แม้แต่เจียงเฉินเองก็ยังไม่คิดเลยว่าทักษะร่างแปลงัจะทรงอำนาจถึงเพียงนี้ ทำการบ่มเพาะพลังเพียงแค่สี่ชั่วโมง เขาสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับถัดไป สู่ขอบเขตฉีจิงระดับเก้า
นอกจากนี้ พลังหยวนของเขาเพิ่มพูนมากขึ้น ร่างกายของเขาแกร่งกล้าขึ้นกว่าก่อนหน้า และด้วยเหตุนี้ทำให้การโจมตีและการป้องกันของเขาพัฒนาขึ้นมาก
ในขณะที่ทำการบ่มเพาะทักษะร่างแปลงั พลังหยวนภายในร่างของเจียงเฉินได้แยกออกเป็สองสายอีกครั้ง พลังหยวนทั้งสองสายได้เริ่มไหลไปยังจุดตันเถียนและเริ่มสร้างตราประทับัสีแดงขึ้นอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม สีของตราประทับัยังคงห่างไกลจากสีสดใส เพียงแค่คิด ตราประทับัสีซีดเซียวเริ่มสั่นะเือย่างรุนแรง ทำให้พลังอันกล้าแกร่งพวยพุ่งออกมา
ฮ่าห์!
เจียงเฉินะโออกมาขณะที่ปล่อยหมัดออกมาอย่างรุนแรงทำให้เกิดเสียงดัง 'ตูม' ขึ้นมา
'เยี่ยม พลังของหมัดของข้ามีถึงห้าพันจินแล้ว แม้ว่าตราประทับัดวงแรกยังสร้างไม่เสร็จทีก็ตาม เมื่อมันได้สร้างเสร็จสมบูรณ์ ข้าจะมีพลังหมัดถึงหนึ่งหมื่นจิน โดยที่ผู้ฝึกตนฉีจิงระดับเก้ามีพลังหมัดเพียงแค่สามพันจิน และอัจฉริยะอย่างมากก็ทำได้สูงถึงสี่พันจิน การที่ข้าทำการบ่มเพาะทักษะร่างแปลงัทำให้พลังหมัดของข้ามีถึงห้าพันจิน นี่มันช่างน่ากลัวยิ่งนัก'
ห้าพันจิน เป็พลังที่น่าเหลือเชื่อสำหรับผู้ที่อยู่ในขอบเขตฉีจิงระดับเก้า ด้วยเหตุนี้ ทำให้ไม่มีใครในขอบเขตฉีจิงที่สามารถเทียบกับเจียงเฉินได้
เขาหายใจเข้าลึก เจียงเฉินหยุดการบ่มเพาะ เขารู้เป็อย่างดีในเื่การบ่มเพาะ และรู้ความสำคัญของการปูรากฐาน บนเส้นทางแห่งการฝึกตน เขาจะต้องก้าวไปทีละก้าวแทนที่จะเร่งรีบ เขาได้เริ่มทำการฝึกฝนทักษะร่างแปลงั และเขาได้สร้างตราประทับัเกือบสมบูรณ์ นี่เกินพอที่ทำให้เขาพึงพอใจใน่เวลานี้
ในการบ่มเพาะของผู้ฝึกตนจักต้องใช้ทรัพยากรมากมายมหาศาล สมุนไพร โอสถ และทรัพยากรอื่นๆ พวกเขาจำเป็ต้องมีมัน ทักษะร่างแปลงัทำให้เจียงเฉินสามารถที่จะดูดซับสายเืใดๆในโลกได้ สายเืที่ทรงพลังบางอย่าง ที่ได้มาจากสัตว์ร้ายาบางประเภทก็อาจมอบความสามารถพิเศษบางอย่างให้อีกด้วย
'ข้าได้ตกตายมาแล้วกว่าร้อยปี มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นใน่ที่ข้าจากไป หากว่าความทรงจำของข้าไม่ผิดพลาด เมืองเทียนเซียงเป็เพียงแค่เมืองเล็กๆในแคว้นฉี ข้าสงสัยนักว่ามันอยู่ห่างไกลจากทวีปศักดิ์สิทธิ์ถึงเพียงใด'
