หนังสืออนุญาตประกอบการทำเสร็จเรียบร้อย และเพื่อที่ร้านจะเปิดได้อย่างตรงเวลาเซี่ยเสี่ยวหลานจึงต้องขายสินค้าที่นำเข้ามาคราวก่อนให้หมดภายในสองวันนี้และนำเงินทุนออกมาซื้อสินค้าต่อไป ถ้าไม่้าปล่อยหน้าร้านสามคูหาว่างเปล่าจนเกินไปไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีสินค้าจำนวนรวมหนึ่งหมื่นกว่าหยวน
นั่นเป็เสื้อผ้าฤดูหนาวรอบสุดท้าย แม้ยังเหลืออีกราวสองสามเดือนอากาศถึงจะอบอุ่นขึ้นแต่กิจการเสื้อผ้ามักต้องเตรียมสินค้าล่วงหน้าก่อนเสมอ อย่างเช่นเสื้อผ้าฤดูหนาวตรุษจีนคือเวลาสิ้นสุดการขาย เมื่อผ่านตรุษจีนไปไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็อย่างไรจะไม่มีใครกล้านำเข้าสินค้าแบบไม่ยั้งมืออีก กลับกันยังต้องพยายามจัดการสินค้าที่ยังคงคั่งค้างอยู่เสื้อผ้าบางแบบที่หลงเหลือ ไม่จุกจิกว่ามีกำไรหรือไม่ ขอเพียงขายได้ก็ถือว่าทำเงินได้แล้ว
เนื่องจากได้เงินทุนคืนมาั้แ่แรกเริ่ม ปริมาณสินค้าที่ยังคงค้างอยู่ในคลังเหลือน้อยแล้วเงินที่ได้จึงมิใช่เพียงกำไรบนหน้าบัญชีเท่านั้น
สินค้าก่อนตรุษจีนรอบนี้ต้องตระเตรียมให้เพียงพอ ผู้คนที่ปกติตัดใจไม่ซื้อเสื้อผ้าได้ทว่าเมื่อถึงเวลาฉลองตรุษจีนก็ต้องกัดฟันสวมใส่เสื้อผ้าใหม่เอี่ยมอยู่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเสื้อผ้าเด็ก!
เซี่ยเสี่ยวหลานลังเลมาโดยตลอดว่าจะเหมาเสื้อผ้าเด็กกลับมาสักหน่อยดีหรือไม่โดยจะทำการขายเพียงครั้งเดียว
เหล่าผู้ใหญ่เต็มใจที่จะสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ในวันตรุษจีนแล้วลูกหลานในครอบครัวจะขาดไปได้อย่างไร?
แต่เสื้อผ้าเด็กและเสื้อผ้าผู้ใหญ่ไม่เหมือนกันเซี่ยเสี่ยวหลานกล้าซื้อเสื้อผ้าผู้ชาย เพราะรูปแบบมาตรฐานของเสื้อผ้าชายมีอยู่ไม่กี่แบบเลือกมาก็มีไม่กี่ขนาด ยิ่งผู้คนในยุคนี้ค่อนข้างผอมเป็ปกติั้แ่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ พอดีสำหรับรูปร่างของลูกค้าส่วนมาก... ทว่าเสื้อผ้าที่เด็กสวมใส่นั้นต่างออกไปขนาดเสื้อผ้าที่เด็ก 3 ขวบใส่ได้ เด็ก 4 ขวบแทบจะใส่ไม่ได้แล้ว
หากให้เด็กอายุห้าถึงหกขวบใส่จะยิ่งเล็กเข้าไปอีก กางเกงเต่อ แขนเสื้อลอยเสื้อผ้าขนาดเดียวจึงไม่เหมาะสมที่จะนำเข้า!
