เสี้ยวเหวินตี้มองท่าทางชั่วร้ายของหลานสาว ก่อนจะหัวเราะฮ่าฮ่าออกมาพร้อมกับอุ้มตัวนางขึ้น การกระทำทั้งหลายของเสี้ยวเหวินตี้ทำเอาเหล่าขุนนางใหญ่ข้างพระวรกายต่างเป็ต้องตกตะลึงไป ฝ่าาที่ทรงเข้มงวดและเคร่งขรึมอยู่เสมอ น้อยนักที่จะยอมใกล้ชิดกับผู้ใด แต่ตอนนี้กลับแหกกฎเพื่อบุตรทั้งสามของชายาหนิงอ๋องครั้งแล้วครั้งเล่า ฉากตรงหน้านี้ทำให้ในใจของใครหลายคนรู้สึกไม่สงบ
สิ่งที่ต้องรู้ก่อน คนเหล่านี้ล้วนเป็ขุนนางใหญ่ขั้นหนึ่งชั้นสูงที่หลายคนต่างก็เลือกข้างไปเป็ที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาล้วนเอาชีวิตของตนและวงศ์ตระกูลไปพนันไว้กับท่านอ๋ององค์ใดองค์หนึ่ง ซึ่งล้วนแต่มองข้ามหนิงอ๋องผู้เป็องค์ชายสายตรงที่เคยถูกเสี้ยวเหวินตี้ขับไล่ไปหานโจวผู้นั้น ด้วยเหตุนี้ หากวันหน้าหนิงอ๋องได้ขึ้นครองราชย์ สิ่งที่รอพวกเขาอยู่คงมีแต่ความตายเป็หนทางเดียวให้ต้องเดิน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สายตาของคนบางคนที่มองไปยังหวานหว่านก็ฉายแววโกรธแค้นอยู่สองสามส่วน หวานหว่านที่อายุยังน้อย แน่นอนว่าไม่ได้เก็บสายตาของคนเหล่านี้มาใส่ใจ ทว่า หลิ่วเก๋อเหล่าที่อยู่ในกลุ่มนี้ด้วยกลับรู้สึกได้ถึงสายตาไม่ประสงค์ดีเ่าั้ ก่อนจะเหลือบไปเห็นเสี้ยวเหวินตี้ที่กำลังแย้มสรวลให้หลานสาวหวานหว่านอย่างอ่อนหวาน
เขาแอบคิดในใจ เสี้ยวเหวินตี้ทรงคิดอะไรอยู่ในพระทัยกันแน่? หากว่าพระองค์ทรงให้ความสำคัญกับหนิงอ๋องจริง เช่นนั้นก็ควรจะยิ่งปกป้องให้มากกว่าเดิมมิใช่หรือ แต่เหตุใดกลับทำทีให้ผู้อื่นทราบอย่างออกนอกหน้าว่าตนกำลังโปรดปรานหนิงอ๋องยิ่ง ชั่วขณะนั้นสายตาของเขาก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในใจยิ่งขบคิดให้ลึกซึ้งมากขึ้นหลายส่วน
ไม่รู้เพราะเหตุใดในสายตาของเขา เสี้ยวเหวินตี้ก็แค่กำลังตั้งใจจะส่งเสริมหนิงอ๋องขึ้นมา เพื่อให้ต่อกรกับรัชทายาท ส่วนเื่ที่ว่าพระองค์้าให้ใครเป็ผู้ได้รับผลประโยชน์หลังจากนั้น หลิ่วเก๋อเหล่ายังคิดไม่ออก
ตอนที่กำลังจะออกเดินทางกันต่อ อวิ๋นซีก็ได้รับจดหมายลับจากหลิ่วเก๋อเหล่า กระดาษแผ่นนั้นถูกเขียนไว้แค่อักษรสองตัว ‘ระวัง’
