ฮวาชีเยว่รีบจับมือของนางก่อนโดดลงจากรถม้า
ลู่ซินมองไปยังจี้จิงด้วยความสุขว่าในที่สุด คุณหนูฮวาชีเยว่ของนางก็เป็ที่รู้จักในหมู่บุตรีของสกุลจี้
กลับกับ ซิวอวิ๋นกลับมีสีหน้าที่หม่นหมอง
“เอาอย่างนี้ดีไหมแม่นาง พี่ชายของข้าบอกว่าท่าร่างเท้าของเ้าเยี่ยมยอดนัก ให้พวกข้าได้เลี้ยงอาหารเ้าสักมื้อดีหรือไม่?”
จี้จิงยิ้มอย่างอบอุ่นจนหัวใจของฮวาชีเยว่พองโต “นี่มัน… เอ่อ คนไร้สติเช่นข้าไม่อาจรับน้ำใจนี้”
จี้เฟิงเป็ที่รู้กันดีว่าเป็ถึงเทพโอสถ แม้ฮวาชีเยว่จะภาคภูมิใจในชัยชนะแต่นางไม่อยากสร้างสัมพันธ์อันใดกับสกุลจี้ แต่เป็การยากเหลือเกิน เมื่อฮวาชีเยว่ตระหนักได้ว่านางยังคง้าเป็ศิษย์ของสกุลจี้ แม้นางจะได้ชัยชนะมาครองจริง
หากมองกลับกันนางคงมีแรงสนับสนุนช่วยเหลือมากมายในอนาคตหากมีเหตุยากลำบาก โดยเฉพาะจากแม่นางจี้จากสกุลจี้ที่น่าประทับใจผู้นี้
“เ้าถ่อมตัวเกินไปแล้วแม่นางฮวา หากเ้ายินยอมเป็สหายของข้าแล้วก็ตามข้ามา” จี้จิงกล่าวรัวเร็วหากแต่ไม่้าบังคับใจฮวาชีเยว่
ฮวาชีเยว่หันไปมองหน้าลู่ซินสลับกับชิวอวิ๋นก่อนตอบตกลง
จี้จิงเปิดห้องในภัตตาคารต้งไห่ แต่ทันทีก้าวเข้าไปภายในภัตตาคารหัวใจของนางก็เต็มไปด้วยจิตสังหารทันที
นางเคยพบโจวจื่อเฉิง แม้จะไม่ผูกใจเจ็บอีกต่อไปแล้ว แต่ความเกลียดชังกลับกัดกินหัวใจของนาง ความเกลียดชังที่อาจฉีกร่างของชายผู้นี้ออกเป็เสี่ยงๆ!
บริเวณรอบกายของนางดูคุ้นตา ผู้คนดื่มด่ำไปกับความหรูหราของภัตตาคาร นางจำได้ดีว่านางคือหนึ่งในผู้แบกรับดูแล ก่อตั้งภัตตาคารแห่งนี้ขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ภัตตาคารต้งไห่ยังเป็เพียงโรงน้ำชาต้งไห่เล็กๆ เท่านั้น
หลังจากนางแต่งเข้าสกุล นางก็วางแผนการและปรับปรุงรายการอาหารให้มีอาหารอร่อยมากขึ้น นับเป็การเปลี่ยนแปลงที่ดึงดูดแขกมากมายจากทุกหนแห่ง ยกระดับให้สกุลโจวเลื่อนขั้นกลายเป็มหาเศรษฐีขึ้นมา
แต่แทนที่หรงชีเยว่จะได้ดื่มด่ำไปกับความสำเร็จ สารเลวโจวจื่อเฉิงกลับร่วมมือกับฮุ่ยเจิน ทรมานนางแสนสาหัสสากรรจ์
แล้วไยนางจะไม่อยากแก้แค้นกันเล่า? อย่ารอช้าเลย! ขอนางใช้โอกาสนี้เถิด!
