ใบหน้าของ ‘งูหางกระดิ่งสองขา’ แมซโซลาเ็า
ใบหน้าของเขาไม่มีร่องรอยความเมตตาที่เหล่านักบวชสมควรมี กวาดสายตามองฝูงชนที่กำลังปั่นป่วนพลางพูดออกมาเบาๆ “ทางโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ได้รับรายงานลับสุดยอดว่า เมื่อไม่นานมานี้ ในการต่อสู้ของเมืองแซมบอร์ด ได้มีเวทมนตร์แห่งความตายที่ชั่วร้ายปรากฏขึ้นมาในโลกนี้...พ่อสงสัยว่าจะคนพวกนี้ได้รับพลังปีศาจชั่วร้าย เพราะพ่อรู้สึกถึงกลิ่นอายแห่งความตายจางๆ บนตัวพวกเขา...เหล่าบุตรของพระเ้า จงอย่าสงสัยความเป็ธรรมของพ่อเลยนะ...พ่อให้สัญญากับพวกเ้าว่า ทางโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์จะตัดสินด้วยความยุติธรรมที่สุด เพียงตรวจสอบว่าพวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกปีศาจ พ่อจะให้พวกเขาออกจากโบสถ์เอง”
นี่เป็เหตุผลที่แมซโซลากล่าว
และนี่ก็เป็เหตุผลที่ดูเรียบง่ายแต่ก็ทำให้ชาวเมืองแซมบอร์ดสองข้างทางหวาดหวั่น บางส่วนได้แต่มอง บางคนที่มองดูคนรักตัวเองถูกดึงออกไปก็ได้แต่ร้องไห้อ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง ฝูงชนได้แต่ตะลึงงัน ไม่มีใครกล้าส่งเสียงร้องห้ามออกมา ในดวงตาพวกเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ในแผ่นดินอาเซรอท ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม หากถูกคนของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์คิดว่าติดต่อกับพวกปีศาจ นั่นก็เท่ากับว่ามีเคียวของเทพแห่งความตายกำลังพาดคออยู่ โดยที่ทางโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์จะเตรียมไม้กางเขนไว้ให้สำหรับคนพวกนั้นไว้ล่วงหน้า
พวกเขาไม่ได้เป็กระต่ายตื่นตูม แต่เคยมีเหตุการณ์ก่อนหน้านี้แล้ว
เมื่อยี่สิบปีก่อนบนแผ่นดินอาเซรอท ตอนนั้นมีจักรพรรดินามว่าบรูโน่แห่งราชอาณาจักรตูริน ราชอาณาจักรระดับหก เขาเปี่ยมไปด้วยความสามารถและพร์ที่น่าทึ่ง เขาอายุไม่ถึงห้าสิบปีก็สามารถเลื่อนระดับถึงจุดสูงสุดของระดับจันทราได้ เป็นักรบระดับจันทราที่แข็งแกร่งมาก มีคนคาดการณ์ว่าอีกแค่ก้าวเดียว บรูโน่ก็สามารถเลื่อนระดับเป็สุริยะได้ และราชอาณาจักรตูรินเองก็มีทหารที่อยู่ใต้บัญชาถึงหนึ่งล้านคนและนักรบแข็งแกร่งอีกจำนวนนับไม่ถ้วน ่เวลานั้นถือว่าเป็่เวลาแห่งความรุ่งโรจน์ของราชอาณาจักรตูริน ใน่เวลาสิบกว่าปีนั้นไม่มีราชอาณาจักรใดกล้าเข้ามาวุ่นวาย
แต่่เวลาแห่งความรุ่งเรืองของบรูโน่ก็ต้องหมดไป
เหตุผลเพียงเพราะในงานเลี้ยงของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ ด้วยความหยิ่งยโสของบรูโน่โดยไม่ได้ตั้งใจได้ทำให้พระสันตะปาปาปลาตีนี ผู้นำสูงสุดของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่พอใจ จึงถูกพระสันตะปาปากล่าวหาว่าสมรู้ร่วมคิดกับพวกปีศาจร้ายในนรก จากนั้นก็มีคำสั่งให้ ‘กลุ่มอัศวิน’ ทำการกวาดล้างราชอาณาจักรตูรินให้หายไปจากแผ่นดิน และแม้แต่บรูโน่ที่เป็ผู้มีพลังแข็งแกร่งก็ต้องพบจุดจบที่น่าอนาถ กล่าวกันว่าเขาถูกมัดติดกับไม้กางเขนเทพพระอาทิตย์ที่ยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์หลัก แล้วถูกเปลวไฟเวทมนตร์ที่น่ากลัวเผาทั้งเป็อยู่สามปีก่อนจะตาย
