ท่าทีของอวี๋หรูไห่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วถือเป็สิ่งที่ฮูหยินผู้เฒ่าอวี๋คาดไม่ถึง นางขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้นว่า"นายท่าน เมิ่งอวี๋เจียวใจคดไร้ยางอายทำเื่น่ารังเกียจเหลือทนจนเกือบทำลายชื่อเสียงเ้าสี่ของพวกเราจะปล่อยไปทั้งเช่นนี้ได้อย่างไรเ้าคะ?"
อวี๋หรูไห่มีแผนอื่นในใจอีกทั้งยามนี้ยังไม่อาจบอกหญิงชราได้ ทำได้เพียงเอ่ยว่า"คนทั่วไปไม่ใช่นักปราชญ์ ผู้ใดไม่เคยผิดพลาด? อวี๋เจียวเด็กคนนี้อายุยังน้อยหากจะผิดพลั้งไปชั่วครั้งคราวย่อมเป็เื่ธรรมดา ภายหน้าอย่าทำอีกเป็พอ"
เขากล่าววาจาเช่นนี้เพื่อบอกอวี๋เจียวประการแรกเพื่อแสดงออกว่าอวี๋หรูไห่ผู้นี้จิตใจกว้างขวางประการที่สองเพื่อรั้งตัวอวี๋เจียวเอาไว้
ในขณะเดียวกันมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก อวี๋หรูไห่เอ่ยด้วยเสียงของหัวหน้าสกุลว่า"น่าจะเป็สือโถวนำเงินค่ารักษามาให้ พากันกลับห้องไปพักผ่อนเถิด"
กล่าวจบอวี๋หรูไห่เดินไปทางด้านนอกเรือน เปิดประตูเก็บค่ารักษาที่สกุลโจวส่งมาให้
ภายในห้องฮูหยินเฒ่าอวี๋ถลึงตาใส่อวี๋เจียวด้วยความรังเกียจตอนแรกคิดว่าจะสามารถขับไล่ขยะเช่นนี้ออกไปได้ จะได้ไม่รกลูกตาแต่คิดไม่ถึงว่าพอสกุลโจวมารักษาจะกลายเป็การปล่อยให้นางเผยฝีมือ
สตรีแซ่ซ่งส่งยิ้มให้อวี๋เจียวกวักมือบอกให้อวี๋เจียวกลับไปนอนที่เรือนตะวันออกกับนางอวี๋เจียวลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามไป
ครอบครัวใหญ่ทั้งสองคนก็เดินออกไปจากห้องโถงเช่นกัน
หลังจากที่ผู้เฒ่าอวี๋กลับมาจากรับค่ารักษาฮูหยินเฒ่าอวี๋ถอดเสื้อผ้าให้เขาพลางเอ่ยเสียงเบาว่า "นายท่านข้ารู้ว่าท่านให้ความสำคัญกับวิชาหมอ แต่เมิ่งอวี๋เจียวเป็ตัวหายนะจริงๆ นะเ้าคะยากรับประกันว่าต่อไปจะไม่เกิดเื่วุ่นวายขึ้นอีกท่านยังจะเก็บนางไว้เช่นนี้ต่อไปหรือเ้าคะ?"