เขาคิดในใจ แม้ว่าครั้งหนึ่งเขาเป็ถึงนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ เขาไม่ได้คุ้นเคยกับแคว้นฉีนัก ในโลกต้นกำเนิดเซียนปกคลุมด้วยเนื้อที่กว้างใหญ่ไพศาล และไม่มีผู้ใดรู้ว่ามันใหญ่โตถึงเพียงใด เมื่อเทียบแล้วแคว้นฉีเป็เพียงแคว้นเล็กๆแคว้นหนึ่งเท่านั้น
'ไปศึกษาที่ห้องตำราดีกว่า พ่อข้าเป็เ้าเมืองแห่งเมืองเทียนเซียง เขาคงมีตำราเกี่ยวกับโลกต้นกำเนิดเซียนอยู่บ้างล่ะ เื่ของข้าที่ตัดเบิกประตูสู่โลกแห่งเซียนด้วยดาบน่าจะเป็ข่าวใหญ่ ทุกๆคนรวมถึงคนของเมืองเทียนเซียงคงได้ยินมัน'
เขาคิดในใจ เจียงเฉินออกจากห้องและเดินตรงไปยังห้องตำรา
คนทั่วๆไปจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปยังห้องของเ้าเมือง ที่นั่นไม่เพียงแค่มีตำราที่เจียงเจิ้นไห่โปรดปราน ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีตำรายุทธเก็บอยู่ที่นั่นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เจียงเฉินมิใช่คนธรรมดาสามัญ เขาเป็บุตรชายของเ้าเมือง เขาสามารถไปที่ไหนก็ได้ในคฤหาสน์เ้าเมือง
เจียงเฉินไม่ได้สนใจม้วนตำราทักษะยุทธ เขามุ่งตรงไปยังตำราประวัติศาสตร์เกี่ยวกับโลกต้นกำเนิดเซียนและอ่านมัน
ตำราประวัติศาสตร์ที่เขาอ่านมีบันทึกเหตุการณ์สำคัญต่างๆที่เกิดขึ้นในโลกต้นกำเนิดเซียน รวมถึงข้อมูลภูมิศาสตร์ ซึ่งเป็สิ่งที่เจียงเฉินจำเป็ต้องรู้ในตอนนี้
อ่านในบทแรกของตำรา เจียงเฉินอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ในหน้าแรกที่บันทึกกล่าวถึงนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ในใต้หล้าได้ใช้ดาบตัดเบิกประตูสู่โลกแห่งเซียนเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน แต่ช่างน่าเศร้าที่เขาได้ร่วงหล่นเมื่อหนึ่งร้อยปีที่แล้ว
เมื่อร้อยปีก่อน เจียงเฉินได้พยายามจนเืนักบุญหยดสุดท้ายหาไม่ ตัดเบิกประตูสู่โลกแห่งเซียนก่อนที่จะจากไปที่หน้าผาเซียน สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเป็สิ่งที่เขาไม่รู้
ตามประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ ใน่ร้อยปีหลังจากที่เขาตายไป มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่โลกต้นกำเนิดเซียน หลังจากตัดผ่านเบิกประตูสู่โลกแห่งเซียนแล้ว เซียนคนอื่นๆทั้งหมดที่ได้อยู่มายาวนานได้ถือโอกาสนี้ได้ตัดผ่านเข้าประตูจนหมดสิ้นไม่มีผู้ใดหลงเหลืออยู่อีก
