หากเ่ิูเป็แค่เด็กหนุ่มสุดแสนจะธรรมดาแล้วล่ะก็ ถึงเขาจะมีเข็มประทับติดไว้ กำลังจะคุกคามใครก็ไม่มีทางมากมาย ในทางเดียวกัน หากเ่ิูเป็แค่ศิษย์ของสำนักกวางขาวธรรมดาๆ เช่นนั้นการจะทำผิดก็ไม่ใช่เื่น่ากลัวอะไร ทว่าหากเด็กหนุ่มผู้นี้เป็ทั้งศิษย์กวางขาวและเป็ผู้สืบทอดเข็มประทับด้วยล่ะก็ ทั้งสองอย่างหลั่งรวมกัน น่าครั่นคร้ามพิลึกเลย
คนแบบนี้ จะเติบโตในไม่ช้าก็เร็ว
แม้กระทั่งตอนนี้ กองพลทิศเหนือทั้งกองพลยังทำอะไรเขาไม่ได้ อย่าว่าแต่ตนสามคนเลย
ในสายตาประชาชนคนธรรมดาทั่วไป...ไม่สิ แม้แต่พวกพาณิชย์ร่ำรวยชั้นกลางจะมองว่า พวกเขาทั้งสามเป็บุคคลตำแหน่งใหญ่โต ทว่าต่อหน้าเข็มประทับของเ่ิูแล้ว ฐานะชายชาติทหารเช่นพวกเขาก็ดูด้อยค่าไปเลย
เกิดมาเป็ทหาร กลับทำผิดต่อผู้สืบทอดตราแห่งการทหารของแว่นแคว้น ใต้หล้านี้ไม่มีเื่ไหนโง่เง่าเท่านี้อีกแล้ว
บัณฑิตผู้นี้จึงได้ปั้นหน้าเช่นนี้ น้ำคำเต็มด้วยมิตรไมตรี
เขารู้ดี ว่าพวกตนสามคนถูกคนบางกลุ่มเอามาเป็ดาบแรก เพื่อจะลองเชิงเ่ิู หรือไม่ก็เพื่อสาเหตุอื่น สุดท้ายสภาพการณ์ตอนนี้ก็โชคร้ายหล่นทับ ต้องหาวิธีปะต่อความสัมพันธ์กับเ่ิูให้จงได้ ถึงจะมีประโยชน์
เ่ิูฟังคำแล้วสีหน้าก็ยังนิ่งสงบ
สี่ปีก่อน ลัวจิ้นและพรรคพวกยึดกิจการของบ้านตระกูลเย่ไปชนิดไม่ไว้หน้า แทบจะเรียกได้ว่ายึดด้วยกำลังอย่างเปิดเผย เื่ที่ขัดต่อกฎหมายอาณาจักรเสวี่ยนี้กลับไม่มีการสืบเสาะหามูลความจริง เป็ที่ชัดเจนว่าลำพังฐานะของพวกลัวจิ้นเป็แค่ลูกกะจ๊อกและพาณิชย์รวยธรรมดาเท่านั้น การจะทำถึงขั้นนั้นได้ต้องมีใครสนับสนุนอยู่เื้ัแน่
คิดไปคิดมาสี่ปีมานี้ ทรัพย์สินทั้งหมดที่กิจการตระกูลเย่ทำได้ ลัวจิ้นและคนอื่นคงได้ส่วนหนึ่ง คนเื้ันั้นต้องได้มากกว่าหลายเท่า
คนที่ทำได้ถึงขั้นนี้ หากมิใช่ทหาร ก็ต้องเป็ชนชั้นสูง
“ข้าไม่สนว่าพวกเ้าจะรับคำสั่งใครให้มาหนุนหลังลัวจิ้น แล้วก็ไม่สนว่าสี่ปีก่อนเกิดอะไรในกอไผ่ จากวันนี้เป็ต้นไป กิจการทุกอย่างของตระกูลเย่จะต้องกลับคืนสู่ตระกูลเย่ หากมีใครยังไม่ยอมตายใจ ยังต่อต้านขัดขวางอยู่เื้ั ข้าก็ไม่กลัวที่จะทำให้เป็เื่ใหญ่ ตระกูลเย่ตอนนั้นได้หลั่งเืไปแล้ว เพราะเหตุนั้น...” เ่ิูเคาะนิ้วกับโต๊ะเบาๆ แล้วเอ่ยอย่างสงบ “ตระกูลเย่วันนี้ ก็ไม่กลัวการหลั่งเืเช่นกัน”
วาจาช่างสงบนิ่ง
ทว่าทุกชีวิตกลับรู้สึกถึงปณิธานและการตัดสินใจอันแน่วแน่ไม่หวั่นเกรง ดั่งเหล็กหินจากน้ำเสียงอันราบเรียบนั่น เป็หทัยวรยุทธ์ที่ไม่คิดประนีประนอม
กระทั่งชายจมูกเหยี่ยวยังหมดรังสีอาฆาตโดยสิ้นเชิง
