ต้วนอวี้พยักหน้ารับอย่างตั้งใจ
“พี่หลิวสอนต้วนอวี้แล้วจะต้องหาเวลาทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้ไม่ใช่ความสุขหรอกหรือ? มีมิตรมาจากแดนไกลไม่มีความสุขหรอกหรือ? คนอื่นไม่เข้าใจเราเราก็ไม่โกรธเกลียดเขา ไม่ใช่คนมีคุณธรรมหรอกหรือ ? ทบทวนสิ่งเก่าเพื่อค้นพบสิ่งใหม่เช่นนี้สามารถเป็อาจารย์เรียนรู้จากหนังสือแต่ไม่คิดวิเคราะห์จะเกิดความสับสนเหมือนมิได้อะไรและคนที่ไม่ศึกษาเล่าเรียนก็จะชีวิตอย่างเหน็ดเหนื่อย!”
ต้วนอวี้ท่องคำแปลของคัมภีร์หลุนอวี่[1]ได้อย่างคล่องแคล่ว ต้วนชิงิซาบซึ้งขึ้นไปอีก
“ดีๆๆ พี่สาวรู้แล้ว ต้วนอวี้เก่งที่สุด!” พูดเสร็จต้วนชิงิหันไปเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจ
“ขอบคุณพี่หลิวที่คอยอบรมสั่งสอน!”
หลิวยวนที่หน้าแดงเป็ลูกตำลึงพลันโบกไม้โบกมือ
“ทั้งหมดเป็เพราะความฉลาดของต้วนอวี้ต่างหาก!”
ทางด้านไป๋หย่วนฮ่าวเมื่อเห็นว่าต้วนชิงิมองแต่หลิวยวนและต้วนอวี้สีหน้าของเขาก็ไม่สู้ดี เขาถอนหายใจด้วยความไม่สบอารมณ์ ไม่ทันได้เสียดสีต่อด้านหลังก็มีเสียงกังวานลอยมา
“ต่อให้จะเฉลียวฉลาดก็ต้องอบรมสั่งสอน พอคุณชายหลิวมาที่นี่เ้าก็พัฒนาไปไม่น้อยเลยทำให้ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจนัก!”
เมื่อมองไปจึงได้รู้ว่าเป็ต้วนเจิ้งนางจึงรีบทำความเคารพ ส่วนต้วนอวี้รีบลุกขึ้นมาพูดเสียงดังฟังชัด
“ต้วนอวี้คารวะท่านพ่อ!” ครั้งนี้ทำให้ต้วนเจิ้งยิ้มไม่หุบ
“โอ้ ต้วนอวี้โตแล้วจริงๆ!” ต้วนอวี้ถอยออกไปด้านข้างมองต้วนเจิ้งพูดอย่างถ่อมตน
“เมื่อก่อนต้วนอวี้ไม่รู้ประสา แต่ตอนนี้รู้แล้วต้วนอวี้เป็ถึงบุตรชายของท่านแม่ทัพใหญ่ เป็ลูกผู้ชายเต็มตัวต้องมีความกล้าหาญ”
ต้วนเจิ้งได้ฟังยิ่งดีใจเขาเดินขึ้นไปประคองต้วนอวี้ขึ้น มองบุตรชายไปทั้งตัวก่อนเอ่ยปากชม
“ใช่แล้ว สมแล้วที่เป็ลูกชายข้า!”
ต้วนชิงิเห็นดังนั้นก็ดีใจจนน้ำตาซึมทว่าอยู่ๆ ก็มีเสียงขัดบรรยากาศชื่นมื่นโผล่ขึ้นมา
“คุณชายใหญ่เป็ลูกของนายท่าน เก่งเช่นนี้ใครจะกล้าสงสัยเ้าคะ?” หลิวหรงที่แต่งตัวเต็มยศเดินเข้าไปช้าๆ นั่งลงด้านข้างต้วนเจิ้ง
วันนี้หลิวหรงแต่งตัวเต็มยศเหมือนปกติเห็นเพียงผมที่เกล้าไว้ ดวงตาลุกวาว ผิวละเอียดเหมือนหยกปากกระจับสีแดงระเรื่อเหมือนผลอิงถาว[2] บนศีรษะเสียบปิ่นจินปู้เหยามีสายสองเส้นห้อยระย้าสวมชุดกระโปรงยาวสีม่วงปักรูปดอกโบตั๋นด้วยด้ายสีเขียวน้ำทะเล งดงามยิ่งนัก!
หลิวหรงมองต้วนอวี้ด้วยสายตาลุกวาวแฝงไปด้วยความชั่วร้ายเป็ที่สุด!หลิวยวนสอนต้วนอวี้เพียงไม่กี่วันกลับได้คำชมจากนายท่านขืนเป็เช่นนี้ต่อไปคงไม่ใช่ผลดีเป็แน่!
