แม่บ้านโจวเดินขึ้นไปชั้นบนเห็นหยิ่นยวี๋ซินและมู่อี้หานยืนอยู่หน้าประตุห้อง “คุณผู้ชาย คุณหนูรอง อาหารเย็นพร้อมแล้วค่ะ”
“อี้หาน ฉันหิวแล้วล่ะ พวกเราลงไปทานข้าวกันเถอะนะคะ!” หยิ่นยวี๋ซินคว้าแขนมู่อี้หาน แต่มู่อี้หานดึงแขนตัวเองกลับ “ยวี๋ซิน เธอลงไปก่อนได้เลยนะ เดี๋ยวฉันไปดูโม่โม่หน่อย”
ขณะที่หยิ่นยวี๋โม่ยังคงนั่งเหม่อลอยอยู่มือของใครบางคนก็ดึงเธอขึ้นจากโซฟา “โม่โม่ อาหารเย็นเตรียมเสร็จแล้วล่ะ”
“อื้ม” ข้อมือของเธอถูกเขาดึงจนเจ็บ
“ถึงยวี๋ซินกลับมาแล้ว แต่สถานะของคุณตอนนี้คือคุณผู้หญิงของบ้าน คุณน่าจะมีไมตรีจิตหน่อยไหม?” มู่อี้หานดึงเธอมาไว้ในอ้อมแขน “ไม่ต้องทำหน้าขึงขังขนาดนั้นก็ได้ ยิ้มหน่อยนะครับ”
หยิ่นยวี๋โม่ได้ฟังที่เขาพูดเธอรู้ว่าตนกำลังเข้าใจผิด ตอนนี้เขากำลังขอความรักจากเธอ หรือเธอที่อยากขอความรักจากเขา? แต่ความจริงตอนนี้เธอยังคงยิ้มไม่ออก “ถ้ายังไม่ยิ้ม ผมจะจูบคุณแล้วนะ” มู่อี้หานโน้มตัวลงมาทำท่าเหมือนจะจูบเธอ
“อะไรของคุณเนี่ย!” หยิ่นยวี๋โม่สลัดมือของเขาออกเดินยังไม่ทันถึงสองก้าว มู่อี้หานก็ดึงตัวเธอเข้ากลับมาริมฝีปากของเขาประกบเข้ากับริมฝีปากของเธอ เป็จูบที่เร่าร้อนและยาวนานสำหรับเธอ
เหตุการณ์ทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของหยิ่นยวี๋ซิน
สำหรับหยิ่นยวี๋ซินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าแม้เธอจะอ่านข่าวมากมาย แต่ก็คิดว่าคงไม่ใช่เื่จริง มู่อี้หานไม่ได้ชอบคนพี่แต่คนที่เขาอยากแต่งงานด้วยคือหยิ่นยวี๋ซิน
แต่ทำไมเขาถึงดีต่อหยิ่นยวี๋โม่นัก? ถ้าหยิ่นยวี๋ซินไม่หนีไป ผู้หญิงที่จะได้อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มควรเป็หล่อนไม่ใช่หยิ่นยวี๋โม่
เมื่อการจูบของทั้งคู่ภายในห้องสิ้นสุดลงเขาก็โอบเอวเธอออกมาจากห้อง และบังเอิญพบกับหยิ่นยวี๋ซินเข้าพอดี
“อี้หานนี้ดีกับพี่จริงๆ เลยนะคะ” หยิ่นยวี๋ซินแสร้งทำเป็ผ่อนคลาย แต่รอยยิ้มฝืนใจก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าของหล่อน
บนโต๊ะอาหารมู่อี้หานและหยิ่นยวี๋โม่นั่งข้างกัน ส่วนหยิ่นยวี๋ซินนั่งตรงข้ามกับพวกเขาบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหาร
“อี้หาน คุณต้องกินเยอะๆหน่อยนะ” หยิ่นยวี๋ซินตักอาหารให้มู่อี้หานด้วยความกระตือรือร้น
“ยวี๋ซิน ตอนนี้ผมเป็พี่เขยเธอแล้วนะ” มู่อี้หานพูดความจริงใส่หล่อนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“แต่ฉันเรียกของฉันแบบนี้มาตั้งนานแล้วนี่จะให้ฉันเรียกอย่างอื่นคงไม่ได้ พี่คงไม่ว่าอะไรหรอกใช่ไหม?” สีหน้าของหยิ่นยวี๋ซินเปลี่ยนไปเล็กน้อย หล่อนจะทำใจเรียกเขาว่าพี่เขยได้อย่างไร? ในเมื่อความจริงเขาควรเป็สามีของเธอ
หยิ่นยวี๋โม่หยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วหันหน้าไปทางมู่อี้หานเธอเห็นมู่อี้หานคีบกับข้าวมาไว้ในชามเล็กๆ ด้านหน้าเธอ “รีบกินเถอะ กินเยอะๆ นะ ของพวกนี้ของโปรดเธอทั้งนั้นเลยนี่”ชามเล็กตรงหน้าเธอในตอนนี้พูนขึ้น มู่อี้หานอาจไม่ได้ดีต่อเธอมากนักแต่เขาก็รู้ว่าเธอชอบกินอะไรอย่างนั้นหรือ?
