บทที่ 159 จะใช้ชีวิตร่วมกันต่อหรือเปล่า
ั้แ่ครั้งนั้นที่สวี่จือจือกลับไปบ้านตระกูลสวี่ แล้วเกือบถูกหวังซิ่วหลิงและหวงรุ่ยเซิงขายไปเมืองหลวง สวี่จือจือก็เริ่มระวังตัวมากขึ้น
เธอคิดว่าเหอเสวี่ยฉินและหวังซิ่วหลิงเป็สองคนที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน คนหนึ่งอยู่หมู่บ้านผานสือ อีกคนอยู่หมู่บ้านเป่ยสุ่ย ถึงสองหมู่บ้านจะอยู่ใกล้กัน แต่การไม่รู้จักกันก็เป็ไปได้
ยิ่งไปกว่านั้น บ้านเกิดของหวังซิ่วหลิงอยู่ที่ประชาคมอื่น ห่างจากประชาคมชีหลี่มาก
ดังนั้นการที่ทั้งสองจะรู้จักกันก่อนแต่งงานยิ่งเป็ไปไม่ได้
ตอนที่เพิ่งทะลุมิติมา สวี่จือจือย่อยความทรงจำของร่างเดิมในหัว แล้วรู้สึกว่าถ้าหวังซิ่วหลิงไม่ใช่แม่เลี้ยง ก็ต้องเป็ไปได้ว่าร่างเดิมไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของหวังซิ่วหลิง
ในนิยายที่เธอเคยอ่าน ลักษณะแบบนี้มักมีโครงเื่เช่นนั้น
จนกระทั่งวันนั้น เธอบังเอิญเห็นหวีที่เหอเสวี่ยฉินใช้ เป็หวีไม้แดงเนื้อดี ลายสลักบนหวีค่อนข้างประณีต
ลู่ซือหยวนบอกว่านั่นเป็หวีที่เหอเสวี่ยฉินใช้มานาน เหมือนจะใช้ั้แ่มาที่บ้านตระกูลลู่
แต่หวีที่มีเนื้อไม้แบบเดียวกัน สวี่จือจือเคยเห็นที่บ้านตระกูลหวัง ในห้องของสวี่เจวียนเจวียนมีหวีวางไว้อยู่ หวังซิ่วหลิงบอกว่าเป็ของพ่ออีกฝ่าย ซึ่งก็คือตาของร่างเดิมซึ่งเป็ช่างฝีมือ เมื่อปีนั้นได้ไม้เนื้อดีมาชิ้นหนึ่ง แต่ไม้ชิ้นนั้นเล็กเกินไปเลยทำได้แค่เล่มเดียว
หวังซิ่วหลิงบอกว่ามีแค่เล่มเดียว เลยยกให้สวี่เจวียนเจวียน ถึงลายสลักจะไม่เหมือนกันเป๊ะ แต่เนื้อไม้และฝีมือ สวี่จือจือมั่นใจว่ามาจากช่างคนเดียวกัน
เมื่อหวังซิ่วหลิงกับเหอเสวี่ยฉินรู้จักกัน ลองสมมติดู ถ้าวันนั้นหวังซิ่วหลิงทำไม่สำเร็จ อีกฝ่ายจะให้เหอเสวี่ยฉินช่วยหรือไม่?
ส่วนเหอเสวี่ยฉินกับสวี่จือจือไม่เคยลงรอยกัน ถ้าอีกฝ่ายเป็คนบอก สวี่จือจือคงจะไม่เชื่อ ต่อให้เชื่อก็คงระวังตัว
แต่ถ้าเื่นี้มาจากเริ่นอิ๋งอิ๋งที่แทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับสวี่จือจือ ความน่าเชื่อถือก็จะสูงขึ้นมาก
สวี่จือจือไม่ทันระวัง โอกาสสำเร็จของพวกเขาก็มาก
แค่ไม่รู้ว่าเหอเสวี่ยฉินมีอะไรของเริ่นอิ๋งอิ๋งอยู่ในมือ หรือพูดอะไรถึงทำให้เริ่นอิ๋งอิ๋งยอมทุ่มสุดตัว แม้ลู่หวยเฟิงจะขอหย่าก็ยังไม่ยอมบอกว่าใครอยู่เื้ั
“ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดอะไร” เริ่นอิ๋งอิ๋งได้ยินคำพูดของสวี่จือจือ เห็นได้ชัดว่าตื่นตระหนก แต่ยังคงยืนกรานไม่ยอมรับ
“เธอแอบไปตกลงกับคนอื่นไว้แท้ๆ ฉันก็แค่ช่วยส่งข่าวเท่านั้น”
“ยังไม่ยอมพูดอีกเหรอ? เธอยังไม่ยอมพูดอีก!” ลู่หวยเฟิงโกรธจนแทบะเิ “เริ่นอิ๋งอิ๋ง เธอคิดว่าไม่พูดแล้วพวกเราจะทำอะไรเธอไม่ได้เหรอ?”
