ถึงแม้ว่าปัญหานี้จะได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว แต่ชวีเสี่ยวปอก็ยังคงโมโหอยู่ เพราะเมื่อครู่เขาพลาดเหตุการณ์สำคัญไปตั้งหลายฉาก
ชวีเสี่ยวปอไม่สามารถระบายความโกรธออกมาได้ จึงทำได้เพียงคว้าป๊อปคอร์นใส่เข้าปากไป
ขณะที่เขายื่นมือออกไปอีกครั้งกลับถูกเซี่ยเจิงที่นั่งอยู่ข้างๆ คว้าเอาไว้ก่อน
จากนั้นเซี่ยเจิงก็ดึงมือของเขามาวางไปบนต้นขาของตัวเอง
ชวีเสี่ยวปอ : “......” เมื่อกี้ใครนะที่บอกว่าในโรงหนังมีกล้องวงจรปิด
เดิมทีที่เขาพลาดฉากสำคัญไป แต่เมื่อถูกเซี่ยเจิงจับมือมาวางเอาไว้เช่นนี้ ชวีเสี่ยวปอก็ยิ่งไม่มีกะจิตกะใจที่จะดูภาพยนตร์สักเท่าไหร่แล้ว ในตอนนั้นเองเขาตัดสินใจยกเสื้อคลุมที่วางอยู่บนตักของเซี่ยเจิงขึ้นแล้วสอดมือเข้าไปอย่างรวดเร็ว
แสงไฟหลายสีบนหน้าจอส่องกระทบมายังใบหน้าของเซี่ยเจิง ทำให้ชวีเสี่ยวปอเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขากำลังเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น
ลิ้มรสความสุขจากการหยอกเย้ากัน อีกทั้งยังเป็เพราะมีเสื้อคลุมปกปิดเอาไว้อยู่ ชวีเสี่ยวปอจึงไร้ซึ่งความอายยิ่งกว่าเดิมเล็กน้อย
มือของเขาค่อยๆ ััลูบไล้ไปทีละนิ้ว จนกระทั่งรู้สึกพอใจ ชวีเสี่ยวปอจึงขยับมือเข้าไปในหว่างขา พลางบีบมันไปครั้งหนึ่งอย่างไม่เบาและไม่แรง
“อย่าซน” ในที่สุดเซี่ยเจิงก็ทนไม่ไหวแล้ว พลางพูดขึ้นเสียงทุ้มต่ำ
ชวีเสี่ยวปอจึงไม่ได้ทำอะไรต่อแล้ว แต่มือของเขาก็ยังคงวางอยู่ตรงนั้นตลอด เขาพลางถอนหายใจออกมา จากนั้นจึงนั่งนิ่งๆ จนภาพยนตร์จบลง
กระทั่งเมื่อไฟทั้งหมดสว่างโร่ขึ้นมา ชวีเสี่ยวปอถึงรีบชักมือกลับไปทันที พลางพูดคุยถึงพล็อตเื่ของภาพยนตร์กับเซี่ยเจิงอย่างตื่นเต้น : “กรรไกรอันนั้นคือเบาะแสเหรอ !”
