หยิ่นยวี๋โม่ได้ยินเสียงคุ้นๆจึงหันหน้าไปดู “คุณเหลิ่ง”
“เป็เธออีกแล้วเหรอเนี่ย! พวกเรายังบังเอิญเจอกันเหมือนเดิมเลยนะ” เหลิงจิ่งชวนยิ้มและนั่งลงข้างเธอ
“นั่นน่ะสิ สงสัยดวงเราจะสมพงศ์กันนะคะ” หยิ่นยวี๋โม่ยิ้มตอบหล่อน หลังจากงานเลี้ยงประมูลการกุศลพวกเธอทั้งคู่ก็ไม่ได้พบกันอีก
“อี้หาน คุณคิดว่าถ้าพี่ใส่ชุดนี้ แล้วจะดูดีหรือเปล่าน้า?” หยิ่นยวี๋ซินเลือกเสื้อผ้ากองโต ก่อนจะคิดถึงหยิ่นยวี๋โม่ซึ่งอยู่ข้างๆ
หยิ่นยวี๋ซินเห็นผู้หญิงสวยเด่นคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างหยิ่นยวี๋โม่ในขณะที่ตัวเธอเลือกเสื้อผ้าจนมือไม้แข็งไปหมด
“พี่คะ คนนี้คือ...” หยิ่นยวี๋ซินมองเหลิงจิ่งชวน ส่วนเหลิงจิ่งชวนเมื่อเห็นท่าทีของมู่อี้หานและหยิ่นยวี๋ซินซึ่งดูสนิทสนมกันเป็อย่างดีหล่อนยิ้มมุมปากทันที มิน่าล่ะ ตอนหยิ่นยวี๋โม่มองมาทางหล่อนสีหน้าท่าทางถึงดูไม่ค่อยรื่นรมย์สักเท่าไร
“โม่โม่ ฉันมีเื่อยากจะคุยกับเธอหน่อยตอนนี้เธอว่างคุยกับฉันไหม?” เหลิงจิ่งชวนถามขึ้น
“ได้สิคะ” หยิ่นยวี๋โม่พยักหน้ารับ มู่อี้หานซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไร ความจริงเขาไม่คิดว่าจะบังเอิญมาเจอเหลิงจิ่งชวนที่นี่เหลิงจิ่งชวนและหยิ่นยวี๋โม่จึงเดินมานั่งที่ร้านกาแฟซึ่งอยู่ไม่ไกลกับร้านเสื้อผ้า
“คุณเหลิ่ง เื่เมื่อครู่ ขอบคุณมากเลยนะคะ” เธอขอบคุณเหลิงจิ่งชวนที่พาเธอออกมาจากตรงนั้นเพราะความจริงเธออยากจะหันหลังและเดินออกมา แต่เธอไม่กล้า จนกระทั่งพบเหลิงจิ่งชวนซึ่งบังเอิญช่วยเธอไว้อีกครั้ง
“ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอกนะ ครั้งก่อนที่เธอส่งแจกันลายครามมาให้ฉันต้องไปทำงานต่างประเทศพอดี แต่ฉันชอบมันมากนะ” เหลิงจิ่งชวนพูดคุยกับเธอ ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน หล่อนทราบถึงความสัมพันธ์ของมู่อี้หานและหยิ่นยวี๋โม่แต่สำหรับหญิงสาวที่เพิ่งได้พบ หล่อนไม่รู้จริงๆ ว่าเป็มาอย่างไร
“คุณชอบก็ดีแล้วล่ะค่ะ” หยิ่นยวี๋โม่ยิ้มแต่นัยย์ตาคู่นั้นที่มองออกไปนอกหน้าต่างกลับมีแต่ความเศร้าหมอง
“โม่โม่ เธอคือภรรยาของประธานมู่นะ” เหลิงจิ่งชวนไม่ใช่ผู้หญิงที่จะยอมใครง่ายๆ แต่ถ้าไม่เห็นสายตาวิงวอนขอความช่วยเหลือเมื่อครู่หล่อนไม่มีทางพาเธอออกมาเด็ดขาด
การหนีไม่ใช่การแก้ปัญหาโดยเฉพาะเื่ความสัมพันธ์ของสามีภรรยาที่มีมือที่สามเข้ามาพัวพัน
หยิ่นยวี๋โม่รู้ว่าเหลิงจิ่งชวน้าจะสื่ออะไรเธอเองก็เข้าใจทว่าหญิงสาวที่คลอเคลียอยู่กับมู่อี้หานก็คือน้องสาวของเธอ
