ก็พูดออกมาสักคำ หรือว่าพวกเรามาสู้กันแบบเดิมพันชีวิตกันดูสักรอบ? ต่อสู้เสร็จของๆ เ้าข้าจะไม่เอาสักชิ้น” เย่ชิงหนิวเริ่มจะหมดความอดทน ถลึงตาที่ปูดโปนของเขามองไปยังเสว่เฟยอย่างท้าทาย
“ท่าน...” เสว่เฟยถึงกับพูดอะไรไม่ออก เย่ชิงหนิวแม้ชื่อจะมีความหมายว่าวัวอ่อน แต่เห็นได้ชัดว่าเป็วัวป่าที่ดุดันอย่างไม่ต้องสงสัย เอาแค่พลังฝีมือเฉพาะตัวของเย่ชิงหนิวก็อยู่ในระดับที่สองขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ หากรวมร่างกับสัตว์อสูรคุณภาพระดับแปดเข้าไปอีก ในเขตปกครองเทพานี้ที่สามารถเอาชนะเขาได้มีเพียงไม่กี่คน ที่แน่ๆ เขารู้ว่าหากตนเองตกลงต่อสู้เดิมพันชีวิตกับเย่ชิงหนิว ซึ่งจะหนีก็หนีไม่ได้ แบบนี้คงได้ตายอย่างไม่ต้องสงสัย
“เหอะๆ เสว่เฟย...ข้ารู้สึกว่าให้เสว่อู๋เหินต่อสู้กับเย่ชิงหานยังจะมีโอกาสรอดมากกว่าเ้าเสียอีก” ผู้าุโสูงสุดแห่งตระกูลฮวาไม่พลาดโอกาสในการเติมเชื้อไฟเข้ามาอีก
เยว่จีมองค้อนผู้าุโสูงสุดจากตระกูลฮวาไปทีหนึ่งด้วยสายตาตำหนิ จากนั้นถอนหายใจออกมาแล้วพูดขึ้น “พอได้แล้ว พี่หนิว เอาอย่างนี้แล้วกัน ของที่มีอยู่เดิมบวกเพิ่มยาพลังปราณหิมะระดับสูงสุดอีกสองพันกระปุก เคล็ดวิชาระดับปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์อีกหนึ่งเล่ม เื่ราวขอให้ยุติลงเพียงเท่านี้ตกลงไหม? งานประลองาระหว่างเขตปกครองก็กำลังจะใกล้เข้ามาทุกที ศัตรูร่วมของพวกเราคืออีกสองเขตปกครองนั่น อย่าเพิ่งมาตีกันเองให้คนอื่นเขาหัวเราะเยาะจะดีกว่า”
เสว่เฟยเงียบไปสักพักจากนั้นจึงกัดฟันพูดออกมา “เฮ้อ...จะว่าไปเื่ที่เกิดขึ้นเสว่อู๋เหินเป็คนผิด ก็ได้...เอาอย่างที่เยว่จีว่าก็แล้วกัน”
“พี่หนิว!” เยว่จีเห็นเย่ชิงหนิวนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาจึงเริ่มจะไม่พอใจขึ้น ไม่ว่าอย่างไรในครั้งนี้ตระกูลเสว่ก็ควักต้นทุนจ่ายออกมาจนแทบจะกระอักเือยู่เหมือนกัน ถ้าหากถึงขั้นนี้แล้วเย่ชิงหนิวยังไม่ยอมรับปากอีกก็ดูจะไม่ไว้หน้ากันเกินไปแล้ว
“ข้ายังเงื่อนไขอีกข้อหนึ่ง” เย่ชิงหนิวนิ่งอยู่สักพักจึงเอ่ยปากขึ้น เขาไม่รอให้เสว่เฟยและเยว่จีพูดตอบรับ แต่ยังคงทำการพูดต่อไป “ไม่ต้องใ ข้าไม่ได้้าสิ่งของเพิ่มอีก ข้าแค่้าสิทธิ์ในการแลกเปลี่ยนของรางวัลเป็คนแรกในงานประลองาระหว่างเขตปกครองในครั้งนี้”
สิทธิ์ในการแลกเปลี่ยนของรางวัลเป็คนแรกในงานประลองาระหว่างเขตปกครอง?