ดังนั้น เพียงประโยคโหดร้ายธรรมดาๆ ของแมซโซลาก็ทำให้ทุกคนสิ้นหวัง ส่วนสตรีที่ถูกล่ามคอแล้วดึงออกมาก็เป็ลมล้มกับพื้นทันที
ฝูงชนทั้งสองฝั่งต่างเงียบเป็เป่าสาก
แม้ว่าหญิงสาวและชายหนุ่มที่ถูกจับออกไปจะเป็คนใกล้ชิด แต่ตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา แม้แต่จะร้องไห้ก็ไม่กล้า
อำนาจของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์มันช่างเผด็จการอย่างเห็นได้ชัด
เห็นได้ชัดว่า ‘งูหางกระดิ่งสองขา’ แมซโซลาพอใจกับผลงานของตัวเองมาก
เขาชอบบรรยากาศที่ถูกทุกคนมองมาด้วยความหวาดกลัว
ในมือของแมซโซลาลูบคถาสีดำอย่างทะนุถนอม เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยท่าทางน่าเกรงขามก็พบว่าไม่มีใครกล้าสบตาตัวเองสักคน จึงทำให้เขาพยักหน้าอย่างพอใจ ความขุ่นหมองใจและความอึดอัดที่ได้รับจากโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เมืองหลวงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กแห่งราชอาณาจักรเซนิทไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็ถูกปลดปล่อย ทำให้เขาเกิดรู้สึกภาคภูมิใจอีกครั้ง
แต่ในขณะที่เขาจะหันหลังกลับไปขึ้นรถม้าเวทมนตร์
“โปรดหยุดก่อน ท่านนักบวช ข้าเป็พยานให้ได้ คนเหล่านี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์แห่งความตายของเหล่าปีศาจอย่างแน่นอน”
ทันใดนั้นเสียงใสๆ ก็โพล่งขึ้นมา ทำให้อารมณ์ดีๆ ของแมซโซลาพลันถูกทำลาย
งูหางกระดิ่งเริ่มโกรธขึ้นมา
เขาหันกลับมาทั้งๆ ที่ยืนอยู่บนคานไม้เหยียบรถม้า ยกคทาชี้ตรงไป เขาไม่เห็นหรอกว่าใครเป็คนพูด แต่ลำแสงสีขาวสว่างที่มีกลิ่นอายทำลายก็ยิงออกมาจากอัญมณีสีม่วงซึ่งฝังอยู่บนยอดคทาสีดำที่เขารักมากจนไม่ยอมปล่อยมือ ลำแสงที่ยิ่งออกมายิงตรงไปทางทิศที่มีเสียงพูด
ทักษะของนักบวช ‘ลำแสงทำลายล้าง’
ด้วยการลงมือที่รุนแรง ไม่มีสัญญาณบ่งบอก เห็นได้ชัดว่าเจตนาสังหาร
เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้บนท้องถนน
นักบวชแมซโซลาไม่เห็นว่าใครเป็คนพูด แต่คนอื่นกลับเห็นชัดเจน ใบหน้าทุกคนพลันเปลี่ยนสี เพราะผู้ที่เผชิญกับอันตรายอย่างกล้าหาญก็คือราชินีในอนาคตขององค์าาอเล็กซานเดอร์แห่งเมืองแซมบอร์ด แองเจล่าสาวน้อยผู้มีจิตใจบริสุทธิ์
ลำแสงสีขาวสว่างมีอุณหภูมิที่ร้อนอย่างมาก ชั่วพริบตาที่มันพุ่งเข้ามาตรงหน้าของแองเจล่า เผาปลายผมสีดำของนางที่พลิ้วตามสายลม...สาวงามที่จิตใจบริสุทธิ์คนนี้กลับต้องมาตายที่นี่เพียงเพราะคำพูดประโยคเดียว ตอนนี้เอง...