“ฉันคงทำไม่ถูกสินะคะ?” หยิ่นยวี๋โม่รู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าทั้งที่เธอกับมู่อี้หานเป็สามีภรรยาที่ถูกต้อง! เหลิงจิ่งชวนเพียงแค่ยิ้ม ไม่ตอบอะไร และดื่มกาแฟต่อไป
หยิ่นยวี๋ซินควงแขนมู่อี้หานออกจากร้านเสื้อผ้าส่วนพนักงานในร้านถือถุงมากมายเดินตามออกมาวางไว้ที่กระโปรงท้ายรถ
“อี้หาน ฉันเริ่มหิวแล้วล่ะค่ะอยากกินอาหารอิตาลีจัง” หยิ่นยวี๋ซินออดอ้อนมู่อี้หาน
แต่สีหน้าท่าทางของมู๋อี้หานกลับเมินเฉย“เธอขึ้นรถไปก่อนแล้วกัน”
“อี้หาน นี่คุณไม่อยากพาฉันไปเหรอ?” หยิ่นยวี๋ซินรู้ว่าหยิ่นยวี๋โม่ไม่ชอบอาหารอิตาลี ดังนั้นอาหารมื้อนี้จะมีเพียงหล่อนและมู่อี้หานไม่ใช่หยิ่นยวี๋โม่
“ขึ้นรถเดี๋ยวนี้ อย่าให้ฉันต้องพูดเป็รอบที่สามนะ” เสียงของมู่อี้หานเริ่มดังและดุดันมากขึ้น หยิ่นยวี๋ซินได้แต่ขึ้นรถไปนั่งเงียบๆส่วนมู่อี้หานหยิบโทรศัพท์กดไปที่เบอร์ของหยิ่นยวี๋โม่ดูท่าทางเธอไม่ใช่คนขี้หงุดหงิดอะไร หยิ่นยวี๋โม่เพียงมองเบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้าจนมันดังไม่หยุดเมื่อเธอมองออกนอกหน้าต่าง ก็เห็นเขายืนอยู่หน้าประตูร้านเสื้อผ้าพอดี
“โม่โม่ เขารอเธออยู่นะ รีบลงไปเถอะ! วันหลังมีเวลาค่อยไปหาฉันที่บริษัทก็ได้” เหลิงจิ่งชวนยื่นนามบัตรให้เธอ
“โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นครั้งต่อไปขอฉันเป็ฝ่ายเลี้ยงกาแฟคุณบ้างนะคะ” หยิ่นยวี๋โม่รับนามบัตรและโบกมือลาเหลิงจิ่งชวน
มู่อี้หานไม่ใช่คนมีความอดทนสูงสักเท่าไรเมื่อเขาโทรหาหยิ่นยวี๋โม่สองครั้งแล้วเธอไม่รับ เขาเริ่มไม่พอใจ เมื่อหยิ่นยวี๋โม่รีบเดินจ้ำอ้าวออกจากร้านกาแฟก็รีบกล่าวขึ้น“ขอโทษที”
“ยวี๋ซินกลับมาแล้ว ดูเหมือนคุณจะไม่ดีใจเท่าไรนะ” มู่อี้หานโอบเอวเธอไว้ หยิ่นยวี๋โม่อยากจะดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเขาแต่แค่ถอยไปก้าวเดียว หลังของเธอก็ชนเข้ากับประตูรถแล้ว
“ฉันเปล่านะ” เธอส่ายหน้า เขาทำแบบนี้กับเธอบนถนนได้อย่างไร?
“ถ้าเปล่า แล้วเมื่อกี้คุณหนีไปทำไมละ อย่าลืมสิ ว่าคุณเป็เมียผม แค่ผมซื้อเสื้อผ้าให้น้องสะใภ้คุณถึงกับหึงเลยเหรอ?” หน้าของมู่อี้หานยื่นเข้าไปใกล้หน้าของเธอหยิ่นยวี๋โม่เบะปากเล็กน้อย
“ฉันไม่ได้หึง”
เธอจะหึงหรือไม่ ก็ไม่ใช่เื่สำคัญ ปัญหาคือมู่อี้หานเห็นหยิ่นยวี๋ซินเป็แค่น้องสะใภ้จริงหรือ? มีน้องสะใภ้กับพี่เขยที่ไหนสนิทชิดเชื้อกันถึงขั้นควงแขนกัน?