“ใช่แล้ว” เซี่ยเจิงพยักหน้า ไม่ได้รีบลุกขึ้นยืน แต่กลับเหยียดแขนบิดี้เีออกไป “มีฆาตกรแค่คนเดียวที่จับกรรไกรอันนั้น”
ผู้คนเดินออกจากโรงภาพยนตร์ไปเกือบหมดแล้ว ทั้งสองคนถึงค่อยเดินออกไปพลางพูดคุยกันไปด้วย เซี่ยเจิงอยากไปเข้าห้องน้ำ ชวีเสี่ยวปอจึงยืนรอเขาอยู่ด้านนอก
หลังจากเซี่ยเจิงทำธุระเสร็จและกำลังจะล้างมือ ในตอนที่เปิดก๊อกน้ำจู่ๆ ก็ถูกใครคนหนึ่งชนเข้าที่ด้านหลังอย่างจัง
อ่างล้างมือของห้องน้ำค่อนข้างเตี้ย หากจะล้างมือก็ต้องก้มตัวลงไปเล็กน้อย เซี่ยเจิงไม่ทันระวัง ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังเอนตัวล้มไปด้านหน้าอยู่ดี เสื้อด้านหน้าของเขาแนบไปกับขอบอ่างล้างมือ จนทำให้เปียกแฉะไปเกือบทั้งตัว
“ขอโทษ มองไม่เห็น” ถ้าหากในน้ำเสียงของอีกฝ่ายไม่ได้เผยให้เห็นถึงความเจตนา บางทีเซี่ยเจิงอาจจะไม่หันไปมองหน้าเขา
ชายคนนั้นชำเลืองมองเซี่ยเจิงเช่นกัน ท่าทางยิ้มแย้มไม่ได้ดูรู้สึกผิดอะไรเลยแม้แต่น้อย
อ๋อ ชายไม่มีมารยาทในโรงหนังนี่เอง
เนื่องจากผ่าน่เวลาที่คนออกจากโรงภาพยนตร์มาพักหนึ่งแล้ว ในห้องน้ำจึงไม่มีคนแล้วเช่นกัน เซี่ยเจิงเองก็ไม่ได้อยากคาดเดาไปในแง่ร้ายสักเท่าไหร่ว่าชายคนนี้มายืนดักรอพวกเขาอยู่ แต่เดาว่าในตอนดูภาพยนตร์เขาไม่สามารถเถียงชนะได้ และเมื่อบังเอิญมาเจอเซี่ยเจิงที่นี่จึงอยากจะเอาคืนสักหน่อย
ทว่าไม่ต้องไปสนใจการครุ่นคิดเหล่านี้หรอก การกระทำทั้งหมดของเขาสามารถสรุปออกมาได้สองคำว่า
หาเื่
เซี่ยเจิงไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่จ้องมองเขา เมื่อเทียบกับพฤติกรรมของชวีเสี่ยวปอที่มักจะต้องด่าทอออกมาก่อนลงมือ เซี่ยเจิงกลับรู้สึกไม่ชินที่จะทำแบบนั้นสักเท่าไหร่
“มองอะไรฮะ? ” ชายไร้มารยาทจ้องมองเซี่ยเจิงกลับมาโดยไม่มีท่าทีตอบโต้ใดใด คิดว่าเขาอยู่คนเดียวแล้วคงจะไม่กล้า เพราะถึงยังไงชวีเสี่ยวปอก็เป็คนเดียวที่แค้นเคืองเขาตอนดูภาพยนตร์ อีกทั้งมองแวบแรกก็รู้เลยว่าเป็คนที่ไม่อาจหาเื่ด้วยได้ แต่ชายไร้มารยาทกลับคิดว่าเซี่ยเจิงคนนี้ขี้ขลาดจนไม่กล้าพูดอะไรออกมา จึงอวดเก่งยิ่งขึ้นไปอีก “ไอ้เลวนี่ฉันจะบอกอะไรให้นะ วันหลังอย่ายุ่งเื่ชาวบ้าน”
“พูดจบแล้ว? ” เซี่ยเจิงเลิกคิ้ว
“อ๋อ อยากฟังอีก? ” ชายไร้มารยาทคนนี้ตัวเตี้ยกว่าเซี่ยเจิงอย่างน้อยๆ ประมาณศีรษะหนึ่งได้ แต่เพื่อให้ตัวเองดูมีอำนาจ เขาจึงเชิดหน้าสูงขึ้นมา จากมุมของเซี่ยเจิงเมื่อมองลงไปแล้ว มันช่างตลกเสียจริงๆ “ฉันบอกแล้วไง อย่ายุ่งเื่——โอ๊ย !”
คำพูดที่เหลือเขายังไม่ทันได้พูดจบ ทันใดนั้นเซี่ยเจิงก็ยกเท้าขึ้นมาถีบเขาเข้าไปอย่างจัง
………………………….
