“ตัวไม่ร้อนแล้ว ไข้หายแล้ว” น้องสาวของเอ้อร์หนิวจื่อหลั่งน้ำตาด้วยความยินดี วิ่งออกจากห้องด้วยความตื่นเต้นไปยืนรอคนทั้งสองอยู่ที่ลานบ้านด้วยความร้อนใจ “ท่านพ่อ พี่รอง เสี่ยวซวนจื่อยังไม่ได้กินยาเลยเ้าค่ะ เพียงขับถ่ายและกินนมเข้าไปก็หายไข้แล้ว”
ทุกคนโล่งใจราวกับยกูเาออกจากอก สายตาที่มองไปยังพี่น้องบ้านหลี่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
หลี่หรูอี้เชื่อว่าหากจะกระทำเื่ใดต้องทำให้ถึงที่สุด นางรอให้ภรรยาของเอ้อร์หนิวจื่อตื่นขึ้นเสียก่อนค่อยจับชีพจรดูอีกครั้ง แล้วเอ่ยถามไปว่า “ก่อนคลอดภรรยาของท่านเคยได้รับความใหรือไม่เ้าคะ?”
ดวงตาของเอ้อร์หนิวจื่อร้อนผ่าว กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเซื่องซึม “ใช่แล้ว ตอนนั้นวัวของเพื่อนบ้านเกิดคลั่งขึ้นมา เจอผู้ใดก็ควิดใส่ คนในหมู่บ้านร้องเตือนให้คนอื่นวิ่งหนีไป แต่นางหูไม่ดีเกือบโดนควิดหลัง พอกลับบ้านมาก็คลอดคืนนั้นเลย”
“ท่านหมอออกเทียบยาสงบใจให้หรือไม่เ้าคะ?”
“ออกให้แล้ว หลายวันมานี้นางจึงหลับลึก”
“ยาระบายเืในมดลูกเล่า?”
“ยาระบายเืในมดลูกคืออะไร?”
“ในมดลูกมีเืตกค้างอยู่ต้องระบายออกมา ในเทียบยามีอี้หมู่เฉ่าหรือไม่เ้าคะ?”
“ไม่มี”
“เมื่อครู่ข้าเพิ่งไปเก็บมาพอดี พวกท่านนำไปต้มให้นางดื่มเถิด”
“ได้” หากไปเชิญหมอมาตรวจอาการและออกเทียบยาให้ภรรยากับบุตรชาย อย่างน้อยคงต้องใช้เงินหนึ่งตำลึง เอ้อร์หนิวจื่อถูมือทั้งสองไปมา ไม่ทราบว่าจะขอบคุณหลี่หรูอี้เช่นไรดี
“ร่างกายภรรยาของท่านอ่อนแอยิ่งนัก พวกหยูกยารักษาเพียงอาการไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุ ต้องใช้อาหารเพื่อบำรุงควบคู่ไปด้วยจึงจะดี ต้องให้นางกินขาหมูตุ๋นถั่วเหลืองที่ข้าบอกท่านก่อนหน้านี้ด้วยนะเ้าคะ และต้องให้กินถั่วลิสง อินทผลัมแห้ง และไข่ไก่ทุกวัน”
ตับหมูช่วยเสริมธาตุเหล็ก แต่สตรีที่อยู่ใน่ให้นมบุตรกินไปแล้วจะทำให้ไม่มีน้ำนม
น้ำแกงไก่เป็อาหารบำรุงที่ดีที่สุด แต่เอ้อร์หนิวจื่อมีภาระหน้าที่มากมายคงซื้อไก่กินไม่ไหว
ขาหมูถูกกว่าไก่มาก ดังนั้นหลี่หรูอี้จึงแนะนำขาหมูเป็พิเศษ
น้องสาวของเอ้อร์หนิวจื่อกล่าวกับภรรยาของเอ้อร์หนิวจื่อด้วยเสียงอันดังว่า “พี่สะใภ้ หมอเทวดาน้อยช่วยชีวิตเสี่ยวซวนจื่อไว้แล้ว”
“ขอบคุณหมอเทวดาน้อยมากเ้าค่ะ” ภรรยาของเอ้อร์หนิวจื่อมีดวงตากลมโต แววตาทอประกายอ่อนโยน เพียงเห็นก็ทราบว่าเป็สตรีดีงามผู้หนึ่ง นางทำท่าจะลงจากเตียงมาโขกศีรษะเพื่อขอบคุณหลี่หรูอี้
หลี่หรูอี้รีบเข้าไปห้ามไว้ นางกลัวว่าภรรยาของเอ้อร์หนิวจื่อจะไม่ได้ยิน จึงะโไปว่า “รอให้ท่านออกจากการอยู่ไฟก่อนค่อยไปหาข้าที่บ้านนะเ้าคะ ข้าจะออกเทียบยารักษาหูให้ท่าน”