หยิ่นยวี๋ซินกัดปากเฝ้ามองดูมู่อี้หานเอาอกเอาใจหยิ่นยวี๋โม่ ภายในใจของหล่อนไม่มีความสุขเอาเสียเลยแต่หล่อนยังแสร้งยิ้มราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อาหารเย็นมื้อนี้หยิ่นยวี๋โม่เหมือนนั่งอยู่บนเข็มที่คอยทิ่มเธอตลอดเวลา มู่อี้หานตักอาหารให้เธอส่วนหยิ่นยวี๋ซินตักอาหารให้มู่อี้หาน แล้วเธอต้องทำตัวอย่างไร?
“ฉันอิ่มแล้ว” หยิ่นยวี๋โม่ยังไม่ทันได้วางตะเกียบมู่อี้หานเอื้อมมาจับตะเกียบของเธอไว้ “กินนี่ให้หมดก่อนสิ คุณกินน้อยขนาดนี้ได้ยังไงกัน?” หยิ่นยวี๋โม่เหลือบมองมู่อี้หาน แม้แต่ต่อหน้าหยิ่นยวี๋ซิน ถึงกับต้องแสร้งทำเป็สามีภรรยาที่รักกันมากขนาดนี้เลยหรือ?
หลังจากมื้อเย็นมู่อี้หานขึ้นไปห้องหนังสือชั้นสอง ปล่อยให้หยิ่นยวี๋โม่และหยิ่นยวี๋ซินนั่งกินผลไม้หลังมื้ออาหารอยู่บนโซฟา
“อี้หานนี่ดีกับพี่จัง ฉันละอิจฉาจริงๆ ” หยิ่นยวี๋ซินมองหยิ่นยวี๋โม่ ใบหน้าบ่งบอกได้ถึงความริษยา
“เขาก็ดีกับเธอเหมือนกันนี่” หยิ่นยวี๋โม่อยากจะเดินกลับห้อง เธอไม่อยากอยู่กับหยิ่นยวี๋ซินในห้องรับแขกอีกเพราะเธอรู้สึกว่าแววตาที่หยิ่นยวี๋ซินมองเธอมันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“งั้น พี่พอจะว่างไปช็อปปิ้งกับฉันหน่อยไหม?” หยิ่นยวี๋ซินพูดขึ้นอีกครั้ง ความจริงถ้าหล่อนอยากไปซื้อของเพื่อนของหล่อนก็มีมากมายนับไม่ถ้วน หล่อนไม่ได้อยากไปซื้อของแบบอึดอัดๆ กับหยิ่นยวี๋โม่สักเท่าไร
หยิ่นยวี๋โม่อยากจะปฏิเสธแต่เพียงเธอเห็นท่าทีของหยิ่นยวี๋ซินที่ไม่ได้อยู่เมืองหยุนเฉิงมาครึ่งปีกลับมาครั้งนี้ของก็ไม่มีติดตัว น่าจะต้องซื้อของอีกมาก
“ถ้าพี่ไม่ตอบ ฉันถือว่าพี่ตกลงแล้วกัน” หยิ่นยวี๋ซินลุกจากโซฟา
“ฉันขึ้นไปหาอี้หานข้างบนก่อนนะ” หยิ่นยวี๋โม่ยังไม่ทันได้พูดอะไรกับหล่อน เธอเห็นเพียงเงาสีทองรางๆวิ่งขึ้นไปยังชั้นบนแล้ว
มู่อี้หานยังคงนั่งอยู่ในห้องหนังสือเขากำลังตรวจสอบอีเมลของเขา จู่ๆ ประตูห้องหนังสือก็เปิดออก เขาไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใครเข้ามาเพราะปกติหยิ่นยวี๋โม่จะไม่เข้ามาหาเขาที่ห้องหนังสือส่วนแม่บ้านโจวจะต้องเคาะประตูห้องก่อนทุกครั้งเข้า
“อี้หาน”
“มีเื่อะไรหรือเปล่า?” มู่อี้หานหันมาถามหยิ่นยวี๋ซิน
“ฉันรบกวนเวลาทำงานของคุณหรือเปล่า? ฉันเพิ่งจะกลับมา เลยนอนไม่ค่อยหลับ สงสัยยังไม่ชิน” หยิ่นยวี๋ซินนั่งอยู่ตรงหน้าเขาใบหน้าเล็กๆของหล่อนเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย “ฉันคิดว่าคงเพราะเจ็ทแล็กแน่เลย”