อายุเพิ่มขึ้นหนึ่งปีก็ต้องเพิ่มขึ้นหนึ่งขนาด
เสื้อผ้าที่นำเข้ามาก่อนปีใหม่ยังหลงเหลืออีกประมาณสองพันหยวนหลี่เฟิ่งเหมยรู้สึกผิดมากทีเดียว เธอขายของไม่เก่งเท่าเซี่ยเสี่ยวหลานจริงๆ
เธอไม่รู้ว่าลูกค้าลักษณะแบบไหนเหมาะกับเสื้อผ้าแบบใดพอแนะนำแก่ผู้อื่นจึงไม่เป็ที่น่าพึงพอใจขนาดนั้น
เซี่ยเสี่ยวหลานมีสายตาแหลมคม เธอไม่มีทางแนะนำเสื้อผ้าแนบเนื้อแก่คนเอวหนาคนที่ขาสั้นก็แนะนำเสื้อคลุมขนสัตว์ ทว่าความยาวต้องอยู่เหนือเข่า 10 เิเ คนตัวเตี้ยก็มีวิธีแต่งตัวของคนตัวเตี้ยนำชายเสื้อไหมพรมสอดเข้าในกางเกง ใส่คู่กับกางเกงขาบานเอวสูง พรางสายตาได้ดีเยี่ยม
เซี่ยเสี่ยวหลานกล่าวว่าการแต่งตัวไม่เกี่ยวข้องกับรูปร่างสูงหรือเตี้ยแต่เกี่ยวข้องกับ ‘สัดส่วนของรูปร่าง’
สีสันก็แบ่งอุ่นและเย็น สัมพันธ์กับสีผิวของมนุษย์ผู้หญิงบางคนสีผิวไม่ได้ดำคล้ำ พอใส่สีเขียวใบหน้ากลับเขียวตามไปด้วยเนื่องจากสีโทนอุ่นและสีโทนเย็นไม่ถูกต้อง!
หลี่เฟิ่งเหมยราวกับกำลังสดับฟังพระบรมราชโองการ
สำหรับเซี่ยเสี่ยวหลานแล้ว นี่เป็ความรู้ที่ค่อนข้างพื้นฐานสำหรับหญิงสาวในอนาคตการเลือกซื้อเครื่องสำอางต้องลองสีสัน สีไหนเหมาะกับตนเองเมื่อได้ลองก็จะค่อยๆค้นพบ... ต่อให้เป็คนหัวทึบ ไปลองลิปสติกที่เคาน์เตอร์บ่อยครั้งเข้าก็จะพอเข้าใจได้เอง
ทว่าเหล่าสุภาพสตรีในยุค 80 ไม่มีแินี้เลยสักนิด
อย่าว่าแต่หลี่เฟิ่งเหมยขนาดลูกค้าหญิงในซางตูที่จ่ายเงินเป็ร้อยหยวนเพื่อซื้อเสื้อนอกตัวเดียวเหล่านี้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
รสนิยมของหลี่เฟิ่งเหมยยังรอคอยการปลูกฝัง เซี่ยเสี่ยวหลานบอกเธอว่าไม่จำเป็ต้องรีบร้อน
“ของแบบนี้ไม่ได้ยากเย็นอะไร ค่อยๆ เรียนรู้กันได้”
หลี่เฟิ่งเหมยไม่แยกไปตั้งแผงเองและอยู่กับเซี่ยเสี่ยวหลานดั่งเดิมพอเซี่ยเสี่ยวหลานส่งลูกค้าหนึ่งคนจากไป ก็จะอธิบายแก่หลี่เฟิ่งเหมยว่าทำไมถึงแนะนำเสื้อผ้าแบบนั้น
แถมยังมีทักษะการขายเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างอีกด้วย
การทำให้ลูกค้าโปรดปรานย่อมต้องประจบประแจง แต่ต้องพูดโดยทำให้คนเชื่อมั่นทำให้ผู้คนยินดีที่จะควักเงินซื้อสินค้าจากใจ... เงินตรงหน้ามันช่างล้ำค่ายิ่งนักคิดว่าพูดไปเรื่อยสองสามประโยคก็จะทำให้คนยอมจ่ายเงินจำนวนมากจริงๆ หรือ?