เอ้อร์หนิวจื่อเดินตามหลี่หรูอี้ออกมาจากห้องนอนด้วยความซาบซึ้งใจ จากนั้นจึงไปนำเกวียนลาออกมาจากห้องเก็บของแล้วนำมาเทียมให้ลาตัวผู้
เกวียนลามีสภาพค่อนข้างใหม่ ตัวเกวียนทำจากไม้ ล้อทั้งสองก็ทำจากไม้ ทั้งยังมีหลังคาที่ทำจากไม้อีกด้วย บนหลังคามีกระดาษน้ำมันแผ่นหนาติดทับอยู่หลายชั้นเพื่อกันน้ำ ห้องด้านในไม่เล็กเกินไปนัก สามารถนั่งได้ราวสามถึงสี่คน
มิน่าเล่าหญิงชราร่างผอมจึงไม่พอใจ ที่แท้เกวียนลาก็ไม่ใช่เกวียนดาษดื่น แต่เป็เกวียนที่มีทั้งหน้าต่างและหลังคา
เกวียนลาในลักษณะนี้หากเป็ของใหม่ที่ไม่เคยผ่านการใช้งานมาเลย จะมีราคาถึงแปดร้อยทองแดง หากใช้งานมาบ้างแล้วแต่ยังมีสภาพค่อนข้างใหม่ จะมีราคาอยู่ที่ประมาณสี่หรือห้าร้อยทองแดง
หลี่หรูอี้พอใจกับลาและเกวียนเป็อย่างยิ่ง รีบเร่งให้เอ้อร์หนิวจื่อไปหยิบยืมกระดาษและพู่กันมาจากเพื่อนบ้าน เพื่อเขียนสัญญาซื้อขาย หลังจากเซ็นสัญญากันเรียบร้อยจึงควักตั๋วเงินออกมาให้ “ตั๋วเงินนี้มีค่าสิบตำลึง บ้านท่านไม่มีเงินแม้แต่ตำลึงเดียว เช่นนั้นจะใช้ธัญพืชหรือถั่วเหลืองมาชดเชยส่วนที่ขาดก็ได้เ้าค่ะ”
เมื่อครู่เอ้อร์หนิวจื่อบอกกับพี่น้องบ้านหลี่แล้วว่า ครอบครัวของเขาปลูกถั่วเหลืองมากมาย ขาหมูตุ๋นถั่วเหลืองต้องใช้ถั่วเหลืองมากเพียงใดก็มีมากเท่านั้น
ชาวบ้านตามชนบทในแถบเหนือนิยมปลูกข้าวโพดและถั่วเหลืองในที่ดินแห้งแล้ง จะมากจะน้อยก็ยังพอมีกินไปถึงฤดูหนาว
ราคากลางของถั่วเหลืองที่ขายกันในตลาดคือ ชั่งละหนึ่งทองแดง หากขายให้ร้านธัญพืชในเมืองเป็จำนวนมากจะได้ราคาเพียงสิบชั่งเจ็ดทองแดง
ครอบครัวของเอ้อร์หนิวจื่อไม่คิดว่าพี่น้องบ้านหลี่จะตัดสินใจได้เองทั้งยังพกตั๋วเงินมาด้วย ดังนั้นเพื่อให้มั่นใจจึงต้องไปหาจ้าวซื่อที่เป็ผู้ใหญ่ของบ้านหลี่เสียหน่อย
“ท่านแม่ของข้าอยู่บ้านทุกวันเ้าค่ะ” หลี่หรูอี้ก็อยากให้เอ้อร์หนิวจื่อสอนพี่ชายทั้งสามบังคับเกวียนลาระหว่างทางกลับเช่นกัน
เอ้อร์หนิวจื่อนำถั่วเหลืองแปดร้อยชั่งและแป้งหยาบหนึ่งร้อยชั่งขึ้นบรรทุกบนเกวียน จากนั้นจึงบังคับเกวียนลาไปยังหมู่บ้านหลี่พร้อมพี่น้องสกุลหลี่
ก่อนพี่น้องบ้านหลี่จะจากไป ชายชราหน้าดำยกมือขึ้นประสานคารวะให้หลี่หรูอี้พร้อมกล่าวด้วยความซาบซึ้งว่า “ท่านหมอเทวดาน้อย รอให้เสี่ยวซวนจื่อของพวกเราโตก่อน ข้าจะให้เขาไปโขกศีรษะขอบคุณท่าน”
หญิงชราร่างผอมก็ประสานมือคารวะตามทั้งยังกล่าวด้วยใบหน้าสำนึกผิดอีกว่า “ท่านหมอเทวดาน้อย บ้านเราจนมากจริงๆ มิอาจเลี้ยงข้าวพวกท่านได้แม้แต่มื้อเดียว…”
หลังจากพี่น้องบ้านหลี่จากไปไม่นาน หลิวต้าฝูแห่งหมู่บ้านหลิวก็ขี่ลามาที่บ้านของเอ้อร์หนิวจื่อ พอลงจากหลังลาก็ถามขึ้นว่า “พี่ฟาง ลาของบ้านท่านขายไปแล้วหรือ”
“ขายแล้ว”
“ขายให้ผู้ใดกัน?”