อวี๋หรูไห่นั่งลงบนเตียงสตรีแซ่อวี๋โจวย่อตัวลงช่วยถอดรองเท้าและถุงเท้าให้เขา
"ในตอนนั้นบรรพบุรุษสกุลอวี๋ของพวกเราก็เคยเป็หมอหลวงในวังมาก่อนแต่ตอนนี้กลับตกต่ำถึงเพียงนี้ เป็เต่าหัวหดอยู่ในมุมหนึ่งของหมู่บ้านชนบทวิชาหมอของสกุลอวี๋ที่ถูกส่งต่อมาถึงข้าเหลือเพียงผิวเผินเท่านั้นพวกฮั่นซานทั้งสามคนเรียนวิชาหมอแล้วไม่มีผู้ใดโดดเด่นสักคน บรรพบุรุษต่างตั้งตารอคอยให้ลูกหลานรุ่นหลังของพวกเราสร้างเกียรติให้สกุลข้ารู้สึกว่าเมิ่งอวี๋เจียวอาจช่วยสร้างชื่อให้สกุลอวี๋ได้"อวี๋หรูไห่เอ่ยความคิดในใจนี้ออกมาด้วยเสียงแ่เบา
คิ้วของฮูหยินผู้เฒ่าอวี๋หรือสตรีแซ่อวี๋โจวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยแม้ว่าในใจจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของผู้เฒ่าอวี๋แต่ยังคงพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างนุ่มนวล"เกรงว่านายท่านจะประเมินนางสูงเกินไปเ้าค่ะ นางเป็เด็กสาวอายุแค่สิบสี่ปีเคยเรียนวิชาหมอมาบ้างในตอนเด็ก แต่ตอนนี้จะยังจำได้มากน้อยเพียงใดกันเ้าคะ? ครั้งนี้โชคดีถึงช่วยบุรุษสกุลโจวไว้ได้ หากคราวหน้าไม่มีโชคช่วยเช่นนี้เกิดรักษาคนจนตาย สกุลอวี๋ของพวกเราคงพบปัญหาใหญ่เสียแล้วเกรงว่าถึงตอนนั้นคงไม่อาจรักษาชื่อเสียงของนายท่านเอาไว้ได้แล้วเ้าค่ะ"
น้ำเสียงอ่อนโยนของสตรีแซ่อวี๋โจวใช้ได้ผลกับผู้เฒ่าอวี๋มาโดยตลอดเขาเอ่ยพลางจับมือของสตรีแซ่อวี๋โจว "ข้ารู้ถึงความกังวลของเ้าต่อไปนี้หากเมิ่งอวี๋เจียวทำการรักษา ข้าจะจับตาดูให้ดีเ้าไม่รู้ถึงความร้ายแรงของการตายคาอก ถึงแม้นางจะอายุยังน้อยแต่ทันทีที่ลงมือก็ช่วยชีวิตโจวไหวไว้ได้ ไม่มีทางพึ่งแค่โชคช่วยเท่านั้นคาดว่าท่านหมอที่เมิ่งอวี๋เจียวกราบเป็อาจารย์ในเมืองหลวงเมื่อครั้งยังเยาว์จะต้องเป็ผู้มากฝีมือสั่งสอนวิชาให้นางไม่น้อย"
หลายปีมานี้สตรีแซ่อวี๋โจวได้รับความเคารพและเอ็นดูจากอวี๋หรูไห่มาโดยตลอดนางย่อมมีฝีมือและกลลวงอยู่บ้าง นางไม่เคยขัดเจตนารมณ์ของอวี๋หรูไห่แต่ไหนแต่ไรมาล้วนกล่าวคล้อยตามเขาเสมอ
นางพยักหน้า"ข้าหวังว่านางจะจำบทเรียนครั้งนี้เอาไว้ต่อไปอย่าได้ยั่วยวนเ้าสี่อีกเป็พอตอนนี้เ้าสี่เข้าเรียนที่สำนึกศึกษาในอำเภอแล้วนับว่าเป็ปัญญาชนที่ผ่านการสอบขุนนางขั้นต้นแล้วจริงๆจะต้องลงสนามสอบขุนนางในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ กายจะแปดเปื้อนราคีไม่ได้แม้แต่นิดเ้าค่ะ"