คำพูดของหลิวหรงทำให้สีหน้าต้วนชิงินิ่งลง
คำชมของต้วนเจิ้งนางรับรู้ได้ว่ามาจากความจริงใจส่วนคำพูดหลิวหรงมาจากเจตนาร้ายที่แอบแฝงอยู่!
คำพูดที่แฝงเป็นัยว่าต้วนอวี้ไม่ใช่ลูกของต้วนเจิ้ง!ชาติที่แล้วต้วนชิงิเคยได้ยินมาเหมือนกันคำพูดเช่นนี้ทำให้ต้วนอวี้เริ่มที่จะหมดอาลัยตายอยากในชีวิตขึ้นมาจนสุดท้ายเขาไม่สนใจชีวิตของตน จะช่วยอย่างไรก็ช่วยไม่ทันแล้ว !
ต้วนชิงิมองหลิวหรงด้วยสายตาที่แน่นิ่งยิ้มจางๆ
“อี๋เหนียงเหมือนไม่ได้ยินที่ท่านพ่อชมต้วนอวี้หรือ?”
คำพูดต้วนชิงิสามารถยัดเยียดความผิดให้หลิวหรงโดยตรงเพราะนางยอมเห็นต้วนเจิ้งชื่นชมต้วนอวี้ไม่ได้จึงตั้งใจทำลายชื่อเสียงต้วนอวี้และฮูหยินที่จากโลกไปแล้วผู้นั้น!
หลิวหรงหน้าซีดขึ้นมา
“ไม่ใช่ ข้าไม่ได้...”
หลิวหรงคิดอยากโต้แย้งทว่านางไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้แก้ตัว
“ถ้าไม่ใช่ อี๋เหนียงโปรดระวังคำพูดด้วยต้วนอวี้เป็บุตรชายของฮูหยินจวนต้วนคำพูดใส่ร้ายโจมตีคนอื่นเช่นนี้ไม่มีใครกล้าพูดออกมา! หากคนข้างนอกได้ยินอี๋เหนียงพูดเช่นนี้ต้วนอวี้จะมีที่ยืนได้อย่างไร?” แม้เื่ฮูหยินยังกล้าแต่งขึ้นมาหลิวหรงคนนี้ช่างบังอาจเสียจริง !
นางรีบหันหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตามองไปยังต้วนเจิ้งด้วยท่าทีที่น่าสงสาร
“นายท่านก็รู้ว่า... ปี้เซี่ย[3] ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น!”
ต้วนชิงิรู้ว่าแต่ไหนแต่ไรหลิวหรงใช้วิธีนี้ในการเรียกความสงสารให้ต้วนเจิ้งใจอ่อน แต่ว่าครั้งนี้นางคิดผิดแล้ว !
ต้วนเจิ้งมองน้ำตาของหลิวหรงยังไม่ทันได้พูดอะไรทางด้านต้วนชิงิก็หยิบผ้าเช็ดหน้าก้มลงเพื่อเช็ดน้ำตา หลิวหรงเสแสร้งได้แล้วทำไมนางจะทำไม่ได้ ดูสิว่าครั้งนี้ใครจะเสแสร้งได้สมจริงกว่ากัน
ต้วนเจิ้งที่นั่งอยู่ตรงข้ามเห็นบุตรีน้ำตาไหลพลันเกิดความแปลกใจ
“ชิงิ ลูกเป็อะไรไป?” น่าแปลกใจ ! เมื่อครู่ยังดีๆ ทำไมเผลอครู่เดียวก็ร้องไห้เสียแล้ว?
ต้วนเจิ้งใจอ่อนยวบเมื่อเห็นสีหน้ากล้ำกลืนและสายตาที่ไม่ได้ความเป็ธรรม
“ชิงิไม่ต้องร้อง มีเื่อะไรก็พูดกับพ่อ”
เด็กสาวซับน้ำตา “ต้วนอวี้อายุยังน้อยกลับรู้เื่มากขนาดนี้ ชิงิเห็นแล้วรู้สึกดีใจเชื่อว่าท่านแม่ที่อยู่บน์จะต้องปลื้มใจมากแน่ๆ”
ข้ออ้างของต้วนชิงิก็คือติงโหรวั้แ่รู้ว่าต้วนเจิ้งมีความรักให้กับติงโหรวโอกาสในการใช้อาวุธลับก็ทรงพลังมากขึ้น
เป็ไปตามที่คิดไว้เมื่อต้วนชิงิพูดถึงติงโหรวสายตาของผู้เป็บิดาพลันลอยคิดไปถึงภรรยาเอกที่จากไปถ้าติงโหรวได้เห็นลูกชายลูกสาวรู้เื่ขนาดนี้คงจะปลื้มใจไม่น้อย!
เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาจึงถอนหายใจออกมา
“ใช่แล้ว ถ้าแม่เ้าได้เห็นเ้ากับต้วนอวี้รู้เื่เช่นนี้นางจะต้องปลื้มใจอย่างมาก!”
เมื่อได้ฟังคำพูดต้วนเจิ้ง น้ำตาของต้วนชิงิยิ่งไหลเยอะกว่าเดิม ทว่านางกลั้นเอาไว้หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับตาที่บวมแดง ฝืนไม่ให้น้ำตาไหลออกมาอีก
“ท่านพ่อก็คิดเช่นเดียวกันกับลูก... ท่านแม่จะต้องปลื้มใจแน่!”
หลิวหรงที่ยืนอยู่หลังต้วนเจิ้งได้แต่กัดฟันกรอดท่านแม่ๆๆ... หึนางคนชั่วติงโหรวตายไปตั้งนานแล้วยังทิ้งบุตรสาวบุตรชายไว้เหยียบหัวนางอีกจะไม่ให้หลิวหรงเกลียดติงโหรวได้อย่างไร
พอเห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมของต้วนเจิ้งหลิวหรงจึงรีบเดินไปปลอบต้วนชิงิ น้ำเสียเต็มไปด้วยความเสียใจ
“คุณหนูใหญ่โทษที่ปี้เซี่ยดูแลคุณชายใหญ่ไม่ดีหรือ?” นางไม่ได้จะดูแลต้วนอวี้นางอยากให้อีกฝ่ายหายตัวไปเลยต่างหาก !
ได้ยินที่หลิวหรงพูดต้วนชิงิยิ้มแห้งขึ้นมา หลิวหรงไม่ดูแลต้วนอวี้นับว่าเป็เื่ดี กลัวว่ายิ่งดูแลจะยิ่งมีแต่ปัญหา
ในใจต้วนชิงิเกลียดนางเป็อย่างมากภายนอกได้แต่แสดงออกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในเมื่อหลิวหรงเป็คนเริ่มแสดงละครนางก็จะร่วมแสดงต่อบทไปเรื่อยๆคงมีสักวันที่หลิวหรงจะได้รู้ว่าละครที่แสดงเยอะเกินไปนั้น สักวันอาจจะพังลงได้
“อี๋เหนียงเข้าใจผิดแล้ว” ต้วนชิงิมองหลิวหรงด้วยสีหน้าหวาดกลัวรีบโต้กลับอย่างรีบร้อน
“อี๋เหนียงไม่ได้หมายความเช่นนั้น... อี๋เหนียงมีอวี้หรานอยู่แล้วกลัวว่าอวี้หรานดื้อขึ้นมาชิงิจะดูแลไม่ไหว แม้อี๋เหนียงจะละเลยต้วนอวี้ไปบ้างแต่ก็น่าจะให้อภัยกันได้!”
ถ้าจะพูดว่าหลิวหรงทำไม่ดีกับต้วนอวี้เกรงว่าต้วนเจิ้งจะไม่มีทางเชื่อแต่ถ้าบอกว่าหลิวหรงดูแลต้วนอวี้หรานจึงละเลยต้วนอวี้ไปบ้างกลับเป็ข้ออ้างที่สมเหตุสมผลเมื่อสองวันก่อนต้วนอวี้จมน้ำเกือบตายกับเื่แม่นมของต้วนชิงินับแล้วเป็สองเื่ที่หลิวหรงขาดความรับผิดชอบ
ต้วนเจิ้งมองไปที่หลิวหรงอย่างที่คิดไว้
“เ้าเป็ห่วงอวี้หรานนั้นไม่ผิด!”
คำพูดนี้แม้จะช่วยให้หลิวหรงไม่ต้องรับผิดแต่เมื่อนางได้ฟังเหมือนเป็การตำหนินางที่ดูแลแต่ลูกของตนเองเพิกเฉยละเลยลูกชายลูกสาวของฮูหยิน ไม่ว่าใครได้ฟังก็รู้ว่านางขาดความรับผิดชอบ!
หลิวหรงคับแค้นใจเป็ที่สุด!
…...
[1]คัมภีร์หลุนอวี่เป็คัมภีร์ที่ลูกศิษย์ของขงจื้อได้รวบรวมคำสอนของขงจื้อไว้ ทั้งด้านการศึกษาการเมืองการปกครอง คุณธรรมเป็ต้น อีกทั้งยังใช้สำหรับสอบเข้ารับราชการในสมัยโบราณ
[2]อิงถาว คือ ลูกเชอร์รี่
[3]ปี้เชี่ย คือ สรรพนามที่อนุภรรยาเรียกแทนตนเอง