เถียนซู่เจิงเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก นางไม่เคยเห็นสหายในวัยเด็กแสดงท่าทางโกรธเกรี้ยวเช่นนี้มาก่อน ตลอดมาเขาเอาแต่ทำใบหน้าเรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายเมื่อเอ่ยถึงเถียนสวี่หลัน
เว่ยเจ๋อิไม่เชื่อในคำแก้ตัวของเถียนซู่เจิง เขาคิดว่าที่นางปฏิเสธเช่นนั้นอาจเพราะกลัวถูกลงโทษ ชั่วร้ายนัก คนตระกูลเถียนช่างไร้ยางอาย กล้าแม้กระทั่งขายบุตรสาวกิน
เว่ยเจ๋อิเลิกสนใจนาง เขาเดินมุ่งหน้าไปยังเรือนตระกูลเถียนทันที ร่างสูงเคาะประตูหน้าเรือนเสียงดังครั้งนี้เขาไม่คิดที่จะมองดูสหายของตนถูกรังแกอีกต่อไปแล้ว วันนี้ผู้ใหญ่ในเรือนไปร่วมงานแต่งงานของญาติฝั่งท่านย่าของเถียนสวี่หลัน ทำให้ทั้งเรือนเหลือเพียงแค่นางและน้องชาย อารองและอาสะใภ้รองก็ไม่อยู่เพราะพาเป่าเปาที่พึ่งสองขวบกลับไปบ้านเดิม
“มาหาใคร”
เถียนห่าวซวนเป็คนมาเปิดประตูเรือน เขาไม่ชอบบุรุษที่เย่อหยิ่งและเ็าผู้นี้เลย ถึงแม้พี่สาวคนสวยของเขาจะวิ่งไล่ตามชายผู้นี้มาสองปีแล้วก็ตาม
“ไปตามพี่สาวของเ้ามาซะ ข้ามีธุระกับนาง”
เว่ยเจ๋อิตอบออกไปด้วยน้ำเสียงดุดัน เถียนห่าวซวนมองเขาอย่างสงสัย ไม่รู้ว่าเ้าคนเ็านี่ไปกินรังแตนที่ใดมา ถึงได้มีท่าทีเกรี้ยวกราดเช่นนี้ ช่างเถอะ เขามาที่นี่ก็ดีแล้วพี่สาวของเขาคงจะดีใจมากแน่เพราะบุรุษที่นางพึงใจมาหาถึงเรือน
“พี่ใหญ่ มีคนมาหาท่าน”
เถียนห่าวเซวนเคาะประตูห้องเบาๆ เถียนสวี่หลันที่กำลังพยายามคัดตัวอักษรที่โต๊ะลุกขึ้นมาเปิดประตู
“ซวนเอ๋อใครมาหาข้าหรือ”
นางไม่ค่อยสนิทกับคนในหมู่บ้านแล้วจะมีใครมาหานางกัน อาเล็กก็อยู่ข้างนอกยังไม่กลับมา หรือว่าแผนการสำเร็จแล้วมีคนมาขออาเล็กแต่งงานแล้วอย่างนั้นหรือ
“ได้ข้าจะรีบไป”
เถียนสวี่หลันรีบเก็บของก่อนจะวิ่งออกจากห้องไปด้วยท่าทางตื่นเต้น เมื่อนางมาถึงหน้าประตูเรือนกลับพบว่าที่นั่นมีร่างสูงโปร่งในชุดสีขาวของสำนักศึกษาจื้อกั๋วยืนอยู่ เว่ยเจ๋อิหัน กลับมามองสตรีที่มีส่วนสูงเพียงแค่หัวไหล่ของตน
เขายอมรับจากใจเลยว่า เถียนสวี่หลันเป็สตรีที่งดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยได้พบมา แต่นิสัยที่แสนชั่วร้ายของนางนั้นเป็เื่ที่ยากที่จิตใจของเขาจะยอมรับ เขารู้มานานแล้วว่านางมีจุดประสงค์บางอย่างจึงได้พยายามเข้าหาตนเช่นนี้
นั่นหาใช่เพราะนางพึงใจในตัวเขาจริงๆ แต่เป็เพราะนางคิดว่าเขาจะสามารถประสบความสำเร็จได้ในอนาคต ถ้านางแต่งงานกับเขานางก็จะได้ดื่มด่ำกับความสำเร็จเ่าั้ไปด้วย
เว่ยเจ๋อิเมื่อนึกถึงเื่นั้นขึ้นมาเขาก็รู้สึกโมโหมากกว่าเดิม นางอายุเท่าใดกันถึงได้คิดเื่ที่แสนเ้าเล่ห์ร้ายกาจได้ขนาดนี้
“เถียนสวี่หลัน ที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้ข้าเพียงมาบอกกับเ้าว่า ต่อให้ต้องตายข้าก็จะไม่มีวันแต่งงานกับสตรีร้ายกาจเช่นเ้า”
เอ่ยจบเว่ยเจ๋อิก็ทำท่าจะผละจากไป แต่เขาหยุดตนเองไว้และเขาหันกลับมาเอ่ยบางอย่างกับนางอีกครั้ง
“หากเ้ากล้าทำร้ายเถียนซู่เจิงล่ะก็ ข้าสาบานว่าข้าจะทำให้เ้าและคนตระกูลเถียนต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”