ในขณะที่เซียนที่ทำการพิทักษ์และบริหารจัดการได้ตัดผ่านไป ทั่วทั้งโลกได้ตกสู่ความยุ่งเหยิง มารและปีศาจร้ายได้ปรากฎตัวขึ้นทุกหนแห่ง และการต่อสู้ชิงดีชิงเด่นระหว่างพรรค,นิกายได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นและมีตระกูลโบราณบางตระกูลได้ถูกกวาดล้างไป เมื่อมีตระกูลโบราณบางตระกูลหายไป ก็จะมีตระกูลใหม่ปรากฎขึ้น
ช่างน่าเสียดายที่ตำราเล่มนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับทวีปศักดิ์สิทธิ์อยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และข้อมูลเล็กน้อยที่มีก็ยังคลุมเครืออีก เจียงเฉินไม่สามารถหาบันทึกใดๆเกี่ยวกับพรรค นิกายที่เลื่องชื่อหรือสุดยอดผู้เชี่ยวชาญคนใดได้ ยุคของเขาได้หมดไปแล้ว และสำหรับเขาแล้ว นี่เป็การเริ่มต้นใหม่
ในโลกต้นกำเนิดเซียนมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลไร้ขีดจำกัด มันแบ่งออกเป็ห้าทวีปด้วยกัน ทวีปตะวันออก ทวีปตะวันตก ทวีปใต้ ทวีปเหนือ และทวีปที่รุ่งเรืองที่สุดคือ ทวีปศักดิ์สิทธิ์
ในชีวิตที่แล้วของเจียงเฉิน เขาอยู่ในทวีปศักดิ์สิทธิ์
เมือเทียนเซียงตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบทของแคว้นฉี มันเป็เมืองเล็กๆเมื่อเทียบกับทวีปตะวันออก ไม่ต้องเอ่ยถึงทวีปอื่นๆในโลกต้นกำเนิดเซียน
ในทวีปตะวันออกแบ่งออกเป็ยี่สิบแปดแคว้น แคว้นฉีเป็หนึ่งในนั้น ส่วนเื่อันดับ ในตำราไม่มีระบุไว้
'ทวีปตะวันออกมียี่สิบแปดแคว้นงั้นรึ หนทางของข้ายังอีกไกล'
บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มประดับ เขาปิดตำรา เจียงเฉินรู้ว่าสักวันหนึ่งเขาจะกลับไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็สถานที่ซึ่งทุกคนใฝ่ฝันที่จะได้ไป นี่เป็ชีวิตที่สองของเขา และเขา้าขึ้นสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง และก้าวเข้าสู่โลกะ
มองไปยังนอกหน้าต่าง เจียงเฉินตระหนักได้ว่าท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เขามีสมาธิจดจ่อมากเกินไปยามบ่มเพาะและการอ่านตำราประวัติศาสตร์ทำให้เขาหลงลืมเวลาไป
"ท่านพ่อคงไม่ได้ตามหาข้าหรอกนะหลังจากที่ส่งท่านลุงมู่หรงกลับไป"
รอยยิ้มด้วยความประหลาดใจเผยออกมา เขารู้ว่าเจียงเจิ้นไห่จะต้องมาหาเขาในสิ่งที่เขาทำลงไปในห้องโถงหลักในวันนี้ มันน่าแปลกที่บิดาเขายังไม่มาหาเขาที
ความจริงแล้ว เจียงเจิ้นไห่ได้มาหาเจียงเฉินรอบหนึ่งแล้ว แต่เขาประหลาดใจที่สาวใช้บอกเขาว่าบุตรชายเขาไปยังห้องตำรา ในสิบห้าปีมานี้ นี่เป็ครั้งแรกที่เจียงเฉินย่างก้าวสู่ห้องตำรา เจียงเจิ้นไห่ไม่้ารบกวนในการเปลี่ยนแปลงในด้านดีเช่นนี้
