บทที่ 155 ความสงสัยของลู่หวยเฟิง
ในเวลาเดียวกัน ห้องของบ้านสามถึงแม้จะปิดไฟไปแล้ว แต่สามีภรรยาคู่นี้ไม่มีใครหลับลงได้เลย
เริ่นอิ๋งอิ๋งจ้องไปที่เพดาน ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
ลู่หวยเฟิงรอให้เธอพูดอะไรสักอย่าง แต่รอนานแค่ไหนก็เห็นเธอแค่จ้องเพดานตาไม่กะพริบ
“อิ๋งอิ๋ง” ลู่หวยเฟิงเอ่ยขึ้น “เธอมีอะไรอยากจะบอกฉันไหม?”
“อะไร?” เริ่นอิ๋งถูกเขาะโเรียกสองครั้งถึงได้สติ มองเขาด้วยความงุนงง แล้วกล่าวว่า “พูดอะไร?”
“พวกจิ่งซานกลับมาแล้ว” ลู่หวยเฟิงกล่าว “ฉันเห็นเธอดูเหมือนจะใมาก”
“เปล่านะ…” เริ่นอิ๋งอิ๋งดูตื่นตระหนกเล็กน้อย จับผ้าห่มแน่นแล้วกล่าวว่า “แล้วพี่…พี่ไม่ใเหรอ? กลับมาก็ไม่บอกสักคำ”
ลู่หวยเฟิงเงียบไปนาน
ขณะที่เริ่นอิ๋งอิ๋งคิดว่าเขาคงหลับไปแล้ว จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นว่า “อิ๋งอิ๋ง พวกเราเป็สามีภรรยากัน ถ้ามีอะไร เธอต้องบอกฉันด้วยนะ”
“พี่คิดมากไปแล้ว” เริ่นอิ๋งอิ๋งยิ้มแล้ววางศีรษะลงบนไหล่ของเขา “ฉันจะมีอะไรได้? เื่ของฉันก็คือพี่นั่นแหละ”
ลู่หวยเฟิงไม่ได้พูดอะไร
เขานึกถึงความผิดปกติของเธอเมื่อ่ก่อนหน้า และคำละเมอตอนกลางคืน ในใจอดรู้สึกเ็ปไม่ได้
เขาเชื่อว่าเขาใจกว้างกับเธอมาก พวกเราเป็สามีภรรยา ถ้ามีอะไร ไม่ควรจะแบกรับด้วยกันเหรอ?
เริ่นอิ๋งอิ๋งพูดจบก็ลูบท้องตัวเอง มือคล้องคอลู่หวยเฟิง “พี่เฟิง พวกเรา…”
“ดึกมากแล้ว” ลู่หวยเฟิงตบมือเธอเบาๆ แล้วกล่าวว่า “พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า รีบนอนเถอะ”
เริ่นอิ๋งอิ๋งชะงักไป รู้สึกน้อยใจ แต่สุดท้ายก็ดึงมือกลับมา
ลู่หวยเฟิงเองก็รู้สึกไม่ดีในใจ
ในใจมีลางสังหรณ์เลือนรางว่า เื่ที่สวี่จือจือหายตัวไป เกรงว่าคงเกี่ยวข้องกับเริ่นอิ๋งอิ๋ง แต่เขาก็ปฏิเสธความคิดนั้นทันที
ภรรยาของเขาเอาแต่สนใจเื่มีลูก ส่วนเื่ในบ้านไม่เคยใส่ใจ แต่งงานมาหลายปี ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวก็ธรรมดา
เื่ของสวี่จือจือไม่มีทางเกี่ยวข้องกับเธอได้
แต่ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงในใจเตือนว่า ่นี้ภรรยาของเขามีท่าทีแปลกๆ…
“เื่ของเมียจิ่งซาน” คิดถึงตรงนี้ ลู่หวยเฟิงก็อดถามไม่ได้ “เธอรู้เื่อะไรบ้างหรือเปล่า?”
“ฉันจะไปรู้เื่อะไร?” เริ่นอิ๋งอิ๋งกำลังโกรธที่ลู่หวยเฟิงปฏิเสธเธอเมื่อกี้ พอได้ยินเขาพูดถึงสวี่จือจือ ก็ยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่ “พี่หมายความว่ายังไง? หล่อนไปทำเื่น่าอับอาย ยังจะให้ทั้งครอบครัวช่วยปกปิดให้อีกเหรอ?”