เซี่ยเจิงแทบจะไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้สวนกลับมา จนกระทั่งแผ่นหลังของชายคนนั้นกระแทกเข้ากับประตูห้องน้ำเขาถึงได้หยุกการกระทำลง ขณะเดียวกันชายคนนั้นก็กัดฟันขึ้นมาด้วยความเ็ป พลางปัดรอยรองเท้าที่เซี่ยเจิงทิ้งเอาไว้บนหน้าอก “ไอ้เลวนี่——”
“พูดให้มันดีๆ หน่อย” เซี่ยเจิงเดินเข้าไป มองเข้าจาก้าลงมา
ชวีเสี่ยวปอที่ยืนรออยู่ด้านนอกได้ยินเสียงดังลั่นขึ้นมาครั้งหนึ่ง เมื่อครู่เขายังคิดอยู่เลยว่า ทำไมเซี่ยเจิงถึงยังไม่ออกมาอีก เพราะยังไงพวกเขาในวัยเพียงเท่านี้ไม่น่าจะมีปัญหาการปัสสาวะบ่อย กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือปัสสาวะไม่สุดอะไรทำนองนี้ แต่เสียงนี้กลับเตือนสติเขาให้รู้ว่าต้องเกิดเื่อะไรขึ้นอย่างแน่นอน
ชวีเสี่ยวปอรีบก้าวเท้าเดินเข้าไปทันที ผลปรากฏว่าเขาไม่เจอตัวเซี่ยเจิง แต่กลับได้ยินเสียงร้องด่าออกมาอย่างเ็ปทรมานจากห้องน้ำห้องหนึ่ง
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และก็ไม่กล้าะโเรียกชื่อเซี่ยเจิงออกไปเช่นกัน ทำเพียงแค่วิ่งเข้าไปตามเสียง ประตูของห้องน้ำถูกปิดเอาไว้อยู่ ชวีเสี่ยวปอกำลังจะเอื้อมมือไปดึง แต่ก็ถูกคนด้านในผลักออกมาซะก่อน
เซี่ยเจิงกำมือแน่นเดินออกมา เสื้อผ้าของเขาเปียกเลอะไปด้วยน้ำ
ในห้องน้ำมีคนนอนฟุบอยู่ที่พื้น ศีรษะอยู่ใกล้กับชักโครก ทั้งยังร้องไห้ออกมาอย่างน่าเวทนา
ชวีเสี่ยวปอ : “ ? ? ? ”
เซี่ยเจิงมองเขาพลางเอ่ยขึ้นเสียงเบาว่า : “ไม่มีอะไร”
ชายไร้มารยาทเหลือบมองพวกเขาสองคน พร้อมทั้งใช้มือทั้งสองข้างยันพื้นเอาไว้พยายามที่จะลุกขึ้นมา ผลปรากฏว่าเขากลับลื่นล้มหัวคะมำลงไปอีกครั้ง “พวกนายสองคนมันอันธพาลชัดๆ ! ฉันจะแจ้งความ! ”
“เชิญ” คำขู่นี้ไม่มีความหมายอะไรกับเซี่ยเจิงเลยสักนิด ตรงกันข้ามคำว่า “พวกนาย” สองคำนี้ทำให้ความโกรธของเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง การอ้างถึงชวีเสี่ยวปอทำให้เซี่ยเจิงไม่พอใจเป็อย่างมาก เขาที่เพิ่งจะเดินออกมา หันหลังกลับเข้าไปเตะก้นชายคนนั้นไปทีหนึ่ง “อย่าลืมพูดให้ชัดด้วยล่ะว่าใครมันเป็คนเริ่มก่อน”
ทั้งสองคนเดินออกจากโรงภาพยนตร์มา เดิมทีชวีเสี่ยวปอเดินอยู่ด้านหลังเซี่ยเจิง แต่ในตอนที่พ้นประตูมากลับเดินแซงขึ้นมาสองก้าว ทั้งยังเบียดขึ้นไปอยู่หน้าเขา