ทุกคนต่างอยู่ในอาการครุ่นคิด หลังจากที่นิ่งเงียบกันไปสักพักผู้าุโสูงสุดแห่งตระกูลเฟิงพูดขึ้นก่อน “ท่าน้ายาิญญาเทวะ? ขอเพียงลูกหลานตระกูลของท่านสามารถทำคะแนนได้มากพอข้าก็ไม่ขัดข้อง”
“หนึ่งหมื่นคะแนนไม่ใช่ว่าจะเอามาได้ง่ายๆ เ้าเด็กน้อยตระกูลเ้าดุดันขนาดนั้นข้าก็ไม่ขัดข้อง” ผู้าุโสูงสุดจากตระกูลฮวาก็แสดงความคิดเห็นออกมาเช่นกัน
“ข้าเห็นด้วย” เสว่เฟยและเยว่จีแสดงความเห็นออกมาพร้อมกัน ยาิญญาเทวะแม้จะเป็ที่ล่อตาล่อใจ แต่ก็ต้องเก็บสะสมคะแนนให้ได้หนึ่งหมื่นคะแนนถึงจะแลกเปลี่ยนได้ พวกเขาได้ยินมาว่างานประลองาระหว่างเขตปกครองในครั้งนี้ เขตปกครองเทพปีศาจและเขตปกครองเทพคนเถื่อนเพื่อที่จะได้ยาิญญาเทวะ ถึงกับส่งผู้มีพลังฝีมือระดับหัวกะทิเข้าร่วมเป็จำนวนมาก เพียงเพื่อของล้ำค่าแค่ชิ้นเดียวจะให้พวกเขาทั้งสี่เสียสละผู้มีพลังฝีมือระดับหัวกะทิของตระกูลมากมาย พวกเขาทั้งสี่ทำไม่ได้และไม่ยอมทำอย่างแน่นอน เพราะทำเช่นนั้นเป็การได้ไม่คุ้มเสีย
“ตกลงตามนี้ ในเมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องกันเช่นนี้ พี่เฟยและพี่หนิวทั้งสองท่านมาเซ็นสัญญาข้อตกลงร่วมกันว่าหลังจากนี้จะไม่นำเื่นี้มาทำลายความสามัคคีของพวกเราทั้งห้าตระกูลอีก”
เยว่จีถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาคำหนึ่ง พาทุกคนเดินกลับเข้าไปยังภายในหอสามทิศอีกครั้ง บรรยากาศเปลี่ยนจากอึมครึมกลายเป็สนิทสนมกลมเกลียวกันขึ้นมา ราวกับว่าทั้งหมดเป็เพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบเจอกันมาแสนนาน ต่างพากันคุยเล่นหยอกล้อกันขึ้นอย่างสนุกสนาน
“อืม...เยว่จี” ผู้าุโสูงสุดจากตระกูลเฟิงคล้ายกับว่านึกอะไรขึ้นมาได้จึงหันหน้าไปทางเยว่จีแล้วพูดขึ้น “อีกสามวันจากนี้เป็งานเทศกาลโคมไฟฤดูร้อนประจำปีของตระกูลเ้าใช่ไหม? ได้ยินมาว่าในครั้งนี้ตระกูลเ้ามีธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่งดงามอย่างหาผู้ใดเปรียบมิได้จะปรากฏตัวครั้งแรกภายในงานเทศกาลใช่ไหม?”