ผู้เฒ่าอวี๋นอนลงบนเตียง"ข้ารู้ อนาคตเ้าสี่ย่อมสำคัญที่สุด เ้าไม่ชอบนางรอกระทั่งวันหน้าหลอกล่อเอาวิชาหมอที่นางร่ำเรียนมาจนหมดค่อยไล่นางออกจากสกุลอวี๋ของพวกเราได้ก็เป็พอ"
สตรีแซ่อวี๋โจวนอนลงบนเตียงเช่นกันเอ่ยชื่นชมว่า "ยังคงเป็นายท่านที่คิดรอบคอบเ้าค่ะ"
วิธีนี้ใช้ได้ผลกับอวี๋หรูไห่อย่างยิ่งเขามักประเมินตนเองสูงมาแต่ไหนแต่ไรสตรีแซ่อวี๋โจวเข้าใจคนผู้นี้อย่างแจ่มแจ้งนานแล้ว แม้จะสวมอาภรณ์ธรรมดาสามัญแต่อวี๋หรูไห่ก็คิดว่าตนเองเป็ท่านหมอ สูงส่งกว่าผู้คนในหมู่บ้านหนึ่งขั้นสตรีแซ่อวี๋โจวรู้ความคิดของเขา จึงเรียกอวี๋หรูไห่ว่านายท่านมาโดยตลอด
อวี๋เจียวเดินตามสตรีแซ่ซ่งกลับห้องฝั่งตะวันออกอวี๋เมิ่งซานรู้สึกตัวเพราะความเคลื่อนไหวภายนอก เขาเอนกายอยู่บนเตียง เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามาจึงยกยิ้มให้อวี๋เจียวอย่างอ่อนโยน"ข้าได้ยินฉี่เจ๋อบอกว่าเ้าเชี่ยวชาญวิชาหมอ? เมื่อครู่เพิ่งช่วยชีวิตโจวไหวเอาไว้?"
อวี๋เจียวเอ่ยอย่างนอบน้อม"พอเข้าใจเล็กน้อยเ้าค่ะ"
สตรีแซ่ซ่งแย้มยิ้มพลางกล่าว"วิชาหมอของแม่นางเมิ่งยอดเยี่ยมมากตอนที่โจวไหวถูกหามเข้ามาก็ใกล้จะสิ้นใจแล้วท่านผู้เฒ่าของพวกเราก็บอกว่าไม่รอดแล้วแต่พอเด็กคนนี้ใช้เพียงเข็มก็ช่วยชีวิตคนเอาไว้ได้ท่านผู้เฒ่าของพวกเราให้ความสำคัญกับวิชาหมอมากที่สุดตอนนี้เอ่ยปากให้แม่หนูเมิ่งกลับมานอนที่ห้องรองของพวกเราแล้วเ้าค่ะ"
"การมีวิชาหมอติดตัวเป็สิ่งที่ดี" เมื่อเป็เช่นนี้ภายหน้าเมิ่งอวี๋เจียวจะได้ตั้งหลักในสกุลอวี๋อวี๋เมิ่งซานเงยหน้ามองห้องของอวี๋ฉี่เจ๋อชั่วครู่เมื่อเห็นว่าประตูห้องปิดสนิทจึงเอ่ยกับอวี๋เจียวเสียงเบาว่า"ข้ารู้ว่าเ้าไม่อยากใช้ชีวิตร่วมกับเ้าห้าของข้าแต่เ้าถูกซื้อเข้าจวนสกุลอวี๋ของพวกเราแล้วสตรีที่ขาดคุณธรรมจะถูกจับใส่กรงหมูถ่วงน้ำ หากภายหน้ายังมีความคิดไม่ดีครอบครัวรองของพวกเราไม่มีทางละเว้นเ้าแน่นอน"
คำพูดของอวี๋เมิ่งซานล้วนแต่มีเจตนาเสียดสีอวี๋เจียวสิ่งที่เมิ่งอวี๋เจียวทำไม่เพียงแต่ทำให้ครอบครัวสามทนไม่ได้เพราะสถานะของครอบครัวรองก็ยิ่งน่ากระอักกระอ่วนเพราะเื่นี้เช่นกัน
อวี๋เจียวรู้ถึงเื่โง่เขลาที่เ้าของร่างกายนี้เคยทำมาก่อนตอนนี้ท่าทีที่คนครอบครัวรองทั้งสองมีต่อนางถือว่าดีมากแล้ว
