เฟิงจิ้งอี้จากไปได้ไม่นาน ตอนบ่าย ไป๋เส่าก็วิ่งกลับมาจากด้านนอกด้วยสีหน้าแดงเรื่อ บอกว่าเว่ยซูหานกลับมาแล้ว เหยียนชิงที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเตรียมจะออกไปต้อนรับ แต่คนผู้นั้นกลับเดินเข้ามาอย่างร้อนรน ไม่พูดพร่ำทำเพลง ถอดเสื้อคลุมทิ้งไปด้านข้างเข้ามาสวมกอดเขาทันทีโดยไม่สนใจผู้ใด
“ชิงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”
สำหรับการกระทำเช่นนี้ของฮูหยินน้อย เฉินเซียงและคนอื่นๆ ก็คุ้นเคยแล้ว ส่วนไป๋เส่าและหงเย่าทั้งสองมีไม่ได้มีใบหน้าแดงเรื่อและหัวใจเต้นแรงเหมือนแต่ก่อนแล้ว พวกนางมองพวกเขาด้วยความตื่นเต้น หลังจากเฉินเซียงส่งสายตาให้พวกนาง ก่อนจะพาพวกนางออกไปอย่างเงียบๆ
ครั้งนี้เหยียนชิงไม่ได้ตำหนิเว่ยซูหาน ใบหน้าแดงระเรื่อยกมือขึ้นสวมกอดอีกฝ่าย “กลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว”
คนที่ทั้งร่างมีไอเย็นเวลาสวมกอดกลับให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็พิเศษ ทำให้จิตใจที่อ้างว้างของเขาผ่อนคลายลง
เว่ยซูหานซุกหน้าลงบนคอของอีกฝ่าย เขาสูดดมลมหายใจสูดกลิ่นที่คุ้นเคยพลางเอ่ยเสียงแหบพร่า “อืม ขอโทษที่ทำให้เ้าต้องเป็ห่วง”
“แค่ก...” เหยียนชิงไอกลบเกลื่อนแล้วกล่าวว่า “ก็ดีแล้ว ข้าเชื่อว่าเ้าจะกลับมาอย่างปลอดภัยแน่”
พูดจบก็ยื่นมือไปลูบหน้าอกเขา “แผลหายดีหรือยัง อากาศหนาวขนาดนี้ยังรีบเร่งเดินทางมา เดี๋ยวก็ไม่หายหรอก”
เว่ยซูหานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เอาละ เ้าวางใจได้ ข้าไม่เป็อะไรแล้ว”
ผ่านไปไม่นาน เหยียนชิงก็แยกตัวออกมา แก้มของเขาแดงระเรื่อเล็กน้อย สายตาร้อนผ่าวของเว่ยซูหานทำให้เขาไม่กล้าสบตานานนัก จนต้องหลุบตาลงต่ำ ปล่อยให้เขาจ้องตนเช่นนั้น เป็ดังคาด มีเพียงตอนที่เผชิญหน้ากับเว่ยซูหานเท่านั้นที่หัวใจของเขาเต้นไม่เป็จังหวะ สั่นระรัวอย่างบอกไม่ถูก ในใจของเขา คนผู้นี้ช่างแตกต่างจากคนอื่น
เว่ยซูหานมองยอดรักของตนที่ไม่ได้เจอกันมาหลายเดือนด้วยสายตาจริงจัง สุดท้ายก็พูดด้วยความเ็ปว่า
“เ้าผอมไปนะ เป็อะไรไป ไม่สบายหรือ?”
เหยียนชิงส่ายหน้าปฏิเสธ “ที่ไหนกัน ข้าแข็งแรงดี”
หนึ่งเดือนมานี้เว่ยซูหานขาดการติดต่อไป เขาจึงไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่นัก
“จริงหรือ?”
เว่ยซูหานยิ้มอย่างเอ็นดู ทันใดนั้นแววตาก็ฉายแววเ้าเล่ห์ เมื่อเหยียนชิงได้สติก็ถูกเขาอุ้มขึ้นมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเ้าเล่ห์
“ตัวโตขนาดไหนแล้วต้องให้ข้าตรวจสอบ”
“ปล่อยข้านะ... กลางวันแสกๆ เ้าช่วยเพลาๆ ลงหน่อย พอกลับมาก็เป็แบบนี้ได้อย่างไร?”
