ที่จริงแล้วการร่วมมือกันเช่นนี้พึ่งพาไม่ได้ที่สุดหากต่างฝ่ายต่างเอาผลประโยชน์ก็จะไม่มีทางจริงใจต่อกัน
เพราะถ้าการร่วมมือถึงเป้าหมายหรือว่าระหว่างทางไม่้าอีกฝ่ายแล้ว ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจฉีกสัญญาที่มีต่อกันจากนั้นก็หาพรรคพวกใหม่ ส่วนคนที่เคยร่วมมือจะกลายเป็คนแปลกหน้าหรือไม่ก็ศัตรู
เื่ในอนาคตใครจะรู้ได้? ไม่แน่ว่าจัดการหลิวหรงคนหนึ่งได้ อาจจะมีหลิวหรงคนถัดไปโผล่มาอีกก็ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดของต้วนชิงิคือจะต้องจัดการหลิวหรงจากนั้นรีบสร้างอำนาจให้กับต้วนอวี้ นางรู้ว่าตนเองจะไม่ได้อยู่ในจวนต้วนตลอดไปเมื่อถึงเวลาก็ต้องแต่งงานออกไปถึงเวลานั้นต้วนอวี้มีอำนาจในมือมากพอที่จะไม่ต้องเกรงกลัวใครอีก
ต้วนชิงิยังคงต้องวางแผนต่อไปไม่รู้ว่าเื่นี้จะดำเนินไปอีกนานแค่ไหนกว่าทุกอย่างจะสิ้นสุด
เื่เหล่านี้ต้วนชิงิไม่ได้บอกเซี่ยฉ่าวเอ๋อร์ประการแรกคือประสบการณ์ของคนคนหนึ่งแสดงถึงมุมมองต่อสิ่งนั้น ต้วนชิงิกลับชาติมาเกิดและยังมีความประสบการณ์จากชาติที่แล้วการมองโลกย่อมแตกต่างออกไปประการที่สองคือถ้าไม่ได้อยู่ในสภาพเดียวกันก็มักจะไม่คิดเื่นั้น มีบางสิ่งที่ต้วนชิงิเก็บซ่อนไว้ ไม่ว่าอย่างไรเซี่ยฉ่าวเอ๋อร์ก็จะไม่มีทางรู้ดังนั้นเื่บางเื่ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าใจได้
ทั้งสองคุยกันจนไปถึงสวนด้านหลังสายลมที่พัดมาแ่เบาหอบเอาเสียงจากที่ไกลๆ เป็เสียงอ่านที่คล่องแคล่ว
“ฟ้าประทานคุณสมบัติของคนที่เรียกว่านิสัยใจคอเื่ที่ทำจากนิสัยใจคอเรียกว่าคุณธรรมการกล่อมเกลาจิตใจของนักปราชญ์คือการนำเอานิสัยใจคอมากล่อมเกลาให้อยู่ทำนองคลองธรรมจึงเรียกว่าได้กล่อมเกลาพัฒนาจิตใจแต่ถ้าไม่กล่อมเกลาก็ไม่ใช่ทางที่ถูกที่ควร”
เป็เสียงที่คุ้นเคยของหลิวยวนเขากำลังท่องบทหนึ่งในตำราจงยง[1]
ดูท่าแล้วหลิวยวนเป็คนที่ตั้งใจมากถึงแม้พ่อเขาเป็ถึงเสนาบดีแต่เขาไม่มีทางอายุน้อยเท่านี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก
ต้วนชิงิอดคิดไม่ได้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของตนเลือกได้ถูกต้องนางต้องฉลองให้กับตัวเองที่เคยช่วยหลิวยวนไว้
หลิวยวนตั้งใจท่องหนังสือจึงไม่รู้ว่านางเดินเข้ามาใกล้มาส่งสัญญาณให้เซี่ยฉ่าวเอ๋อร์ไม่ต้องส่งเสียงแค่พาเซี่ยฉ่าวเอ๋อร์ค่อยๆเดินไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม
“คุณชายหลิวกำลังท่องหนังสือ!”
“คุณหนูใหญ่!” หลิวยวนเมื่อเห็นต้วนชิงิจึงรีบวางหนังสือที่อยู่ในมือพลางทำความเคารพต้วนชิงิยิ้มจางๆ
“ไม่ต้องมากพิธี! เป็ข้าที่รบกวนคุณชายหลิวท่องหนังสือแล้ว!”
“มิได้รบกวนๆ ได้รับการชี้แนะจากคุณหนูใหญ่ถือเป็เกียรติของหลิวยวนแล้ว!”