ส่วนว่าให้ระวังใคร หลิ่วเก๋อเหล่าไม่ได้บอก แต่กระนั้นในใจของอวิ๋นซีก็รู้ดี ท่านผู้ชราผู้นั้นคง้าให้นางระแวดระวังทุกคนที่สมควรให้ระแวงระวัง นางถามเตี๋ยอีเื่ที่หวานหว่านนำของว่างไปถวายฮ่องเต้ว่า ระหว่างนั้นได้เกิดเื่อันใดขึ้นบ้าง เตี๋ยอีจึงบอกเล่าทุกอย่างที่เห็นแก่นางจนหมดสิ้น
สายตาของอวิ๋นซีแปรเปลี่ยนทันที นางมองไปยังเตี๋ยอีแล้วถามต่อ “เื่นี้ เ้าคิดเห็นเป็ประการใด? ”
เตี๋ยอีไม่เคยคาดคิดว่า ผู้เป็นายจะถามความเห็นของตน นางขบคิดแล้วตอบออกไป “บ่าวคิดว่า ตอนนี้จะให้ดีที่สุดก็ควรหลบเลี่ยงศัตรูให้ได้มากที่สุดก่อนเพคะ เพราะสายตาของบรรดาขุนนางเ่าั้ที่มองจวิ้นจู่ล้วนแฝงแววโกรธแค้นไว้ทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม คุณชายน้อยทั้งสองที่อยู่ในจวนอ๋องก็ยังมีนายท่านและฮูหยินคอยปกป้องอยู่ แต่จวิ้นจู่น้อยที่ติดตามมาล่าสัตว์ด้วย บ่าวคิดว่า เป้าหมายที่คนเ่าั้จะสามารถลงมือด้วยได้ในตอนนี้ก็คือจวิ้นจู่น้อยเพคะ”
เตี๋ยอีรู้จักอวิ๋นซีมาหลายปี แน่นอนว่าย่อมต้องรู้นิสัยของนายหญิงตน ในเมื่อคนเอ่ยถาม นางก็ไม่ควรปิดบัง จึงได้บอกเล่าทุกอย่างออกมาตามจริง
อวิ๋นซีขบคิด จากนั้นจึงออกปากสั่ง “พวกเ้าต้องปกป้องอยู่ข้างกายหวานหว่านทุกฝีก้าว”
ครั้งนี้ที่ออกเดินทางมาก็ไม่เคยคิดว่าจะได้อยู่อย่างสงบสุขอยู่แล้ว คนเ่าั้ไม่มีทางยอมอยู่เฉยแน่ๆ ดังนั้น ในเมื่อเป็เช่นนี้ก็ให้นางได้ชมเสียหน่อยว่า อีกฝ่ายมีทีเด็ดอะไรอยู่บ้าง...
อวิ๋นซีและคนอื่นๆ มาถึงลานล่าสัตว์ของราชวงศ์ใน่ยามเซินของวันถัดมา นอกจากคนของราชวงศ์แล้ว ไม่ว่าจะเป็ขุนนางใหญ่ขั้นหนึ่งชั้นสูงหรือคนอื่นที่เหลือต่างก็ถูกจัดให้อาศัยอยู่แค่ในกระโจม ซึ่งอวิ๋นซีและสามีถูกจัดให้เข้าพักในเรือนขนาดกลาง แต่เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด คนที่ได้เข้าพักในเรือนนี้ด้วยก็ยังมีหลินหลานซินและจวิ้นจู่ของราชวงศ์อีกพระองค์หนึ่ง
อวิ๋นซีกำลังนั่งจิบชาอยู่ในตอนที่เตี๋ยอีเข้ามารายงานเื่ต่างๆ เหล่านี้ให้นางทราบ ชั่วขณะนั้นมือที่จับจอกชาอยู่ก็ถึงกับชะงักไป จากนั้นนางก็หัวเราะหึหึ “ดูท่า พวกเขาจะดูแลพวกเราเป็พิเศษเชียวนะ ถึงได้จัดเตรียมแม่นางที่งดงามราวหยกราวบุปผามาให้เสียด้วย”