เซี่ยเจิงที่ไม่รู้ถึงสาเหตุกำลังจะหลบทางให้เขา ผลสุดท้ายชวีเสี่ยวปอไม่ได้รีบเดินต่อไปแล้ว แต่กลับขยับเข้ามายื่นแนบชิดกับเซี่ยเจิงจากด้านหน้าแทน
เซี่ยเจิงถาม : “นี่นายทำอะไรเนี่ย? ”
“เสื้อนายเปียกหมดแล้ว ข้างนอกมันมีลม ถ้าพัดโดนเข้าเดี๋ยวนายจะเป็หวัดเอา” ชวีเสี่ยวปอยืนอยู่ด้านหน้าเขา ทั้งยังใกล้มากเลยด้วย
เซี่ยเจิง : “......” เป็อะไรที่ซาบซึ้งสุดๆ เลย
ทั้งสองคนเดินไปข้างหน้าราวกับเป็ฝาแฝดตัวติดกัน ถึงอย่างไรเวลานี้บนถนนก็มีเพียงแค่ไม่กี่คนแล้ว เมื่อเดินออกไปได้สักพักชวีเสี่ยวปอถึงพูดขึ้นมาว่า : “นายกดหัวเขาจุ่มลงน้ำไปเลยเหรอ? ”
เซี่ยเจิงตอบรับไป “เขาวอนหาเื่เอง”
“รู้แล้ว” ชวีเสี่ยวปอถอนหายใจออกมา ไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาอย่างเศร้าใจเล็กน้อย : “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าทุกครั้งที่เราสองคนออกมาเดทกันถึงไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่เลย”
จริงด้วย
เซี่ยเจิงนึกย้อนกลับไปคร่าวๆ ในบรรดาประสบการณ์การไปเดทที่นับครั้งได้ของพวกเขาสองคน มีครั้งที่เป็ไปด้วยความราบรื่นน้อยมาก เพราะอย่างน้อยต้องมีปัญหาเกิดขึ้นสักอย่าง จึงจะถือว่าจบอย่างสมบูรณ์แบบ
“ครั้งหน้าอยู่บ้านฉันไหม” เซี่ยเจิงยื่นมือออกไปจิ้มบนหลังคอของชวีเสี่ยวปอ “แบบที่เราสองคนนั่งจ้องตากัน รับรองว่าไม่มีใครมารบกวนแน่นอน”
“นายว่า์กำลังทดสอบพวกเราอยู่หรือเปล่านะ? ” ชวีเสี่ยวปอพูดโพล่งขึ้นมา “เรียกว่าอะไรนะ ไม่มีพายุโหมกระหน่ำ แล้วจะเห็นสายรุ้งได้ยังไง ใช่ไหม”
เซี่ยเจิง : “......” ดูไม่ออกเลยนะเนี่ยว่า เขาจะเป็คนที่เวอร์มากขนาดนี้
แล้วชวีเสี่ยวปอก็พูดเองเออเองขึ้นมาอีกครั้ง : “ถ้าได้เห็นสายรุ้ง แล้วจะต้องผ่านอุปสรรคมากขึ้นอีกหน่อยฉันก็ไม่เป็ไร”
ทันใดนั้นหัวใจของเซี่ยเจิงก็เต้นรัวขึ้นมาทันที
ฟ้าดินไม่เคยกลัว แต่กลับกลัวคนติงต๊องบอกรัก
เอ้ย ไม่ใช่ แฟนบอกรัก
เซี่ยเจิงโอบกอดเขาไว้ พร้อมทั้งกดจูบลงไปบนหลังศีรษะของชวีเสี่ยวปอ
“ฉันก็ด้วย”
ชวีเสี่ยวปอเอี้ยวหน้าหันกลับมามองเขา พลางถามขึ้นว่า : “อะไรเนี่ย ผมฉันไม่ทิ่มปากนายเหรอ? ”