เขายืนขึ้นจากจุดที่เขาอยู่ ภารกิจต่อไปของเจียงเฉินคือต้องไปพบกับใครบางคน คนผู้นั้นคือ เจียงลู่หรง
เขารู้ว่าเจียงลู่หรงไม่้าที่จะแต่งงานกับมู่หรงเสี่ยวโหรวและแต่งเข้าตระกูลมู่หรง เขามั่นใจเพราะพวกเขาต่างเป็บุรุษ มันง่ายมาก หากว่าเขาสลับร่างกับเจียงลู่หรงและให้เลือกระหว่างฆ่าตัวตายกับแต่งงานกับมู่หรงเสี่ยวโหรว เช่นนั้นเขาเลือกฆ่าตัวตายเสียดีกว่า
พรุ่งนี้เป็วันจัดพิธีแต่งงาน และหากการคาดเดาของเขาถูกต้อง เจียงลู่หรงจะมาฆ่าเขาในคืนนี้
สำหรับคนอย่างเจียงลู่หรง จะให้ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดสูญเปล่านั้น มันคงยอมรับไม่ได้ง่ายๆ ตัวมันเกลียดชังเจียงเฉิน และเกลียดทุกๆคนที่อยู่ในคฤหาสน์เ้าเมือง ด้วยพร์ของมันแล้ว มันสามารถที่จะมีชีวิตที่ดีได้แม้กระทั่งออกจากครอบครัวของเ้าเมือง
เจียงเฉินจะไม่ยอมหล่อยให้ศัตรูหลบหนีไปได้ พวกมันจะต้องเป็ศัตรูที่ร้ายกาจต่อเขาในอนาคต
เมื่อเขาออกจากห้องตำราแล้ว เจียงเฉินมุ่งหน้าตรงไปยังตำหนักของเจียงลู่หรง
ในฐานะบุตรบุญธรรมของเ้าเมือง เจียงลู่หรงมีสถานะที่สูงส่งในคฤหาสน์เ้าเมือง และเขายังมีตำหนักส่วนตัวที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีเหมาะสมแก่การบ่มเพาะ
เจียงลู่หรงได้เปลี่ยนเป็ชุดดำ และเขายืนอยู่หน้าตำหนักท่ามกลางแสงจันทร์ ใบหน้าของเขาดูหดหู้และดวงตาของเขาดั่งอสรพิษที่พร้อมจะจู่โจมทุกเมื่อ
"เจียงเฉิน เ้าได้ทำลายทุกอย่างจนพินาศ ข้าจักล้างแค้นเ้าในไม่ช้า แล้ววันหนึ่งทั่วทั้งคฤหาสน์เ้าเมืองจะตกเป็ของข้า"
ตัวมันพูดกับตนเองด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวและกำหมัดแน่น เจียงลู่หรงตัวสั่นสะท้านเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะให้เขาอยู่กับสตรีอัปลักษณ์เช่นนี้ได้อย่างไร มันทั้งทรมาณทั้งกายและิญญา ตัวมันไม่กล้าคิดเลยว่าหากแต่งงานกับมู่หรงเสี่ยวโหรวและอาศัยอยู่ในตระกูลมู่หรงแล้วมันจะเป็อย่างไร
ไม่มีบุรุษคนใดทนมู่หรงเสี่ยวโหรวได้ อย่างน้อยๆตัวมันทนไม่ได้ นั่นเป็เหตุว่ามันถึงออกมา
แต่ก็มีใครบางคนที่ไม่ปล่อยให้ตัวมันไปง่ายๆ
"เฮ้!พี่ชาย ดึกดื่นป่านนี้แล้วเหตุใดท่านถึงแต่งตัวราวกับจะออกไปข้างนอกเล่า?พรุ่งนี้เป็วันจัดพิธีแต่งงานระหว่างพี่ใหญ่กับภรรยาของท่านนี่ ตอนนี้ท่านควรที่จะพักผ่อนให้เพียงพอนะ"
เจียงเฉินมาและทักทายเจียงลู่หรง
แววตาโเี้เผยในดวงตาของเจียงลู่หรงเมื่อเขามองไปยังเจียงเฉิน ตัวมันไม่สามารถบังคับจิตสังหารไม่ให้พวยพุ่งออกไปได้
"เจียงเฉิน เหตุใดเ้าถึงปองร้ายข้า?"