“คุณชายโปรดวางใจ ข้าและพี่น้องข้า จากนี้ไม่ว่าเื่ใดก็ตามที่เกี่ยวกับเื่ตระกูลเย่ ทหารแห่งทิศใต้จะไม่ถามใดๆ อีก” เขาก้มหน้าแสดงความปรารถนาดี หลังจากนั้นก็พาทหารใต้บังคับบัญชาหันกายเดินจากไป ไม่มีความลังเลหลงเหลืออีกแล้ว
เขาเป็แค่นายทหารยศกลางในกองพล ไม่อาจพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้ในมือเดียว แม้จะมีฐานะเป็ทหารแต่ทว่ามิใช่ชนชั้นสูง ไม่มีตำแหน่ง และเขายังเป็ทหารผู้หนึ่ง โดยเฉพาะต่อหน้าคนผู้มีเข็มประทับการทหารนั้น เขาไม่อาจกำเริบเสิบสานได้แม้แต่นิดเดียว
เมื่อมองอวี้ลัวเชิ่งและคนอื่นๆ จากไปแล้ว ห้องโถงใหญ่ของชั้นสามก็เงียบสงัดไปหนึ่งพักเต็มๆ
ยังมีบางคนที่สติยังไม่กลับเข้าร่าง
มีบางคนเริ่มตอบสนองแล้ว คอแห้งผากยากจะกลืนน้ำลายได้ลง ส่งสายตาผสมกันระหว่างกลัวและอึ้ง มองไปยังเ่ิูผู้นั่งเอนอิงซี่กรงหน้าต่าง กายอาบแสงสีทองของตะวันยามเช้านิ่ง
และมีบางคนรู้สึกถึงความผิดอันไม่น่าให้อภัย เหมือนจะไม่มีชีวิตอยู่ดูอาทิตย์ยามรุ่งพรุ่งนี้อีกแล้ว
เช่นลัวจิ้น
พาณิชย์ที่ย่ามใจว่าจับเ่ิูไว้ในกำมือได้แน่นอนั้แ่เริ่ม บัดนี้หน้าตาน่าเกลียดเหมือนหนูเน่าไม่มีผิดเพี้ยน เขาพยายามแค่นยิ้มออกมา ทว่ากลับน่าแขยงยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก
“คุณชายเย่ ข้า...” ลัวจิ้นคุกเข่าลงพื้นดังตุบ
ในที่สุดเขาก็เข้าใจถึงความเขลาและน่าขำของตัวเอง และก็ได้เข้าใจว่าในโลกที่เคารพผู้แข็งแกร่งเป็เ้านี้ ศิลปะการยืมอำนาจสร้างกระแสควบคุมจิตใจคนที่เขาเคยภูมิใจนักหนา ในสายตาของผู้แข็งแกร่งและชนชั้นสูงแท้จริงแล้ว ไม่มีค่าอะไรเลย
การคุกเข่าครานี้ดั่งสะท้อนความล้มละลายหมดรูปของตัวเอง
เ่ิูเหลือบมองลัวจิ้น มองใบหน้าที่น้ำตาหลั่งร่วงเป็สายนั่น ในสมองพลันระลึกถึงตนเองยามเยาว์วัยอย่างไม่อาจห้าม คนๆ นี้ทำดีต่อหน้าพ่อแม่เขา และโอบอ้อมอารีต่อเขา รอยยิ้มเสแสร้งแกล้งทำเป็ดีตอนซื้อของขวัญทุกชิ้นให้เขา...
“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ทะเยอทะยานไม่สิ้นสุดงั้นสินะ!” เ่ิูถอนหายใจแ่เบา
เสียงถอนหายใจนี้ทำให้ทั้งหวางโหยวเต๋อและถงิถังกลัวจนเข่าอ่อน คิดไปว่าเ่ิูกำลังจะฆ่าตัวเอง จึงคุกเข่าอ้อนวอนขอชีวิต
“คุณชายเย่ พวกข้าผิดไปแล้ว...”
“ไว้ชีวิตพวกข้าด้วยเถิด!”
“ข้ายินดีจะคืนร้านมู่หรงให้ท่าน คืนให้ทั้งหมดเลย...”
“เมี่ยวอวี้ต่อจากนี้เป็ของท่าน คุณชายเย่โปรดเมตตาไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้า...”
ทั้งสองคำนับประหนึ่งสากตำกระเทียม
เ่ิูไม่พูดอะไร สายตามองไปยังเนี่ยอิ่น
เนี่ยอิ่นผู้เกิดมาเป็นักยุทธ์ มีรังสีกล้าหาญอย่างที่ลัวจิ้นและคนอื่นซึ่งเป็พ่อค้าไม่มี ครานี้แม้จะตื่นกลัวมากทว่าก็ยังยืดคอกัดฟัน ้าจะเจรจาต่อรอง...