ประกายเย็นะเืปรากฏขึ้นในตาของฮวาชีเยว่เป็จังหวะเดียวกับที่ผู้ดูแลฉู่เดินนำนางและจี้จิงไปยังโถงฝั่งใต้ ก่อนเปิดประตูเชิญอย่างนอบน้อม
บุรุษสามนายนั่งรายล้อมโต๊ะไม้สวยกลางโถงกว้าง ข้างกายปรากฏร่างบ่าวรับใช้สองคน
บุรุษสองในสามนั้นยังดูหนุ่มแน่นขณะที่อีกนายหนึ่งอายุราวห้าสิบหรือหกสิบ แต่ภายนอกยังดูมีกำลังวังชา
บุรุษสามนายนี้คือจี้จง จี้หยาง และจี้เฟิง
พวกเขามองมายังฮวาชีเยว่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ยากที่จะอ่านความคิดผู้ใดออก ฮวาชีเยว่ขยับริมฝีปากฉีกยิ้มอย่างใสซื่อระคนหวาดกลัว นางทอดสายตาไปยังชายรูปงามจี้เฟิง ขณะคำพูดเริ่มติดอ่าง “นี่.. นี่คือ”
“นี่คือพี่ชายข้า จี้เฟิง ส่วนนี่ท่านพ่อของข้า ผู้นำตระกูลของเรา ส่วนนี่คือพี่รองจี้หยาง ลูกพี่ลูกน้องของข้า” จี้จิงแนะนำเหล่าบุรุษอย่างตั้งใจ ฮวาชีเยว่ยิ้มรับอย่างเขินอาย ก่อนกล่าวทักทายแต่ละคน
นางพยายามปิดบังเชาว์ปัญหาที่มีในตัว
จี้จงมองฮวาชีเยว่ด้วยความที่ชื่นชมก่อนยื่นรายชื่ออาหารให้กับฮวาชีเยว่อย่างสุภาพ ขณะจี้เฟิงและจี้หยางไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
ขณะถือใบเมนู ฮวาชีเยว่เหลือบมองจานอาหารบนโต๊ะ อาหารที่หน้าตาน่ารับประทานเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็อาหารยอดนิยมที่นางคิดค้นขึ้นเองทั้งสิ้น
กระต่ายอบฉางเอ๋อ เนื้อวัวสุวรรณ แกงโสมมหาเจริญ แต่ละจานนั้นราคานับร้อยตำลึงเงิน! บ่งบอกชัดเจนว่าสกุลจี้ร่ำรวยเพียงใด
“เสี่ยวเอ้อร์ ข้าขอน้ำแกงเปิดมื้อรสดีสักถ้วย แล้วก็น้ำแกงกะหล่ำไข่ด้วย”
ฮวาชีเยว่ยิ้มให้กับรายชื่ออาหารก่อนสั่งอาหารของตัวนางเองบ้าง
พ่อบ้านอู๋ลังเลเนื่องจากอาหารเ่าั้อยู่นอกเหนือรายชื่ออาหารของภัตตาคารต้งไห่ ถึงกระนั้นแล้วแขกยังคงร้องขออยู่เสมอ
ขณะหรงชีเยว่ยังมีชีวิต นางจริงจังเื่การสั่งอาหารนอกเมนูที่สุด
แต่เมื่อหรงชีเยว่ไม่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แล้ว โจวจื่อเฉิงจึงยกเลิกข้อตกลงนี้ไปเพราะเขามีความเชื่อว่าคำร้องขอของแขกสมควรได้รับการเติมเต็มด้วยการบริการอย่างสุดความสามารถของพวกเขา
“โปรดรอสักครู่แม่นางฮวา สำรับอาหารจะจัดเตรียมเสร็จสิ้นในอีกไม่กี่อึดใจนี้ โปรดรอสักครู่!”
