ไม่ว่าเจิ้งหยวนจะปฏิกิริยาฉับไวแค่ไหน เฝิงิเยว่ยังคงโดนคนที่วิ่งมาจากอีกทางชนเข้าอยู่ดี
ทั้งสองร้องร้องโอดโอยออกมาพร้อมกัน เท้าเฝิงิเยว่ลื่นเสียหลักเลยถูกคนที่ชนเข้ามากดอยู่ข้างล่าง และบังเอิ๊ญบังเอิญ มือสองข้างของคนที่ทับเหนือร่างเฝิงิเยว่วางทาบเหนือหน้าอกของเธอพอดี หนิวหนิวเพิ่งอายุหนึ่งขวบ เฝิงิเยว่ให้เขาหย่านมได้ไม่นาน หน้าอกจึงกำลังอวบอิ่ม ต่อให้เป็ฤดูหนาวก็ยังสามารถคลำทรวดทรงผ่านเสื้อบุด้วยฝ้าย นับประสาอะไรกับฤดูร้อนตอนนี้ที่เธอใส่แค่เสื้อเชิ้ตผ่าหน้าบางๆ ตัวเดียว! คนผู้นั้นตะลึงค้างไปแล้ว ััใต้ฝ่ามือกลมมน นุ่มหยุ่นเสียจนหนังศีรษะเหมือนมีดอกไม้ไฟเจิดจ้าหลายดอกะเิออก เขาถึงขนาดลองบีบมันด้วยซ้ำ!
เฝิงิเยว่ตัวแข็งทื่อฉับพลัน แทบจะใช้แรงทั้งหมดผลักชายบนร่างออกไป แน่นอนแรงของเธอไม่เท่าผู้ชาย โชคดีที่ข้างกายมีเจิ้งหยวนคอยช่วยเหลือ
เจิ้งหยวนร้องเรียก “พี่สะใภ้” พลางช่วยแยกคนผู้นั้นออกให้
เมื่อเฝิงิเยว่ลุกขึ้นมาได้ คนผู้นั้นยังคงนั่งบื้ออยู่บนพื้น
“พี่สะใภ้ พี่ไม่เป็ไรนะ?” เธอช่วยเฝิงิเยว่ปัดเศษดินบนร่าง และหันมาตำหนิด้วยความโกรธ “ฟ้ามืดขนาดนี้ นายวิ่งทำเพื่ออะไร รีบไปเกิดใหม่เหรอ!”
ด่าจบถึงเพิ่งค้นพบว่าคนชนเป็คนคุ้นเคย ลูกพี่ลูกน้องชายไม่เอาอ่าวของเธอ เจิ้งเทียนหู่นั่นเอง! เจิ้งหยวนอัดอั้นตันใจทุกคราที่พบคนในครอบครัวเขา ดังนั้นเธอย่อมไม่แสดงสีหน้ายินดีปรีดาที่พบอีกฝ่ายอยู่แล้ว “ฉันว่านะเจิ้งเทียนหู่ นายไม่แหกตาดูทางเลยหรือไง!”
เจิ้งเทียนหู่เหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเจิ้งหยวน ดวงตาจดจ้องแต่เฝิงิเยว่ ดวงจันทร์ทอแสงรำไร เจิ้งหยวนเลยไม่เห็นท่าทางของเขา พอเห็นเขาไม่พูด จึงพุ่งเข้าไปเตะทีหนึ่งแล้วเอ่ยอย่างรังเกียจ “เฮ้ย ไม่ใช่ล้มจนโง่แล้วหรอกนะ”
เจิ้งเทียนหู่โดนเตะเรียกสติ ก็เงยหน้ามองเจิ้งหยวนแวบหนึ่งแล้วฮัมเพลงลุกขึ้นมา สายตาตกลงบนร่างเฝิงิเยว่อีกครั้ง ก่อนเอ่ยด้วยหน้าทะเล้น “โอ๊ะ พี่สะใภ้นี่นา พี่สะใภ้ ขอโทษด้วย ฉันตาบอด ไม่มองทางเอง พี่ไม่ล้มใช่ไหม?” ปากว่ามือก็ขยับ
ใบหน้าเฝิงิเยว่ยังฉายแววเก้อกระดาก รีบหลบตามปฏิกิริยาระวังภัย เพราะการเคลื่อนไหวแฝงเจตนาของเจิ้งเทียนหู่ตอนนั้น เธอเลยรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวเมื่อมองเจิ้งเทียนหู่เท่าไร โดยเฉพาะดวงตากะลิ้มกะเหลี่ยของเขา มันให้ความรู้สึกเหมือนโดนงูตัวเป็มันลื่นๆ ลูบไล้ผิวกาย น่าขยะแขยงอย่างยิ่ง เธอตอบเสียงจืดชืด “ไม่เป็ไร”
แม้เจิ้งหยวนจะไม่ตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้นในเสี้ยววินาทีนั้น แต่เธอชิงชังเจิ้งเทียนหู่มาก มองอย่างไรก็ขวางหูขวางตาตลอด เธอจึงหัวเราะเยาะ และแทรกกลางระหว่างเจิ้งเทียนหู่กับเฝิงิเยว่ บังเฝิงิเยว่ไว้ข้างหลังทันที “โอ้โฮ ผิดปกติสุดๆ เลย เจิ้งเทียนหู่ นายรู้จักขอโทษแล้วเหรอเนี่ย?”
