ณ กระท่อมริมทะเลสาบ
ซ่งอวี้ชุนกำลังดูถูกหนิงเทียน ชายผู้งดงามราวสตรีก็พูดตรงไปตรงมามากขึ้นไปอีก เพื่อสร้างความอับอายต่อเขาให้มากยิ่งขึ้น
หนิงเทียนมองคนทั้งสองแล้วยิ้มอย่างโหดร้ายเล็กน้อย
“ดูเหมือนพวกเ้าจะไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป เช่นนั้นก็เตรียมตัวตายเสียเถอะ”
ชายหนุ่มพูดระคนหัวเราะ “ด้วยกำลังอันน้อยนิดของเ้า เ้ายังกล้าหยาบคายอีกนะ”
ซ่งอวี้ชุนตะคอก “เ้าโง่ คนกลุ่มนี้สามารถเอาชนะเ้าได้ด้วยมือเดียว และทำให้เ้ามีสภาพอนาถยิ่งกว่าสุนัข”
“เ้ามั่นใจมากสินะ ข้าจะให้โอกาสเ้าอวดทีหลัง หวังว่าเ้าจะไม่ร้องไห้เสียก่อนเล่า”
หนิงเทียนเหลือบมองซ่งอวี้ชุน จากนั้นจึงมองไปยังชายผู้งดงามราวสตรี
“บอกมาสิว่าเ้าเป็ใคร มาจากไหน และใครคืออาจารย์ของเ้า?”
“เ้าไม่ควรรู้”
ชายหนุ่มผู้มีท่าทีภาคภูมิใจเอ่ยเยาะเย้ยหนิงเทียน
“เ้ากลัวการฆ่าล้างตระกูลจึงไม่กล้าพูด หรือเ้าพูดเกินจริงมากไปจนเขินอายที่จะพูดกันแน่?”
หนิงเทียนยืนขึ้น รอบกายเขาในยามนี้ไร้ลมหวน ก่อนกลิ่นอายสังหารเยือกเย็นปกคลุมไปทั่วบริเวณ
ชายหนุ่มเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “ข้าต้องกลัวเ้าหรือ ช่างน่าขัน จงเงี่ยหูฟังให้ดี ข้านามว่าถังจิ้นอู่ ศิษย์จากสำนักซานเจวี๋ย”
“สำนักซานเจวี๋ย? ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย แต่ข้าสามารถบอกเ้าได้ว่าอีกไม่นานสำนักซานเจวี๋ยจะหายไปจากพื้นดินของดินแดนหยวนซิงตลอดกาล และไม่หลงเหลือแม้เพียงหลักคำสอน”
ดวงตาของหนิงเทียนเ็าราวกับคมมีด เขาตอบสนองอย่างทรงพลัง
ถังจิ้นอู่หัวเราะ แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “ข่มขู่ข้า? เ้าคิดว่าข้ากลัวหรือ? เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถฆ่าเ้าได้?”
เมื่อชายชุดเขียวเ้าของกระท่อมเห็นเช่นนี้ เขาจึงแนะนำว่า “แขกจากแดนไกล จะโกรธกันไปไย ทำไมไม่นั่งลงและพูดคุยอย่างใจเย็นเล่า?”
ซ่งอวี้ชุนพูดด้วยความรังเกียจ “มดปลวกไม่สมควรที่จะเท่าเทียมกับข้า”
ถังจิ้นอู่กล่าวว่า “ข้าไม่เคยนั่งร่วมกับคนที่กำลังจะตาย”
เ้าของกระท่อมรู้สึกอับอายเล็กน้อย ก่อนจะมองหนิงเทียนอย่างเ้าเล่ห์
“เห็นแก่เ้าบ้าน ข้าจะปล่อยให้เ้าได้มีชีวิตอยู่ต่ออีกหน่อยแล้วกัน”
หนิงเทียนค่อนข้างสุภาพกับชายชุดเขียว ในขณะที่ซ่งอวี้ชุนและถังจิ้นอู่เดินไปหาซูอวิ๋น และเริ่มสนทนากับซูอวิ๋นโดยเมินเฉยต่อหนิงเทียนที่อยู่ไม่ไกล
“กลิ่นหอมยิ่งนัก ข้าขอเข้าไปดูหน่อยได้หรือไม่?”
ชายชุดเขียวกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “กระท่อมของข้าค่อนข้างเรียบง่าย เ้าห้ามหัวเราะเล่า”
หนิงเทียนและชายชุดเขียวเข้าไปในกระท่อมมุงจาก แต่ซูอวิ๋น ซ่งอวี้ชุน และถังจิ้นอู่ต่างลอบสบตากัน
“นี่คือิญญาอสูรที่แปลงกายมา จงระวังมันจะคิดร้ายกับเรา”
ถังจิ้นอู่พูดกับผู้หญิงทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มมั่นใจ
หนิงเทียนมองไปที่สตรีชุดเขียวซึ่งกำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัว แล้วชมนางว่า “พี่สาวช่างมีฝีมือจริงๆ”
นางหันมายิ้มให้ แล้วพูดว่า “ถ้าเ้าชอบ ข้าสอนเ้าได้นะ”
“จริงหรือ? เยี่ยมเลย”
ดวงตาของหนิงเทียนเป็ประกาย เขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อเรียนรู้วิธีทำอาหารในทันที
สตรีชุดเขียวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เดิมทีนางคิดว่ามันเป็แค่เื่ตลก แต่หนิงเทียนอยากเรียนจริงๆ
“จริงๆ แล้วการทำอาหารนั้นง่ายมาก ส่วนที่ยากคือการควบคุมความร้อน...”
ชายชุดเขียวกำลังจุดไฟ ขณะที่สตรีชุดเขียวบอกให้หนิงเทียนลองทำอาหาร ฉากตรงหน้านี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูไม่ถูกต้องเสียเลย
“ข้าได้ยินมาว่าิญญาพฤกษามีความสามารถในด้านการปรุงยา พี่สาวสอนข้าได้หรือไม่ว่าต้องทำอย่างไร?”
ประกายประหลาดฉายขึ้นในดวงตาของสตรีชุดเขียว นางหัวเราะพร้อมบ่นว่า “เ้าปีศาจตัวน้อย อย่าพยายามหลอกข้าเลย”
“พี่สาวอาศัยอยู่ในถิ่นกันดาร ได้กินดอกไม้และสมุนไพรแปลกใหม่ทุกวัน ท่านต้องมีความเชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรเป็แน่ ทำไมถึงต้องถ่อมตัวด้วย?”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากสอนเ้า แต่ศาสตร์ปรุงยานั้นเกี่ยวข้องกับดอกไม้และสมุนไพรที่แปลกใหม่มากมาย และมันไม่มีวันสำเร็จได้ในระยะเวลาอันสั้น”
หนิงเทียนกลอกตาและพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้ามีวิธีการง่ายๆ พี่สาวเพียงต้องบอกปฏิกิริยาทางด้านสมุนไพร การจับคู่ตามสัดส่วน และกฎพื้นฐานที่สุดในการปรุงยาให้ข้าฟังเท่านั้น”
สตรีชุดเขียวเหลือบมองชายชุดเขียวแล้วพูดพึมพำ “ศาสตร์ปรุงยานั้นลึกซึ้งและซับซ้อนอย่างยิ่ง ข้าจะสอนเพียงทักษะเบื้องต้นง่ายๆ ให้เ้า หากเ้ามีความสามารถจริง ในอนาคตก็สามารถเรียนรู้ต่อเองได้”
ชายชุดเขียวยืนขึ้น ย้ายโต๊ะไม้ออกจากกระท่อม แล้วเชิญซูอวิ๋น ซ่งอวี้ชุน และถังจิ้นอู่นั่งลง ก่อนยกอาหารและปลาต่างๆ ออกมา
สตรีชุดเขียวกำลังสอนหนิงเทียนเกี่ยวกับศาสตร์ปรุงยาอยู่ในห้องครัว ปลายนิ้วมือของนางเปล่งประกาย จากนั้นสมุนไพรลวงตาก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของหนิงเทียน
“ในการทำยา ก่อนอื่นเ้าต้องรู้จักยาเสียก่อน และต้องมีความเชี่ยวชาญในด้านฤทธิ์ทางยาและการใช้ยาแต่ละชนิด และเข้าใจความขัดแย้งระหว่างตัวยาที่ผสมกันั้แ่สองตัวขึ้นไป...เพื่อจับคู่ตัวยาให้เหมาะสม และเ้าต้องให้ความสนใจเป็พิเศษกับอุณหภูมิในการปรุงยา...”
หนิงเทียนถาม “อะไรคือความแตกต่างระหว่างการปรุงยากับการสกัดยาเม็ด”
สตรีชุดเขียวยิ้มและพูดว่า “การสกัดยาเม็ดถือได้ว่าเป็ยากลั่นชนิดหนึ่ง และยาชนิดนี้ก็พกพาสะดวกอย่างยิ่ง...”