ชิ้ง!
ดาบั์สีดำที่มีเปลวไฟสีน้ำเงินครอบคลุมดาบก็ปรากฏขึ้น ขวางหน้าแองเจล่าไว้
ดาบในมือทั้งกว้างทั้งหนาและเปี่ยมไปด้วยพลัง
เห็นเพียงดาบหนาสีดำขยับเล็กน้อย เปลวไฟสีน้ำเงินก็ชนเข้ากับลำแสงสีขาวจนเกิดระลอกคลื่นขึ้นมา สุดท้ายพลังทั้งสองอย่างก็ค่อยๆ สลายไป
คนที่มาปรากฏตัวได้ทันเวลาก็คือ อดีตยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเมืองแซมบอร์ด แฟรงก์ แลมพาร์ด
“ช่างไม่เกรงใจจริงๆ กล้าดีอย่างไรมาลงมือกับว่าที่ราชินี ท่านนักบวชแมซโซลา นี่ท่านตั้งใจจะกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งระหว่างโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์กับเมืองแซมบอร์ดอย่างงั้นหรือ?”
แลมพาร์ดใช้ร่างขวางทางพลางถือดาบไว้ เขาโคจรคลื่นพลังธาตุน้ำมีสีฟ้าทั่วร่างอย่างบ้าคลั่ง ผมสีแดงหลุดออกมาจากผ้าลินินที่คลุมผมไว้แล้วโบกสะบัดไปกับสายลม ท่าทางองอาจกล้าหาญที่หาจับตัวได้ยาก ดวงตาเข้มงวดจ้องเขม็งไปที่ร่างของแมซโซลาที่ยืนอยู่ข้างๆ รถม้าพลางถามเสียงดัง
“อ้อ ที่แท้ก็เป็องค์หญิงแองเจล่า...ขออภัยในความหยาบคายของพ่อ”
ในที่สุดแมซโซลาก็เห็นแล้วว่าคนที่กล้าพูดขัดเขาเป็ใคร แต่ว่าที่ราชินีของอาณาจักรบริวารระดับหกไม่ได้อยู่ในสายตาเขา แม้ปากจะพูดขออภัย แต่ไม่ว่าใครก็ไม่เห็นความสำนึกผิดบนสีหน้าของเขาเลย เขาแบะปากอย่างไม่สนใจ ก่อนจะพูดยิ้มๆ ว่า “ท่านแลมพาร์ด เก็บดาบของท่านเถอะ หรือว่าท่านอยากลงมือกับนักบวชของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์”
แลมพาร์ดยิ้มน้อยๆ
แม้จะหยุดชะงักไปนิดหนึ่ง เขาขมวดคิ้วเล็กๆ ดาบสีดำในมือกลายเป็เงาวูบหนึ่ง ก่อนที่ดาบจะเข้าไปในปลอกดาบด้านหลัง แต่บนใบหน้ายังแสดงถึงอาการไม่พอใจ เขากวาดสายตามองไปยังที่ชาวเมืองแซมบอร์ดที่ถูกนักบวชใช้โซ่ล่ามออกมา ก่อนจะถามอย่างโมโหว่า “ไม่รู้ว่าคนเหล่านี้ทำผิดอะไร? หรือว่านักบวชแห่งโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์สามารถจับใครก็ได้ตามอำเภอใจ?”
