ที่โรงงานนั้น ก่อนที่สาขาจะเปิดทำการ พนักงานก็ถูกคัดเลือกมาครบหมดแล้ว ตอนนี้ทั้งพนักงานเก่าและพนักงานใหม่รวมกันแล้วมีถึงห้าสิบคน โรงงานใหม่เต็มไปด้วยผู้คน ไม่มีที่ว่างเหลืออีกแล้ว แม้แต่ห้องเล็กๆ ข้างในก็ยังถูกใช้เป็ที่ตั้งเครื่องจักร
เตียงในห้องเล็กถูกรื้อออกไป เพื่อที่จะวางเครื่องจักรเพิ่มอีกสองสามตัว แต่กำแพงกันความร้อนยังคงอยู่ ไม่อย่างนั้นในฤดูหนาวจะหนาวเกินไป ห้องโถงใหญ่ใช้สำหรับตัดผ้า โต๊ะตัดผ้าขนาดใหญ่นั้นห้ามนำไปใช้ทำอย่างอื่น สินค้าสำเร็จรูปที่ผลิตได้ในแต่ละวันทำได้เพียงกองไว้บนเตียงในห้องโถงใหญ่ หลินเผิงเฟยจะมาตรวจรับสินค้าใน่เย็น
ในบรรดาคนทั้งหมดตอนนี้ หลินเผิงเฟยดูเหมือนจะยุ่งที่สุด แทบไม่มีเวลาพักผ่อนเลย โชคดีที่หลังจากเลิกงาน หมี่จิ้งเฉิงจะตรงไปที่โรงงานโดยตรง อย่างน้อยก็สามารถช่วยอะไรได้บ้าง ไม่อย่างนั้นหลินเผิงเฟยคงจะเหนื่อยจนแทบขาดใจไปแล้ว ร่างกายของเขาหมุนติ้วเหมือนลูกข่าง
"แบบนี้ไม่ได้จริงๆ ต้องหาคนมาดูแลคลังสินค้า แต่คนดูแลคลังสินค้านั้นหายากที่สุด การส่งสินค้าเข้าออกในแต่ละวันยุ่งยากมาก นอกจากจำนวนจะต้องไม่ผิดพลาดแล้ว แต่ยังต้องมีความรับผิดชอบด้วย สินค้าที่จัดวางต้องไม่กระจัดกระจาย ต้องหาสินค้าได้ง่าย และต้องดูแลไม่ให้มีหนูมากัดเสื้อผ้าด้วย"
แม้ว่าหลินเผิงเฟยจะดูแลได้ดีมาก แต่เขาก็เป็นักเรียนที่ยังเรียนอยู่ มันเหนื่อยเกินไปที่จะให้เขาดูแลทั้งหมด ยังไงก็ต้องหาคนมาช่วย ไม่อย่างนั้นเขาคงทนได้ไม่นาน แต่เมื่อพูดถึงการรับสมัครคน มันไม่ใช่เื่ง่ายเลย
"พ่อคะ ลองดูเพื่อนร่วมงานของพ่อได้ไหมคะ ว่ามีใครมีลูกที่เรียนจบแล้วแต่ยังไม่มีงานทำบ้าง ต้องเป็คนที่รู้เบื้องลึกเื้ั แล้วก็ต้องฉลาดด้วย"
คนแบบนี้หายากจริงๆ หมี่จิ้งเฉิงทำได้เพียงบอกว่าจะลองดู
แต่ก็มีเื่บังเอิญเกิดขึ้น ใน่บ่ายของอีกไม่กี่วันต่อมา หมี่หลันเยว่เลิกเรียนและไปที่ห้างสรรพสินค้า บังเอิญเจอกับตำรวจสายตรวจตัวเล็กๆ หลิวชิงเวย
"พี่หลิว สวัสดีค่ะ!"
หมี่หลันเยว่ทักทายอย่างกระตือรือร้น ทั้งสองคนถือว่าเป็คนรู้จักกัน การทักทายเมื่อเจอกันเป็เื่ปกติ ยิ่งไปกว่านั้น ตำรวจคนนี้ก็เคยช่วยหมี่หลันเยว่มาแล้วครั้งหนึ่ง
"โอ้ หมี่หลันเยว่ กำลังจะไปไหนน่ะ?"
ยังดีที่หลิวชิงเวยจำเธอได้ หลังจากที่หมี่หลันเยว่ทักทายไปแล้ว เธอก็เสียใจ กลัวว่าตำรวจคนนี้จะจำเธอไม่ได้ แล้วเธอจะทำอย่างไร เพราะเื่ราวมันผ่านมาสี่ปีครึ่งแล้ว เด็กๆ โตเร็ว สี่ปีครึ่งนี้หมี่หลันเยว่ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
"พี่หลิว พี่ยังจำหนูได้ด้วยเหรอคะ?"