พ่อบ้านอู๋ยิ้มกว้าง ฮวาชีเยว่หัวเราะอย่างร่าเริงราวกับไม่อาจควบคุมความสุขของตนได้
“ช่างน่าประหลาดใจเสียจริงที่แม่นางฮวาคว้าชัยเหนือแม่นางโอวหยาง!” จี้เฟิงเปิดบทสนทนาโดยไม่ได้เปิดเผยว่ามีใครอยู่เื้ัความสำเร็จของฮวาชีเยว่เช่นนี้
ฮวาชีเยว่มองจี้เฟิงอย่างตื่นตระหนก แต่ยังคงรอยยิ้มเอาไว้ แม้มีความปรารถนาบางอย่างซ่อนอยู่ในตาของนาง
“มิได้ ไต้ซือเสวียนจีอุตส่าห์ทำนายว่าข้าจะชนะการแข่งขัน ข้าจึงพยายามสุดความสามารถ บังเอิญยิ่งนักที่ช้าชนะจริง! ไต้ซือเสวียนจีช่างน่าเลื่อมใสยิ่งนัก!”
ขณะตอบกลับฮวาชีเยว่ก็มองจี้เฟิงไปด้วย หากเทียบกับจี้หยางแล้ว รูปลักษณ์ของจี้เฟิงนั้นงดงามกว่ามาก
จี้จิงลอบมองฮวาชีเยว่อยู่เงียบๆ อย่างสับสน อีกฝ่ายยังคงไว้ความสงบนิ่งและจิตใจที่เบิกบานไว้ได้อย่างไร ทั้งที่นางโดนผู้อื่นทำร้ายเพราะความเขลาและอ่อนแอ?
จากประสบการณ์การตัดสินผู้คนมานานหลายปี ไม่น่าเชื่อว่าครั้งนี้นางกลับมองพลาดไป
จี้เฟิงไม่รู้สึกยินดีเช่นกันที่พบว่าสตรีนางนี้จ้องมองเขาอย่างไร้มารยาท นี่ไม่ใช่ท่าทางที่บุตรสาวสายตรงของสกุลฮวาควรประพฤติตัวเลยสักนิด
จี้จงและจี้หยางต่างก็เห็นความผิดปกติของฮวาชีเยว่ ล้วนแต่ผิดหวังทั้งยังเชื่อว่าตนเดาพลาดไป ฮวาชีเยว่เอาชนะโอวหยางหลิวเอ๋อร์ด้วยดวงเท่านั้นจริงๆ
“แม่นางฮวา เชิญทานอาหารเถิด ข้าดีใจยิ่งนักที่ได้พบเ้าในวันนี้ ั้แ่เ้าหลบหลีกห้าสิบกระบวนท่าของโอวหยางหลิวเอ๋อร์มาได้!”
จี้จิงไม่คิดใส่ใจ นางมั่นใจแน่แล้วว่าฮวาชีเยว่ต้องแอบซ่อนความชาญฉลาดของนางไว้
ฮวาชีเยว่แสดงออกถึงความถึงพอใจ นางลงมือกินอย่างไม่ลังเล
จี้เฟิงมองฮวาชีเยว่เงียบๆ ก่อนยิ้มขัน “แม่นางฮวา เ้าคิดว่าเ้าจะชนะการแข่งขันย่อยหรือไม่?”
ฮวาชีเยว่ตอบขณะคุยกับจี้เฟิง นางยิ้มพลางพยักหน้าไปด้วย “ไต้ซือเสวียนจีทำนายว่าข้าจะชนะ เช่นนั้นจะชนะแน่นอน!”