ต้วนชิงิโบกมือ “อายุคุณชายหลิวมากกว่าข้าหลายปี ทำไมถึงพูดว่าชี้แนะล่ะ?”
ผ่านไปครู่หนึ่ง ต้วนชิงิพูดต่ออีกว่า
“ข้ากับคุณชายรู้จักกันไม่นาน คุณชายหลิวเป็แขกที่จวนเช่นนั้นข้าเรียกท่านว่าพี่หลิวแล้วกัน!”
หลิวยวนได้ยินคำพูดต้วนชิงิจึงรีบร้อนปฏิเสธ
“คุณหนูต้วนเป็ถึงผู้สูงศักดิ์ จะเรียกข้าเช่นนั้นได้อย่างไร?”
“คุณชายหลิวไม่ใช่คนของจวนต้วน ทว่ายินยอมสอนต้วนอวี้ด้วยความเต็มใจข้านั้นรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่ง เรียกท่านว่าพี่หลิวก็ไม่เป็ไรกระมัง!” เด็กสาวยิ้มเล็กน้อย ใบหน้าของหลิวยวนแดงก่ำขึ้นมา พยักหน้าตอบรับ
“เป็เกียรติอย่างมาก!” หลิวยวนเคยได้ยินท่านแม่พูดถึงท่านพ่อของเขาว่าเป็ขุนนางแต่ด้วยระยะทางที่ห่างไกลทั้งสองจึงไม่ได้รับข่าวคราวเท่านั้นตอนนี้เขามาเพื่อตามหาท่านพ่อ เมื่อต้วนชิงิพูดเช่นนั้นจึงไม่อาจปฏิเสธได้ !
ต้วนชิงิไม่เก้อเขินแม้แต่น้อยเรียกอีกฝ่ายเสียงดัง
“พี่หลิว!”
หลิวยวนจึงรีบตอบรวดเร็ว
“น้องต้วน!”
ต้วนชิงิชื่นชมหลิวยวนแม้เขาจะอ่านหนังสือมามากทว่าความคิดความอ่านกลับไม่คร่ำครึโบราณส่วนหลิวยวนก็ชื่นชมท่าทางที่ตรงไปตรงมาของต้วนชิงิอีกทั้งความรักที่นางมีต่อน้องชาย สองคนนี้นับได้ว่าเป็พี่น้องที่คอยช่วยเหลือกัน!
ถึงตรงนี้จู่ๆ ก็มีน้ำเสียงเ็าดังแว่วมา
“เหอะๆ เป็พี่ชายและน้องสาวกันหรือ ถ้าใครไม่รู้คงคิดว่าสองคนนี้มีอะไรที่ให้คนอื่นล่วงรู้ไม่ได้มากกว่า!”
น้ำเสียงตำหนิและคำพูดเสียดสีเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะตำหนินาง!
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยต้วนชิงิจึงรู้ได้ทันทีว่าไป๋หย่วนฮ่าวมาแล้ว!
ไม่กี่วันมานี้ยามอยู่ในจวนนางจะเลือกไม่ไปในที่ที่ไป๋หย่วนฮ่าวอยู่ทว่าคาดไม่ถึงว่าวันนี้จะพบอีกฝ่ายเข้าจนได้!
คำพูดคำจาไม่น่าฟังแล้วยังวางมาดเหมือนจะมาสอบสวนนางอย่างไรอย่างนั้น!
แม้นางจะเป็คู่หมั้นหมายของไป๋หย่วนฮ่าวในนามแต่ถ้าของหมั้นหมายยังไม่ได้คุยกัน เื่ของทั้งสองก็ยังไม่นับว่าตกลงเป็ทางการไป๋หย่วนฮ่าวถือดีอะไรมาต่อว่านาง?
เด็กสาวตีหน้านิ่งไม่สนใจไป๋หย่วนฮ่าวเงยหน้ามองไปทางหลิวยวนพลางกล่าวเสียงดัง
“พี่หลิว พี่ก็รู้ว่าท่านพ่อชื่นชมผู้มีความรู้พี่หลิวเองยังเคยช่วยชีวิตต้วนอวี้ นับได้ว่ามีบุญคุณต่อชิงิ อีกทั้งท่านพ่อเป็คนเอ่ยปากให้พี่หลิวอยู่ที่นี่เช่นนั้นพี่หลิวก็เรียกข้าว่าชิงิเหมือนที่ท่านพ่อเรียกก็แล้วกัน!”
