ซือหม่าหว่านเอ๋อร์ไปเยี่ยมเยือนคนในตระกูลเสิ่นจำนวนไม่น้อยในสองวันที่ผ่านมา
เป็เพราะซือหม่าหว่านเอ๋อร์มีฐานะพิเศษ ทั้งยังมีสัมพันธ์ทางสายเืกับตระกูลเสิ่น ทำให้หลายๆ คนเคารพนาง และตระกูลซือหม่าก็มาจากเมืองหลวง ทรัพยากรมากกว่าตระกูลเสิ่นไม่รู้เท่าไร
“ให้เข้ามาได้!”
เสิ่นเสวียนนั่งอยู่ที่ตำแหน่งผู้นำตระกูล กล่าวเสียงเรียบ
เมื่อวานเขาเปิดโปงและขับไล่นางไปแล้ว วันนี้นางยังกล้ากลับมาอีก เขาอยากรู้ว่านางจะทำอะไร
“แล้วเ้าจะยืนบื้ออยู่ตรงนี้ทำไม ยังไม่รีบไปอีก”
เสิ่นเสวียนปรายตามองเสิ่นเหวินเทาพลางกล่าว
“ขอรับ”
เสิ่นเหวินเทายืนตัวตรง หันหลังแล้วเดินออกไปทันที
เมื่อหนึ่งเค่อก่อนยังเป็ผู้ดูแลใหญ่ตระกูลเสิ่น เป็รองเพียงผู้าุโใหญ่อยู่เลย พริบตาเดียวกลับกลายเป็นักโทษไปแล้ว ในโลกที่เคารพยกย่องผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ สามารถตีความคำว่าอำนาจได้อย่างแจ่มแจ้ง
เสิ่นเหวินเทาเพิ่งเดินออกไป ขบวนเกี้ยวของซือหม่าหว่านเอ๋อร์ก็มาถึงด้านหน้าหอประชุมพอดี
วันนี้นางสวมชุดคลุมขนนกสีขาวราวกับหิมะ เส้นผมดำขลับประดับด้วยผ้าผูกสีขาว ราวกับนางเป็เซียนบนสรวง์ ทำให้บรรดาหนุ่มสาวในตระกูลเสิ่นต่างมองนางไม่วางตา
เติบโตได้อย่างงดงาม พร์อันแข็งแกร่ง มีฐานะที่สูงส่ง ไม่รู้ว่าเป็เทพธิดาในใจของใครบ้าง
“หว่านเอ๋อร์คารวะผู้าุโทุกท่าน”
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์ไม่ได้เข้ามาในหอประชุม ทว่าแสดงคารวะต่อผู้าุโตระกูลเสิ่นทั้งหลายทั้งที่ยังนั่งอยู่บนเกี้ยว ดูเหมือนมีมารยาทงาม
“สวัสดีหลานหว่านเอ๋อร์”
เสิ่นล่างเป็ตัวแทนของเหล่าผู้าุโตระกูลเสิ่นกล่าวกับซือหม่าหว่านเอ๋อร์ด้วยรอยยิ้ม คนอื่นๆ ยังไม่รู้เื่ระหว่างซือหม่าหว่านเอ๋อร์กับเสิ่นเสวียน
“หว่านเอ๋อร์เป็ตัวแทนของท่านพ่อท่านแม่มาเยี่ยมเยียนผู้าุโทุกท่าน พวกเขามีกิจธุระ มิอาจปลีกตัวมาที่นี่ด้วยตนเองได้ หวังว่าผู้าุโทุกท่านจะไม่ถือโทษโกรธเคือง”
ขณะที่กล่าว ข้ารับใช้มากมายเดินออกมาจากด้านหลังพร้อมหีบหลายใบ หีบแต่ละใบต้องใช้ข้ารับใช้สองคนถึงจะแบกเข้ามาได้ หีบทุกใบถูกเปิดฝาออก ใบหนึ่งเต็มไปด้วยวัตถุดิบหายาก อีกใบหนึ่งคือศาสตรามารขั้นสูง และยังมีใบหนึ่งเต็มไปด้วยยาสมุนไพร! ยาเ่าั้บรรจุอยู่ในขวดสีขาวอย่างดี ที่ขวดเขียนไว้ว่า ‘ยาเรียกลมปราณ’
“ยาเรียกลมปราณ!”
คนตระกูลเสิ่นมองยาเรียกลมปราณเหล่านี้พลางอ้าปากค้างเพราะความใ อีกฝ่ายหน้าใหญ่ใจโตยิ่งนัก!