มองปราดแรก ฮวาชีเยว่นั้นดูเหมือนหญิงบ้าที่ถูกครอบงำไปด้วยคำของนักต้มตุ๋น ไม่อาจไตร่ตรองและเข้าใจในสิ่งใด
จี้จงไม่พูดอะไรมากเมื่อเห็นว่าจี้จิงชวนฮวาชีเยว่พูดอย่างออกรสออกชาติ แม้ว่านางจะดูเหมือนหญิงไร้สติก็ตาม แต่จี้จิงมิได้รู้สึกเดือดร้อนใจแต่อย่างใด
จี้จงกับคนอื่นฟังบทสนทนาอย่างนิ่งเฉย หลังจากวางน้ำแกงสองถ้วยไว้บนโต๊ะ พ่อบ้านอู๋ก็จากไป
จี้เฟิงมองหญิงบ้าฮวาชีเยว่ด้วยความสงสัย เขารู้สึกสับสนมากกว่าเดิม นางถูกเสวียนจีจูงจมูก หรือมีใครอื่นจูงจมูกของนางกันแน่?
ทว่านักต้มตุ๋นจะเป็ยอดปรมาจารย์ได้อย่างไร?
เคยได้ยินว่าไต้ซือเสวียนจีเป็ทรราชของวัดหรงฝู มักล่อหลอกเอาเงินทองจากสตรีใสซื่อ
แต่ไม่ว่าเหตุการณ์เ่าั้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ฮวาชีเยว่ก็ยังดูมีความลับซ่อนอยู่อีกมาก
“อื้ม อาหารของภัตตาคารต้งไห่นั้นยอดเยี่ยมและรสดีถูกปากนัก ท่านพ่อ อีกหน่อยเข้าเมืองหลวงมาทานอาหารที่นี่อีกบ่อยๆ เถอะเ้าค่ะ” เมื่อทุกคนเงียบ จี้จิงก็ยิ้มและเริ่มบทสนทนาใหม่อีกครั้ง
“ข้าจะพาเ้ามาที่นี่กับพี่ชายของเ้าอีกบ่อยๆ ถ้าเ้าจะถูกอกถูกใจขนาดนี้” จี้จงยิ้ม
จี้จิงยิ้มรับอย่างมีความสุข นับแต่บิดาส่งผู้สอนศาสตร์พลังชี่ที่เข้มงวดผู้หนึ่งมาสอนนาง นางก็ได้รับอนุญาตให้ออกมาข้างนอกเพียงเดือนละครั้ง ยามนี้จึงร่าเริงดีใจราวกับปลากระดี่ได้น้ำ
“จริงสิ ชีเยว่ ปราณพลังชี่ของเ้าถูกสกัดกั้น ทำให้เ้าฝึกวิชาไม่ได้หรือ?” จี้จิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ไม่มีใครััได้ถึงพลังชี่ของฮวาชีเยว่ได้เพราะนางแอบซ่อนไว้ก่อนก้าวเข้าภัตตาคารอาหาร
เคล็ดวิชานี้เทียนพี่คือผู้สั่งสอน
“ถูกต้อง ปราณพลังชี่ของข้าถูกสกัดกั้น จึงไม่สามารถฝึกฝนศาสตร์พลังชี่ได้ ทว่า ข้าเชื่อว่าการไม่มีความรู้ความสามารถคือคุณความดีของสตรี ข้าฮวาชีเยว่ เพียง้าสามีที่ดีเท่านั้น” เสียงหัวเราะอย่างโง่งมของฮวาชีเยว่ทำลายความเงียบขึ้น
จี้เฟิงทำได้เพียงเลิกคิ้วขึ้นแล้วไม่อาจพูดอะไรออกมาได้
จี้จิงยังคงมีแรงล้นเหลือ ผ่านไปครึ่งทางของมื้ออาหาร ใบหน้าของจี้จงเริ่มเปลี่ยนเป็สีเขียวขณะวางตะเกียบลงช้าๆ “พวกเ้ากินกันก่อน ข้า… ข้ามีเื่ต้องจัดการ”
จี้เฟิงกับจี้จิงมองผู้เป็พ่อด้วยความสงสัย “ท่านพ่อ สีหน้าท่านดูไม่สู้ดี เกิดเหตุอันใดขึ้น?”