หากจะเยินยอจนโดนใจลูกค้า การประจบต้องเกาให้ถูกจุดคันของผู้อื่น
“คุณผู้หญิงเมื่อครู่ใบหน้าคล้ำรูปร่างเตี้ยเสี่ยวหลานก็ยังอุตส่าห์หาที่ชมเชยได้นะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานกะพริบตาปริบๆ “ฉันไม่ได้โกหกนะดวงตาของเธอน่ามองเชียว”
หลี่เฟิ่งเหมยต้องคารวะเลย!
การค้าขายในวันนี้ของทั้งสองไม่เลวทีเดียว เมื่อเห็นว่าใกล้จะเที่ยงแล้วหลี่เฟิ่งเหมยเตรียมตัวจะซื้อของกินกลับมานิดหน่อย ก็พบกับคนสวมปลอกแขนจำนวนหนึ่งเดินตรงเข้ามา
“พวกเธอทำอะไรกัน? ตรงนี้ไม่อนุญาตให้ตั้งแผงนะ”
ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีข้างทางตรงไหนที่อนุญาตตั้งแผงลอยเลยสินะเดิมทีร้านค้าแผงลอยเร่กับคนตรวจตราก็ทำากองโจรกันอยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้เซี่ยเสี่ยวหลานเคยโดนจับเช่นกัน ขอแค่อธิบายชัดเจนแสดงออกว่ายินดีย้ายแผง โดยปกติย่อมปล่อยเธอไปมีสองหนที่ชำระค่าปรับแก่หน่วยงานดูแลทิวทัศน์ประจำเมือง เซี่ยเสี่ยวหลานจ่ายเงินด้วยความว่าง่ายเธอนึกว่าคราวนี้ยังเป็ระเบียบเดิมเสียอีก
อีกอย่างเธอไม่ได้ตั้งแผงในที่อื่นไกล แต่ตั้งอยู่หน้าร้านซึ่งกำลังตกแต่งอยู่
วันนี้ในร้านไม่มีคนมาทำงาน ต้องรอจนกว่าผนังแห้งสนิทและกระเบื้องบนพื้นแ่าถึงจะติดตั้งพวกโคมระย้าแก้วให้เรียบร้อยได้
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ยึดใช้สถานที่อื่น และไม่ได้ขัดขวางการจราจรเช่นกัน
ทว่าเธอก็ไม่คิดจะปะทะ
เป็เวลาเที่ยงตรงพอดิบพอดี เซี่ยเสี่ยวหลานจึงเตรียมเก็บแผงรับประทานอาหาร
ทันใดนั้นคนคนหนึ่งก็ตีหน้าเคร่งขรึมขวางเธอไว้ “พวกเราได้รับรายงานจากมวลชน ว่าเสื้อผ้าที่เธอขายราคาแพง คุณภาพแย่พวกเราสงสัยว่าเธอย้อมแมวสินค้า หลอกลวงประชาชน กระทำการค้าเก็งกำไรเกินควร!”
คุณภาพแย่หรือ?
ทุกวันนี้จะหาเสื้อผ้าคุณภาพไม่ดียังยากเย็นไม่น้อยแม้แต่กางเกงตะวันตกราคาส่งไม่กี่สิบหยวนต่อหนึ่งโหลพวกนั้นก็ไม่ใช่ว่ามีปัญหาเื่คุณภาพแค่ใช้วัสดุราคาถูกพิเศษเท่านั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเสื้อผ้าที่เซี่ยเสี่ยวหลานขายเลย ราคาซื้อก็แพงโขแล้วไม่ว่าจะเป็เนื้อผ้าหรือเนื้องานล้วนหาจุดด้อยออกมาไม่ได้สักนิดเดียว
ถึงคราวนี้จะทำเพื่อเก็บเงินทุนคืนให้รวดเร็วกว่าเดิมด้วยการเหมาเสื้อผ้าราคาถูกมาไม่น้อยแต่นั่นเป็ราคาส่งที่ย่อมเยาสำหรับเฉินซีเหลียงคนเดียว [1]
คุณภาพของเสื้อผ้าไร้จุดบกพร่องแน่นอน เนื่องจากเซี่ยเสี่ยวหลานจะตรวจสอบขณะรีดทุกตัวถ้าเธอกล้าตั้งแผงหน้าร้านที่ยังไม่ทันเปิดกิจการและหลอกลวงผู้คนโดยนำสินค้าคุณภาพแย่มาขายในราคาสูงมิใช่การทำลายชื่อเสียงของตนเองในอนาคตหรือ?