“เหอะๆ” เขาถอยหลังสองก้าวด้วยความผิดหวัง “เริ่นอิ๋งอิ๋ง เธอทำให้ฉันผิดหวังมาก”
พูดจบก็ไม่รอให้คนอื่นตอบสนอง เขาหันหลังเดินออกไป
เมื่อเดินมาถึงหน้าลู่จิ่งซาน เขาก็หยุดลง “จิ่งซาน เื่นี้อาสามต้องขอโทษแก”
พูดจบ เขาก็โค้งตัวให้ลู่จิ่งซาน
“อาสาม” ลู่จิ่งซานรีบประคองอีกฝ่าย แต่ลู่หวยเฟิงก้าวเท้ายาวๆ ออกไปแล้ว
ด้านหลัง เริ่นอิ๋งอิ๋งตื่นตระหนก ะโลงจากเตียง แล้ววิ่งตามเขาไป “พี่จะไปไหน?”
ลู่หวยเฟิงหยุดแล้วหันไปมองเธอ มุมปากยกขึ้นเป็รอยยิ้มเ็ป “เธอไม่ใช่ห่วงงานครูประถมมากเหรอ? เดี๋ยวตอนนี้ฉันจะไปบอกอาจารย์ใหญ่ ว่าฉันไม่ทำแล้ว”
มารดามันเถอะ ก็แค่ครูประถมไม่ใช่เหรอ? ยังคิดว่าเป็สมบัติอะไรเสียอีก เขาไม่อยากทำมันตั้งนานแล้ว!
“ฉันไม่ยอมให้พี่ไป” เริ่นอิ๋งอิ๋งพุ่งมาคว้าแขนลู่หวยเฟิงอย่างตื่นตระหนก “ฉันไม่ยอมให้พี่ไป”
“เริ่นอิ๋งอิ๋ง” ลู่หวยเฟิงมองเธอแล้วพูด “ตอนนั้น เธอคบกับฉันเพราะรู้ว่าฉันจะได้เป็ครูประถมใช่ไหม?”
จะเป็ไปได้ยังไง?
ลู่หวยเฟิงได้งานนี้เพราะเข้าไปแทนที่กู้ฉิงโหรว ก่อนหน้านี้เขาเป็แค่ครูชั่วคราว
ั้แ่ปีที่แล้วที่นโยบายเปลี่ยน เขาพยายามจนได้เป็ครูประจำ เงินเดือนขึ้นสองขั้น เดือนหนึ่งได้มากกว่าเดิมสิบแปดหยวน
ตั้งสิบแปดหยวนเชียว!
“พี่พูดบ้าอะไร?” เริ่นอิ๋งอิ๋งจับแขนลู่หวยเฟิงไว้แน่น
“ถ้าไม่ใช่ก็ปล่อยมือ” เขาพูด
ความจริงแล้ว คำถามนี้เขาเคยอยากถามมาหลายปี แต่ต่อมาก็ค่อยๆ ลืมไป
เริ่นอิ๋งอิ๋งหน้าตาดี คนที่ชอบเธอไม่ใช่แค่ลู่หวยเฟิงคนเดียว ตอนนั้นมีคนที่ชอบเธออีกหลายคน ่หนึ่งเธอเคยเ็ากับเขา และเธอเริ่มอบอุ่นขึ้นั้แ่เขาได้รับการยืนยันว่าเป็ครูประถม
วันหนึ่งเขาเจอเธอที่หน้าประตูหมู่บ้าน เธอบอกว่าเท้าแพลง เขาพาเธอไปสถานีอนามัย ซื้อยาแล้วส่งกลับไปบ้านอาของเธอ
ไปมาหลายครั้ง ความรู้สึกก็เปลี่ยนไป
บางครั้งลู่หวยเฟิงก็คิด ถ้าวันนั้นไม่มีเหตุบังเอิญแบบนั้น เขากับเธอจะยังมีโอกาสหรือเปล่า?
