หลังจากช่วยเสิ่นเสี่ยวเม่ยย้ายที่พักแล้ว เสิ่นเสวียนก็โคจรพลังหลิงชี่ชำระล้างร่างกายให้เสิ่นเสี่ยวเม่ย แล้วนางก็หลับไป จากนั้นเสิ่นเสวียนจึงกลับออกมาที่ลานด้านนอก
เสิ่นเสวียนนอนลงบนม้าหิน ใช้มือสองข้างหนุนหัว ครุ่นคิดไปต่างๆ นานา
ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าตนเองมาเกิดในโลกใหม่ อย่างไรก็ตาม เขายังกังวลอยู่เล็กน้อยเื่จักรพรรดิเซียนสามคนที่ลอบสังหารเขาในชาติก่อน จักรพรรดิเซียนทั้งสามคนนั้นไม่มีใครไร้ความสามารถ แม้จะโดนลูกหลงจนร่างะเิตายไปหนึ่งคน แต่อีกสองคนที่เหลืออาจจะไล่ตามผ่านรอยแยกมิติมาถึงที่นี่ด้วยก็ได้
แรงดึงดูดของศาสตราเทพ ใครก็มิอาจต้านทานได้
เขาต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะตามมาถึง
สิ่งที่ได้รู้มาจากความทรงจำของร่างนี้คือ ที่นี่คือโลกแห่งการฝึกตน ซึ่งต่างกับโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรที่เขาจากมา
เป็แผ่นดินแห่งจิติญญา เลื่อมใสต่อผู้ฝึกยุทธ์
ไม่ว่าใครก็สามารถฝึกฝนพลังได้ ทั้งยังมีผู้มากพร์ที่ค้นพบความลับฟ้าดินและท่องไปยังฟ้าดินได้ ความจริงแล้วเขาเคยได้ยินเื่ราวบางส่วนเกี่ยวกับโลกใหม่นี้มาก่อน เมื่อครั้งที่เขายังมีชีวิตอยู่ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร
ในจักรวาลเหิงเหอมีโลกอยู่มากมาย มีเพียงผู้ฝึกวรยุทธ์เทพเท่านั้นที่จะทะลวงผ่านรอยแยกมิติไปยังโลกต่างๆ ได้
ลำดับขั้นการฝึกตนของที่นี่ไม่ได้ต่างจากลำดับขั้นการบำเพ็ญเพียรนัก แบ่งออกเป็ ขั้นริเริ่ม ขั้นนักรบ ขั้นปรมาจารย์ ขั้นแม่ทัพ ขั้นบรรพบุรุษ ขั้นราชัน ขั้นจักรพรรดิ ขั้นเกียรติยศ และขั้นศักดิ์สิทธิ์ ในแต่ละลำดับขั้นจะแบ่งระดับออกเป็ ระดับต้น ระดับกลาง ระดับสูง และระดับสูงสุด
ส่วนลำดับขั้นการบำเพ็ญเพียรแบ่งออกเป็ ขั้นสร้างรากฐาน ขั้นประกายแสง ขั้นไถซี ขั้นปี้กู่ ขั้นแก่นทองคำ ขั้นหยวนก่อกำเนิด ขั้นเปิดทวาร ขั้นแยกเทวะ ขั้นมหายาน และขั้นะ
ลำดับขั้นของการฝึกฝนทั้งสองอย่างจะสอดคล้องกัน ยกตัวอย่างเช่น เสิ่นเหวินเทาก่อนหน้านี้มีพลังขั้นแม่ทัพระดับสูงสุด เทียบได้กับลำดับขั้นการบำเพ็ญเพียรขั้นปี้กู่ระดับปลาย ขั้นศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่น่าจะเทียบได้กับขั้นมหายาน ส่วนที่เสิ่นเสวียนสามารถรับพลังฝ่ามือของเสิ่นเหวินเทาได้ สาเหตุหลักมาจากท่าร่างในชาติก่อนของเขา
ท่าร่างมายาอัสนีเก้าด่านเคราะห์
นี่คือท่าร่างที่เขาเรียนรู้จากการฝ่าด่านเคราะห์ครั้งที่เก้า แม้พลังยังต่ำมาก แต่สามารถใช้ป้องกันตัวได้สบายๆ เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่มีพลังเหนือกว่า
จากนั้นเสิ่นเสวียนก็นั่งสมาธิอยู่ภายในลาน โคจรพลังเริ่มเข้าสู่การฝึกฝน
พลังฟ้าดินที่นี่เหนือกว่าโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรหลายเท่า ทั้งยังดูดซับได้รวดเร็วยิ่งกว่า เสิ่นเสวียนฝึกฝนจากขั้นสร้างรากฐานไปถึงขั้นไถซี ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วยามเลยด้วยซ้ำ
ลานแห่งนี้เดิมเสิ่นเหวินเทาปิดผนึกเอาไว้ แม้ตอนนี้จะคลายผนึกออกแล้วแต่ก็ยังไม่มีใครผ่านเข้ามา นับเป็เื่ดีสำหรับเสิ่นเสวียนเช่นกัน เขาจะได้ฝึกฝนอย่างสบายใจ
เวลาล่วงเลยมาถึง่พลบค่ำ เสิ่นเสวียนค่อยๆ ลืมตาขึ้น แววตาเป็ประกาย มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