การฝึกฝนผ่านยุทธศาสตร์ครอง์ของหนิงเทียนซึ่งผสมผสานดอกไม้ หญ้า ต้นไม้ เถาวัลย์ ดิน ไฟ น้ำ และลมมีข้อได้เปรียบโดยธรรมชาติในการแยกแยะยาและการกลั่นยา ซึ่งสิ่งนี้มีประโยชน์สำหรับเขา
“เ้ามีความสามารถจริงๆ ข้าจะสอนเ้าเกี่ยวกับหยินหยางและทักษะการเล่นแร่แปรธาตุห้าองค์ประกอบ แต่เ้าจะเข้าใจได้มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับโชคของเ้า”
สตรีชุดเขียวถ่ายทอดแก่นแท้ของการกลั่นยาให้กับเขา โดยไม่ต้องจำกัดองค์ความรู้ทางด้านสมุนไพร ทักษะ และหลักการลงมือที่เกี่ยวข้องอย่างไม่สงวนไว้เลย
ความจำของหนิงเทียนดีมาก เขาเชี่ยวชาญเส้นทางแห่งจิติญญา เขาจึงมีความทรงจำที่น่าทึ่งและพลังจิตที่แข็งแกร่ง แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้าใจได้มากนักในขณะนี้ แต่เขาจะเก็บทุกอย่างไว้ในใจ
“เอาละ ไปกินข้าวกันเถอะ”
สตรีชุดเขียวยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วพาหนิงเทียนออกจากกระท่อมไป
ซูอวิ๋น ซ่งอวี้ชุน และถังจิ้นอู่นั่งอยู่ที่โต๊ะไม้ ต่างฝ่ายต่างมองอาหารโอชะบนโต๊ะ แต่ไม่มีใครกล้าแตะต้องมัน
แน่นอนว่าพวกเขาไว้ใจเ้าของกระท่อมไม่ได้ และกลัวว่าอาหารจะมีพิษ
ชายชุดเขียวเชิญหนิงเทียนนั่ง ก่อนที่เขาจะไปนั่งตรงข้ามซูอวิ๋น ตอนนี้อดีตคู่รักที่ยังไม่ได้แต่งงานคู่นี้ได้ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันแล้ว
“ดินแดนแห่งขุนเขา มีเพียงมื้ออาหารง่ายๆ ขอพวกท่านทั้งสี่อย่าได้ดูถูกเลยนะ”
ชายชุดเขียวเชิญทุกคนทานอาหาร แต่ซูอวิ๋น ซ่งอวี้ชุน และถังจิ้นอู่ยังคงไม่ไหวติง
ขณะที่หนิงเทียนหยิบตะเกียบขึ้นมาและกินอย่างเอร็ดอร่อย
ถังจิ้นอู่เยาะเย้ย “กินให้มากหน่อย อีกไม่นานเ้าคงได้เป็ผีเต็มตัว”
ซ่งอวี้ชุนกล่าวว่า “ค่อยๆ ใช้เวลาเพลิดเพลินกับอาหารมื้อสุดท้ายในชีวิตของเ้าเถอะ”
ซูอวิ๋นมองหนิงเทียน ทั้งสองเคยเป็คู่รักวัยเยาว์ นี่เป็ครั้งแรกที่ได้นั่งร่วมกันอย่างสงบั้แ่พวกเขากลายเป็ศัตรูกัน
ความสงบของหนิงเทียนทำให้ซูอวิ๋นสับสน และทำให้ซูอวิ๋นไม่มีความสุขมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าเขากำลังจะตาย แต่เขาก็ยังเย่อหยิ่ง ท่าทีเช่นนี้คือสิ่งที่ซูอวิ๋นไม่้าเห็นมากที่สุด
หลังจากเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนผ่าน ซูอวิ๋นก็เข้าสู่อีกระดับ นางคิดว่ายามนี้ตนเก่งกว่าหนิงเทียนมาก และสามารถทรมานเขาให้กลายเป็สุนัขได้ด้วยมือเดียว
ภายใต้สถานการณ์นี้ หนิงเทียนควรแสดงความไม่สบายใจ ตื่นตระหนก และวิตกกังวล ซึ่งจะสอดคล้องกับความคาดหวังของซูอวิ๋น แต่ใครจะคิดว่าหนิงเทียนจะสงบเช่นนี้ ใครให้ความมั่นใจนี้แก่เขา ใครเป็คนมอบความกล้าให้เขากัน?
“มันน่าสนใจหรือไม่ที่จะแกล้งทำเป็สงบเสงี่ยม?”