“เธอพูดอะไรออกมา?” ลู่หวยเฟิงไม่พอใจ “อะไรที่เรียกว่าน่าอับอาย?”
“ยังจะอะไรได้อีก?” เริ่นอิ๋งอิ๋งพูดอย่างหงุดหงิด “ทั้งหมู่บ้านรู้กันหมดว่าสวี่จือจือหนีตามผู้ชายไป ฉันไม่รู้ว่าจิ่งซานคิดอะไรอยู่ ผู้หญิงสำส่อนแบบนั้นยังจะตามหาตัวกลับมา”
แถมยังยอมรับไว้อีก
“อิ๋งอิ๋ง!” ลู่หวยเฟิงเพิ่มระดับเสียง “คำพูดพวกนี้ใครบอกเธอ? เธอจะคิดแบบนี้ได้ยังไง?”
“คุณแม่ไม่ได้บอกเหรอ?” เขาพูดต่อ “ว่าเมียจิ่งซานเป็ห่วงจิ่งซานที่อยู่เมืองหลวงตัวคนเดียว กลัวว่าท่านจะไม่ยอม เลยแอบไปเมืองหลวง”
คำตอบที่ได้คือเสียงหัวเราะเยาะจากเริ่นอิ๋งอิ๋ง
ลู่หวยเฟิงแปลกใจ แล้วหันมองเธอ ในแสงจันทร์ เขาเห็นชัดเจนว่ารอยยิ้มเยาะบนใบหน้าภรรยาที่เขารักยังไม่จางหาย
ั้แ่เมื่อไหร่กันที่เธอมีความแค้นต่อสวี่จือจือมากขนาดนี้?
“ทั้งบ้านนี้ พี่นี่แหละที่โง่ที่สุด” เริ่นอิ๋งอิ๋งไม่สนใจ พูดต่อว่า “ฮ่องเต้รักลูกคนโต ชาวบ้านรักลูกคนเล็ก พี่น่ะคือลูกชายที่คุณแม่รักที่สุด แต่สุดท้ายทุกอย่างยกให้จิ่งซาน”
“รวมถึงงานครูในโรงเรียนด้วย เดิมทีมันควรจะเป็ของพี่” เริ่นอิ๋งอิ๋งกล่าว “แต่กลายเป็ว่าพวกเราดูเหมือนไปแย่งของดีจากจิ่งซานมา พอมีอะไรเคลื่อนไหวนิดหน่อย ก็ต้องคอยระวังว่าจะต้องคืนงานนี้ไป”
ทำไมล่ะ?
เธอทนวันคืนที่ต้องหวาดระแวงแบบนี้มานานพอแล้ว
ทั้งที่ลู่หวยเฟิงสอนหนังสือในโรงเรียนได้ดีมาก เด็กๆ ก็ชอบเขา แต่เพราะงานครูนี้เขาได้มาแทนกู้ฉิงโหรว เขาจะไม่มีวันหลุดพ้นจากมันได้เลย
“พอได้แล้ว” ลู่หวยเฟิงลุกขึ้นนั่งทันที “อิ๋งอิ๋ง ฉันไม่นึกเลยว่าเธอจะคิดแบบนี้”
การสืบทอดงานจากแม่ เมื่อก่อนลู่ซือหยวนก็สามารถรับงานแทนกู้ฉิงโหรวได้ ถ้าไม่ได้เป็ครูชั่วคราว ก็ยังทำงานในฝ่ายธุรการหรือสำนักงานได้ แต่หญิงชรากลับยืนกรานให้งานนี้เป็ของเขา
เพราะอะไร?
ก็เพราะอยากให้ชีวิตของสองสามีภรรยาคู่นี้ดีขึ้นไม่ใช่เหรอ?