ข้อกล่าวหา ‘เก็งกำไรเกินควร’ ยิ่งไม่สามารถยอมรับได้ ในต้นยุคการปฏิรูปเศรษฐกิจ นี่คือข้อหาที่ทำให้ธุรกิจอิสระะโลงแม่น้ำฆ่าตัวตายได้เลย!
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าผิดปกติ คนสวมปลอกแขนพวกนี้พุ่งเป้ามายังเธอ
“คุณคะ สินค้าของพวกเราจะมีปัญหาได้อย่างไรกัน?!”
หลี่เฟิ่งเหมยรู้สึกร้อนรนยืนตรงหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานพลางหยิบกางเกงหนึ่งตัวขึ้นมาดึงอย่างสุดแรง
ขนาดเส้นด้ายของกางเกงยังไม่ปริ ยิ่งไม่ต้องคิดว่าเนื้อผ้าจะขาดได้
“เธอก็เป็เ้าของแผงด้วย? เช่นนั้นไปกับพวกเราเสีย!”
แผงอื่นโดยรอบต่างหวั่นเกรงจนไม่กล้าหายใจด้วยซ้ำเซี่ยเสี่ยวหลานปลอบหลี่เฟิ่งเหมยว่าอย่ากลัว จากนั้นตัวเธอจึงสอบถามคนปลอกแขนแดง
“พวกคุณทุกคน ในเมื่อพวกคุณจะตรวจสอบคุณภาพของสินค้าฉันขอถามว่าพวกคุณเป็คนของหน่วยงานใดได้หรือไม่?”
“พวกเรามาจากสถานีตำรวจ”
มาจากสถานีตำรวจจะสวมปลอกแขนแดงทำไม สวมเครื่องแบบตำรวจมาก็แจ่มแจ้งแล้ว
พวกปลอกแขนแดงนึกว่าข่มขวัญเซี่ยเสี่ยวหลานได้ใครจะรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกลับพยักหน้า “คุณเ้าหน้าที่ตำรวจฉันอยากดูบัตรประจำตัวเ้าพนักงานของคุณเสียหน่อย”
เ้าหน้าที่ปลอกแขนแดงสำลักเป็ครั้งแรกที่โดนถามหาบัตรประจำตัวขณะบังคับใช้กฎหมาย
ประชาชนทั่วไปแค่ได้ยินว่าตำรวจมาตรวจค้นก็ขาอ่อนสิ้นเรี่ยวแรงแล้ว ยังจะกล้าขอดูบัตรประจำตัวเ้าหน้าที่ที่ไหนกัน
และเขาไม่มีบัตรประจำตัวจริงๆ เสียด้วย
“เธอต้องให้ความร่วมมือกับการตรวจสอบของพวกเรา พวกเราไม่มีทางปรักปรำคนดีและไม่มีทางปล่อยคนชั่วไปแน่! ถึงสถานีตำรวจก็รายงานปัญหาของพวกเธอดีๆแล้วกัน... เธอน่ะเป็แค่แม่ค้าแผงลอยค้าเร่ ใครจะสวมรอยเป็ตำรวจมาตรวจสอบเธอกัน?”
