หนานกงเจี้ยนเซ่อไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า ตนจะเสียชีวิตอย่างคับแค้นอัปยศเช่นนี้ มันเคยเห็นคนไร้ยางอายมาก่อน แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนไร้ยางอายและสุดแสนน่าเบื่อหน่ายเช่นนี้อย่างจ้านอู๋มิ่ง มันมิอาจไม่ยอมรับว่า ไอ้หนูนี่ถึงแม้จะเป็แค่ปรมาจารย์นักยุทธ์ตัวน้อยๆ แต่กลับน่ากลัวสุดเปรียบปาน มันสามารถเข้าใจทราบถึงจิตวิทยาคู่ต่อสู้เหนือกว่าใครๆ หนานกงเจี้ยนเซ่อมิเคยคิดมาก่อนว่า ตนเองจะถูกจดหมายฉบับหนึ่งที่อุปโลกน์ขึ้นมารบกวนจนจิตสมาธิวุ่นวายสับสน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้ล้วนไม่อาจหวนคืนกลับไปอีกแล้ว พบเข้ากับจ้านอู๋มิ่งมันได้แต่ตกตายอย่างคับแค้นอัปยศเท่านั้น
“อา! ร่ำรวยอีกแล้ว!” จ้านอู๋มิ่งเบิกบานสำราญใจอีกแล้ว เก็บเกี่ยวผลลัพธ์จากจักรพรรดิาอีกผู้หนึ่ง มิใช่แค่ความร่ำรวยมั่งคั่งเท่านั้น ยังสามารถเสริมพลังธาตุวายุในร่างกายได้อีกด้วย
เก็บเกี่ยวผลลัพธ์จากจักรพรรดิาสองคนในหนึ่งวัน สิ่งของในแหวนจักรวาลอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก มีมูลค่ามากกว่าสมบัติตระกูลจ้านแห่งเมืองมู่เหย่แล้ว มิมีวิธีหาเงินทองใดรวดเร็วไปกว่าการปล้นทรัพย์อีกแล้ว
ขณะคิดดูดกลืนพลังธาตุลมของหนานกงเจี้ยนเซ่อ จ้านอู๋มิ่งกลับต้องแปลกใจที่พบว่า ตนไม่สามารถจะดูดซับเพิ่มเติมได้อีกแล้ว
ยังมิทันเข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ซากร่างก็ถูกสัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวกลืนกินลงท้องไปแล้ว ถึงแม้กระทิงเขียวจะพัฒนาเป็ราชันสัตว์อสูรเนตร์ แต่ยังคงไว้ซึ่งนิสัยความเคยชินการทานอาหารมังสวิรัติ ดังนั้นจึงไม่แย่งอาหารของกินกับสัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียว
กระทิงเขียวตัวนี้เลี้ยงดูยากไม่เหมือนธรรมดาทั่วไป สิ่งที่มันกินล้วนเป็พืชหญ้าจิติญญาและโอสถจิติญญา อาหารธรรมดาทั่วไปขนาดมองมันก็ยังคร้านที่จะเหลียวดู จึงมีแต่สำนักใหญ่อย่างสำนักบริบาลเดรัจฉานเท่านั้นที่สามารถเลี้ยงดูได้
