“หืม?”
เสิ่นเสวียนมองเสวียนหลิงเอ่อร์ที่อยู่ด้านหลังราวกับภาพสะท้อน ทว่าตอนที่หันมองเสวียนหลิงเอ่อร์นั้น เสวียนหลิงเอ่อร์ก็กำลังมองเขาอยู่เหมือนกัน
“ใคร? ท่าน?”
เสิ่นเสวียนมองอีกฝ่าย ตั้งใจตั้งคำถาม
“เ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ”
เสวียนหลิงเอ่อร์เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
“ไม่รู้เลย”
เสิ่นเสวียนส่ายหัวอย่างหมดหนทาง ก่อนหน้านี้ในพริบตานั้น เขาััได้ถึงพลังของผู้แข็งแกร่งเช่นกัน และเขายังรู้ว่าเป็หนึ่งในจักรพรรดิเซียนสองคนที่เคยไล่ล่าเขาก่อนหน้านี้ และเขาเข้ามาถึงที่นี่แล้ว
ส่วนที่เสวียนหลิงเอ่อร์กล่าวออกมาเมื่อครู่นี้ คงจะเป็จักรพรรดิเซียนผู้นั้นเข้ามาถึงที่นี่ สามารถััได้ถึงไอพลังนั้น แสดงให้เห็นว่าเสวียนหลิงเอ่อร์ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
“อาจจะใช่ รีบเก็บของของเ้าเถอะ”
เสวียนหลิงเอ่อร์เบี่ยงประเด็น เสิ่นเสวียนรีบเก็บหินเฮยเย่าทั้งหมดในทันที
ทั้งสองคนไม่กล่าวอะไรเลย มีเพียงเสียงหินเฮยเย่ากระทบพื้นดังไม่หยุด
แกร๊ก! แกร๊ก! แกร๊ก!
บรรยากาศของที่นี่ค่อนข้างแปลก ผ่านไปครู่หนึ่งเสียงของผู้เฒ่าจี๋เล่อดังผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายออกมาทำลายความเงียบ
“พอแล้วหรือยัง”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อในมิติใต้ดินของตระกูลเหลยกล่าวกับค่ายกลเคลื่อนย้าย หากส่งหินเฮยเย่าเข้าไปมากเกินไป เขากลัวว่าสุสานของตนเองจะใส่ไม่พอ
“ยังขาดอีกเล็กน้อย ส่งมาอีก”
เสียงของเสิ่นเสวียนดังกลับไป
มิติใต้ดินของตระกูลเหลยตอนนี้กลายเป็ของเสิ่นเสวียนไปแล้ว ครั้งก่อนก่อนที่จะออกมา เขาสลักรอยประทับมิติเอาไว้ ขอเพียงมีพลังมากพอก็จะเคลื่อนย้ายหินเฮยเย่าออกไปได้เสมอ เมื่อเหลยป้าเทียนกลับมา ที่นี่คงถูกเสิ่นเสวียนเคลื่อนย้ายออกไปจนว่างเปล่า ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร
พลังของผู้เฒ่าจี๋เล่อแข็งแกร่งมากจริงๆ ูเาหินเฮยเย่าที่แข็งแกร่งลูกนั้นถูกเขาแบ่งเป็ก้อนเล็กๆ ได้อย่างง่ายดาย ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วยาม ูเาหินเฮยเย่าตรงหน้าก็หายไปแล้วหนึ่งในสี่ส่วน
หินเฮยเย่ามากมายขนาดนั้น ถูกเคลื่อนย้ายเข้าไปในสุสานทั้งหมดด้วยวิธีที่รวดเร็วมาก
ภายในสุสาน แน่นอนว่ามิอาจเก็บหินเฮยเย่ามากมายขนาดนั้นได้ และมิติของเสิ่นเสวียนก็มิอาจใส่ได้มากมายขนาดนั้นเช่นกัน
แต่มีสถานที่พิเศษที่สามารถใส่ได้
‘โลงศพสีดำ’
เสิ่นเสวียนสังเกตเห็นนานแล้วว่าภายในโลงศพสีดำนี้มีมิติอยู่ในตัว หากเอาหินเฮยเย่าใส่เข้าไปในมิตินี้จนเต็มแล้วเสิ่นเสวียนคิดว่าน่าจะเพียงพอ จึงกล่าวกับค่ายกลเคลื่อนย้าย
“พอแล้ว หยุดได้”
เสียงของเสิ่นเสวียนดังเข้าในหูของผู้เฒ่าจี๋เล่อ ผู้เฒ่าจี๋เล่อก็ถอนหายใจออกมา เขาปรายตามองที่นี่อีกครั้ง จากนั้นก็เข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายทันทีโดยไม่กล่าวอะไรอีกเลย
เสวียนหลิงเอ่อร์ให้เขาทำเช่นนี้ แสดงว่าเสวียนหลิงเอ่อร์ต้องอยู่ในสุสานเช่นกัน ไม่เจอกันพันปี เขาอยากเจอหน้าอีกฝ่ายจะแย่แล้ว น่าเสียดาย แม้อยู่ในมิติเดียวกัน แต่เขาไปหานางไม่ได้ และนางก็มาหาเขาไม่ได้เช่นกัน
อานุภาพและความลึกลับของโลงศพสีแดงแข็งแกร่งกว่าที่เสิ่นเสวียนจินตนาการไว้
“พี่หญิง ท่านอยู่ไหม”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อยังกลับมาไม่ถึง แต่เสียงของเขาดังขึ้นก่อนแล้ว