เหยียนชิงพยายามดิ้นรนอย่างหนัก แต่การประท้วงไม่ได้ผล ตอนนี้เว่ยซูหานใช้วิธีจัดการกับเขาอย่างเผด็จการ
เว่ยซูหานโผตัวลงบนเตียงนุ่มๆ พลางตอบ
“เป็สามีภรรยากันจะมีมารยาทอะไรให้มากมาย อากาศข้างนอกค่อนข้างหนาว ข้าเพิ่งกลับมาจากข้างนอก เ้าช่วยให้ความอบอุ่นแก่ข้าได้หรือไม่...”
เหยียนชิงหยิกแขนอีกฝ่ายด้วยหน้าแดง
“เ้าจะพูดเช่นนั้นก็ไม่ถูก ั้แ่กลับมาเ้าก็พุ่งใส่ข้า มันไม่ถูกต้องเลย หนวดเครายังไม่โกน เสื้อผ้าเ้าก็ยังไม่เปลี่ยนเลย”
เว่ยซูหานก้มหน้ามองตัวเอง ก่อนจะเริ่มฉีกกระชากเสื้อผ้าอีกฝ่าย และก้มหน้าไซ้คออีกฝ่ายอย่างชั่วร้าย
“เป็อะไร พอข้ากลับมาเ้าก็รังเกียจข้าหรือ หืม?”
เหยียนชิงผลักอีกฝ่ายออกและหันหน้าหนี “รู้ก็ดี... โอ้ย คันจะตายอยู่แล้ว เอาหน้าเ้าออก! อย่าถู...”
เว่ยซูหานไม่ยอมแพ้ “ใครใช้ให้เ้ารังเกียจข้า...”
พูดจบมือที่เย็นเฉียบก็สอดเข้าไปในเสื้อผ้าของเขา “ขอโทษนะ มือข้าเย็นนิดหน่อย...”
“อื้อ อือๆ...”
ฝ่ามือที่เย็นเฉียบและหยาบกร้านััเข้ากับผิวของเหยียนชิงจนตัวแข็งทื่อ เขาหอบหายใจต่ำ อดกัดริมฝีปากล่างไม่ได้
เว่ยซูหานยื่นมืออีกข้างทัดปอยผมที่ข้างใบหน้าของอีกฝ่ายแล้วถามว่า “ชิงเอ๋อร์ ่นี้คิดถึงข้าหรือไม่”
เหยียนชิงมองไปด้านข้างด้วยความลำบากใจ “เ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?” เหตุใดถึงชอบถามคำถามที่ชัดเจนขนาดนี้
เว่ยซูหานก้มหน้าจูบคอเขา
“เ้าพูดมาสิ ข้าอยากฟัง หลายเดือนมานี้ข้าคิดถึงเ้ามาก... ข้ากังวลว่าเ้าจะไม่ดูแลตัวเองเพราะข้า ตอนนี้พอกลับมาบ้าน เ้าก็ผอมลงมาก ข้าปวดใจจริงๆ...”
เมื่อได้รับาเ็และถูกลอบสังหาร สิ่งเดียวที่เขาคิดคือต้องมีชีวิตกลับมาไม่อย่างนั้นยอดรักของเขาผู้นี้จะเป็ของคนอื่นในอนาคต
“อืม” เหยียนชิงพยักหน้า ก่อนจะจูบมุมปากของเขาพลางหอบหายใจ “ข้าก็คิดถึงเ้าเช่นกัน ข้าเป็ห่วงเ้ามาก”
“อืม ข้าดีใจจริงๆ...”
เว่ยซูหานยิ้มอย่างพอใจ การเกลี้ยกล่อมคนรักให้พูดคำว่ารักก็เป็ความสุขอย่างหนึ่ง
“พี่เฉินเซียง พวกเราควรยกน้ำชากับของว่างเข้าไปหรือไม่?”
หงเย่ายืดคอและมองเข้าไปในบ้าน พบว่าคุณชายและฮูหยินน้อยไม่ได้อยู่ข้างนอกแล้ว
เฉินเซียงมองเข้าไปข้างในและถามว่า “เ้าทนรับกระบวนท่าของคุณชายได้กี่กระบวนท่า?”
หงเย่ากะพริบตาปริบๆ คิดอย่างจริงจัง “น่าจะ... ได้สักสามกระบวนท่ากระมัง”
หากฮูหยินน้อยไม่ยั้งมือ เพียงฝ่ามือเดียวก็จะสามารถตบนางจนกระเด็นออกไปได้...
เฉินเซียงเม้มปากและจิ้มไปที่หน้าผากของนาง “เช่นนั้นเ้าอยากเข้าไปลองตอนนี้หรือไม่?”