“ระวังคำพูดของท่านให้ดีๆ ท่านแลมพาร์ด...” แมซโซลาถูกขัดอีกครั้งก็เริ่มโกรธ เขาแสดงท่าทางสูงส่งก่อนจะแสดงอาการเหยียดหยามออกมา “ท่านสงสัยต่อความยุติธรรมของพ่อหรือ? พวกพ่อมีหลักฐานอย่างชัดเจน ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ของเมืองแซมบอร์ดมีเวทมนตร์แห่งความตายปรากฏขึ้นมา พ่อสงสัยว่าคนเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงจะพากลับไปตรวจสอบที่โบสถ์อย่างชัด...”
“แต่ท่านนักบวช ข้ามีหลักฐานแน่นอน คนที่ท่านจับไม่มีความเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์แห่งความตาย...”
‘งูหางกระดิ่งสองขา’ ยังพูดไม่จบก็ถูกแองเจล่าพูดแทรกขึ้นมา สาวงามคนนี้แม้จะถูกเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทำให้รู้สึกใ ใบหน้ายังคงขาวซีด แต่ดวงตากลมโตที่บริสุทธิ์ดุจคริสตัลก็ยังคงฉายแววความกล้า นางมองไปที่ดวงตาอ้อนวอนของเหล่าสตรีที่ถูกจับด้วยความสงสาร แองเจล่าจึงตัดสินใจที่จะโต้กลับอย่างหนักแน่น “ท่านนักบวช เมื่อครู่นี้ท่านพูดว่าในการต่อสู้บนสะพานปรากฏเวทมนตร์แห่งความตายขึ้นมา แต่ทุกคนในเมืองแซมบอร์ดเป็พยานได้ คนที่ถูกจับออกมาไม่มีใครปรากฏตัวที่บนสะพานสักนิด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเวทมนตร์แห่งความตายที่ปรากฏขึ้นมาบนสะพานในตอนนั้นแน่นอน”
คำพูดของแองเจล่าทำให้ทุกคนในเมืองแซมบอร์ดตาเป็ประกาย
“ใช่แล้ว พวกเขาไม่ได้ออกไปจากเมืองเลย เวทมนตร์แห่งความตายบนสะพานจะเกี่ยวข้องกับพวกเขาได้อย่างไร?”
“บางทีเวทมนตร์แห่งความตายอาจจะเป็พวกสารเลวที่มาโจมตีเมืองแซมบอร์ดก็ได้นี่?”
“ท่านนักบวช ท่านไม่อาจจับคนมั่วๆ ได้นะ!”
“องค์หญิงแองเจล่าพูดมีเหตุผล เนลลี่และคนอื่นๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์แห่งความตายเลย...”
“ใช่แล้ว ท่านป้ากูลี่เพิ่งคลอดบุตรไม่ถึงเดือนเลย แม้แต่เคียวยังไม่มีแรงยกขึ้นมาด้วยซ้ำ แล้วจะมีเวทมนตร์แห่งความตายอะไรกัน!”