จากนั้นเขาก็ปรากฏตัวขึ้น มองเสวียนหลิงเอ่อร์ที่ยืนอยู่กลางอากาศ เขาดีใจมากราวกับเด็กคนหนึ่ง
“พี่หญิง ในที่สุดท่านก็มาแล้ว”
“พี่หญิง ท่านไม่เป็อะไรก็ดีแล้ว”
“พี่หญิง พวกเราไม่ได้เจอกันมาพันปีแล้วนะ”
“พี่หญิง ่นี้ท่านสบายดีใช่ไหม”
“พอๆๆ ข้ารู้แล้ว รู้แล้ว”
เสวียนหลิงเอ่อร์ยกมือกุมหน้าผาก พลางทำสีหน้าเหนื่อยใจ
ผู้เฒ่าจี๋เล่อในสายตาคนอื่นคือผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เขาไม่ต่างจากเด็กคนหนึ่งเลย
เสิ่นเสวียนที่อยู่ข้างๆ มองภาพที่อบอุ่นนี้ ทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ พลางส่ายหัว คิดไปถึงตัวเขาเอง เขาได้ชื่อเป็เซียนพเนจรเก้าด่านเคราะห์ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร เป็บุคคลที่ผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนต่างเคารพเลื่อมใส แต่เขารู้ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าอาจารย์หลี่ฉุนเฟิง ตนเองคงไม่ต่างอะไรกับเด็กคนหนึ่งเหมือนผู้เฒ่าจี๋เล่อ
“ยืนดีๆ ให้ข้าดูหน่อย”
เสวียนหลิงเอ่อร์เห็นผู้เฒ่าจี๋เล่อคิดกล่าวอะไรออกมาอีกจึงกล่าวเสียงเย็น ให้ผู้เฒ่าจี๋เล่อที่กำลังตื่นเต้นหลับตาลงและยืนนิ่งอยู่กับที่
จากนั้นเสวียนหลิงเอ่อร์ก็เหาะไปรอบๆ ร่างของอีกฝ่ายพลางพยักหน้าน้อยๆ แม้จะก้าวหน้าอย่างเชื่องช้าแต่ก็พอใช้ได้ อย่างน้อยร่างจิติญญายังไม่แตกสลายไป
เสิ่นเสวียนเก็บหินเฮยเย่าทั้งหมดไปแล้ว จากนั้นก็ทำลายค่ายกลเคลื่อนย้ายทิ้ง แล้วเขาก็นั่งลงที่พื้น มองสองอาจารย์ศิษย์ในร่างจิติญญาไปพลาง ภาพที่อบอุ่นเช่นนี้แค่ได้มองก็เป็สุขใจแล้ว
“ไม่เลวเลย ก้าวหน้าอยู่บ้างเหมือนกัน”
เสวียนหลิงเอ่อร์กล่าวกับผู้เฒ่าจี๋เล่อพลางพยักหน้า
ผู้เฒ่าจี๋เล่อได้ยินเสวียนหลิงเอ่อร์กล่าวชื่นชมตนเอง ไม่ต้องเอ่ยถึงเลยว่าจะดีใจมากแค่ไหน แต่ตอนที่เขาอยากกล่าวบางอย่างออกมา เสวียนหลิงเอ่อร์พลันเอ่ยขึ้นว่า
“เื่ของเ้าข้ารู้มาทั้งหมดแล้ว ไม่ต้องพูดอะไร ข้าเข้าใจดี”
“เอ๋? ก็ได้”
เมื่อเป็เช่นนี้ ผู้เฒ่าจี๋เล่อที่มีบางอย่างจะบอกต้องตกตะลึง กลืนคำเ่าั้ลงท้องไปเพราะคำของเสวียนหลิงเอ่อร์
เสวียนหลิงเอ่อร์รู้จักเขาดี หากปล่อยให้เขาพูดต่อไป เกรงว่าสามวันสามคืนยังคงพูดไม่จบ
“เข้ามาสิ เรียกน้องชาย”
เสวียนหลิงเอ่อร์เหาะมาตรงหน้าเสิ่นเสวียนแล้วกล่าวกับผู้เฒ่าจี๋เล่อ
“น้องชาย”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อกล่าวทันที หากกล่าวถึงว่าในโลกนี้ยังมีใครที่สามารถออกคำสั่งผู้เฒ่าจี๋เล่อได้ คงมีเพียงเสวียนหลิงเอ่อร์ผู้นี้เท่านั้น
“ทำไมฟังแล้วแปลกๆ เรียกข้าเสิ่นเสวียนเถอะ”
เสิ่นเสวียนขนลุกเกรียว เขาเป็เซียนพเนจรเก้าด่านเคราะห์กลับถูกเรียกว่าน้องชาย รู้สึกไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไร
“ไม่ได้ เรียกชื่อเ้าตรงๆ ดูรุนแรงเกินไป ต้องเรียกว่าน้องชาย”
เสวียนหลิงเอ่อร์กล่าวพลางยิ้ม ผู้เฒ่าจี๋เล่อเป็กึ่งศิษย์ของนาง หากเป็เช่นนี้แสดงว่านางาุโกว่าเสิ่นเสวียน และนี่คือกฎของนาง
“น้องชาย”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อยืนอยู่ข้างๆ กล่าวขึ้นอีกครั้ง
“ได้ๆๆ แล้วแต่พวกท่านเลย อยากเรียกแบบไหนก็เรียกเลย”
เสิ่นเสวียนสีหน้าค่อนข้างเหนื่อยใจ ทำอย่างไรได้ ตอนนี้เขาอยู่ในอาณาเขตของคนอื่น และยังมีเื่ต้องรบกวนพวกเขาอีก!