“ศิษย์หลานน้อย ข้ามาแล้ว! เ้ามิเป็ไรกระมัง?” เสียงคำรามลั่นดังสะท้านฟ้าเสียงหนึ่งแว่วมาจากในป่าทึบระยะไกล จ้านอู๋มิ่งเหลียวกลับไปดู ก็เห็นวัตถุลักษณะทรงกลมก้อนหนึ่งบินมาดั่งไข่หินถูกขว้างด้วยเครื่องยิงก้อนหินลอยมาก็มิปาน
“ปัง!” พื้นดินสั่นะเือย่างรุนแรงคราหนึ่ง หลุมตื้นปรากฏขึ้นตรงที่วัตถุทรงกลมตกลงมา จ้านอู๋มิ่งเห็นใบหน้าอ้วนกลมเกลี้ยงเกลาใบหน้าหนึ่ง ดวงตาเล็กๆ ทั้งคู่ถูกใบหน้าอ้วนบังจนมิดแล้ว ก็คือจักรพรรดิา นามผู่สือที่บอกให้ตนเรียกว่าอาจารย์อาเจ็ดของสำนักบริบาลเดรัจฉานนั่นเอง
จ้านอู๋มิ่งพูดไม่ออกจริงๆ อาจารย์อาท่านนี้อ้วนมากเกินไปแล้ว กลิ้งมาตลอดทางบนถนนระหว่างูเาและป่าไม้ ไม่แปลกใจเลยที่ระดับความเร็วเช่นนี้……เื่ราวจัดการเสร็จเรียบร้อยทุกอย่างแล้วจึงเดินทางมาถึง หากต้องพึ่งพาอาศัยให้เขามาช่วยชีวิตละก็ นับว่าเชื่องช้าและสายเกินไปแล้ว จัดการเื่ราวได้มิค่อยน่าเชื่อถือเลยจริงๆ
“คนเล่า? คนวิ่งไปไหนแล้วล่ะ?” ผู่สือหันมองไปดูรอบๆ ถามขึ้นเสียงดัง
จ้านอู๋มิ่งยักๆ ไหล่ แบมือแล้วกล่าวว่า “ท่านมาสายแล้ว”
“ข้ามาสายแล้ว? พวกมันหนีไปแล้ว?” ผู่สือพิจารณาดูจ้านอู๋มิ่งรอบหนึ่ง มองดูผืนป่าเขารกร้างที่ยุ่งเหยิงอย่างมิอยากจะเชื่อ มีความรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง
“อาจารย์อามิได้มาสาย พวกมันทราบว่าท่านไล่ตามมา ไหนเลยจะกล้าหยุดรั้งอยู่อีก” ในใจจ้านอู๋มิ่งอดมิได้ที่จะสรรเสริญอาจารย์อาเจ็ดผู้มากมีจินตนาการผู้นี้
จักรพรรดิาทั้งสองแห่งตระกูลหนานกงไล่ล่าสังหารข้า พวกมันทำเพื่อสิ่งใด? ต่อให้ทราบว่าท่านตามอยู่ด้านหลัง ก็คงมิวิ่งหนีไปโดยไม่ได้จัดการเื่ราวให้เสร็จก่อนกระมัง หรือว่านายน้อยเสียชีวิตแล้วพวกมันรีบไปงานศพก็ใช้ได้แล้วเช่นนั้นหรือ?
“ไม่หรอกกระมัง!” ผู่สือลูบๆ หนังท้องกลมๆ พูดอย่างเคอะเขินอยู่บ้างว่า “คิดไม่ถึงว่าข้าผู่สือจะมีอำนาจน่าเกรงขามมากถึงขนาดนี้ ข้าทราบอยู่แล้วว่าเ้าเฒ่าตระกูลหนานกงสองคนนี้จะต้องเกรงกลัวข้าอย่างแน่นอน!”