“ถ้าไม่เป็ครูแล้วพี่จะทำอะไร?” เริ่นอิ๋งอิ๋งไม่ยอมปล่อยมือ “ฉันไม่ยอมให้พี่ไป”
“งั้นก็บอกมา ใครสั่งให้เธอทำกันแน่?” ลู่หวยเฟิงพูด
“พูดไปมา พี่ก็เพื่อนังแพศยานั่น” เริ่นอิ๋งอิ๋งจ้องสวี่จือจือด้วยสายตาดุร้าย แล้วยิ้มเยาะ “เธอพูดไม่ผิดจริงๆ ั้แ่หล่อนเข้ามาในบ้านตระกูลลู่ บ้านหลังนี้ก็ไม่เคยสงบ”
“ตอนแรกก็ทำให้บ้านรองวุ่นวาย ตอนนี้มาทำให้บ้านสามของพวกเราเดือดร้อน”
“เธอแค่อยากให้ฉันบอกว่าเป็เหอเสวี่ยฉินใช่ไหม” เริ่นอิ๋งอิ๋งเยาะเย้ย “หวังจะยิงปืดนัดเดียวได้นกสองตัวสิท่า?”
“ลู่หวยเฟิง ฉันจะบอกอะไรพี่นะ ถ้าวันนี้พี่กล้าไป” เธอกัดฟัน “ฉัน…ฉันจะตายให้พี่ดู”
ลู่หวยเฟิงไม่พูดอะไร แล้วมองเธอด้วยสายตาเ็าจนเริ่นอิ๋งอิ๋งรู้สึกกลัว แต่ก็ยังยืนหยัดอย่างดื้อรั้น
ทั้งสองเหมือนเผชิญหน้ากันอย่างเงียบๆ
ในห้องเงียบลง แต่ข้างนอกเริ่มโกลาหล
“หลานสาว หลานสาวของฉัน” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น “ทำไมถึงคิดสั้นอยากตาย แกจะให้ฉันไปตอบพ่อแม่ที่ตายไปแล้วของแกยังไง?”
“น้า” ใบหน้าดื้อรั้นของเริ่นอิ๋งอิ๋งกลายเป็อ่อนแอ น้ำตาไหลพราก
‘เพียะ’
น้าเริ่นวิ่งตามเสียงมา แต่ไม่ได้ปลอบโยนหลานสาวก่อนเป็อย่างแรก เธอคว้าเสื้อลู่หวยเฟิงแล้วตบหน้าเขา
“ไอ้สารเลว แม้อิ๋งอิ๋งจะไม่มีพ่อแม่ แต่หล่อนก็ยังมีฉันเป็น้า” เธอคว้าลู่หวยเฟิงไว้ ทั้งร้องไห้ทั้งทุบตี “นายกล้าบังคับให้หล่อนไปะโน้ำได้ยังไง?”
“วันนี้ฉันจะพาหล่อนกลับไป พวกเราไม่ขออยู่ในบ้านตระกูลลู่ของนายแล้ว ไว้ฉันจะเตรียมสินเดิมให้หล่อน พวกเราหาคนที่ดีกว่านี้ได้”
ลู่หวยเฟิงยอมให้เธอผลักและทุบตีตามใจ
ทันใดนั้น เสียง ‘โครม’ ดังขึ้น
ทุกคนที่กำลังวุ่นวายเงียบเสียงลง
คุณนายลู่ทุบแก้วน้ำที่เธอรักลงกับพื้น
แก้วใบนี้ได้มาจากการไปร่วมประชุมรับรางวัลในเมือง เป็สัญลักษณ์แห่งเกียรติยศ เธอหวงแหนมาก
แก้วแตกเป็รอยร้าว น้ำข้างในไหลออกมา
ทุกคนมองเธอ
หญิงชราพูดช้าๆ “ถ้าอย่างนั้นก็พากลับไปเลย”
.............................