เซี่ยเสี่ยวหลานจับราวสินค้าไว้ “นั่นมันก็แน่ใจไม่ได้หรอกเกิดพวกคุณคือคนชั่วที่สวมรอยเป็ตำรวจมาหลอกลวงฉัน...”
เธอหยุดวาจากลางคันผู้คนในเหตุการณ์ล้วนเข้าใจความหมายของคำพูดที่ยังไม่จบดี
แผงลอยอื่นๆ ไม่มีอะไรให้หลอกลวงอยู่แล้ว แต่เธอมีหน้าตาสะสวยออกขนาดนั้นชายกลุ่มหนึ่งถ่อมาบอกว่าเป็ตำรวจ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีทางตามไปอย่างง่ายดายแน่นอน
“ไม่มีบัตรประจำตัว ไม่ชี้แจงชัดเจนว่าจะพาฉันไปสถานีตำรวจที่ไหนต่อให้วิสามัญฉันตรงนี้ ฉันก็ไม่ไปด้วย!”
พวกใส่ปลอกแขนแดงมองหน้ากันสลับไปมาอย่างช่วยไม่ได้
พวกเขาไม่ใช่เ้าหน้าที่รักษาความสงบก็จริงแต่การพาเซี่ยเสี่ยวหลานไปข่มขู่ที่สถานีตำรวจคือเป้าหมายของพวกเขา ปากบอกว่ามาจากสถานีตำรวจแต่เมื่อโดนซักไซ้ขึ้นมาพวกเขาก็ยังพอถูไถไปได้อีกตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานตั้งแผงลอย ยังมีคนมากล่าวหากันถึงที่หากร้านเสื้อผ้าเปิดกิจการเต็มตัวเมื่อไร ผ่านไปอีกสักพักจะยิ่งมีคนมาหาเื่แน่
ทำใบอนุญาตประกอบการได้สุดยอดแล้วหรืออย่างไร?
เปิดร้านสามคูหาในทำเลเยี่ยม ณ ตอนนี้ ทั้งยังทำรายได้เป็กอบเป็กำ มีคนมาหาเื่เช่นนี้จะไม่มีคนอยู่เื้ัได้หรือ!
ผู้คนมากมายมองพลางซุบซิบกันอยู่ห่างๆ
คนสวมปลอกแขนแดงคนหนึ่งลนลาน ลงมือผลักหลี่เฟิ่งเหมยจนล้มลง และจะเข้ากระชากตัวเซี่ยเสี่ยวหลาน
เซี่ยเสี่ยวหลานได้เปิดเครื่องช็อตไฟฟ้าไว้แล้วไม่คาดคิดว่าอุปกรณ์ป้องกันตัวซึ่งไม่เคยใช้ตอนเดินทางข้างนอกกลับมีประโยชน์ในซางตูแทน
“นี่พวกคุณจะข่มเหงกันหรือ ช่วยด้วย มีคนสวมรอยเป็เ้าหน้าที่มาทำตัวอันธพาลข่มเหงคน!”
ในที่สุดผู้ชายบางคนจากกลุ่มฝูงชนก็ทนดูต่อไปไม่ไหว คันไม้คันมือจะเข้าปะทะให้จงได้
อยู่ดีๆ มีคนเบียดขึ้นมาข้างหน้ายกเท้าถีบพวกปลอกแขนแดงที่กำลังจะลงมือกับเซี่ยเสี่ยวหลานจนล้มคว่ำ “ก่อนพวกแกจะข่มเหงใครก็ไม่รู้จักสืบเสาะให้ดีพี่สะใภ้ฉันเป็คนที่พวกแกแตะได้หรือ! ให้ตายสิคังเหว่ยนายนี่ช้าเหลือเกิน!”
เชิงอรรถ
[1]หมายถึงเป็ราคาที่ย่อมเยาสำหรับผู้ขายส่งอย่างเฉินซีเหลียง แต่ก็ยังถือว่าแพงอยู่ดี