“ถูกต้อง เ้าหนูเฉ่าตระกูลข้ามาเพื่อนางโดยเฉพาะเลย ตระกูลเ้านี่ก็จริงๆ เลย ทุกครั้งที่มีธิดาศักดิ์สิทธิ์ชอบทำให้ลึกลับทุกที หากไม่ใช่งานเทศกาลโคมไฟฤดูร้อนก็จะไม่เปิดตัวออกมา พอปรากฏตัวออกมาเท่านั้นแหละทำเอาหนุ่มหล่อทั้งหลายลุ่มหลงกันจนหัวปักหัวปำกันเลยทีเดียว” ผู้าุโสูงสุดจากตระกูลฮวาพยักหน้าเห็นด้วยพูดสำทับขึ้น
“เหอะๆ ทำเอาหนุ่มหล่อทั้งหลายหลงหัวปักหัวปำรึ? ครั้งที่แล้วก็ไม่ใช่ว่าเอียนเอ๋อร์จากตระกูลข้าหรอกรึที่ถูกเย่เตาทิ้งไปแบบไม่สนใจไยดี?” เยว่จีถอนหายใจหนักหน่วงออกมาครั้งหนึ่ง หันหน้ามองไปทางเย่ชิงหนิวด้วยสายตาขุ่นเคือง แล้วพูดถึงเื่เก่าในครั้งอดีต
เย่ชิงหนิวสะดุ้งขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นสายตาที่ขุ่นเคืองของเยว่จี เขาพูดขึ้นด้วยความเคอะเขินว่า “มองข้าทำไม ไม่ใช่ข้าที่ทิ้งเ้าสักหน่อย ก็ไม่ใช่เพราะเื่นี้หรอกรึในตอนนั้นเย่เตาเกือบจะถูกท่านหัวหน้าตระกูลไล่ออกจากตระกูลไป ต่อมาเย่เตาตายไป เอียนเออร์ตระกูลเ้าคิดถึงจนล้มป่วยและสุดท้ายเสียชีวิตตามไป ข้าก็ทั้งเ็ปและเสียดาย เฮ้อ...ทั้งหมดล้วนเป็เพราะชะตาชีวิตของเขาเองทั้งนั้น”
“เอาละเยว่จี เลิกพูดถึงเื่ราวในอดีตได้แล้ว ครั้งนี้เ้าก็บอกให้ธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่สวยหยาดฟ้าของตระกูลเ้าเลือกเ้าหนูเฟิงของตระกูลข้าสิ ข้ารับรองได้เลยไว้เ้าเด็กคนนั้นต้องประคบประหงมนางยิ่งกว่าสมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน อีกอย่าง เฟิงจื่อรูปร่างหน้าตาก็ไม่เลว พลังฝีมือก็เห็นๆ กันอยู่” ผู้าุโสูงสุดจากตระกูลเฟิงยิ้มแหะๆ พูดขึ้น
ผู้าุโสูงสุดแห่งตระกูลฮวาเห็นผู้าุโสูงสุดแห่งตระกูลเฟิงทำตัวเป็พ่อสื่อขึ้นมา จึงพูดออกไปอย่างไม่พอใจ “เ้าเด็กที่มีแต่ก้อนเนื้อชิ้นใหญ่ของตระกูลเ้าเนี่ยนะที่บอกว่ารูปร่างหน้าตาไม่เลว? จะมาดูดีสู้เ้าหนูเฉ่าจากตระกูลข้าได้อย่างไร? เ้าหนูเฉ่าได้ชื่อว่าเป็ชายงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองลั่วฮวาเชียวนะ พลังฝีมือไม่ต้องพูดถึง ต่อให้เป็ระดับขอบเขตนักรบหากให้เขาลอบโจมตีได้สำเร็จรับรองว่ากระบวนท่าเดียวศัตรูไม่มีโอกาสรอด”
“เหอะ! เ้าหนูตระกูลเ้าสภาพอย่างนั้นน่ะรึเรียกว่าดูดี ดูแล้วจะคนก็ไม่ใช่จะปีศาจก็ไม่เชิง หากจับไปโยนทิ้งไว้ที่เขตปกครองเทพปีศาจรับรองได้ว่าถูกยกให้เป็จ้าวผู้นำปีศาจอย่างแน่นอน หากลอบโจมตีผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตนักรบได้สำเร็จไม่มีรอดสักราย? ก็ต้องลอบโจมตีให้สำเร็จสินะถึงจะฆ่าได้” ผู้าุโสูงสุดแห่งตระกูลเฟิงเมื่อได้ฟังฉุนเฉียวขึ้นมาทันที เบิกตาถลนร้องคำรามออกมา
“ตระกูลเ้านั่นแหละปีศาจ ไอ้หนูเฟิงหากจับไปโยนทิ้งไว้ที่เขตปกครองเทพคนเถื่อน พวกนั้นคงคิดว่าเป็ทายาทเทพคนเถื่อนที่หายสาบสูญไปเป็แน่แท้...”