เจียงลู่หรงถามขึ้นด้วยน้่ำเสียงแหบพร่า
ในเวลานั้นเองก็มีชายอีกคนที่ยืนอยู่ด้านนอกตำหนัก ชายผู้นั้นมิใช่ใครอื่นนอกเสียจากเจียงเจิ้นไห่ที่แวะมาดูเจียงลู่หรง เจียงเจิ้นไห่หยุดเท้าเมื่อได้ยินคำถามของเจียงลู่หรง เขากลั้นหายใจและซ่อนตัวอยู่ภายนอกตำหนัก
"ปองร้ายท่าน? พี่ใหญ่ เหตุใดข้าต้องทำเช่นนั้นเล่า? ข้าคิดว่าการแต่งเข้าสู่ตระกูลมู่หรงเป็สิ่งที่พี่ใหญ่ปรารถนามิใช่หรือ? ข้าก็ช่วยเหลือพี่ใหญ่อย่างไรเล่า ดูร่างของแม่นางมู่หรงสิ!มันสามารถบอกได้เลยว่าท่านไม่ต้องกังวลถึงอาหารการกินเมื่อท่านแต่งงานเข้าตระกูลของนาง ท่านควรจะขอบใจข้าด้วยซ้ำ"
เจียงเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่มีร่องรอยความละอายในคำพูดของเขา
"พอที! อย่าได้เอ่ยถึงนังอัปลักษณ์นั่นต่อหน้าข้าอีก! เมื่อวาน เ้าขอให้ข้าไปแต่งงานแทนเ้าในการหมั้นแต่งงานครั้งนี้ แต่เ้าไม่เคยเอ่ยถึงการแต่งงานเข้าสู่ตระกูลพวกเขาเลยนะ เจียงเฉิน ข้าปฎิบัติต่อเ้าดีมาโดยเสมอ หากว่าเ้า้าที่จะขับไล่ข้าให้พ้นๆล่ะก็ เช่นนั้นก็บอกข้ามาตรงๆ ไม่จำเป็ต้องใช้วิธีต่ำช้าเช่นนี้!"
ในดวงตาของเจียงลู่หรงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขา้าที่จะฉีกเนื้อเจียงเฉินทั้งเป็
ได้ยินสิ่งที่เจียงลู่หรงพูด เจียงเจิ้นไห่อดที่จะรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจียงลู่หรงมิได้ สิ่งที่เจียงเฉินทำในครั้งนี้มันมากเกินไป
"ปฎิบัติต่อข้าเป็อย่างดีงั้นหรือ? ได้ มาเปิดเผยทุกอย่างและสะสางหนี้ของพวกเรากันเถอะ"
เจียงเฉินััได้ถึงบิดาของเขาที่ยืนอยู่ด้านนอกตำหนัก แต่เจียงลู่หรงไม่สามารถััถึงเขาได้ ถือได้ว่าััของมันอ่อนด้อยกว่ามาก เขาได้เปลี่ยนความคิดแล้ว เขาจะเปิดเผยทุกสิ่งโดยไม่เปิดโอกาสให้เจียงลู่หรงหนีรอดไปได้
"ข้าขอถามเ้า เจียงลู่หรง เ้าได้สั่งการพี่น้องหยางให้ลักพาตัวข้า พาข้าไปยังพื้นที่รกร้าง และจากนั้นสังหารข้าและนำเืของข้าไป....นี่น่ะหรือปฎิบัติต่อข้าเป็อย่างดี? เมื่อข้าตกตายไป เ้าก็จะได้รับสิทธิสืบทอดทุกสิ่งที่เป็ของตระกูลเจียง เมื่อข้าตายไป คนที่จะได้แต่งงานกับแม่นางมู่หรงก็คือเ้า นี่หรือสิ่งที่เ้าเรียกว่าปฎิบัติต่อข้าเป็อย่างดี? ข้าพูดอะไรผิดหรือไม่ พี่ใหญ่ที่รัก?"
เจียงเฉินกล่าวออกมา ประกายโเี้เผยที่ดวงตาของเขาชัดมากขึ้นเรื่อยๆ
เจียงเจิ้นไห่ที่ยืนอยู่นอกตำหนักตกตะลึงกับคำพูดของเจียงเฉิน และยังคงยืนอยู่ต่อเพราะเขา้าที่จะรู้รายละเอียดให้มากกว่านี้