หมี่หลันเยว่ไม่คิดจริงๆ ว่าหลิวชิงเวยจะจำเธอได้ เพราะเวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้ว
"หนูกลัวว่าพี่จะจำหนูไม่ได้ ก็เลยเสียใจหลังจากที่ทักทายไปแล้วค่ะ"
หมี่หลันเยว่ไม่ได้ปิดบังความคิดของตัวเอง เธอเสียใจจริงๆ ที่ทักทายไปเมื่อครู่นี้ ใครจะคิดว่าหลิวชิงเวยจะจำเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อายุแค่หกขวบครึ่งในตอนนั้นได้
"จำได้สิ ทำไมจะจำไม่ได้ แต่ถ้าเธอไม่ทักทายก่อน พี่คงไม่กล้าทักเธอแล้วล่ะ"
หลิวชิงเวยรู้สึกทึ่งกับการเปลี่ยนแปลงของเวลาจริงๆ
"ดูสิ ตอนนั้นเธอยังตัวเล็กนิดเดียว ตอนนี้โตเป็สาวแล้ว น่าแปลกที่ตอนนั้นเธอตัวเล็กแค่นั้น แต่ก็ตั้งแผงขายของเองได้ เก่งจริงๆ"
หลิวชิงเวยคุยกับเด็กผู้หญิงคนนี้อย่างกระตือรือร้น เขามีประทับใจในเด็กผู้หญิงคนนี้มากจนลืมไม่ลง จำได้ว่าหลังจากเกิดเื่แบบนั้น เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งก็เล่าเื่ราวอย่างใจเย็น ความมั่นคงแบบนั้นดูไม่เหมือนเด็กผู้หญิงอายุน้อยเลย
"เก่งอะไรกันคะ แค่อยู่เฉยๆ ไม่ได้เท่านั้นเอง หนูก็เป็แบบนี้ อยู่เฉยๆ ก็ปวดเนื้อปวดตัว ทำไงได้ เป็คนมีกรรมนี่คะ"
หมี่หลันเยว่พูดติดตลก
"โอ้? ฟังจากที่เธอพูด ตอนนี้เธอก็ยังทำงานอยู่เหรอ? เล่าให้พี่ฟังหน่อยได้ไหม ว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ ไม่ได้เรียนหนังสือเหรอ?"
หลิวชิงเวยเป็ตำรวจสายตรวจ ดังนั้นเขาจึงให้ความสนใจเป็พิเศษกับผู้ใหญ่และเด็กในเขตที่ตนดูแล
ตอนนี้ได้ยินเด็กผู้หญิงบอกว่าเธอกำลังทำงานอยู่ หลิวชิงเวยก็รู้สึกเสียดาย เด็กฉลาดแบบนี้ ถ้าได้เรียนหนังสือดีๆ จะเก่งได้ขนาดไหน แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายเื่ของคนอื่นได้ แต่เขาก็ยังอยากจะฟัง ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้กำลังทำอะไรอยู่ ถ้าเป็งานที่ไม่ดี เขาก็จะยื่นมือช่วยเหลือ
"พี่หลิว ดูอายุหนูสิ อายุแค่นี้จะไม่เรียนได้เหรอคะ? ถ้าไม่เรียน พ่อแม่หนูคงไม่ปล่อยหนูไปแน่ๆ ค่ะ แค่หนูอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ก็เลยเปิดร้านเอง เรียนไปด้วยดูแลร้านไปด้วยค่ะ"
หมี่หลันเยว่ได้ยินคำถามของหลิวชิงเวย ก็รู้สึกได้ถึงความห่วงใยในน้ำเสียงของเขา จึงบอกสถานการณ์ของตัวเองตามตรง
"ไม่กระทบกับการเรียนเหรอ?"
ไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะมีความสามารถขนาดนี้ แม้ว่าจะมองออกั้แ่ตอนนั้นแล้ว ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะต้องเก่งและมีความสามารถอย่างแน่นอน แต่ความสามารถขนาดนี้ก็เกินความคาดหมายของหลิวชิงเวยไปมาก
"ก็ไม่เท่าไหร่ค่ะ ผลการเรียนของหนูไม่ค่อยทำให้ครูต้องกังวล"
หมี่หลันเยว่ไม่ได้พูดตรงๆ เธอคิดว่าถ้าบอกว่าสอบได้ที่หนึ่งทุกปี มันจะดูอวดเกินไปหรือเปล่า อาจจะทำให้ตำรวจ คนนี้เข้าใจผิดไปก็เป็ได้
"ก็ดีแล้วๆ ทั้งเรียนเก่ง ทั้งทำธุรกิจเองได้ เยี่ยมมาก หมี่หลันเยว่ เธอต้องสู้ๆ นะ เด็กแบบเธอตอนนี้หายากแล้ว เฮ้อ เด็กที่อยากเรียนก็ไม่มีเงินเรียน เด็กที่มีเงินเรียนก็ไม่ตั้งใจเรียน เอาแต่สร้างปัญหาให้คนปวดหัวจริงๆ"
หมี่หลันเยว่กำลังจะบอกลาหลิวชิงเวย แต่ก็ถูกคำพูดของเขาดึงไว้
"พี่หลิว พี่เพิ่งพูดว่า เด็กที่อยากเรียนไม่มีเงินเรียน หมายความว่ายังไงคะ บ้านใคร เด็กอายุเท่าไหร่ นิสัยเป็ยังไง เล่าให้หนูฟังได้ไหมคะ?"