“พี่น้องบ้านหลี่จากหมู่บ้านหลี่”
“อ้อ... ข้าก็มาเพราะเด็กๆ บ้านหลี่นี่แหละ เมื่อวานเด็กๆ บ้านหลี่มาให้ข้าสอนดูลา ตอนนั้นข้าไม่ทันได้นึกถึงเื่ที่บ้านของเ้าจะขายลาเลย เมื่อครู่เพิ่งคิดได้จึงรีบมาที่นี่ ไหนเลยจะรู้ว่าบ้านของเ้าจะขายลาให้พวกเขาไปแล้ว พวกเ้าสองครอบครัวมีวาสนาต่อกันจริงๆ”
ชายชราหน้าดำเชิญหลิวต้าฝูเข้าไปในลานบ้าน “ครอบครัวหลี่ซื้อลาของบ้านข้าไปทั้งสองตัวเลย และหมอเทวดาน้อยก็ยังช่วยเสี่ยวซวนจื่อของข้าไว้อีกด้วย”
ทั้งสองเป็สหายที่รู้จักกันเพราะเื่ลา ทั้งยังคบกันมานานปีแล้ว มักไปมาหาสู่กันบ่อยๆ จึงไม่มีสิ่งใดที่พูดคุยกันไม่ได้
เมื่อหลิวต้าฝูทราบว่า หลี่หรูอี้เป็หมอที่มากความสามารถจึงนึกไปถึงโรคเรื้อรังที่ตนเองเป็อยู่ “ข้าก็รู้จักเด็กบ้านหลี่ เช่นนั้นก็ดียิ่ง อีกสองสามวันข้าจะไปหาเด็กๆ บ้านหลี่เสียหน่อย ไหว้วานให้พวกเขาถามหมอเทวดาน้อยดูเสียหน่อยว่า จะช่วยตรวจโรคให้ข้าได้หรือไม่”
จากนั้นไม่นานอาการป่วยเรื้อรังของหลิวต้าฝูก็หายดี เพราะได้รับการรักษาจากหลี่หรูอี้ ซึ่งนั่นเป็เื่ในภายหลัง
อย่างไรก็ตามการที่พี่น้องบ้านหลี่พาลาสองตัวกลับมาที่หมู่บ้านทำให้เกิดความตะลึงพรึงเพริดไปทั่วทั้งหมู่บ้าน
“บ้านหลี่ซื้อลามาคู่หนึ่ง!”
“บ้านหลี่นี่ร่ำรวยจริงๆ คราวนี้ถึงกับซื้อลามาคู่หนึ่ง ทั้งยังมีเกวียนลาอีกด้วย!”