ระดับพลังของเขาในตอนนี้ ถึงขั้นไถซีระดับปลายแล้ว
ั้แ่ฟื้นขึ้นมาเมื่อเช้ากระทั่งถึงตอนนี้ เวลาผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น แต่คนธรรมดาอย่างเขากลับฝึกฝนถึงขั้นไถซีระดับปลายได้ หากเื่นี้รู้ไปถึงโลกแห่งการฝึกตน ไม่รู้ว่าผู้คนจะตื่นใกันสักเพียงไหน
อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าแม้จะฝึกฝนได้รวดเร็วเพียงใด พอเข้าสู่่ท้ายจะยิ่งช้า อย่างในครั้งนี้ หากคำนวณตามพลังที่ดูดซับเข้าไป เขาสามารถทะลวงไปถึงขั้นปี้กู่ได้ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สำเร็จ และคาดว่าอีกสองวันก็ยังยากที่จะทะลวงเลื่อนขั้นได้
หาก้าเพิ่มพลัง วิธีที่รวดเร็วที่สุดคือการปรุงยา
เสิ่นเสวียนสงบจิตใจแล้วเดินไปยังเรือนของเสิ่นเสี่ยวเม่ย หลังจากฝึกฝนมาตลอด่บ่ายแล้วยังไม่ถึงขั้นปี้กู่สักที ทำให้เขาท้องร้องด้วยความหิว เขาเข็นรถเข็นพาเสิ่นเสี่ยวเม่ยออกจากตระกูลเสิ่นไปถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง และสั่งอาหารมื้อใหญ่มากินกับเสิ่นเสี่ยวเม่ย
เื่ที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้คือ รสชาติอาหารของที่นี่อร่อยและเป็ที่พึงพอใจของเสิ่นเสวียนมาก แน่นอนว่าสำหรับคนแก่ที่ไม่ได้กินอะไรเลยมานานนับพันปีคนหนึ่ง ไม่ว่ารสชาติอาหารจะเป็อย่างไรย่อมอร่อยอยู่แล้ว
เสิ่นเสี่ยวเม่ยมีความสุขมาก นางได้ยินข่าวลือต่างๆ มากมายใน่สามปีที่ผ่านมา มีทั้งที่บอกว่าเสิ่นเสวียนโดนกักบริเวณบ้าง โดนวางยาพิษตายไปนานแล้วบ้าง หรือไม่ก็บอกว่าโดนถอดถอนจากตำแหน่ง นางอยากเข้าไปดูอาการของเสิ่นเสวียนที่ลานด้านหลังมาตลอด แต่เป็เพราะขาของนางแย่ลงเรื่อยๆ จนกระทั่งมิอาจเดินได้
แต่ในตอนนี้ เมื่อได้เห็นว่าเสิ่นเสวียนไม่เป็อะไร ยังคงเป็พี่ชายที่รักนางเหมือนเดิม ก็ทำให้นางปลื้มปีติมาก นางไม่สนใจว่าพลังของเสิ่นเสวียนจะเป็อย่างไร มีความลับมากมายเพียงใด ขอเพียงเสิ่นเสวียนไม่เป็อะไรนางก็พอใจแล้ว
ณ เรือนด้านหลังของตระกูลหาน
หานเฟิงนั่งอยู่ในเรือน สีหน้าเคร่งขรึม เ็าราวกับน้ำจะหยดออกมาได้
ขณะนั้นเอง เสิ่นเหวินเทาเดินเข้ามาอย่างร้อนรน ยังไม่ทันได้กล่าวอะไร หานเฟิงก็คว้าถ้วยน้ำชาเขวี้ยงออกไปเบื้องหน้าเสิ่นเหวินเทา เศษถ้วยแตกกระจายเต็มพื้น
“นี่คือสิ่งที่เ้าทำอย่างนั้นหรือ” หานเฟิงกล่าวเสียงเย็น
“คุณชายอย่าได้เคืองโกรธ ท่านโปรดวางใจ ข้าจะจัดการให้เรียบร้อย”
เสิ่นเหวินเทาตื่นกลัวจนเหงื่อไหลเต็มหน้า ผู้ดูแลใหญ่แห่งตระกูลเสิ่นเผชิญหน้ากับนายน้อยแห่งตระกูลหานยังต้องถ่อมตัวเช่นนี้ หากคนในตระกูลเสิ่นมาเห็นเข้าไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไร
“อย่าลืมว่าทุกอย่างที่เ้ามีในตอนนี้คือสิ่งที่ตระกูลหานของข้ามอบให้ ในเมื่อตระกูลหานมอบให้เ้าได้ ก็เอากลับคืนมาได้เช่นกัน”
“ขอรับ ขอรับ”
เสิ่นเหวินเทาโค้งกายและก้มหัวอยู่หลายครั้ง กลัวจะทำให้หานเฟิงโกรธขึ้นมาอีก แต่ดวงตาของเขากลับฉายประกายความเ็าออกมาโดยไม่มีใครสังเกตเห็น
“ว่ามา เกิดอะไรขึ้น” หานเฟิงนั่งลงที่เก้าอี้พลางกล่าว
“เดิมทีข้าสั่งให้ข้ารับใช้วางยาพิษเขาไปแล้วในวันนี้ ตอนรุ่งสางข้าไปดูก็เห็นว่าเขาตายไปแล้วจริงๆ ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงฟื้นขึ้นมา อีกทั้งข้ารับใช้สองคนนั้นก็หายตัวไปด้วย ข้าสงสัย...”