“นั่นย่อมแน่นอนอยู่แล้ว อาจารย์อาเจ็ดร่างกายท่านหนักขนาดนี้ เทียบเท่าหนึ่งต่อพวกมันสาม พวกมันมีกันเพียงสองคน เห็นว่ารวมกันแล้วน้ำหนักยังไม่เท่าท่าน ไม่ต้องฆ่าฟันกัน แค่ถูกทับก็จะต้องถูกบดขยี้จนสิ้นชีวิตแล้ว ไม่หนียังจะรอความตายอยู่อีกหรือ!” จ้านอู๋มิ่งพูดไม่ออกแล้ว ตนพูดชมนิดเดียวก็หลงตัวเองคิดเตลิดเปิดเปิงไปเสียไกลโน่นแล้ว
คราวนี้ผู่สือเคอะเขินแล้ว พูดอย่างขุ่นข้องขึ้นว่า: “ความอ้วนนี่ก็เป็เื่ที่อับจนปัญญาน่ะ อาจารย์อาก็พยายามลดความอ้วนมานานแล้ว แต่ก็ไม่ค่อยได้ผลมากนัก เ้าไม่ทราบหรอกนะ ่เวลาที่ลดความอ้วนน่ะหิวมากจนข้าอ่อนเพลียขนาดไร้เรี่ยวแรงที่จะหายใจแล้ว โชคดีที่ต่อมาอาจารย์อาปลงตกแล้ว เ้าว่าคนที่คิดจะลดความอ้วนน่ะโง่งมขนาดไหนล่ะ หลังจากลดความอ้วนแล้วจะต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหนจึงจะกินให้อ้วนกลับคืนมาเหมือนเดิมได้อีก! คนเราน่ะ ยอมให้อ้วนได้ แต่อย่าปล่อยให้ท้องหิว……”
“เอิ๊กก……” ผู่สือเพิ่งพูดจบ สัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวก็ปล่อยเสียงเรอเอิ๊กออกมา อ้าปากใหญ่ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งจนกว้างแล้วคายป้ายแขวนเอวออกมาสองอัน
“อื๋อ นี่มิใช่ป้ายแขวนเอวของตระกูลหนานกงหรอกหรือ? ไฉนจึงสำรอกออกมาจากท้องของเ้าล่ะ? ” สายตาของผู่สือแปรเปลี่ยน เอื้อมมือไปหยิบป้ายแขวนเอวทองคำบริสุทธิ์ที่ยังเลอะน้ำลายอยู่ขึ้นมา ถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“เอิ๊กก……” สัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวก็ปล่อยเสียงเรอเอิ๊กออกมาอีกครั้ง มองผู่สือคนอ้วนอย่างระมัดระวังคราหนึ่ง ก้าวถอยหลังไปสองก้าว มาถึงด้านข้างจ้านอู๋มิ่งแล้วสะบัดหางอยู่ไปมา
ผู่สือเอามือปิดจมูกแล้วถอยหลังไปหลายก้าว กลิ่นปากของสัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวหลังจากกินคนเข้าไปแล้วเหม็นจนแทบไร้เทียมทานแล้ว พอสะอึกใส่เขาตรงๆ กลิ่นนั้นแทบจะทำให้เขาอาเจียนอาหารที่ทานเข้าไปเมื่อสองวันก่อนออกมาแล้ว
“เื่นี้……” จ้านอู๋มิ่งฝืนหัวเราะคราหนึ่งพูดขึ้นว่า “เมื่อครู่สองพี่น้องวิ่งไปวิ่งมา พอเห็นอาจารย์อาเจ็ดท่านใกล้จะตามทันแล้ว กลัวจนตื่นตระหนกไม่เลือกเส้นทาง เห็นช่องปากสัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวใหญ่มาก ก็เลยวิ่งเข้าไปในท้องของมันแล้ว บางทีลำไส้ของสัตว์ตัวนี้อาจจะแคบเกินไปหน่อย ป้ายแขวนเอวนี้น่าจะติดค้างไว้ตอนที่พวกมันมุดตัวเข้าไป……”