คนจะเป็จวิ้นจู่ของราชวงศ์ก็ช่างเถอะ อย่างไรเสียก็ยังถือเป็พระขนิษฐาในนามของจวินเหยียน แต่หลินหลานซินนี่สิ แม่นางที่ยังไม่ออกเรือนผู้หนึ่งกลับถูกจัดสรรให้มาพักอยู่ที่นี่ นี่จะหมายความว่าเช่นไร อวิ๋นซีแค่นเสียงเ็าพูดว่า “ไปเชิญท่านอ๋องมา บอกว่าเปิ่นเฟยมีธุระกับเขา”
หวานหว่านมองมารดาที่กำลังเกรี้ยวกราดไปทีหนึ่ง นางพูดด้วยท่าทีสงบนิ่ง “ท่านแม่ เหตุใดจึงต้องโกรธเพราะนังอัปลักษณ์ผู้หนึ่งด้วยเล่า คนเยี่ยงนาง เสด็จพ่อข้าไม่มีทางเห็นอยู่ในสายตาหรอก”
“ข้าย่อมรู้อยู่แล้วว่า บิดาเ้าไม่มีทางเห็นสตรีนางนั้นอยู่ในสายตา แต่อีกฝ่าย จิตใจเต็มไปด้วยอุบาย เพื่อให้พวกเ้าทั้งสามไม่ต้องกลายเป็เด็กที่ไม่มีพ่อ ไม่ว่าอย่างไรแม่เ้าก็จำเป็ต้องป้องกันไว้ก่อน” อวิ๋นซีมองบุตรสาวไปทีหนึ่ง ช่างเป็เด็กน้อยที่หลักแหลมจริงๆ เพียงแต่การคิดเช่นนี้จะเรียกว่า เป็ผู้ใหญ่เกินตัวไปหรือเปล่า?
หวานหว่านหาวไปหนึ่งที พาดลำตัวไปบนเตียงที่เพิ่งจัดวางอย่างเรียบร้อยด้วยท่าทางเกียจคร้านเล็กน้อย นางยิ้มมองมารดา “ท่านแม่ ท่านต้องห้ามทะเลาะกับบิดาข้าเพียงเพราะผู้อื่น...”
ตอนที่จวินเหยียนเดินเข้ามาก็ได้ยินประโยคนี้ของบุตรสาวพอดี เขาอมยิ้มขึ้นหน้ามา เอ่ยปากถาม “มารดาเ้าจะทะเลาะอะไรกับข้า? ”
หวานหว่านรีบลุกขึ้นทันที พูดอย่างลิ้นพันกัน “ไม่มีอะไรเ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่คุยกันไปนะเ้าคะ ส่วนข้าจะกลับไปนอนที่ห้องของตนเอง” พูดจบ เด็กตัวน้อยก็รีบจูงมือเตี๋ออีเดินออกไป
อวิ๋นซีมองบุตรสาวที่มีท่าทีเหมือนกำลังหลบหนีอย่างแตกตื่น ก็อดไม่ได้ให้ยิ้มน้อยๆ แต่เมื่อหันกลับมามองใบหน้างดงามราวปีศาจที่ดึงดูดดอกท้อไปทั่วดวงนั้น นางก็ได้แต่แค่นเสียงเ็าออกมา “หลินหลานซินเองก็พักอยู่ในเรือนนี้”
จวินเหยียนพยักหน้า อืมออกไปเสียงหนึ่ง “นางคงขาดบุรุษ ถ้าอย่างไรก็หาส่งไปให้นางสักคนก็ใช้ได้แล้วนี่ พอดีเลยเื่เช่นนี้เปิ่นหวางไม่ได้ทำมานานแล้ว”
เมื่อนางได้ยินก็ค่อยๆ เดินมาข้างกายสามี ยิ้มถาม “เมื่อก่อน ท่านทำเื่เช่นนี้บ่อยหรือ? ”