เยว่จีถอนหายใจยาวออกมา ทำได้แค่ส่ายหัวมองดูตัวตลกสองคนที่อยู่ตรงหน้าแล้วพูดขึ้น “เอาละๆ พี่ใหญ่ทั้งสอง ให้ข้ามีทางเดินบ้างเถอะ ทำอย่างกับพวกท่านไม่รู้ว่าเทศกาลโคมไฟฤดูร้อน สุดท้ายแล้วผู้ที่จะคัดเลือกผู้พิทักษ์ก็คือนางเด็กน้อยเยว่ชิงเฉิงที่ต้องเลือกเอง ข้าไม่ได้มีอำนาจอะไรจะไปสั่งการมิใช่รึ? พวกท่านแย่งกันไปแย่งกันมาแล้วจะมีประโยชน์อะไร?”
.................................
“เทศกาลโคมไฟฤดูร้อน? อะไรคือเทศกาลโคมไฟฤดูร้อน?”
เย่ชิงหานนั่งอยู่ภายในหอสี่ทิศ เดิมคิดอยากจะถามเฟิงจื่อว่าเมื่อไหร่จะออกเดินทางไปเมืองั แต่เฟิงจื่อกลับพูดว่ารอเสร็จงานเทศกาลโคมไฟฤดูร้อนในอีกสามวันข้างหน้าถึงจะออกเดินทาง ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความงุนงง
“เอ่ออ!”
เมื่อได้ยินเย่ชิงหานถามออกมาเช่นนี้ ทั้งเฟิงจื่อและฮวาเฉ่าใช้สายตาที่ราวกับมองตัวประหลาดมองมายังเย่ชิงหาน แม้กระทั่งเสว่อู๋เหินที่นั่งเงียบๆ ไม่พูดไม่จาอยู่ข้างๆ จมูกก็ยังกระตุกขึ้นทีหนึ่ง
“เ้าไม่รู้งานเทศกาลโคมไฟฤดูร้อน?”
เฟิงจื่อตบไปที่กล้ามเนื้อหน้าอกที่แข็งแรงบึกบึนของเขาพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ ข้าไม่รู้ งานเทศกาลโคมไฟฤดูร้อนมีชื่อเสียงขนาดนั้นเลย?” เย่ชิงหานรู้สึกแปลกใจเช่นกัน หากเป็วันเริ่มต้นของฤดูร้อนเขาพอรู้จัก
“เอ่ออ...อย่างนั้นอธิบายให้เ้าฟังแบบนี้ก็แล้วกัน งานเทศกาลโคมไฟฤดูร้อนนับเป็เพียงแค่งานเทศกาลของตระกูลเยว่เท่านั้น” เฟิงจื่อหัวเราะแหะๆ ดวงตาแสดงอารมณ์แปลกประหลาดอย่างหนึ่งขึ้น จากนั้นจึงเริ่มพูดต่อ “ของที่มีชื่อเสียงที่สุดของตระกูลเยว่คืออะไร ก็สาวงามอย่างไรเล่า ยอดสาวงาม! ทุกๆ ปีในงานเทศกาลโคมไฟฤดูร้อนพวกเขาจะคัดสุดยอดสาวงามออกมาคนหนึ่งเพื่อไปเป็หญิงขายศิลปะการแสดงประจำหอจันทราเป็เวลาหนึ่งปี และสาวงามนางนั้นจะกลายเป็ดั่งเทพธิดาของเหล่าลูกค้าของหอจันทรา เป็จุดขายอันดับหนึ่งของหอจันทรา หลังจากปีหนึ่งผ่านไปสาวงามนางนั้นจะถูกนำออกมาประมูลขาย ผู้ที่ประมูลได้ราคาสูงที่สุดในสามอันดับแรกมีโอกาสที่จะได้กอดสาวงามกลับบ้านไป
“สามคน? ไม่ใช่คนที่ให้ราคาสูงที่สุดได้ไปรึ?” เย่ชิงหานถูกสิ่งที่เฟิงจื่อเล่าออกมาให้ฟังทำให้รู้สึกสนใจมากขึ้นจึงพูดถามขึ้น
“ไม่ใช่!” เฟิงจื่อส่ายหัวไปมา ถอนหายใจแล้วพูดต่อ “นี่ก็คือวิธีการที่ปราดเปรื่องอย่างหนึ่งของตระกูลเยว่ เพราะท้ายที่สุดทางตระกูลจะให้สาวงามเป็คนเลือกผู้ที่ตนเองชอบมากที่สุดจากในสามคนนั้น เช่นนี้ตระกูลเยว่ถึงจะได้รับประโยชน์มากที่สุด ทางตระกูลได้ทรัพย์สินและของล้ำค่าจากการประมูล สาวงามของตระกูลแต่งออกไปอย่างมีความสุข เ้าลองคิดดูว่าใช่การยิงปืนนัดเดียวได้สองตัวหรือไม่?”
“อืม...ก็จริง ถ้าเป็อย่างนั้นก็แสดงว่าอีกสามวันจากนี้ตระกูลเยว่จะมีสาวงามคนใหม่ปรากฏตัวออกมา?” เย่ชิงหานพยักหน้าแสดงอาการเข้าใจ แล้วพูดขึ้น
“แน่นอนว่าสาวงาม และยังเป็สุดยอดแห่งสาวงามที่สวยหยาดฟ้ามาดินเลยเชียว! ข้าจะบอกอะไรเ้าให้ ถือว่าเ้าโชคดีปีนี้ตรงกับงานเทศกาลโคมไฟฤดูร้อนที่จะจัดขึ้นที่ทะเลสาบแห่งความเงียบสงบที่สิบห้าปีจะมีขึ้นครั้งหนึ่งของตระกูลเยว่ เป็สุดยอดพิธีเฉลิมฉลองอย่างมโหฬารของเหล่าหนุ่มสาวในเขตปกครองเทพา ข้าเฝ้ารอคอยมานานหลายปีแล้ว” เฟิงจื่อสะบัดเส้นผมสองเส้นที่ปรกหน้า สายตาทอประกายเร่าร้อนออกมาราวกับว่าจะแผดเผาหอสี่ทิศแห่งนี้ให้ลุกไหม้ขึ้นฉันนั้น