“เ้าไอ้เด็กเหลือขอนี่ อาจารย์อาเ้าก็ยังกล้าล้อเลียนกลั่นแกล้ง” พลันผู่สือก็เข้าใจแล้ว เมื่อครู่นี้จ้านอู๋มิ่งล้อเลียนกลั่นแกล้งเขา อดมิได้ต้องหัวเราะด่าไปคำหนึ่ง แต่มิมีความไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย เขาพิจารณามองจ้านอู๋มิ่งด้วยความประหลาดใจ ถามด้วยความสงสัยว่า: “เ้ากลับกำจัดจักรพรรดิาสองคนของตระกูลหนานกงไปแล้ว ยอดเยี่ยมมาก ยอดเยี่ยมยิ่งนักจริงๆ……ลองเล่าให้อาจารย์อาฟังดู เ้าสามารถทำได้อย่างไร? ”
“เื่นี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้า ล้วนเป็สัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวและราชันสัตว์อสูรเนตร์สำแดงฤทธิ์เดชอาละวาดขึ้นมา สองพี่น้องตระกูลหนานกงไม่ระวังตัวเลยถูกจัดการจนเสียชีวิต ข้าได้แต่ะโส่งเสียงร้องเชียร์อยู่ด้านข้างเท่านั้น” จ้านอู๋มิ่งรีบเร่งโยนเื่ไปให้สัตว์อสูรจิติญญาทั้งสอง เขาไม่้าให้สำนักบริบาลเดรัจฉานรู้ไพ่ตายของตน ไพ่ตายคนรู้ยิ่งน้อยยิ่งดี ก่อนออกจากเมืองมู่เหย่ แม้แต่คนในบ้านก็ยังไม่ทราบพลังฝีมือแท้จริงของตน
ผู่สือพูดไม่ออกจริงๆ ศิษย์หลานน้อยผู้นี้จับไม่ได้ไล่ไม่ทันลื่นเหมือนปลาไหลตัวหนึ่ง ั้แ่เริ่มต้นก็มิได้บอกอะไรเขาแล้ว แต่คิดไปคิดมาก็ถูกต้อง ศิษย์หลานน้อยฐานบ่มเพาะเป็แค่ปรมาจารย์นักยุทธ์เท่านั้น ระยะห่างต่างกับจักรพรรดิแห่งากว่าสิบอันดับ ช่องว่างกว้างมากเกินไปแล้ว ไม่สามารถที่จะมีผลคุกคามต่อจักรพรรดิแห่งาได้เลย หากสองพี่น้องตระกูลหนานกงตายแล้วจริงๆ น่าจะเป็ผลงานของสัตว์อสูรจิติญญาทั้งสองนี้มากที่สุด จึงมิได้ตรวจสอบในเชิงลึกอีกต่อไป ขอเพียงจ้านอู๋มิ่งปลอดภัย เขาก็สามารถอธิบายให้ศิษย์พี่สามฟังได้แล้ว เ้านี่คือแก้วตาดวงใจคนโปรดเลยเชียวนะ ถ้าเกิดเื่ขึ้นมาจริงๆ เลวี่ยเหวินซิวจะต้องคลุ้มคลั่งอย่างแน่นอน เลวี่ยเหวินซิวถูกขนานนามเป็ไอ้เฒ่าคลั่งเพราะมีสาเหตุของมันอยู่มิใช่จะไร้เหตุผล
“สถานที่นี้ไม่ควรอยู่นาน พวกเราไปสมทบกับศิษย์พี่กันก่อน จากนั้นค่อยกลับสำนัก” ผู่สือเสนอความเห็น
“ได้ ทุกอย่างฟังท่านอาจารย์อา” จ้านอู๋มิ่งก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว การต่อสู้อย่างต่อเนื่องหลายครั้งสิ้นเปลืองพลังมากเหนื่อยแล้วจริงๆ หลังจากนั้นหนีมาตลอดทาง ถึงแม้สัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวจะช่วยผ่อนแรง แต่การใช้พลังสมองก็เหน็ดเหนื่อยเช่นกันนะ ติดตามอาจารย์อาอ้วนมีความรู้สึกที่ปลอดภัย ถึงอย่างไรก็เป็จักรพรรดิาขอบเขตระดับกลางผู้หนึ่ง