ยาเรียกลมปราณหาใช่ยาขั้นสูง แต่ก็เป็ถึงยาเสริมร่างกายระดับสอง ทั่วทั้งเมืองอวี่ฮว่า ผู้ที่สามารถปรุงยาเรียกลมปราณระดับสองขึ้นมาได้มีเพียงนักปรุงยาระดับสองผู้นั้นจากตระกูลหาน ที่ทำให้พวกเขาใก็คือ ในหีบใบนี้มีขวดยาอยู่อย่างน้อยสามสิบใบ เพียงพอที่จะทำให้คนรุ่นเยาว์ในตระกูลเสิ่นกลายเป็ผู้ฝึกตนขั้นปรมาจารย์ได้อีกหลายคนเลยทีเดียว ส่วนที่เหลือเป็ทรัพย์สินเงินทอง
ของเหล่านี้มีมูลค่ามากกว่าห้าล้านเหรียญทอง เทียบเท่ากับรายได้ตลอดปีของตระกูลเสิ่น
“ตระกูลซือหม่าของพวกเ้าใจกว้างยิ่งนัก!”
เสิ่นเสวียนมองหีบเ่าั้แล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“แค่ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ผู้นำตระกูลเสิ่นไม่ชอบหรือ” ซือหม่าหว่านเอ๋อร์นั่งบนเกี้ยว อยู่ในระดับเดียวกับเสิ่นเสวียนพอดี ทำให้ทั้งสองได้สบตากัน
“ชอบสิ ต้องชอบอยู่แล้ว เ้ามาที่นี่เพื่อส่งของขวัญอย่างนั้นหรือ”
“ฮ่าๆ สิ่งของเหล่านี้เป็เพียงเสี้ยวหนึ่งของตระกูลซือหม่า แต่นี่มิใช่จุดประสงค์หลัก ข้ามาที่นี่เพราะ้าคัดเลือกคนในตระกูลที่มีพร์โดดเด่น เพื่อผลักดันเข้าสู่สถาบันชิงหยุน”
“สถาบันชิงหยุน! จริงหรือ!”
เมื่อได้ยินคำว่าสถาบันชิงหยุน ทุกคนในตระกูลเสิ่นต่างหันมองหน้ากันไปมาด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ
สถาบันชิงหยุนคือสถาบันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแคว้นชิงหยุน สามอำนาจสูงแห่งแคว้นชิงหยุนแบ่งออกเป็ สำนักกระบี่ สำนักดาบ และสถาบันชิงหยุน อีกทั้งสถาบันชิงหยุนยังขึ้นกับแคว้นชิงหยุนโดยตรง มีอำนาจแคว้นอยู่เื้ั และยังมีพลังแข็งแกร่งมากด้วย หากใครได้เข้าฝึกฝนในสถาบันชิงหยุนนับเป็เกียรติอย่างยิ่งแก่วงศ์ตระกูล
ั้แ่เมืองอวี่ฮว่าก่อตั้งขึ้น ผู้ที่ได้เข้าฝึกฝนในสถาบันชิงหยุนจะกลายเป็ผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งแคว้น
ที่แห่งนี้คือสถานที่ที่พวกเขาใฝ่ฝันถึงแต่มิอาจเอื้อม
ทว่าซือหม่าหว่านเอ๋อร์กลับนำสิทธิ์การเข้าร่วมมามากกว่าหนึ่งสิทธิ์
เมื่อเห็นท่าทางของทุกคนแล้ว ซือหม่าหว่านเอ๋อร์พลันส่งเสียงเหยียดหยันออกมา ในใจคิดว่าคนเหล่านี้เหมือนกบในกะลา ไม่เคยได้เห็นโลกภายนอกอย่างแท้จริง
สิทธิ์การเข้าร่วมสถาบัน เสิ่นเสวียนเคยได้ยินเสิ่นว่านซื่อกล่าวถึงมาก่อน ทว่าเขาไม่ได้สนใจสถาบันชิงหยุนอะไรนั่นเลย
“หลานสาว เ้านำสิทธิ์มาทั้งหมดกี่สิทธิ์หรือ”
เสิ่นล่างกล่าวกับซือหม่าหว่านเอ๋อร์ เื่นี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของตระกูลเสิ่น เขาจำเป็ต้องให้ความสำคัญ เขาสามารถล่วงเกินสำนักกระบี่ได้ แต่เขาไม่อยากพลาดโอกาสที่จะทำให้ตระกูลแข็งแกร่งขึ้นครั้งนี้ไป
“สามสิทธิ์”
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์กล่าวเสียงเรียบ
ทันทีที่กล่าวออกไป ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างมีสีหน้าคาดหวัง โอกาสเช่นนี้ทุกคนอยากจะคว้าเอาไว้ แต่พวกเขาก็รู้ว่าคนที่เหมาะสมที่สุดในตระกูลเสิ่นตอนนี้คือเสิ่นเสวียน พวกเขาทำได้เพียงแย่งชิงอีกสองสิทธิ์ที่เหลืออยู่เท่านั้น
“มีเงื่อนไขอะไรไหม”
เสิ่นล่างถามซือหม่าหว่านเอ๋อร์อีกครั้ง แม้อีกฝ่ายจะมีสายเืตระกูลเสิ่นไหลเวียนอยู่ภายในร่าง แต่เขารู้สึกได้ว่านางไม่น่าเชื่อถือ คนที่เขา้าให้เข้าร่วมก็คือเสิ่นเสวียน ด้วยพร์ของเสิ่นเสวียนแล้ว หากได้เข้าฝึกฝนในสถาบันชิงหยุนจะต้องมีอนาคตที่รุ่งเรืองไร้ขอบเขต หรือกระทั่งทำให้ตระกูลเสิ่นเป็ตระกูลแนวหน้าเลยก็ได้
“เงื่อนไข?” ซือหม่าหว่านเอ๋อร์ยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“เงื่อนไขก็คือข้าเป็คนเลือกเอง”
“ข้าเสิ่นล่าง ขอแนะนำผู้นำตระกูลเสิ่นเสวียนเข้าฝึกฝนในสถาบันชิงหยุน”
เสิ่นเสวียนได้ยินดังนั้นก็คิดจะห้ามไว้ แต่เสิ่นล่างกลับกล่าวออกไปแล้ว เขาจึงได้แต่ถอนหายใจออกมา จากที่เขารู้จักซือหม่าหว่านเอ๋อร์แล้ว อีกฝ่ายต้องอยากทำให้ตนอับอายอย่างแน่นอน
แล้วก็เป็อย่างที่คาด
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์ได้ยินคำของเสิ่นล่างกลับส่ายหัวเบาๆ
“ข้าคิดว่าไม่เหมาะสม ครั้งก่อนที่เขาสู้กับหานเฟิงข้าได้ดูแล้ว เขาเป็คนอารมณ์รุนแรง ไม่เหมาะสมกับสถาบันชิงหยุน”
“เอ๋?”