จี้จงรุดจากไปก่อนให้คำตอบ เขาหายลับตาไปจากทางเดิน
จี้เฟิงไม่เคยเห็นผู้เป็พ่อตึงเครียดเช่นนี้มาก่อนจึงรีบตามไป เขาได้ยินท่านพ่อของเขาไปยังห้องน้ำ แต่ประตูนั้นกลับปิดสนิทเป็เวลาเนิ่นนาน
ผ่านไปพักใหญ่ จี้จงออกมาพร้อมกับใบหน้าบวมตุ่ย
สีหน้าของเขานั้นดูอมเขียวขณะเห็นจี้เฟิง เมื่อกำลังจะกลับขึ้นไปชั้นบน ความเ็ปก็เข้าจู่โจมท้องทำให้เขาต้องกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง
จี้เฟิงเป็คนฉลาด จึงเข้าใจสถานการณ์ทันทีที่ได้เห็นอาการของผู้เป็พ่อ แต่จังหวะที่จะเรียกหาพ่อบ้านอู๋ ท้องของเขาก็เกิดอาการปวดขึ้นมาเช่นกัน หลังมองไปยังประตูห้องน้ำที่ปิดสนิท เขาเลือกวิ่งไปในป่าด้านนอกแทน
ขณะจี้จิงกำลังมีความสุขกับมื้ออาหารกับฮวาชีเยว่ จี้หยางเองก็วิ่งออกไปจากโต๊ะเช่นกัน จี้จิงเริ่มรู้สึกสับสนและกังวลอยู่มาก นางวางตะเกียบในมือลงหลังรู้สึกเหมือนกินอะไรไม่ได้อีกต่อไป “ข้าสงสัยว่าพวกเขาหายไปไหนกัน เ้าอยู่นี่นะ ชีเยว่ ข้าจะไปดูพวกเขาสักหน่อย”
ฮวาชีเยว่วางตะเกียบของนางลงเช่นกัน “ข้าอิ่มแล้ว ให้ข้าไปกับอาจิงเถอะ”
แม้ว่าทั้งสองเพิ่งพบกันครั้งแรก แต่ก็เรียกกันและกันด้วยชื่อจริงเข้าแล้ว แสดงให้เห็นว่ามิตรภาพของพวกนางนั้นก้าวหน้าไปมากขนาดไหน
ทันทีที่ทั้งสองก้าวออกจากโถงกว้าง พวกนางก็ได้ยินเสียงโวยวายของจี้จงที่โถงส่วนกลางพอดี
จี้จิงรีบลงบันไดไปด้วยความเร่งรีบกับฮวาชีเยว่ ท่ามกลางกลุ่มคนรายล้อม โจวจื่อเฉิงและพ่อบ้านอู๋ยืนอยู่ด้วยสีหน้าสลดต่างกับจี้จงและจี้เฟิง
“ข้าขออภัย! ขอทางหน่อยเ้าค่ะ!” จี้จิงะโขอให้กลุ่มคนที่กำลังมุงดูอยู่แหวกทางให้ก่อนเดินไปสมทบพร้อมกับฮวาชีเยว่ ทันทีที่โจวจื่อเฉิงเงยหน้าขึ้น ก็เห็นฮวาชีเยว่ราวกับมีแสงอรุณสอดส่องสู่ร่าง
หญิงสาวในชุดขาวงดงามดั่งผีเสื้อ คิ้วของนางเรียวยาวราวกับภาพวาด ขณะที่อาภรณ์ของนางนั้นผุดผ่องเฉกเช่นหิมะ เหมือนแสงสว่างทั้งหมดสาดส่องไปยังร่างเพรียวนั้น ขับให้นางดูงดงามราวกับไม่มีอยู่จริง
หัวใจของโจวจื่อเฉิงเต้นแรง เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะรู้สึกชมชอบสตรีนางอื่นมากกว่าองค์หญิงฮุ่ยเจิน
จริงอยู่ที่เขารักองค์หญิงฮุ่ยเจินมาก แต่ในใจบุรุษล้วนแต่มีที่ว่างมากมายให้สตรีอื่นทั้งสิ้น