นี่เป็สิ่งแรกที่ซูอวิ๋นพูดกับหนิงเทียนหลังจากมาถึง
หนิงเทียนทำหูทวนลม และลิ้มรสอาหารอร่อยอย่างสบายๆ โดยไม่สนใจนางเลย
ซูอวิ๋นหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะะโขึ้นว่า “เ้าหูหนวกหรือ?”
หนิงเทียนเงยหน้าขึ้นพูดอย่างเ็า “หญิงเลวไม่คู่ควรที่จะพูดกับข้า”
ซ่งอวี้ชุนและถังจิ้นอู่ต่างตกตะลึง ซูอวิ๋นหน้าเปลี่ยนสี ยามนี้นางโกรธมาก
“เ้าบ้าหนิงเทียน กล้าดีอย่างไรมาด่าข้า...”
ทันใดนั้นซูอวิ๋นก็ลุกขึ้นยืน แล้วยกมือขวาขึ้นตั้งใจจะโจมตีหนิงเทียนด้วยฝ่ามือเดียว
ชายชุดเขียวรีบพูดว่า “ใจเย็นๆ รอกินเสร็จค่อยคุยกันก็ได้”
ซูอวิ๋นไม่สนใจ ลมหนาวควบแน่นบนฝ่ามือขวาของนาง ก่อนจะปล่อยคลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
สีหน้าของซ่งอวี้ชุนเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางรู้สึกถึงความผันผวนของขอบเขตเปลี่ยนผ่านบนร่างกายซูอวิ๋น
ขอบเขตของเด็กสาวอายุสิบหกปีคนนี้เหนือกว่านาง ซึ่งทำให้ซ่งอวี้ชุนผู้แข็งแกร่งและขี้อิจฉาไม่มีความสุขอย่างลับๆ
หนิงเทียนเมินเฉยต่อการกระทำของซูอวิ๋น ในขณะที่ชายชุดเขียวเริ่มขมวดคิ้ว ก่อนจะปล่อยพลังอันท่วมท้นออกจากร่างกาย ทำให้เวลาและพื้นที่ทั้งหมดแทบจะหยุดนิ่ง
ในขณะนั้นซูอวิ๋นหรูก็ถูกโจมตีอย่างแรง จนต้องนั่งลงทันที อีกทั้งใบหน้าของนางยังเปลี่ยนเป็สีแดงจากการอดกลั้น
ท่าทีของถังจิ้นอู่เปลี่ยนไปด้วยความใ เขามองชายชุดเขียวด้วยความประหลาดใจ ราวกับว่าเขาไม่คาดคิดว่าความแข็งแกร่งอีกฝ่ายจะน่ากลัวขนาดนี้
มีเพียงหนิงเทียนเท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบ และยังคงกินอาหารบนโต๊ะต่อไป
ครู่ต่อมารูขุมขนบนร่างกายของหนิงเทียนก็เปิดกว้าง กลิ่นอายของเขาถูกเปิดเผย อวัยวะภายในรู้สึกเหมือนถูกเผาไหม้ อาหารเ่าั้มีพลังเหนือจินตนาการ ซึ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัด
“กินดื่มจนพอแล้ว ถึงเวลาจัดการเื่ของตนเองเสียที”
หนิงเทียนยืนขึ้น มองซูอวิ๋น ซ่งอวี้ชุน และถังจิ้นอู่ แล้วพูดอย่างเ็า “ไปกันเถอะ ต่อสู้บนทะเลสาบ แล้วข้าจะส่งเ้าไปตามทางของเ้า”
ถังจิ้นอู่พูดอย่างเคร่งขรึม “รนหาที่ตาย ข้าจะช่วยเ้าเอง”
ซูอวิ๋นพูดอย่างขมขื่น “วันนี้ ข้าจะฆ่าเ้าด้วยมือของข้าให้ได้!”
ซ่งอวี้ชุนกล่าวว่า “หลังจากนี้ข้าจะให้เ้าต้องคุกเข่ายอมรับความผิดพลาดต่อหน้าข้า!”
พวกเขาทั้งสามยืนขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก
หนิงเทียนหันไปพูดกับชายชุดเขียวและสตรีชุดเขียวว่า “หลังจากจัดการเื่ส่วนตัวเสร็จแล้ว ข้าจะกลับมาขอคำสั่งสอนอีกครั้ง”
สตรีชุดเขียวมองซูอวิ๋นและถังจิ้นอู่ ก่อนจะพูดเบาๆ ว่า “บางครั้งศาสตร์ปรุงยาก็สามารถ...”
หนิงเทียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องกังวลนะพี่สาว ข้าเข้าใจ”
หนิงเทียนก้าวออกไป เขาเดินไปตามริมทะเลสาบ ก่อนจะหยุดห่างออกไปครึ่งลี้
ซ่งอวี้ชุน ซูอวิ๋น และถังจิ้นอู่ยืนเรียงกันเป็เส้นตรง ทุกคนล้วนมองหนิงเทียน
“ใครก่อน?”
หนิงเทียนยืนห่างออกไปสิบจั้ง สายตาจ้องมองซูอวิ๋น นี่คือคนที่เขาอยากฆ่ามากที่สุด
ซ่งอวี้ชุนกล่าวว่า “ข้าก่อน พวกเ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ปล้นเ้าบ้านี่ไปจากข้า”
ถังจิ้นอู่มีความภาคภูมิใจในตนเองสูง และรู้สึกว่าหนิงเทียนไม่คู่ควรที่จะต่อสู้กับเขา ดังนั้นจึงเป็การดีที่จะมอบเขาให้ซ่งอวี้ชุน
ซูอวิ๋นเยาะเย้ย การยืมมีดฆ่าคนเป็กลยุทธ์ปกติของนาง แม้ซ่งอวี้ชุนจะไม่สามารถฆ่าหนิงเทียนได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถทำให้หนิงเทียนเป็ศัตรูกับผู้บำเพ็ญซิงซิวที่ทรงพลังได้ ทำไมจะไม่ทำเล่า?
“หนิงเทียน หากเ้ายอมคุกเข่ายอมรับความผิด ข้าจะทำเป็ลืมก็ได้นะ”
ซ่งอวี้ชุนเอ่ยด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ นางรู้ว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพของหนิงเทียนนั้นแข็งแกร่งมาก แต่นางอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นเก้าในขอบเขตผนึกดารา ขณะที่หนิงเทียนอยู่ขั้นแรกของขอบเขตผนึกดารา ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่มีวันเป็คู่ต่อสู้ของนางได้
หนิงเทียนมองซ่งอวี้ชุนผู้หยิ่งยโสแล้วเยาะเย้ย “งี่เง่า รู้หรือไม่ว่าทำไมนังนั่นถึงไม่แย่งเ้า เป็เพราะนางอยากให้เ้าตายน่ะสิ”
ซ่งอวี้ชุนพูดอย่างเหยียดหยาม “เ้าคู่ควรหรือ?”
หนิงเทียนกล่าวอย่างเ็า “วันนั้นที่เมืองร้างในแดนลับของยอดเขาหมื่นอสูร ชิวซานอวิ๋นแห่งสำนักอินทนิลเข้าร่วมกองกำลังกับนางสุนัขตัวเมียตัวนี้ ในเวลานั้นข้าเพิ่งไปถึงขั้นห้าของขอบเขตจิตหยั่งลึกเท่านั้น ทว่าข้าสามารถไล่สังหารพวกนั้นจนต้องหลบหนีไปอย่างอับอายในสภาพไม่ต่างจากสุนัข และคราวนี้สภาพของเ้าจะเหมือนกับชิวซานอวิ๋นในตอนนั้น แต่ในแง่ของประสิทธิภาพการต่อสู้ เ้ายังด้อยกว่า สำหรับข้าการฆ่าเ้านั้นง่ายกว่าการเหยียบมดเสียอีก”
ดวงตาของซ่งอวี้ชุนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะอย่างดุเดือด “หนิงเทียน เ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเื่ไร้สาระแบบนี้หรือ?”
“ทำไมไม่ถามนางหญิงเลวนั่นเล่าว่าสิ่งที่ข้าพูดจริงหรือไม่?”
ซ่งอวี้ชุนรู้สึกมีพลัง นางหันไปมองซูอวิ๋นทันที
“อย่าฟังเื่ไร้สาระของเขา นี่คือกลยุทธ์ทางจิตวิทยาของเขาก็เท่านั้น”
ซูอวิ๋นย่อมไม่ยอมรับว่าซ่งอวี้ชุนอาจไม่แข็งแกร่ง แต่สถานะของนางในฐานะศิษย์ของตำหนักดาวเหนือก็คุ้มค่าที่จะใช้งาน
“ถ้าเ้ากล้าโกหกข้า ข้าจะฆ่าเ้าเอง”
ซ่งอวี้ชุนกราดเกรี้ยว นางส่งเสียงราวกับราชสีห์คำรามแล้วพุ่งจากทิศบูรพาของแม่น้ำพร้อมหมัดที่ปล่อยออกไป!