นางพยักหน้าอย่างว่าง่าย"ข้ารู้ผิดแล้วเ้าค่ะ ต่อไปนี้จะปฏิบัติตนให้ดีเ้าค่ะ"
สตรีแซ่ซ่งเอ่ยเสียงอ่อนโยน"เด็กดี ข้ารู้ว่าเ้าได้รับความคับข้องใจมากมายในสกุลอวี๋ของพวกเราแต่เ้าเป็สะใภ้ครอบครัวรองสกุลอวี๋ของข้าแล้วต่อไปจงใช้ชีวิตอย่างมั่นคงถึงจะเป็เื่สำคัญ"
อวี๋เจียวพยักหน้าอีกครั้ง
"รีบไปนอนเถิด" สตรีแซ่ซ่งผลักประตูห้องด้านขวาแล้วเอ่ยว่า"ฝูหลิงไปบ้านท่านตาท่านยายยังไม่กลับมา"
อวี๋เจียวพยักหน้าในความทรงจำของนางหลังจากที่เมิ่งอวี๋เจียวถูกซื้อตัวเข้ามาในสกุลอวี๋ก็ไม่เคยนอนห้องเดียวกับอวี๋ฉี่เจ๋อแต่พักกับลูกสาวคนโตของครอบครัวรองอวี๋ฝูหลิงมาโดยตลอด
เมื่อเข้ามาในห้องอวี๋เจียวปิดประตูแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางเหลือบมองของตกแต่งภายในห้องแลดูเรียบง่ายอย่างมาก เตียงขนาดไม่ถือว่าใหญ่วางติดกับผนังมีกระเป๋าสัมภาระใบเก่าอยู่ตรงมุมหัวเตียง ดูไม่เหมือนห้องของผู้หญิงสักนิดแต่ก็ดีกว่าต้องนอนอยู่บนกองฟางในห้องเก็บฟืนมากโข
อวี๋เจียวนอนลงบนเตียงนางดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างกาย ร่างทั้งร่างผ่อนคลายลงบิดเอวไล่ความเกียจคร้านก่อนจะหลับไปอย่างรวดเร็ว
วันต่อมาเื่สกุลโจวมารักษาอาการป่วยถูกกล่าวขานไปทั่วหมู่บ้านชิงอวี๋เดิมทีก็เป็หมู่บ้านเล็กๆ ไม่ได้ใหญ่โตนักเมื่อคืนผู้คนได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของคนสกุลโจวครั้นเช้าตรู่จึงไปสอบถามที่สกุลโจวโจวไหวและภรรยาของเขายกย่องวิชาหมอของอวี๋หรูไห่เป็อย่างยิ่ง ถึงแม้จะไม่ได้บอกว่าโจวไหวเป็โรคที่น่าอับอายเช่นม้าทะยานลมแต่ยังเน้นย้ำความร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิตเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเยี่ยมยอดในการรักษาของอวี๋หรูไห่
เมื่อก่อนอวี๋หรูไห่แค่ตรวจอาการปวดหัวตัวร้อนทั่วไปมีโรคร้ายแรงอะไรก็ผลักภาระไปให้หมอในเมือง คนในหมู่บ้านคิดว่าเขาเป็แค่หมอที่คอยสั่นกระดิ่งรักษาคนไข้ตามท้องถนนเท่านั้น
เื่ที่ถูกบอกเล่าจากครอบครัวของโจวไหวทำให้คนในหมู่บ้านคิดว่าเมื่อก่อนพวกเขาดูถูกอวี๋หรูไห่เกินไปจึงมีผู้คนมากมายมาหาหมอและซื้อสมุนไพรเพื่อร่วมชมเื่สนุกั้แ่เช้าตรู่
ขณะที่อวี๋เจียวกำลังหลับสนิทกลับถูกสตรีแซ่ซ่งเคาะประตูปลุกเสียแล้ว