“แบบนี้ถึงจะเป็เด็กดี เ้า้าเลื่อนขั้นใช่ไหม”
“เด็กน้อย มาช่วยปกป้องเขาให้ดี เขา้าอะไรเ้าก็ไปหาให้เขา”
เสวียนหลิงเอ่อร์เหมือนจะรู้ถึงเป้าหมายของเสิ่นเสวียน จึงสั่งผู้เฒ่าจี๋เล่อเอาไว้
“ขอรับ น้องชาย หาก้าอะไรก็บอกได้เลย”
เสวียนหลิงเอ่อร์อยู่ตรงนี้ด้วย ผู้เฒ่าจี๋เล่อจึงยอมรับในตัวเสิ่นเสวียนทันที บวกกับความสามารถของเสิ่นเสวียนก่อนหน้านี้ เพียงพอที่จะอยู่ในระดับเดียวกับเขาอย่างแน่นอน ส่วนความคิดอยากรับเสิ่นเสวียนเป็ศิษย์ก่อนหน้านี้ โดนเสวียนหลิงเอ่อร์ทำลายไปแล้วในขณะที่นางปรากฏตัวขึ้น
เสิ่นเสวียนเหลือบตามองเสวียนหลิงเอ่อร์อย่างครุ่นคิด จากนั้นจึงยิ้มให้ทั้งสองพลางพยักหน้า เขาลุกขึ้นยืนแล้วไปยังที่ว่างด้านหนึ่งของสุสาน
พู่กันพลังด้ามหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา
จากนั้นพู่กันก็กลายเป็ั วาดลวดลายขึ้นอย่างรวดเร็วเหนือที่ว่างนั้นขึ้นไปราวเก้าฉื่อ ลวดลายเ่าั้ทำให้พื้นเกิดร่องลึกลงไปสามชุ่นกว่าๆ เผยให้เห็นพื้นที่เปล่งแสงทองอร่าม
ใต้พื้นนี้ล้วนแล้วแต่เป็ธาตุทอง พลังของมันมากมายมหาศาล แม้จะเทียบูเาหินเฮยเย่าก่อนหน้านี้ไม่ได้ แต่ก็ไม่ต่างกันมากเท่าไร ดูจากพลังที่เสิ่นเสวียน้าในครั้งนี้ ใช้สักหนึ่งในสิบส่วนก็น่าจะพอ
ส่วนภายในโลงศพสีดำและภายในสุสานแห่งนี้เต็มไปด้วยหินเฮยเย่า ทำให้พลังธาตุดินมีมากเพียงพอ
ภายในมิติ ร่างของคนชุดดำยังคงวางอยู่ในนั้น คนชุดดำก็คือองค์ประกอบของพลังธาตุไม้ เมื่อฝึกฝนถึงขั้นจักรพรรดิแล้วทำให้ภายในร่างมีพลังธาตุไม้ผสมผสานอยู่มากมาย จึงไม่ต้องเป็กังวลเลย
ส่วนงูหน้าผีและพลังที่เขารวบรวมอยู่เป็ประจำก็คือพลังธาตุน้ำ
สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือพลังธาตุไฟ เสี่ยวเหยียนมีร่างธาตุไฟ และยังสามารถสร้างต้นกำเนิดไฟได้ไม่มีที่สิ้นสุด บวกเข้ากับความบริสุทธิ์ของธาตุไฟภายในร่างของมัน เรียกได้ว่าเป็ที่สุดขององค์ประกอบห้าธาตุ
และเมื่อเป็เช่นนี้ องค์ประกอบห้าธาตุก็พร้อมแล้ว
การสร้างหยวนก่อกำเนิดห้าธาตุไม่ใช่เื่ยากสำหรับเขา
แต่เสิ่นเสวียนในตอนนี้มีความคิดที่บ้าบิ่นยิ่งกว่านั้น
เขา้าสร้างหยวนก่อกำเนิดหกธาตุ