……
การคัดเลือกใหญ่ของสำนักนิกายใช้เวลาก่อนและหลังถึงห้าวัน แต่บรรยากาศการคัดเลือกครั้งนี้กลับถูกรบกวนั้แ่วันแรกแล้ว แต่ละสำนักใหญ่จึงจำเป็ต้องเปลี่ยนกฎเกณฑ์ กลับทำให้บรรดาอัจฉริยะมีโอกาสมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันเื่ราวที่จ้านอู๋มิ่งคนเดียวต่อสู้กับศิษย์ของสำนักกระบี่ิญญาก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งดินแดนแว่นแคว้นชางเหยียน
การคัดเลือกใหญ่ของสำนักนิกายครั้งนี้ สำนักกระบี่ิญญาเสียหน้าจนยับเยินป่นปี้ แม้กระทั่งสัตว์อสูรจิติญญาพาหนะของผู้าุโเจิงฉู่ไฉก็ยังทรยศหนีไปแล้ว ตามคำบอกเล่าของคนในที่เกิดเหตุ สัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวที่ใกล้ทะลวงด่านบรรลุอันดับห้าตัวนั้น ถูกลักพาตัวไปแล้วโดยจ้านอู๋มิ่งราชันอัจฉริยะในครั้งนี้
เหล่าบรรดาอัจฉริยะพูดคุยเกี่ยวกับจ้านอู๋มิ่งอย่างสนุกสนานมีความสุข เนื่องเพราะจ้านอู๋มิ่ง พวกเขาจึงได้รับตำแหน่งในสำนักที่สูงขึ้น อีกทั้งทำให้อัจฉริยะมากมายหลายคนตระหนักหยั่งรู้ ทะลวงด่านสำเร็จในทันที กลายเป็เื่ราวดีๆ ่หนึ่งที่เล่าขานสืบมาั้แ่บัดนั้น
ผู้คนจำนวนมากรู้สึกสนใจอยากรู้อยากเห็นยิ่งนักเกี่ยวกับชายหนุ่มลึกลับผู้หยิ่งผยอง กระทำเื่ราวเต็มไปด้วยความไร้ยางอายผู้นี้ เด็กชายคนนี้เคยกระตุ้นเถี่ยมู่เหอบนถนนของเมืองหนานจาว ทำให้เถี่ยมู่เหอทะลวงด่านฉับพลันบนท้องถนน ต่อมาเถี่ยมู่เหอได้รับการสนับสนุนรับเป็ศิษย์ของจากผู้าุโเทียนเหอแห่งสำนักิญญาเร้นลับกล่าวได้ว่าเรืองโรจน์ไร้ที่สิ้นสุด อนาคตพัฒนาก้าวหน้าไร้ขีดจำกัด ชายหนุ่มผู้นี้กายเนื้อแข็งแกร่งแทบไร้ผู้เทียมทานในระดับเดียวกันกล่าวคำปราศรัยอีกครั้งในเยี่ยนซานตั้ง กลับทำให้อัจฉริยะหลายร้อยคนหยั่งรู้ในทันใด ทะลุทะลวงด่านสำเร็จในทันที……
ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้ผู้อื่นมิอยากจะเชื่อ แม้แต่บรรพบุรุษเฒ่าเปี่ยมศักยภาพผู้เร้นกายของแต่ละสำนักนิกายใหญ่ เกรงว่าคงไม่มีคำกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ทำให้อัจฉริยะนับร้อยสามารถััหยั่งรู้ และทะลวงด่านสำเร็จพร้อมกันในคราวเดียว แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับทำสำเร็จถึงจุดนี้จริงๆ ถ้าพูดว่ากรณีกระตุ้นเถี่ยมู่เหอเป็เพียงความบังเอิญละก็ การแสดงออกของเขาในเยี่ยนซานตั้งนั้นมิใช่คำว่าความบังเอิญจะสามารถอธิบายได้แล้ว ดังนั้นบรรดาอัจฉริยะทุกคนที่เข้าร่วมการคัดเลือกใหญ่ของสำนักนิกายครั้งนี้ ล้วนยอมรับกันว่าชายหนุ่มคนนี้ที่สังหารหนานกงฉู่ซึ่งเป็ยอดฝีมืออันดับหนึ่งในรายชื่อบนป้ายทองอย่างง่ายดายคือราชันแห่งอัจฉริยะ
การคัดเลือกใหญ่ของสำนักนิกายครั้งหนึ่ง ได้จุดประกายให้จ้านอู๋มิ่งผู้ลึกลับคนหนึ่งโดดเด่นเรืองโรจน์ สร้างเป็ตำนานขึ้นมาแล้วบทหนึ่ง เวลาเดียวกันก็ได้ทำลายสำนักกระบี่ิญญาไปสำนักหนึ่ง ในดินแดนแว่นแคว้นจักรพรรดิชางเหยียนตี้กั๋ว สำนักกระบี่ิญญากลายเป็เื่ตลก แน่นอน มิมีผู้ใดกล้าหัวเราะเยาะสำนักกระบี่ิญญาอย่างเปิดเผย กล่าวถึงที่สุดแล้ว สำนักกระบี่ิญญายังคงเป็สำนักอภิมหาอำนาจของทวีปนี้ ในราชวงศ์ต่างๆ ตลอดจนเมืองและมณฑลทั้งหมดล้วนมีอิทธิพลอย่างยิ่ง
ส่วนเื่ที่หลังจากนั้นจ้านอู๋มิ่งสามารถหนีรอดจากการตามไล่ล่าของตระกูลหนานกงได้หรือไม่นั้น มีเื่เล่าขานกันมากมาย มีคนพูดว่าสุดท้ายจ้านอู๋มิ่งถูกตระกูลหนานกงสังหารเสียชีวิตแล้ว และก็มีคนพูดว่าตระกูลหนานกงไม่สามารถติดตามจ้านอู๋มิ่งทัน หลังจากนั้นจ้านอู๋มิ่งติดตามสำนักบริบาลเดรัจฉานจากไป ยังมีคนกล่าวว่าจักรพรรดิาสองคนของตระกูลหนานกงที่ไล่ล่าติดตามไปถูกจ้านอู๋มิ่งสังหารเสียชีวิตแล้ว ราชันแห่งอัจฉริยะผู้นี้เริ่มแรกแสดงออกถึงอานุภาพสูงส่งไร้เทียมทาน……แน่นอน ผู้คนจำนวนมากมายต่างพากันเย้ยหยันดูแคลนคำพูดท้ายสุดนี้ ปรมาจารย์นักยุทธ์น้อยๆ ผู้หนึ่ง ดื้อดึงเช่นไรก็ยังมิเพียงพอที่จะให้ฝ่ามือจักรพรรดิาตบคราหนึ่ง ยังเข่นฆ่าจักรพรรดิาถึงสองคนอีกนะหรือ นี่ก็คือการพูดจาละเมอเพ้อพกดีๆ นั่นเอง!
การคัดเลือกใหญ่ของสำนักนิกายครั้งนี้ทำให้คนจำนวนมากจับตาดูอย่างใจจดใจจ่อ จ้านอู๋มิ่งทำให้สำนักกระบี่ิญญาเสื่อมเสียศักดิ์ศรี กลายเป็หนามยอกอกของสำนักกระบี่ิญญา ยิ่งกลายเป็เป้าหมายที่ต้องกำจัดของตระกูลหนานกง จากนี้ไปเส้นทางการเติบโตของจ้านอู๋มิ่งจะต้องเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนาม เนื่องเพราะสำนักบริบาลเดรัจฉานไม่สามารถปกป้องเขาได้ตลอดไปชั่วชีวิต
……