ได้ยินหมี่หลันเยว่ถามแบบนี้ หลิวชิงเวยก็รู้สึกแปลกใจมาก พวกเขาในฐานะตำรวจสายตรวจมีหน้าที่เก็บข้อมูลส่วนตัวของชาวบ้านเป็ความลับ แต่เด็กผู้หญิงคนนี้ถามเื่นี้ไปทำไมกัน?
"หมี่หลันเยว่ ทำไมเธอถึงถามเื่เด็กคนนี้ล่ะ?"
เห็นสายตาที่ระแวดระวังของหลิวชิงเวย หมี่หลันเยว่ก็รู้สึกว่าตัวเองหาคนถูกแล้ว ตำรวจคนนี้ แม้ว่าอายุยังน้อย แต่ก็ใส่ใจชาวบ้านในเขตนี้จริงๆ แม้แต่เื่เล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ก็ยังสามารถทำให้เขาระแวดระวังได้ ถ้าอย่างนั้นคนที่เขาแนะนำมาก็ไม่น่าจะมีปัญหาใช่ไหม?
"คืออย่างนี้ค่ะพี่หลิว ตอนนี้หนูเปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า อยากได้พนักงานที่ซื่อสัตย์และขยันขันแข็ง แต่พี่ก็รู้ว่าถ้าไม่ใช่คนที่เราไว้ใจได้ หนูคงไม่กล้าใช้ เพราะของมันค่อนข้างจะรก ต้องมีคนที่มีคุณธรรม หนูถึงจะกล้าเอาเข้าไปในโรงงานของหนูได้"
คำพูดของหมี่หลันเยว่ทำให้ตาของหลิวชิงเวยเป็ประกาย
"เธอพูดจริงเหรอ เธอ้าคนจริงๆ เหรอ มีที่ให้ทำงานจริงๆ เหรอ?"
เขาแทบจะจับตัวหมี่หลันเยว่มาถามแล้ว ยังดีที่ยังจำได้ว่าอีกฝ่ายเป็เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง มือที่ยื่นออกไปครึ่งทางก็หดกลับมา
"แน่นอนค่ะ หนูจะล้อเล่นกับพี่หลิวเื่แบบนี้ได้ยังไง โรงงานของหนูขาดคนจริงๆ แต่หนูต้องใช้คนที่ไว้ใจได้ คนที่ฉลาดหน่อยก็จะดีมาก แต่คุณธรรมต้องมาเป็อันดับแรก คนฉลาดน้อยหน่อยก็ใช้ความขยันมาทดแทนได้ แต่ถ้าคนที่ไม่ซื่อ หนูไม่กล้าใช้เด็ดขาด"
หมี่หลันเยว่ย้ำความคิดของตัวเองอีกครั้ง เธออยากจะจ้างคนที่ฉลาดเฉลียว ขยันขันแข็ง และซื่อสัตย์ แต่จะหาคนแบบนั้นได้จากที่ไหนกัน คนที่เก่งกาจขนาดนั้นคงมีงานดีๆ ทำไปแล้ว คงไม่ถึงคิวเธอ ดังนั้นเธอจึงให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์และขยันขันแข็งเป็อันดับแรก
"ถ้าอย่างนั้นดีเลย ในเขตของพวกเรามีเด็กดีหลายคนเลย ที่บ้านยากจนเกินไป พอจบชั้น ม.ต้นก็ไม่มีเงินเรียนต่อ แต่ก็หางานดีๆ ทำไม่ได้ ก็เลยอยู่บ้านเฉยๆ พี่กลัวว่าพวกเขาจะอยู่ที่บ้านแล้วเสียคนไป ตอนนี้ถ้าเธอ้าคน พี่จะช่วยแนะนำให้ได้ไหม?"