เสิ่นล่างได้ยินดังนั้นมุมปากของเขาก็กระตุกเล็กน้อย อีกฝ่ายปฏิเสธเขาหน้าตาเฉย อีกทั้งไม่มีใครเหมาะสมยิ่งกว่าเสิ่นเสวียนแล้ว อีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไร เขาได้ยินมาว่าสองวันที่เสิ่นเสวียนหมดสติไป นางเข้าไปเยี่ยมเสิ่นเสวียนอยู่ตลอด กล่าวกันตามตรงนางไม่น่าปฏิเสธ
คนอื่นๆ ในตระกูลเสิ่นต่างมองหน้ากัน เห็นได้ชัดว่าระหว่างเสิ่นเสวียนและซือหม่าหว่านเอ๋อร์จะต้องมีความบาดหมางต่อกันอย่างแน่นอน
“ผู้าุโทุกท่าน พวกท่านเองก็รู้ว่าแม้ข้ากับตระกูลเสิ่นจะเป็ญาติกัน ทว่าหากไม่ได้ตระกูลหานช่วยชีวิตไว้ในครานั้นก็คงไม่มีท่านพ่อข้าในวันนี้ ดังนั้นข้าจึงมอบสองสิทธิ์ให้ตระกูลหานไปแล้ว ส่วนสิทธิ์สุดท้ายนั้น ข้าอยากให้...”
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์กวาดตามองไปรอบๆ ก่อนกล่าวเสียงเรียบ
“เสิ่นว่านซื่อ”
“พวกท่านน่าจะไม่มีปัญหาใช่ไหม!”
เสิ่นว่านซื่ออยู่ในหอประชุมด้วยเช่นกัน แต่เพราะเขามิอาจฝึกฝนได้จึงต้องนั่งอยู่ในมุมหนึ่งที่ด้านล่าง เขาถูกซือหม่าหว่านเอ๋อร์กล่าวถึงเช่นนี้ทำให้ทุกคนหันไปมองเขาเป็ตาเดียว และตัวเขาเองยังนั่งตกตะลึงอยู่ตรงนั้น
เขามิอาจฝึกฝนได้ ส่วนสถาบันชิงหยุนคือสถานที่ชี้แนะสำหรับผู้ฝึกฝน ต่อให้เขาไปที่นั่นก็ไม่มีความหมายอะไร
“นี่...”
คนตระกูลเสิ่นไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเลือกเสิ่นว่านซื่อ และแน่นอน พวกเขาคิดเชื่อมโยงได้ว่าอีกฝ่าย้าทำให้เสิ่นเสวียนอับอาย ต่อให้ต้องส่งคนที่ไม่มีพร์ในการฝึกฝนเข้าไปก็ไม่มีวันให้เสิ่นเสวียนได้สิทธิ์นั้นไป จุดประสงค์ของนางชัดเจนมาก
“สถาบันชิงหยุนมิได้เป็สถาบันสำหรับผู้ฝึกฝนเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีสาขาวิชาอื่นๆ อีกมากมาย หากท่านพี่ได้ไปที่นั่นจะต้องได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายอย่างแน่นอน”
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์มองทุกคนในตระกูลเสิ่นด้วยท่าทางโอหัง สำหรับนางแล้ว นางคือเทพที่ชะตาชีวิตของคนเหล่านี้เอาไว้ อยากให้ใครโบยบินคนนั้นก็จะได้โบยบิน นางเคยบอกไว้แล้วว่าจะทำให้เสิ่นเสวียนต้องเสียใจ และนางก็จะทำให้ได้
“ข้าไม่ไป”
เสิ่นว่านซื่อที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของหอประชุมกล่าวขึ้นเบาๆ อย่างไม่คาดคิด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้