“ไม่ก็ดีแล้ว” มู่อี้หานใช้ริมฝีปากหอมเข้าไปบนแก้มของเธอฟอดหนึ่ง“ขึ้นรถสิ” มู่อี้หานปล่อยตัวเธอ หยิ่นยวี๋โม่จึงเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถมู่อี้หานไม่ได้ขับรถไปร้านอาหารอิตาลี แต่ขับกลับคฤหาสน์ แม้หยิ่นยวี๋ซินจะไม่ค่อยพอใจเท่าไรแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากคัดค้านอะไรมู่อี้หาน แม่บ้านโจวเมื่อเห็นหยิ่นยวี๋ซินกลับมาเธอเองก็ใมากเช่นกัน
“แม่บ้านโจว ฉันกลับมาแล้วนะ” หยิ่นยวี๋ซินเข้าไปสวมกอดแม่บ้านโจว
“แม่บ้านโจว ฉันคิดถึงป้าจังเลย คิดถึงอาหารที่ป้าทำด้วย”
“คุณหนูรองกลับมาก็ดีแล้วค่ะเดี๋ยวฉันไปเตรียมอาหารที่คุณชอบรอไว้นะคะ” แม่บ้านโจวเดินกลับเข้าไปในครัว ส่วนหยิ่นยวี๋โม่เดินขึ้นห้องของตัวเองซึ่งอยู่ชั้นบนทิ้งตัวลงบนโซฟา แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย
“อี้หาน ฉันต้องอยู่ห้องไหนคะเนี่ย?” มู่อี้หานและหยิ่นยวี๋ซินทั้งคู่ขึ้นมาข้างบนเช่นกัน คฤหาสน์แห่งนี้กว้างขวางไม่ว่าจะเป็ห้องไหน ล้วนแต่ถูกตกแต่งมาอย่างดี
“เธอเลือกตามสบายเลย” มู่อี้หานบอกหยิ่นยวี๋ซินซึ่งยืนอยู่ข้างๆ
หยิ่นยวี๋ซินเหลือบเห็นห้องหนึ่งซึ่งประตูปิดไม่สนิทหล่อนจึงผลักประตูเข้าไป “พี่”
หยิ่นยวี๋โม่ได้ยินคนเรียกจึงหันหน้ามาตามเสียง“ยวี๋ซิน”
“ฉันกำลังเลือกห้องอยู่เลยค่ะ งั้นฉันขออยู่ห้องข้างๆ พี่แล้วกันได้ไหมคะ?” หยิ่นยวี๋ซิน้าอยู่ห้องที่ไม่ไกลจากห้องนี้มากนัก
“ได้สิ ถ้าเธอชอบ” หยิ่นยวี๋โม่พยักหน้าเธอมีสิทธิ์อะไรจะพูดคำว่าไม่?
“ถ้าเป็แบบนี้ก็ดีเลย” หยิ่นยวี๋ซินยิ้มกว้าง “อี้หาน คุณพาฉันไปดูห้องหน่อยสิคะ”
ข้างห้อง หยิ่นยวี๋ซินมองเห็นห้องซึ่งถูกตกแต่งไปด้วยสีชมพูและสีม่วงผ้าม่านลูกไม้ตรงหน้าต่างลากยาวจนถึงพื้น
“เป็ไงบ้าง? ยวี๋ซิน เธอชอบไหม? ถ้าขาดเหลืออะไร เดี๋ยวค่อยไปซื้อเพิ่มเอานะ” มู่อี้หานนั่งอยู่บนเตียง และมองหยิ่นยวี๋ซินซึ่งกำลังสำรวจห้องจนทั่วเธอยิ้มออกมาบางๆ จนเหมือนไม่ยิ้ม
“อี้หาน งั้นพรุ่งนี้คุณพาฉันไปซื้อของหน่อย ได้ไหมล่ะคะ?” หยิ่นยวี๋ซินให้คนรับใช้ซึ่งอยู่ด้านหลัง นำเสื้อผ้าของเธอไปเก็บเข้าตู้ ส่วนหล่อนเดินมาอยู่ข้างๆ มู่อี้หานความจริงในห้องไม่มีอะไรขาดแล้ว ทว่าหล่อนคงไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้อยู่กับเขาหลุดลอยไปเด็ดขาด
“ถ้าเธออยากซื้อของ ให้โม่โม่ไปเป็เพื่อนเธอก็ได้ เธอไม่ได้กลับมาตั้งนานเธอกับโม่โม่ไปช็อปปิ้งกันคงจะสนุกดีนะ” มู่อี้หานไม่มีเวลาไปซื้อของกับเธอ หยิ่นยวี๋ซินแค่ฟังก็รู้ทันทีว่ามู่อี้หานปฏิเสธเธอแบบอ้อมๆแต่หล่อนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
“ก็ดีเหมือนกันนะ แต่พี่ของฉันเธอไม่ชอบไปช็อปปิ้งนี่นาคุณก็รู้ว่าพี่ชอบอยู่บ้าน แล้วพี่จะไปช็อปปิ้งได้ยังไงล่ะจริงไหม? งั้นฉันรอ่สุดสัปดาห์ พวกเราค่อยไปกันคงยังไม่สายไปหรอกค่ะ”