ได้ฟังคำพูดของต้วนชิงิหลิวยวนเริ่มรู้สึกตัดสินใจไม่ถูก!
เป็ที่รู้กันว่าชื่อของหญิงสาวนั้นมีเกียรติเป็อย่างมากจะให้เรียกแค่ชื่อนั้นไม่ใช่เื่ง่ายถ้าคนอื่นได้ยินคำพูดนี้เข้าไม่รู้ว่าจะเอาไปพูดให้ชื่อเสียงของนางเสื่อมเสียแค่ไหน!
หลิวยวนอยากจะเอ่ยปากปฏิเสธแต่เมื่อเหลือบมองไป๋หย่วนฮ่าวที่ยืนทำหน้านิ่งและต้วนชิงิที่สีหน้าไม่สู้ดีเขาจึงรู้ว่าไป๋หย่วนฮ่าวทำให้นางไม่พอใจแล้ว
ย้อนนึกถึงเื่เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ต้วนชิงิปกป้องเขาขึ้นมาหญิงสาวตัวเล็กแต่กลับมีจิตใจที่ยิ่งใหญ่ หลิวยวนเรียกชื่อนางออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ชิงิ!”
นางเองก็ตอบรับเสียงดังจากนั้นก็เดินออกจากศาลาไป ตอนนี้เองต้วนอวี้เดินเข้ามาเมื่อเห็นพี่สาวของตนจึงร้องเรียกด้วยความดีใจ
“พี่สาว!” เขาทำความเคารพต้วนชิงิ ไป๋หย่วนฮ่าวและหลิวยวน จากนั้นจึงวิ่งไปหาพี่สาวของตน
หญิงชายมีความแตกต่างกันแม้เื้ัหลังต้วนอวี้และต้วนชิงิจะสนิทกันมากแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นก็ต้องรักษาระยะห่างกับนาง สิ่งนี้ต้วนอวี้ทำได้ดีมาก!
นางพยักหน้ามองน้องชายด้วยความพอใจทั้งหลิวยวนและแม่นมต่างอบรมเขามาเป็อย่างดี
“ต้วนอวี้ วันนี้เ้าทบทวนหนังสือหรือยัง?”
ต้วนอวี้อายุเพียงหกปีก็เริ่มเตรียมตัวอ่านเขียนแล้วเมื่อได้ยินที่ต้วนชิงิถาม เขาจึงท่องอย่างกระอ้อมกระแอ้มออกมาให้นางฟัง
แม้เสียงของต้วนอวี้จะอ้อมแอ้มทว่าแต่ละคำพูดได้ชัดเจนท่องได้อย่างคล่องแคล่วต้วนชิงิได้ฟังก็พอใจเป็อย่างมาก
“เ้าท่องได้เยอะขนาดนี้... เก่งมาก!” ต้วนชิงิขมวดคิ้วเอ่ยอย่างประหลาดใจ
เมื่อได้รับคำชมก็ยิ่งฮึกเหิมเขามายืนตรงหน้านางท่องใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง
“ขงจื้อกล่าวว่า ‘เรียนแล้วกลับมาทบทวนไม่ใช่ความสุขหรอกหรือ? มีเพื่อนมาหาจากแดนไกลไม่ใช่ความสุขหรอกหรือ? คนเราถ้าไม่รู้และไม่แสวงหาจะเรียกว่าบัณฑิตได้อย่างไร?’ ขงจื้อกล่าวว่า ‘ทบทวนความรู้ที่ได้เล่าเรียนและเรียนรู้ของใหม่จึงนับได้ว่าเป็อาจารย์’ ขงจื๊อกล่าวว่า ‘ถ้าเรียนแล้วไม่นำมาคิดวิเคราะห์จะไม่เข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งและไม่สามารถนำความรู้มาใช้ประโยชน์ได้คิดเพ้อฝันแต่ไม่เรียนรู้ก็เหมือนมิได้อะไร’ ”
ต้วนชิงิได้ฟังน้ำหูน้ำตาก็ไหลออกมาด้วยความดีใจนางจับมือน้อยๆ ของต้วนอวี้ไว้แน่น
“ต้วนอวี้น้องพี่ยอดเยี่ยมมาก แต่จะท่องอย่างเดียวนั้นไม่ได้เ้าต้องเข้าใจความหมายด้วย เข้าใจหรือไม่?”
…...
[1]ตำราจงยง เป็ตำราคำสอนของสำนักปรัชญาขงจื้ออีกทั้งใช้สำหรับสอบเข้ารับราชการในสมัยโบราณ