“ได้ เ้าชนะแล้ว ถ้าเ้ายอมรับเงื่อนไขของข้า ทิงเทาซวนก็จะได้กลับคืนสู่ตระกูลเย่...” เนี่ยอิ่นว่าทั้งกัดฟัน
พูดยังไม่ทันขาดคำ
มุมปากเ่ิูยกขึ้นเป็ยิ้มะเื
พริบตาต่อมา เงาร่างพาดผ่านในสายตาทุกคนราวกับฟ้าแลบ สายลมระบือกาย ลัวจิ้นรู้สึกเหมือนเงาคนแวบผ่านั์ตาเขาไป ยังไม่ทันตอบโต้ก็ได้ยินเสียงโอดร้องของเนี่ยอิ่นจากด้านหลัง...
พวกเขาหันหลังกลับไปมอง
และภาพตรงหน้าก็ทำให้ลัวจิ้นเบิกตาโพลง
เนี่ยอิ่นที่ในสายตาพวกเขาทั้งพลังแข็งแกร่งและผยองนักบัดนี้ถูกเ่ิูตบเข้าที่ตันเถียนทีเดียว พลันมีหมอกที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าหลบหนีออกมาจากในร่าง เสียงดังเปรี๊ยะๆ เหมือนข้าวโพดคั่ว...
“อา เ้า...ทำลายกำลังภายในของข้า เ้า...” เนี่ยอิ่นค่อยๆ ล้มลงไปเสมือนลูกโป่งลมแตก หน้าทรุดโทรมเทาทึบ แววตาทั้งสิ้นหวังและเกลียดชัง
เ่ิูเก็บฝ่ามือ
“นี่แค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ยึดกิจการตระกูลเย่อย่างขันแข็งมานานขนาดนี้ ก็ควรจะมีค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายกันบ้าง ปกติเ้าก็ชอบใช้พลังวรยุทธ์หลอกชาวบ้านไปทั่วอยู่แล้วนี่ วันนี้ถูกทำลายวรยุทธ์ ข้าว่าคนนับไม่ถ้วนคงเห็นดีเห็นงามด้วยมากกว่า...”
“เ้ามันโเี้...” เนี่ยอิ่นชี้นิ้วไปที่เ่ิู
“โเี้หรือ?” เด็กหนุ่มส่ายหน้าตอบ “เทียบกับที่เ้าทำต่อตระกูลเย่เมื่อตอนนั้นแล้ว ยังน้อยกว่ากันเยอะน่า...ข้าไม่ใช่เด็กชายที่ใครจะหลอกอย่างไรก็ได้เหมือนตอนนั้นแล้วนะ” เ่ิูเยื้องย่างกลับข้างหน้าต่างช้าๆ “เ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า?”
ลัวจิ้นและคนอื่นกลัวจนหน้าถอดสี เหงื่อเย็นไหลพลั่กๆ
วิธีการของเ่ิูตรงไปตรงมาและโหดร้ายยิ่ง
สูญสิ้นกำลังภายในก็เท่ากับสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกๆ วันเนี่ยอิ่นเอาแต่ระรานไปทั่ว มีศัตรูคู่แค้นมากมาย ตอนนี้สูญเสียวรยุทธ์สิ้น หากข่าวสะพัดออกไปคงได้ตายทั้งเป็ในไม่ช้า
เด็กหนุ่มคนนี้จะทำอย่างไรกับพวกเขาเล่า?
ลัวจิ้นและพรรคพวกใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เสมือนนักโทษรอคำพิพากษา หากย้อนเวลากลับไปได้อีกครั้ง พวกเขาจะไม่มีวันไปทำผิดต่อตระกูลเย่เป็อันขาด
“ข้าก็ไม่อยากทำเกินไปนัก ส่งกิจการของตระกูลเย่ทุกอย่างคืนมา ทุกคนต้องจ่ายข้าหนึ่งแสนสองหมื่นตำลึง บุญคุณและความแค้นทุกอย่างของพวกเ้าที่มีต่อตระกูลเย่ถือเป็อันหักล้าง หลังจากนี้หากพวกเ้าไม่มายั่วยุข้า ข้าก็จะไม่ไปทำอะไรพวกเ้า” เ่ิูเคาะนิ้วกับโต๊ะพลางเอื้อนเอ่ยเบาๆ
“ข้ายินดี ข้ายินดี...” ถงหมินถังเป็คนแรกที่ชิงตอบก่อน
ลัวจิ้นกับหวังโหยวเต๋อยังลังเล ด้วยการฮุบกิจการของตระกูลเย่ในสี่ปีมานี้ทำรายได้ประมาณหนึ่งแสนสองหมื่นตำลึงดังว่าจริงๆ แต่หากจ่ายออกไปหมดก็เท่ากับว่าต้องขูดเืเนื้อตัวเองกินในภายภาคหน้า ทว่าหากไม่จ่าย...