“สงสัยอะไร”
“ข้าสงสัยว่าเขาคือตัวปลอม ข้าสังเกตเขามาตลอดสามปี เขาเป็คนไม่มีพลังยุทธ์”
“สงสัย ฮึ! หากคำว่าสงสัยมันมีประโยชน์ แล้วยัง้าหลักฐานไปทำไม” หานเฟิงกล่าวเสียงเย็น
“ตรวจหาสาเหตุให้ได้ภายในสองวัน ข้าไม่สนว่าเ้าจะใช้วิธีใด”
“ขอรับ คุณชาย”
เสิ่นเหวินเทากล่าวพลางก้มหัวแสดงความเคารพต่อหานเฟิง
ที่โรงเตี๊ยม เสิ่นเสวียนกับเสิ่นเสี่ยวเม่ยกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย หลังจากท้องอิ่ม ทั้งสองคนก็เที่ยวไปทั่วเมืองอวี่ฮว่า แล้วจึงกลับไปยังตระกูลเสิ่น
วันแรกในโลกใหม่ใบนี้ ทำให้เขาได้รู้ว่าสภาพแวดล้อมของที่นี่ใกล้เคียงกับ่ราชวงศ์ถังของโลกเดิม หลังจากเป็เซียนพเนจรเก้าด่านเคราะห์ได้สำเร็จ เขาเคยท่องไปในโลกมนุษย์อยู่่หนึ่ง โลกใน่นั้นเต็มไปด้วยตึกระฟ้า มนุษยชาติได้พัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างกว้างขวาง ขณะเดียวกันก็ทำให้สภาพแวดล้อมดั้งเดิมถูกทำลายไป เมื่อเทียบกันแล้ว เขายังชอบโลกมนุษย์เมื่อพันปีก่อนมากกว่าอยู่ดี
ที่นี่เป็โลกแบบที่เขา้า
หลังจากกลับถึงตระกูลเสิ่นและพาเสิ่นเสี่ยวเม่ยไปพักผ่อนเรียบร้อย ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว เขาจึงเดินไปยังเรือนของผู้าุโใหญ่เสิ่นล่าง
แม้เสิ่นเสวียนจะมีพลังยุทธ์เพียงขั้นไถซีระดับปลาย แต่พลังจิติญญากลับถึงขั้นปี้กู่แล้ว เขารับรู้สถานการณ์ที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบจั้ง[1] ได้ราวกับอยู่แค่เอื้อม ตอนที่กินอาหารในโรงเตี๊ยมก่อนหน้านี้มีคนสะกดรอยตาม แต่เขาไม่คิดแหวกหญ้าให้งูตื่น ในทางกลับกันเขาวางแผนแสร้งทำเป็ไม่รู้ไม่เห็น
ตระกูลเสิ่นยิ่งใหญ่มาก มีอำนาจอยู่ในสามอันดับแรกของเมืองอวี่ฮว่า เมื่อออกจากเรือนเล็กด้านหลัง ต้องผ่านบ้านเรือนอีกมากมายกว่าจะมาถึงด้านหน้าของลานเล็กๆ ที่แยกตัวออกไป
ลานเล็กๆ แห่งนี้ดูรกร้าง ภายในลานมีกระท่อม หลังคามุงด้วยฟางแห้ง ตกแต่งอย่างเรียบง่ายอยู่เพียงสามหลัง และนี่คือที่พักของผู้าุโใหญ่เสิ่นล่าง
“มาแล้วหรือ เข้ามาสิ”
เสิ่นเสวียนเพิ่งมาถึงทางเข้า เสียงของเสิ่นล่างก็ดังออกมาจากกระท่อม ตามด้วยพลังจิติญญาอันแข็งแกร่งที่แผ่กระจายออกมา
........................................................
[1] จั้ง เป็หน่วยวัดความยาวของจีน ยาวประมาณ 3.33 เมตร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้