“อือ” มู่อี้หานตอบรับเธอเพียงสั้นๆ หยิ่นยวี๋ซินไม่อยากออกไปจากห้องหนังสือหล่อนเลยนั่งอยู่ตรงหน้าเขาและมองดูเขาเงียบๆ
ไม่เจอกันเพียงไม่กี่เดือนนับวันมู่อี้หานยิ่งหล่อขึ้น แถมตอนนี้เขายังดำรงตำแหน่งเป็รองประธานฝ่ายบริหารของหยิ่นซื่อกรุ๊ปถ้าตอนนั้นเธอไม่คิดชิงสุกก่อนห่าม ถ้าตอนนั้นเธอไม่หลงไปกับคำหวานของผู้ชายคนนั้นเธอไม่มีทางหนีงานแต่งงานนี้ไปแน่
จะมาเสียใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วเธอออกจากบ้านไปครึ่งปี กลับมาตัวเปล่า เมื่อมองดูรอบข้างคฤหาสน์ทั้งหรูหราและโอ่อ่า ไม่ว่าด้วยใช่วิธีใด เธอต้องเอาทุกอย่างกลับมาเป็ของเธอให้ได้ไม่ว่าจะเป็มู่อี้หาน หรือ ตำแหน่งคุณผู้หญิงของคฤหาสน์แห่งนี้มันยิ่งทำให้เธออยากเป็คุณนายมู่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
หยิ่นยวี๋โม่ใส่ชุดคลุมอาบน้ำสีขาวผมเผ้าเปียกปอน เดินออกจากห้องน้ำ ในมือถือผ้าขนหนูผืนหนึ่งเดินไปพลางเช็ดผมไปพลาง จู่ๆ ประตูห้องนอนถูกเปิดออก มู่อี้หานเดินเข้ามา
“คุณ คุณ...” หยิ่นยวี๋โม่หันหลังชนเข้ากับแผงอกอันกำยำของเขาจนผ้าขนหนูของเธอร่วงลงบนพื้น
มู่อี้หานก้มลงเก็บผ้าขนหนู “ผมเพิ่งเดินเข้ามา คุณก็รีบมากอดเลย เมียจ๋า ไม่รีบไปหน่อยเหรอจ๊ะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ” เธอไม่ได้ปรี่เข้าไปกอดเขาเขาต่างหากที่เขามาโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง
“ไม่ใช่อะไรล่ะ หืม?” มู้อี้หานหยิบผ้าขนหนูที่คลุมหัวเธอไว้ออกส่วนมืออีกข้างหนึ่งดึงเชือกคาดเอวของชุดอาบน้ำจนหลุด หยิ่นยวี๋โม่ยกมือพยายามปัดป้องแต่เธอกลับััได้ถึงความเย็นบนร่าง เมื่อก้มลงมอง
“ว้าย” เธอร้องจนเสียงหลงผู้ชายคนนี้ทำแบบนี้ได้ยังไงกัน?
มู่อี้หานฉวยโอกาสนี้โอบรอบตัวเธอไว้ “เสื้อผ้าพวกนี้คงรอผมมาถอดมันไม่ไหวแล้วสินะ หรือเป็เพราะผมดูแลคุณได้ไม่ดีใช่ไหม?”
“ไม่ใช่นะ ฉัน...” หยิ่นยวี๋โม่พยายามดึงเสื้อคลุมอาบน้ำขึ้นถึงเธอจะไร้เดียงสา แต่ก็ไม่ได้โง่ ที่อยู่ตรงหน้าเป็เพียงการแสดงสุดยั่วยวนของเขา
“จะใช่หรือไม่ใช่ มันไม่สำคัญหรอกนะ ที่สำคัญคือคืนนี้ผมจะดูแลคุณอย่างดีไม่ทำให้คุณผิดหวังเลยล่ะ” รอยยิ้มเย้ายวนของเขาริมฝีปากของเขาค่อยๆ แตะแก้มของเธอ ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็หันหลังเข้าห้องอาบน้ำไป