ั้แ่ที่นางเดินมาที่หน้าประตูจนกระทั่งเว่ยเจ๋อิเดินจากไป นางไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมาแม้เพียงครึ่งคำ เถียนสวี่หลันขมวดคิ้วมองตามแผ่นหลังตั้งตรงของเขาไปจนลับสายตา ไม่แปลกที่เขาคิดว่านางจะหาเื่ทำร้ายอาเล็ก ก็ตลอดมาคนตระกูลเถียนไม่เคยทำดีกับอาเล็กเลย เห็นนางปฏิบัติเช่นนี้กับอาเล็กเขาจะสงสัยก็ไม่แปลก
เถียนสวี่หลันถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ ที่นางได้มีชีวิตใหม่อีกครั้งไม่ใช่เพื่อที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวังวนเดิมๆ เสียเมื่อไหร่ เขาอยากจะเข้าใจอย่างไรมันก็เป็เื่ของเขา ขอเพียงท่านอาเล็กเข้าใจนางก็พอ
เถียนสวี่หลันย้อนกลับไปที่ห้องของตน นางหยิบเอากระดาษที่ขอมาจากน้องชายออกมาคัดลายมืออีกครั้ง เมื่อก่อนเป็เพราะนางไม่รู้หนังสือจึงได้ถูกช่งหยางเฉิงและจ้าวจื่ออิงหลอกให้ประทับลายนิ้วมือในหนังสือหย่าและเปลี่ยนมาเป็สัญญาทาสแทน
หากว่านางอ่านหนังสือออกสักนิดเื่คงไม่เลยเถิดไปไกลถึงเพียงนั้น เถียนสวี่หลันสลัดเื่ราวในอดีตทิ้งไป นางให้น้องชายช่วยสอนให้นางอ่านทีละตัวอักษรและนั่งคัดลายมือเมื่อมีเวลาว่าง
เว่ยเจ๋อิที่พึ่งกลับมาถึงเรือน เขาเก็บของในห้องเรียบร้อยแล้ว จึงหยิบตำราออกมาอ่านเพื่อคั่นเวลาระหว่างที่รอมารดาและน้องชายกลับมาจากข้างนอก แต่ยิ่งเขาอ่านไปนานเท่าใดเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าความรู้ในตำรามิได้เข้ามาในหัวของเขาเลย
มีเพียงใบหน้าของสตรีร้ายกาจผู้นั้นที่ยังคงวนเวียนไปมา ทำอย่างไรเขาก็สลัดนางออกจากหัวไม่ได้เสียที เว่ยเจ๋อิวางตำราลงแล้วเดินไปหลังเรือน เพื่ออาบน้ำให้ตนเองได้ผ่อนคลาย
หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้วเว่ยเจ๋อิก็กลับมานั่งอ่านตำราอีกครั้ง ผ่านไปนานหน้าแรกก็ยังไม่ถูกพลิกไปเสียที จนเขาต้องกระแทกตำราในมือลงที่โต๊ะ เพื่อระบายอารมณ์
“บ้าจริง!!!”
ท่าทางของนางตอนนั้นก็ยังคงติดอยู่ในหัวเขา เหตุใดตอนนั้นที่เขาต่อว่านาง นางถึงไม่โวยวายเหมือนดั่งเช่นที่ผ่านมา หรือว่าสตรีผู้นั้นมีแผนร้ายอย่างอื่นอีก
ร่างสูงเดินวนไปวนมาภายในห้องด้วยท่าทางหงุดหงิด เพราะไม่สามารถหาเหตุผลเื่ที่เถียนสวี่หลันดูเปลี่ยนไปได้ จนกระทั่งมารดาของเขาเรียกให้เขาออกไปทานข้าว แต่เว่ยเจ๋อ ิกลับไม่ได้ยิน
“ิเอ๋อแม่เรียกตั้งหลายครั้งเหตุใดถึงไม่ได้ยิน จะเหม่อลอยไปถึงเมื่อใดกัน ลูกหักโหมอ่านตำรามากไปแล้วนะ พักผ่อนเสียบ้างแม่เป็ห่วง”
เซี่ยหรงเหยามารดาของเว่ยเจ๋อิเอ่ยเตือนเขาอย่างอ่อนโยน เว่ยเจ๋อิรีบกระแอมไอกลบเกลื่อนท่าทางของตนเอง จากนั้นจึงพยักหน้ารับคำ ครอบครัวเล็กๆ แต่อบอุ่นทั้งสามคนนั่งลงพร้อมหน้า บนโต๊ะมีอาหารสองสามอย่างที่ทำจากผักป่าและไข่
ถึงแม้พวกเขาจะค่อนข้างยากจนและต้องอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่อยู่ใจกลางหุบเขา แต่ทุกคนก็มีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าเช่นนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้