เห็นความลังเลในสายตาของหมี่หลันเยว่ หลิวชิงเวยก็รีบรับปาก
"ไม่ต้องห่วงนะ หมี่หลันเยว่ พี่รับประกัน พี่จะไม่ส่งคนที่เหลวไหลไปให้เธอแน่นอน เธอยังเป็นักเรียนอยู่ การทำอะไรแบบนี้มันไม่ง่าย พี่จะไม่สร้างปัญหาให้เธอแน่นอน"
"ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ พี่หลิว ตอนนี้หนูจะไปที่ร้าน ถ้าพี่ไม่ยุ่ง ก็ไปดูที่ร้านหนูด้วยกันก็ได้นะคะ หนูจะได้คุยกับพี่เื่งานที่หนูทำ พี่จะได้ดูว่าคนที่พี่อยากแนะนำ เหมาะสมกับงานของหนูไหม"
"ดีๆๆ ไม่ยุ่ง พี่ก็แค่ตรวจตราในเขต พอมีเวลาอยู่"
โอกาสดีๆ แบบนี้ หลิวชิงเวยจะไม่ปล่อยไปได้อย่างไร ถ้าสามารถช่วยเด็กๆ เ่าั้ได้ ความกังวลในใจเขาก็จะลดลง เด็กๆ เ่าั้เป็คนดี ถ้าเพราะบ้านยากจนแล้วต้องเดินเข้าสู่เส้นทางที่ไม่ดี มันคงเป็เื่ที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง
หมี่หลันเยว่เห็นหลิวชิงเวยพยักหน้าตามมาทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หมี่หลันเยว่ก็รู้ว่าวันนี้เธอพูดถูกแล้ว นี่อาจจะเป็โอกาสจริงๆ เด็กที่เพิ่งจบมาไม่นาน ยังไม่ถูกสังคมปนเปื้อน ถ้าเธอสามารถฝึกฝนพวกเขาได้ดี บางทีธุรกิจในซวงเฉิงอาจจะต้องพึ่งพาพวกเขาจริงๆ
"นี่ค่ะ พี่หลิว นี่คือร้านของหนู ที่นี่เป็แค่สาขา ร้านหลักอยู่ที่ถนนสายหลักในเขตนี้ค่ะ ร้านห้องเสื้อหลันเยว่"
หมี่หลันเยว่นำหลิวชิงเวยเข้าไปในห้างสรรพสินค้าของเธอ
"ร้านห้องเสื้อหลันเยว่ เป็ของเธอเหรอ?"
หมี่หลันเยว่พยักหน้า เธอดูแปลกใจที่หลิวชิงเวยแสดงท่าทีตกตะลึง
"พี่ไปตรวจที่ร้านมาหลายครั้งแล้ว ไม่เคยเจอเธอเลย ไม่รู้จริงๆ ว่าร้านนั้นเป็ของเธอ"
หมี่หลันเยว่ยิ้ม
"หนูต้องไปเรียนหนังสือ แต่พี่น่าจะรู้จักเธอคนนี้นะคะ?"
หมี่หลันเยว่ชี้ไปที่หลิวลี่ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็ผู้จัดการสาขาแล้ว
"รู้จักๆ หลิวลี่ พี่เคยเจอเธอมาหลายครั้งแล้ว แค่ไม่คิดว่าร้านนั้นจะเป็ของเธอ หลันเยว่ เธอยังเด็กอยู่แต่มีความสามารถจริงๆ พี่นับถือเธอจริงๆ"
ร้านห้องเสื้อหลันเยว่ อยู่ในเขตที่เขาดูแล หลิวชิงเวยรู้ดีว่าร้านนี้ดำเนินกิจการอย่างไร
"หลันเยว่ ในเมื่อร้านนั้นเป็ของเธอ พี่ก็จะไม่เกรงใจเธอแล้ว พี่เชื่อมั่นในความสามารถของเธอ ดังนั้นเธอต้องรับเด็กพวกนี้ไว้ พี่รับประกันว่าพวกเขาจะทำได้ดี และการได้ทำงานภายใต้การดูแลของเธอ พี่เชื่อว่าพวกเขาจะไม่มีโอกาสเสียคน"
"พี่หลิว หนูรับความหวังดีของพี่ไว้นะคะ แต่หนูต้องดูคนด้วยไม่ใช่เหรอคะ หนูเชื่อในตัวพี่ คนที่พี่แนะนำมาคงไม่มีปัญหาเื่คุณธรรม แต่หนูก็ต้องดูว่าพวกเขาเหมาะสมกับงานของหนูไหม?"
ได้ยินว่าหมี่หลันเยว่มีท่าทีเห็นด้วย หลิวชิงเวยก็ตื่นเต้นมาก
"ได้ๆ พี่จะพาคนมาแต่เช้า พรุ่งนี้พี่จะพาคนมาเวลานี้นะ"
เขาใจร้อนเกินไปแล้ว ลืมไปว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ต้องไปเรียนหนังสือพรุ่งนี้