“งานเทศกาลโคมไฟฤดูร้อน ณ ทะเลสาบแห่งความเงียบสงบ? เมื่อสักครู่ไม่ใช่บอกว่าเป็งานเทศกาลโคมไฟฤดูร้อนของหอจันทราหรอกรึ? ทะเลสาบแห่งความเงียบสงบไม่ใช่สถานที่พำนักอาศัยของลูกหลานตระกูลเยว่รึ?” เย่ชิงหานยิ่งฟังยิ่งงุนงง ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เอ่ออ...ถ้าหากพูดว่าทุกๆ ปีตระกูลเยว่จะส่งสาวงามแต่งออกจากหอจันทรา ถ้าเป็อย่างนั้นเทศกาลโคมไฟฤดูร้อนก็คงไม่มีชื่อเสียงอะไรมาก ข้าจะบอกอะไรให้ เทศกาลโคมไฟฤดูร้อนที่มีชื่อเสียงขึ้นมาได้ก็เพราะงานเทศกาลโคมไฟฤดูร้อนที่จัดขึ้น ณ ทะเลสาบแห่งความเงียบสงบที่สิบห้าปีจะมีขึ้นครั้งหนึ่ง ซึ่งก็คืออีกสามวันจากนี้ ทุกๆ สิบห้าปีตระกูลเยว่จะคัดเลือกสาวงามจากลูกหลานของตระกูลที่เป็หญิงสาวนับร้อยๆ คนเพื่อมาเป็ธิดาศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นส่งเทียบเชิญไปยังลูกหลานนายน้อยและคุณชายของตระกูลใหญ่ทั้งหลายทั่วหล้าให้มาร่วมงานฉลองการเป็ผู้ใหญ่ของธิดาศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นธิดาศักดิ์สิทธิ์จะคัดเลือกบุรุษผู้เพียบพร้อมไปด้วยรูปร่างหน้าตาและพลังฝีมือเพื่อมาเป็ผู้พิทักษ์จำนวนสองคนจากทั้งหมดสิบคน ทดสอบสังเกตการณ์เป็ระยะเวลาสามปี แล้วจะมีเพียงหนึ่งคนที่ได้กอดสาวงามกลับบ้าน
สำหรับบุรุษผู้ที่ได้แต่งกับธิดาศักดิ์สิทธิ์จะได้รับตำแหน่งผู้าุโนอกตระกูลจากตระกูลเยว่ไปตลอดชีวิต ได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากตระกูลเยว่อย่างเต็มที่ สุดยอดสาวงามที่สุดในแผ่นดินกับตำแหน่งฐานะที่ไม่เป็สองรองใครล้วนมาอยู่ในกำมือ เ้าว่าบุรุษผู้มีพร์ทั้งหลายใครบ้างจะไม่บ้าคลั่ง? ใครจะไม่อยาก?” เฟิงจื่อยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้นดีใจราวกับว่าเขาทำมันได้สำเร็จแล้วฉันนั้น มุมปากปรากฏรอยยิ้มที่เคลิบเคลิ้มขึ้นมาให้เห็น
“ไม่ใช่ว่าเย่เตาปีนั้นก็ไม่สนใจไม่ใช่รึ?” เฟิงจื่อเพิ่งจะพูดจบ ฮวาเฉ่าที่คล้ายกับกะเทยพูดสวนขึ้นมาในทันที
“หืม?” เย่ชิงหานมองไปที่ฮวาเฉ่าด้วยความแปลกประหลาดใจ เื่นี้เกี่ยวพันไปถึงบิดาของตนเองได้อย่างไร? บิดาผู้สูงส่งของตนผู้นั้นสุดยอดถึงขนาดว่าแม้กระทั่งธิดาศักดิ์สิทธิ์จากตระกูลเยว่ก็ยังไม่สนใจเลยรึ?