พอคิดถึงจินชื่อเหรินกับเนี่ยอิ่นเป็ตัวอย่างแล้ว พวกเขาไม่กล้าขัดแย้งแม้แต่นิดเดียวอยู่แล้ว
เื่แบบนี้ มันถูกกำหนดมาตายตัวไว้แล้วปะไร
เ่ิูได้อยู่ต่ออีกไม่ถึงสามสิบนาที รอลัวจิ้นเ้ากรรมเขียนชื่อและประทับลายมือบนข้อตกลงอักขระทุกข้อ เื่อื่นๆ เขาได้มอบให้ถังซานจัดการต่อ
สำหรับถังซานแล้ว ครั้งนี้เป็ทั้งโอกาสและบททดสอบ
หากเขาสามารถจัดการเื่ยุ่งยากนี้ให้ออกมาสวยงามได้ เช่นนั้นหลังจากนี้ไม่ว่าจะเื่อันใดก็ตาม เ่ิูก็จะสามารถวางใจใช้เขาทำได้ หากความสามารถไม่พอ เ่ิูอาจพิจารณาเปลี่ยนผู้จัดการบ้านหมายเลขสองเป็คนใหม่ก็ได้ใครจะรู้
สำหรับเหตุที่ทำไมถึงเชื่อใจหนุ่มรุ่นอายุราวสิบห้าสิบหกผู้นี้นัก เ่ิูเองก็ยังตอบได้ไม่ชัด อาจเป็เพราะตนยังเพิ่งอายุได้สิบสี่ปีเท่านั้นกระมัง
และอีกด้านหนึ่ง การได้โอกาสนี้มาก็ทำให้ถังซานตื่นเต้นยินดีจนลิงโลด ทว่าก็คุมตัวเองไม่ให้ลิงโลดออกมา อดทนความรู้สึกปลุกเร้าในใจแล้วแสดงออกมาให้ดูแน่นหนักอย่างเต็มความสามารถ เมื่อส่งเ่ิูกลับแล้ว เขาก็เริ่มจัดการเื่ที่เหลือ
ลิวจิ้นผู้ถูกเ่ิูทำสิ้นไร้ไม้ตอกเรียบร้อยก็ไม่กล้าก่อหวอด ให้ความร่วมมืออย่างเต็มกำลัง
...
แสงอาทิตย์ด้านนอกโรงเตี๊ยมมธุรส์ เปลี่ยนเป็โชติ่ร้อนแรงเต็มที่
อากาศหลายวันมานี้สบายยิ่งนัก ย่อมทำให้คนรู้สึกสบายไปด้วย
ทว่าชาวเมืองลู่ิรู้ดี ว่าวันคืนเช่นนี้เป็่ปลายของเวลาที่ดีที่สุดแห่งปีแล้ว อีกไม่ช้าอาณาหลายพันลี้ก็จักถูกปกคลุมด้วยลมหนาวและหิมะแห่งเหมันตฤดู
เ่ิูจูงมือเสี่ยวฉ่าวเดินลงจากบันได เหล่าคนที่ท่าทางดุร้ายป่าเถื่อนเหมือนหมาป่า บัดนี้กลับก้มหัวเชื่องประหนึ่งลูกแกะ ราวกับกำลังถวายความเคารพแก่าา
เด็กหนุ่มให้เสี่ยวเอ้อร์ห่ออาหารเลิศรสไว้ เตรียมจะนำไปฝากเป็ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ แก่น้าหลัน
เสี่ยวฉ่าวหิ้วกล่องข้าวเดินออกนอกประตูไป ราวกับบุปผาผลิบานยามเดือนสาม
ทว่าเมื่อเ่ิูเดินออกมาแล้ว กลับชะงักเล็กน้อย
ชายชาตรีสวมชุดสีม่วงอ่อนยืนอยู่ปากประตูโรงเตี๊ยม ราวกับกำลังรอใครบางคน คอเสื้อปักเป็รูปัเกล็ดทองสมจริงราวกับมีชีวิต เมื่ออยู่ภายใต้แสงอาทิตย์แล้ว จึงเด่นสะดุดตาจนใครก็ต้องเหลียวมอง
เมื่อบุรุษทั้งหกมายืนจังก้าอยู่หน้าประตูเช่นนี้ คนผ่านไปผ่านมาก็ได้แต่รีบเดินอ้อมให้พ้นไป
คนจากกลุ่มสองนทีก็มาด้วยหรือ?
เ่ิูคาดไม่ถึงเล็กน้อย