เจิ้งหยวนเกลียดเจิ้งเทียนหู่ เจิ้งเทียนหู่ก็ใช่ว่าจะชอบเจิ้งหยวน ยิ่งเธอบังเฝิงิเยว่ไว้ข้างหลัง แถมพูดจาค่อนแคะด้วยแล้ว เขาจึงยิ้มประจบประแจงมองเฝิงิเยว่พลางบอก “เธอหลบไปซะ มันไม่เกี่ยวกับเธอ ฉันขอโทษพี่สะใภ้อยู่”
“พี่สะใภ้? นายเรียกใครพี่สะใภ้ไม่ทราบ? พี่สะใภ้ใหญ่ของฉันนายเรียกได้ด้วยเหรอ? ตานายมองไปทางไหนฮะ?” แม้เจิ้งเทียนหู่จะตัวเตี้ย สูงไม่ถึงร้อยเจ็ดสิบ ทำให้ตอนนี้เขายืนอยู่ในระนาบต่ำกว่า แต่เพราะท่าทีที่กำลังชะเง้อคอมองข้างหลังเจิ้งหยวนด้วยใบหน้าทะลึ่งตึงตัง เห็นดังนั้นเจิ้งหยวนจึงยื่นสองนิ้วจิ้มไปตรงหน้าเจิ้งเทียนหู่ทันที ส่งผลให้เขาใซวนเซถอยหลังสองก้าวแทบหงายหลัง เจิ้งหยวนหัวเราะพรวดอย่างเยาะเย้ย ก่อนเอ่ยด้วยเสียงแข็งกร้าวราวกำลังขู่อยู่ “ถ้ามองอีก จะควักลูกตาของนายออกมาเสียเลย!”
“หยวนหยวน” เฝิงิเยว่จับตัวเจิ้งหยวนและคล้องแขนของเธอไว้ เธอไม่อยากอยู่เผชิญหน้าเจิ้งเทียนหู่ที่นี่อีกแล้ว จึงเอ่ยรัวเร็วว่า “พวกเรารีบไปกันเถอะ ได้เวลาทำงานแล้ว อย่าเสียเวลาเลย”
เจิ้งหยวนโดนเฝิงิเยว่ลากไปข้างหน้า ยังไม่ลืมหันกลับไปทำมือควักลูกตาใส่เจิ้งเทียนหู่
เดินมาไกลแล้ว เจิ้งหยวนถึงค่อยหันมากำชับเฝิงิเยว่ “พี่สะใภ้ วันหลังพี่อยู่ให้ห่างเจิ้งเทียนหู่ไว้นะ เขาไม่ใช่คนดีอะไร เจิ้งเทียนหู่คนนี้วันๆ เอาแต่กินกับนอน สู่ขอกระทั่งภรรยาไม่ได้ ดูจากความไร้ยางอาย รู้จักเพียงเอารัดเอาเปรียบคนอื่น เห็นแม่เขาเป็แบบนั้นแล้ว เจิ้งเทียนหู่นั่นก็ไม่ทิ้งห่างกันนักหรอก พี่สะใภ้ พี่รอก่อนเถอะ คนอย่างเจิ้งเทียนหู่น่ะ ไม่ช้าก็เร็วต้องพาตัวเองเข้าคุกแน่นอน”
เจิ้งหยวนพยายามลดค่าเจิ้งเทียนหู่สุดความสามารถ แม้ยังจำได้ว่าชาติก่อนพี่สะใภ้คนนี้จะนอกใจไป แม้ไม่รู้พี่สะใภ้ใหญ่มีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนไหน และพี่สะใภ้ก็ไม่มีทีท่าจะตกหลุมรักคนเช่นเจิ้งเทียนหู่ แต่ระวังไว้ก่อนย่อมดีกว่า
เฝิงิเยว่พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า พลางเอ่ยอย่างหวาดผวาไม่หาย “ฉันรู้ ต่อไปฉันจะเดินอ้อมเขา”
ครั้นเห็นเฝิงิเยว่รังเกียจเจิ้งเทียนหู่มากจริงๆ เจิ้งหยวนค่อยโล่งใจ สีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้