จวินเหยียนได้ยินก็หัวเราะหึหึ “หลังจากที่ได้รู้จักกับเ้า ข้าก็ไม่ได้ทำอีก” พูดจบ เขาก็ลากนางให้ลงนั่ง จากนั้นจึงรินชาให้ตัวเอง จิบไปคำหนึ่งแล้วถึงได้ค่อยๆ เล่าออกมา
แท้จริงแล้วตอนอยู่ในหานโจวก็มีคนไม่น้อยที่ทั้งต่อหน้าและลับหลังมักจะแอบส่งสตรีเข้ามาในจวนหานอ๋องของเขา แต่ทุกครั้งเขาก็ได้ช่วยหาสามีให้คนเ่าั้แทน อีกทั้งมีอยู่่หนึ่งที่หมู่บ้านด้านล่างของเมืองหานโจว ภรรยาของบุรุษชราหลายคนต่างก็ตายจาก พรานจำนวนหนึ่งไม่มีอะไรให้พึ่งพาได้ กระทั่งชายบางคนยังไม่มีเงินพอจะแต่งภรรยา แต่ในคืนเดียวนั้นบนเตียงกลับมีร่างของสตรีเปลือยเปล่ามานอนอยู่
เมื่อจวินเหยียนเล่าจบก็รีบถามอย่างอวดดี “ภรรยา ตอนนั้น ข้าทำเื่ดีๆ ไปมากมายใช่หรือไม่ ข้ายังได้ยินมาว่า ตอนนี้มีบางคนได้ลูกชายแล้วด้วยนะ”
อวิ๋นซีเหงื่อตก มิคาดว่า หากเขาลงมือทำสิ่งใดขึ้นมาก็มักจะไม่เหลือทางรอดเอาไว้ให้ผู้อื่นเลย จู่ๆ นางก็คิดได้ว่ามีอยู่ปีหนึ่งที่มีโอกาสไปสำรวจหมู่บ้านด้านล่าง นางได้ยินมาว่า ลูกสาวเถ้าแก่คนหนึ่งในเมืองหานโจวได้ตบแต่งให้ชายชราในหมู่บ้านของพวกเขาที่มีอายุเกินครึ่งร้อยไปแล้ว ทั้งยังได้ยินมาว่า ชายชราคนนั้นเป็เพียงพรานเฒ่าที่นิสัยไม่ดี คนเสียภรรยาไปหลายปี แต่ก็ไม่อาจสู่ขอใครมาเป็ภรรยาได้อีกเลย
ทว่า ไม่รู้เพราะเหตุใดคุณหนูคนนั้นถึงได้ไปชมชอบพรานชราผู้นั้น อีกทั้ง คนยังมาหาอีกฝ่ายเองถึงบ้านในยามกลางค่ำกลางคืน พรานคนนั้นมีนิสัยเผด็จการและแข็งกร้าว คิดว่าในเมื่อจะมาเป็ผู้หญิงของตนแล้ว เช่นนั้นก็ควรจะรั้งอยู่กับเขา ช่วยสืบทอดควันธูป [1] ให้เขาสืบต่อไป
คืนนั้นพรานชราจึงจัดการทรมานคุณหนูผู้นั้นเสียจนน่าอนาถ และกว่าเถ้าแก่ในเมืองหานโจวจะตามหาบุตรสาวเจอ คนก็ตั้งครรภ์ได้สองเดือนกว่าแล้ว อวิ๋นซีคิดว่า เื่นั้นคงจะเป็บุรุษผู้นี้ช่วยดลบันดาลให้กระมัง เพราะตอนนั้นนางเองก็ยังประหลาดใจอยู่เลย ใครจะไปชอบของแปลกๆ เช่นนั้นกัน คนเป็คุณหนูอยู่ดีๆ แต่กลับวิ่งโร่ไปอยู่กับชายชรา
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] สืบทอดควันธูป(传承香火)หมายถึง การมีทายาท