ได้ยินคำชี้แจงของแองเจล่า ทำให้เหล่าฝูงชนทั้งสองฝั่งกล้าที่จะพูดขึ้นบ้าง พวกเขาะโเสียงดังขึ้นมา โดยเฉพาะครอบครัวของคนที่ถูกจับรีบร้องะโขึ้นมา เหตุการณ์นี้เหนือการควบคุมของพวกเขา
ความจริงแล้ว ทุกคนต่างก็รู้เหตุผลที่แท้จริงของนักบวชที่จับกุมคนพวกนี้
พวกผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อย มันคงจะจับมาเพื่อเรียกค่าไถ่กับครอบครัวพวกเขา ส่วนสาวสวยคนอื่นๆ ก็ถูกจับมาเป็ที่ระบายอารมณ์ใคร่ของนักบวชและจะถูกปฏิบัติเหมือนทาส นอกจากนี้ ยังมีไว้ใช้ทำความสะอาดโบสถ์ ทำอาหารให้แก่พวกนักบวช ซึ่งหมายความว่า เคยมีเื่แบบนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้ง แน่นอนว่า สุดท้ายก็มีบางคนถูกจับมัดบนไม้กางเขนแล้วถูกเผาทั้งเป็อย่างโหดร้าย และวันนี้ ‘ป้ากูลี่’ ที่กำลังอุ้มลูกก็ถูกจับออกมา คาดว่าในใจของแมซโซลาคงจะกำหนดให้เป็ผู้โชคร้ายโดนเผาทั้งเป็อย่างแน่นอน
เห็นเหตุการณ์แบบนี้นักบวชแมซโซลายิ่งโมโห
เขาคิดไม่ถึงว่าจะถูกเด็กสาวตัวเล็กๆ พูดเช่นนี้ จนปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้งมากแบบนี้ ยิ่งไอ้พวกชาวบ้านชั้นต่ำมันเริ่มโห่ร้องก็ยิ่งทำให้ศักดิ์ศรีของตัวเองกำลังถูกยั่วยุ คิดถึงตรงนี้ ความโกรธของเ้างูหางกระดิ่งก็พุ่งปรี๊ดขึ้นหน้าจนะโออกไปอย่างดุร้ายว่า “พลังชั่วร้ายจะชำนาญในด้านการล่อลวงจิตใจคนจนทำให้กลายเป็คนตาบอด...องค์หญิงแองเจล่า ท่านแลมพาร์ด หากพวกท่านยังไม่หลีกทาง จะถูกโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ตัดสินว่าเป็พวกเดียวกับปีศาจและจะถูกเผาบนไม้กางเกง อย่าหาว่าไร้เมตตากันเลย!”
พูดจบแมซโซลาก็ไม่รอให้ทั้งสองคนว่ากล่าวอะไรรีบหันหลังขึ้นรถม้าทันที
เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว บาทหลวงที่ทั้งอ้วนทั้งเตี้ยที่อยู่ใกล้แองเจล่าและแลมพาร์ดก็เขย่าโซ่ในมือของพวกเขาอย่างเย่อหยิ่ง “ฮ่าๆๆ รีบหลีกทางเถอะ! ไม่อย่างนั้น...ฮิๆ!” สองคำสุดท้ายของบาทหลวงอ้วนเตี้ยวแฝงไปด้วยความนัยบางอย่าง
แลมพาร์ดขมวดคิ้ว มือหนาของเขากำไปที่ดาบสีดำด้านหลัง
เขาหันไปมองแองเจล่าด้วยท่าทางเหมือนจะสอบถาม
ดวงตากลมโตของแองเจล่าเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
สาวน้อยไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี ราวกับว่านางเป็มดในกระทะร้อน นางรู้ว่าแค่นางบอกให้แลมพาร์ดช่วย เขาก็จะลงมือช่วยเหลือคนทันที และมันจะนำภัยพิบัติมาสู่เมืองแซมบอร์ดทั้งเมือง และองค์าาอเล็กซานเดอร์ที่กำลังจะเข้าพิธีาาภิเษก...แต่ถ้าให้นางยอมให้โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์จับกุมคนบริสุทธิ์ไป สาวน้อยที่มีจิตใจงดงามอย่างนางคงจะรู้สึกเ็ปเหลือจะทน
ตอนนี้เอง
ก็มีฝ่ามือหนาที่แสนอบอุ่นตบลงมาที่ไหล่ของนางเบาๆ ก่อนที่เสียงที่แสนคุ้นเคยจะกระซิบมาที่ข้างหูแองเจล่า “ให้ข้าจัดการเอง”
------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้