ปกติสาวน้อยคนนี้ฉลาดมาก เหตุใดครั้งนี้นางถึงโง่เขลา? ไม่ต้องคิดให้มากความก็น่าจะรู้แล้วไม่ใช่หรือ? เดินเข้าไปคงรนหาที่ตายเท่านั้นกระมัง?
ไป๋เส่าที่อยู่ด้านข้างเห็นหงเย่าทำหน้าโง่งมก็อดหัวเราะไม่ได้ จึงเอ่ยขึ้นว่า
“หงเย่า เ้าโง่เขลายิ่งนัก สิ่งที่ฮูหยิน้าตอนนี้คือคุณชายไม่ใช่ชาร้อนหรือของว่าง หากเข้าไปคงสลบด้วยฝ่ามือเดียวกระมัง?”
“หา?” ในที่สุดหงเย่าก็คิดออก ใบหน้าของนางแดงเรื่อขึ้นทันที “คุณชายและฮูหยินน้อยช่างรักกันจริงๆ แม้แต่ตอนกลางวันยัง...”
ไป๋เส่าปิดปากหัวเราะเบาๆ “นี่แหละหนา ยิ่งไกลกันก็ยิ่งทำให้รักกันมากขึ้น”
เฉินเซียงไม่กล่าวอะไรอีก แต่การแสดงออกของนางก็เต็มไปด้วยความยินดี ตอนนี้พวกเขารู้สึกว่าคุณชายและฮูหยินน้อยเกิดมาเพื่อเป็คู่กัน จริงๆ แล้วโชคชะตาที่ชั่วร้ายได้กลายมาเป็พรหมลิขิต นี่เป็เื่ที่น่ายินดียิ่ง
ส่วนเื่ที่เว่ยซูหานกลับมาก็วิ่งไปหาเหยียนชิงทันที ฮูหยินเหยียนไม่ตำหนิ แต่นางกลับส่งคนมาส่งข่าวว่างานเลี้ยงรับวันเกิดของเหยียนชิงจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ วันนี้ให้เขาพักผ่อนให้เต็มที่
หลังจากเว่ยซูหานทรมานเหยียนชิงอยู่บนเตียงไปแล้วหนึ่งรอบ เขาก็ได้ยินคำสั่งนี้ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไปภายใต้สายตาคลุมเครือของเฉินเซียงและคนอื่นๆ เขาถ่ายทอดคำพูดของมารดาให้เหยียนชิง กอดคนที่นอนอยู่บนเตียงพลางกล่าวว่า
“ท่านแม่เข้าใจเราจริงๆ”
เหยียนชิงกลอกตาใส่เขา “เ้ายังมีหน้ามาพูดอีก ได้คืบจะเอาศอก...”
แต่หลังจากเห็นรอยแผลเป็ใหม่บนหน้าอกของเขา น้ำเสียงของเขาก็อ่อนลงอีกครั้ง
“นางเองก็เป็ห่วงเ้ามาก ต่อให้คืนนี้ไม่มีงานเลี้ยง เ้าก็ไปคุยกับนางสักหน่อย”
เว่ยซูหานพยักหน้า “ข้ารู้ เ้าพักผ่อนเถอะ ข้าจะไปเยี่ยมท่านแม่เดี๋ยวนี้ เดี๋ยวกลับมากินข้าวกับเ้า”
หลังจากพูดจบเขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนเหยียนชิงก็ห่อตัวอยู่ในผ้าห่มแล้วมองไปที่เขา แม้ว่ารอยแผลเป็จะเป็ผลงานของบุรุษในสนามรบ แต่เขาก็รู้สึกปวดใจมาก อดไม่ได้ที่จะตำหนิอีกสองสามประโยค เพื่อให้เขาระวังตัวให้มากในอนาคต
การเดินทางครั้งนี้ของเว่ยซูหานคล้ายกับที่เหยียนชิงคาดเดาไว้ เขาช่วยฮั่วหยางไว้ และได้พบกับทหารเก่าของแม่ทัพเว่ย แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ เว่ยซูหานยังมีส่วนร่วมในการต่อสู้ที่ชายแดนอยู่หลายครั้ง และล้วนประสบผลสำเร็จ นี่เป็เหตุผลว่าทำไมเว่ยซูหานถึงได้รับาเ็มากมายขนาดนี้
เมื่อเป็เช่นนี้ บวกกับคำร้องขอของแม่ทัพชายแดน ไม่น่าแปลกใจที่ท่าทีของตี้จวินจึงซับซ้อน แต่ท่าที่เช่นนี้ของตี้จวินนับว่าเป็ค่าตอบแทนที่คุ้มค่า