หลังการคัดเลือกใหญ่ของสำนักนิกาย เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นในราชวงศ์ต้าเหยียน เมืองมู่เหย่แห่งราชวงศ์ต้าเหยียนถูกทำลายโดยสำนักกระบี่ิญญาและตระกูลหนานกง เล่าขานกันว่า ตำแหน่งของเมืองนี้ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับป่าสัตว์อสูร เป็สถานที่ที่จ้านอู๋มิ่งราชันแห่งอัจฉริยะถือกำเนิด เมืองมู่เหย่มีตระกูลเล็กๆ อยู่หลายตระกูล ถูกทลายราบเป็หน้ากลองในโศกนาฏกรรมครั้งนี้
วิธีการอันรุนแรงเด็ดขาดของสำนักกระบี่ิญญาและตระกูลหนานกง กระทำการอย่างหยิ่งผยองอหังการ ทำให้บุคคลั้แ่ระดับบนถึงล่างในราชวงศ์ต้าเหยียนทั้งหมดต่างเงียบกริบเหมือนจักจั่นในเหมันตฤดู เนื่องเพราะแม้แต่ราชวงศ์ต้าเหยียน ก็มิกล้าต่อต้านสำนักนิกายอย่างสำนักกระบี่ิญญา ตระกูลหนานกงก็เป็ตระกูลที่ราชวงศ์ต้าเหยียนครั่นคร้ามมิกล้าตอแยเช่นกัน
และก็มีข่าวออกมาว่า สาเหตุที่เมืองถูกทำลายด้วยความโกรธกริ้วของสำนักกระบี่ิญญาและตระกูลหนานกง เป็เพราะพวกเขามาถึงเมืองมู่เหย่แล้วแต่หาคนของตระกูลจ้านไม่พบ แม้แต่บ้านบรรพบุรุษของตระกูลจ้านก็ขายให้ผู้อื่นไปแล้ว สี่ตระกูลใหญ่ดั้งเดิมของเมืองมู่เหย่ต่างก็โยกย้ายไปอยู่ตามที่ต่างๆ มิมีผู้ใดทราบเื่ราวเกี่ยวกับตระกูลจ้านเลย ดังนั้นพวกมันจึงทำลายเมืองพินาศลงสิ้นด้วยความโกรธเคือง
หลังจากเหตุการณ์นี้ เฉพาะผู้รอบรู้ข่าวสารในดินแดนแว่นแคว้นมหาจักรพรรดิชางเหยียนตี้กั๋วเท่านั้นที่ทราบว่า ระหว่างการคัดเลือกใหญ่ของสำนักนิกาย ตระกูลหนานกงไม่เพียงแต่สูญเสียหนานกงฉู่อัจฉริยะชั้นยอดคนเดียวเท่านั้น หนานกงเจี้ยนเซ่อและหนานกงพั่วไฮว่ ผู้าุโของตระกูลก็เสียชีวิตแล้วเช่นกัน แม้กระทั่งซากศพก็ยังหาไม่พบ เวลานี้ผู้คนทั่วหล้าจึงค้นพบว่า ตอนแรกข่าวที่ออกมาว่าจ้านอู๋มิ่งได้สังหารจักรพรรดิาทั้งสองแห่งตระกูลหนานกงนั้นมิใช่ข่าวลือ เป็ไปได้มากที่สุดว่านั่นคือเื่จริง
ดังนั้นทุกคนจึงคาดหวังในตัวจ้านอู๋มิ่งมากเป็อย่างยิ่ง ราชันแห่งอัจฉริยะที่อยู่ในระดับปรมาจารย์นักยุทธ์ผู้หนึ่งก็สามารถสังหารจักรพรรดิาสำเร็จ เป็แบบอย่างที่ดีของเยาวชนในใต้หล้า คนหนุ่มสาวจำนวนมากล้วนเห็นจ้านอู๋มิ่งเป็แบบอย่างและเป้าหมาย
เทียบกับความคลั่งไคล้ที่เกิดจากจ้านอู๋มิ่ง ตระกูลหนานกงและสำนักกระบี่ิญญาแอบออกประกาศิตต้องฆ่า พบเห็นจ้านอู๋มิ่งให้ฆ่าได้ทันที พบเห็นคนตระกูลจ้านก็ให้ฆ่าได้ทันทีเช่นกัน สำหรับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจ้านอู๋มิ่ง ให้เฝ้าคอยติดตามอย่างใกล้ชิด จะต้องหาจ้านอู๋มิ่งออกมาให้ได้ แล้วสังหารเสียเพื่อระบายความเกลียดชังภายในใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้