เขาคิดมาโดยตลอดว่าเริ่นอิ๋งอิ๋งคิดเหมือนเขา รู้สึกขอบคุณและปฏิบัติต่อลูกทั้งสามของกู้ฉิงโหรวด้วยความดี
แต่ไม่นึกเลยว่าเธอกลับคิดแบบนี้
“พี่จะทำอะไร?” เริ่นอิ๋งอิ๋งไม่คาดคิดว่าเขาจะะโใส่เธอเสียงดังขนาดนี้ เธอลุกขึ้นนั่ง “ฉันพูดผิดตรงไหน? หลายปีมานี้บ้านเราต้องคอยเกรงใจพวกเขาทั้งหลายไม่ใช่เหรอ?”
“คุณแม่มีอะไรดีๆ ก็เก็บไว้ให้จิ่งซาน แล้วพวกเราล่ะมีอะไร?”
“มีอะไร?” ลู่หวยเฟิงหัวเราะด้วยความโกรธ “เธอคิดว่าถ้าไม่มีจิ่งซาน บ้านของเราจะสงบสุขมาหลายปีแบบนี้ได้เหรอ? ถ้าไม่มีจิ่งซาน งานครูของฉันคงถูกคนอื่นแย่งไปนานแล้ว”
“คนในหมู่บ้านคิดว่าเป็เพราะคุณแม่?” เขายิ้มเยาะ “เธอลองไปถามในตัวอำเภอกับประชาคมสิ ว่ารู้จักคุณแม่มากกว่า หรือรู้จักจิ่งซานมากกว่า?”
“แค่ในอำเภอของพวกเรา…ช่างมันเถอะ ฉันไม่พูดกับเธอแล้ว” ลู่หวยเฟิงส่ายหัวด้วยความผิดหวัง “ยังไงนิสัยเธอก็แบบนี้ คิดอะไรแน่นอนแล้ว ฉันพูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์”
เช่นเื่การมีลูก
เขาบอกไปกี่ครั้งแล้วว่าไม่มีลูกก็ไม่เป็ไร แต่เพื่อที่จะมีลูก เธอเสนอวิธีที่พิลึกพิลั่นมานับไม่ถ้วน ท่าทางแปลกๆ ไม่พูดถึง เธอยังกำหนดว่าเขาจะต้องปล่อยตอนไหนด้วย
นี่มันช่าง…
เื่พวกนี้เขาทนได้ เพราะเมื่อเทียบกับเธอ สิ่งที่ลู่หวยเฟิงทำมันเล็กน้อยมาก
แต่เขาไม่ยอมให้เธอปฏิบัติต่อครอบครัวของเขาแบบนี้
“ฉันจะถามเป็ครั้งสุดท้าย” ลู่หวยเฟิงมองเธอแล้วกล่าว “เื่ที่เมียจิ่งซานเกิดเื่ เธอมีส่วนเกี่ยวข้องหรือเปล่า?”
เริ่นอิ๋งอิ๋งกัดฟัน จ้องลู่หวยเฟิงด้วยความดื้อรั้น “พี่หมายความว่ายังไง?”
“มีส่วนหรือเปล่า?” ลู่หวยเฟิงจ้องเธอนิ่งๆ แล้วถามซ้ำ “พวกเราเป็สามีภรรยากัน ถ้าเธอทำอะไรที่ผิดต่อเมียจิ่งซานจริงๆ ฉันจะยอมเสียหน้าขอร้องจิ่งซาน”
“ทำไมต้องไปขอร้องด้วย!” เริ่นอิ๋งอิ๋งโกรธกล่าว “ไม่ ไม่มี ไม่มี!”
“หล่อนไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว ทำตัวไร้ยางอายหนีตามผู้ชายไป มันเกี่ยวอะไรกับพวกเรา!”
“ดี” ลู่หวยเฟิงหลับตาลง เนิ่นนานกว่าจะลืมตาขึ้น “ถ้า…ครอบครัวคือเส้นสุดท้ายของฉัน ฉันจะถามเธออีกครั้ง เื่นี้เกี่ยวข้องกับเธอไหม? วันนั้นเธอรู้ไหมว่าจือจือจะเกิดเื่?”
เริ่นอิ๋งอิ๋งมองเขา สุดท้ายก็ส่ายหัวด้วยความดื้อรั้น
เริ่นอิ๋งอิ๋งที่หันหลังไป ไม่ได้เห็นสีหน้าผิดหวังของลู่หวยเฟิง
.............................