“เหอะ! เ้าคิดว่าในโลกนี้มีเย่เตากี่คนเล่า? ไม่สนธิดาศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับไปรักเทพธิดาประจำหอจันทรา” เฟิงจื่อพูดกระแทกเสียงออกมาประโยคหนึ่งด้วยความไม่พอใจ แต่ภายในใจของเขายังเคารพนับถือเย่เตาอยู่ น้ำเสียงที่พูดออกมายังแสดงออกถึงความนอบน้อมอย่างชัดเจน
“ไม่ชอบธิดาศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับไปรักเทพธิดาประจำหอจันทราแทน?” ในใจเย่ชิงหานเกิดความสนใจอย่างไม่เคยมีมาก่อน เพราะเื่ที่ได้ยินเกี่ยวพันถึงภูมิหลังของผู้เป็มารดาของตน
มองดูสีหน้าที่แสดงออกถึงความสนใจอย่างที่สุดของเย่ชิงหาน เฟิงจื่อหมดคำจะพูดขึ้นมาทันที “อะไร? เื่ของตระกูลเ้าแท้ๆ เ้ายังไม่รู้อีกรึ? หรือว่าเ้าถูกจับขังไว้ทำการฝึกฝนั้แ่เด็กถึงไม่ได้รู้เื่อะไรเกี่ยวกับตระกูลเลย? อย่างนั้นคงลำบากเ้าแย่เลย...ข้าจะเล่าให้เ้าฟังก็แล้วกัน เย่เตาในตอนนั้นเป็หนุ่มรูปงามที่เพียบพร้อมไปด้วยพร์และพลังฝีมือที่ล้ำเลิศหาผู้ใดเปรียบ สุดท้ายไม่ได้ถูกธิดาศักดิ์สิทธิ์ในตอนนั้นทำให้คลั่งไคล้ลุ่มหลง แต่ในทางตรงกันข้ามกลับกลายเป็ว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์เยว่เอียนเอ๋อร์เองที่คลั่งไคล้ลุ่มหลงเย่เตา เพียงแต่ในตอนนั้นเย่เตาไม่ได้ชอบเยว่เอียนเอ๋อร์ แต่กลับไปรักเยว่สุ่ยเอ๋อร์ที่เป็เทพธิดาประจำหอจันทรา ดังนั้นจึงตอบปฏิเสธเยว่เอียนเอ๋อร์ต่อหน้าแล้วพาเยว่สุ่ยเอ๋อร์กลับไปยังตระกูลเย่ด้วยกัน สุดท้ายเยว่เอียนเอ๋อร์ยอดสาวงามแห่งยุคเจ็บป่วยด้วยความเศร้าระทมทุกข์เพราะความคิดถึงเสียชีวิตไปด้วยวัยยังไม่ถึงสามสิบปีดี เ้าคิดดูว่าน่าเศร้าสลดน่าทอดถอนใจขนาดไหน เฮ้อ...”
“ฮึ! ชีวิตนี้ของเ้ากำหนดไว้แล้วว่าจะต้องน่าเศร้าสลดน่าทอดถอนใจ เพราะเยว่ชิงเฉิงเป็ข้าที่จะได้นางมาครอง!” อย่างไม่ทันตั้งตัว ฮวาเฉ่าที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหลมเล็กที่เป็เอกลักษณ์เฉพาะ
เฟิงจื่อเมื่อได้ยินก็เต้นผางขึ้นด้วยความไม่พอใจพร้อมกับคำรามออกไป “ฮึ กะเทยตายซากอย่างเ้าแม้แต่คิดก็อย่าได้ริอาจ ใครกล้าแย่งเยว่ชิงเฉิงกับข้า ข้าเฟิงจื่อขอแลกชีวิตกับมันผู้นั้น!”
‘ที่แท้เื่ราวทั้งหมดก็เป็เช่นนี้นี่เอง...งานเทศกาลโคมไฟฤดูร้อนรู้สึกจะเริ่มมีความน่าสนใจขึ้นมาอีกนิดแล้ว!’ เฟิงจื่อกับฮวาเฉ่าเริ่มด่าทอกันขึ้น แต่เย่ชิงหานไม่ได้สนใจพวกเขา ทำเพียงนั่งอยู่ข้างๆ ครุ่นคิดถึงเื่ราวที่คล้ายดั่งหนังชีวิตของบิดาและมารดาของตน ดูท่างานเทศกาลโคมไฟฤดูร้อนอีกสามวันข้างหน้าคงจะคึกคักน่าดู ส่วนยอดสาวงามที่เล่าลือกันว่างดงามหยาดเยิ้มนามว่าเยว่ชิงเฉิง สำหรับเขาตอนนี่เริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อย แน่นอนว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้