ทั้งชาย หญิง เด็ก และคนแก่ ล้วนพากันมาดูลาสองตัวที่บ้านตระกูลหลี่ ชาวบ้านที่มีความสัมพันธ์ดีกับคนบ้านหลี่ถึงขั้นยื่นมือไปลูบลาด้วยซ้ำ ในดวงตาปรากฏแววอิจฉาและประหลาดใจ
หลังจากที่เอ้อร์หนิวจื่อพบกับจ้าวซื่อแล้ว จึงได้รู้ว่านางเห็นด้วยกับการซื้อลา เขาโค้งคำนับเพื่อแสดงความขอบคุณที่หลี่หรูอี้ช่วยเหลือเสี่ยวซวนจื่อแล้วจึงกลับบ้านไป
พี่น้องบ้านหลี่นำถั่วเหลืองและแป้งหยาบไปเก็บไว้ในห้องเก็บธัญพืช ซึ่งอยู่ในห้องบริเวณสวนด้านหลัง ส่วนลาทั้งสองตัวถูกจัดให้อยู่ในห้องที่ใหญ่ที่สุด
จ้าวซื่อรอให้ชาวบ้านที่มามุงดูลากลับกันไปก่อน จึงค่อยกล่าวตำหนิขึ้นมา “พวกเ้าจะซื้อลา เหตุใดจึงไม่ปรึกษาข้าก่อน ทั้งยังซื้อมาทีเดียวสองตัว ใช้เงินไปมากมายขนาดนั้นเชียว”
“ท่านแม่ เื่นี้ข้าเองก็รู้แล้วขอรับ พวกเราแค่อยากทำให้ท่านประหลาดใจ” หลี่เจี้ยนอันกล่าวรับความผิดทั้งหมดไว้ที่ตนเอง
“ข้าว่าข้าใเสียมากกว่า” จ้าวซื่อบ่น แต่ทว่านางก็ยังคงมีท่าทียินดี โดยมิอาจปกปิดความตื่นเต้นดีใจไว้ได้
หลี่หรูอี้เข้าไปเกาะไหล่จ้าวซื่อพร้อมรอยยิ้ม และพูดขึ้นว่า “ท่านแม่เ้าคะ ต่อไปนี้ท่านพี่จะได้บังคับเกวียนลาไปขายแป้งย่างทุกวันแล้ว ขากลับยังสามารถรับส่งคนได้อีกด้วย ทำเงินได้อีกหลายทองแดงเชียว”
ระหว่างทางนางเห็นว่ามีบางคนขับเกวียนวัวรับส่งคนเพื่อหาเงิน ลาของพวกตนก็เทียมเกวียนแล้ว สามารถรับส่งคนและทำเงินได้เช่นกัน
นอกจากนี้พี่ชายทั้งสี่คนต้องเดินทางเป็ระยะทางหกสิบลี้ทุกวัน หากเป็เช่นนี้นานไปย่อมทำให้ข้อต่อได้รับาเ็ อย่างเบาๆ ก็อาจจะเจ็บข้อต่อ อย่างหนักหน่อยก็อาจเสียหายถึงกระดูก
บุรุษทั้งสี่แห่งบ้านหลี่ดวงตาเป็ประกาย ในใจคิดว่า น้องสาวช่างรักใคร่พวกเรานัก ต่อไปนี้นางจะให้พวกเราขับเกวียนลาไปที่ตำบลจินจีและที่ตัวอำเภอทุกวันแล้ว
“เช่นนั้นก็ทำตามที่เ้าว่าเถิด เพียงแต่ขออย่างเดียว ต่อไปอย่าได้ปิดบังข้าอีก” จ้าวซื่อยื่นมือไปยีหัวบุตรีสุดที่รัก แววตาของนางทอประกายอ่อนโยน บุตรีสุดที่รักมีเงินอยู่ในมือไม่น้อย ทว่าหลายวันมานี้กลับไม่ได้ใช้เงินเพื่อซื้อสิ่งใดให้ตนเองแม้เพียงเส้นไหมสักเส้น เงินทั้งหมดล้วนใช้จ่ายไปกับสิ่งของสำหรับครอบครัว
“ท่านแม่ วันนี้น้องห้าช่วยเสี่ยวซวนจื่อ บุตรชายคนเล็กของท่านลุงเอ้อร์หนิวจื่อด้วยขอรับ” หลี่ฝูคังมีนิสัยใจร้อน ไม่รอให้จ้าวซื่อถามไถ่ก็รีบเล่าเื่ที่เกิดขึ้นที่บ้านเอ้อร์หนิวจื่อขึ้นมาเอง
จ้าวซื่อได้ฟังก็ถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด กล่าวด้วยรอยยิ้มยินดีระคนตื่นเต้นว่า “ลูกสาวข้า ลูกๆ ที่ข้าคลอดมาทั้งหมดไม่มีใครรู้ความกว่าเ้าแล้ว”
หลี่หรูอี้กล่าวเสียงเบา “ข้าก็ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด ข้าแค่ฝันจากนั้นก็รู้ความในคืนเดียวเลยเ้าค่ะ”
จ้าวซื่อบ่นพึมพำ “เ้าต้องบอกกับคนอื่นๆ ว่า ข้าเคยอ่านตำราแพทย์มาจากบ้านเดิมแล้วสอนต่อให้เ้า” ระมัดระวังเสียหน่อยคงมิเป็ไร
ตอนนี้เองก็มีเสียงของชายชราคนหนึ่งดังแว่วมาจากลานด้านนอก “เด็กๆ บ้านหลี่อยู่หรือไม่”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้