ในยามเหมันต์ฤดูอากาศหนาวเย็น หิมะโปรยปรายเป็เม็ดละเอียด ภายในเรือนหลังเล็กทรุดโทรมมีหญิงสาวร่างอรชรในชุดเก่าขาดวิ่นนั่งกอดเข่าอยู่ในมุมมืด ใบหน้าขาวซีดเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและาแจากการทารุณที่นางได้รับในทุกวัน ทว่าแต่ละรอยที่ถูกทิ้งไว้บนร่างกายไม่ได้แสดงถึงความอ่อนแอของนาง แต่กลับกลายเป็เครื่องหมายที่บ่งบอกถึงความทนทานของจิตใจหญิงสาว
จ้าวเหม่ยหลินบุตรีนอกสมรสของรองเสนาบดีกระทรวงการคลัง นางถูกส่งตัวมาเลี้ยงดูที่เรือนนอกั้แ่ยังเยาว์วัย ทว่าไม่มีใครในจวนหลัก้าจดจำการมีอยู่ของหญิงสาว การที่เหม่ยหลินเป็บุตรของจ้าวเฉิงก็ดูเหมือนจะไม่มีความหมายอะไรในสายตาของผู้เป็บิดา
จ้าวเหม่ยหลินเคยถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “นางเป็บุตรของท่านพ่อเช่นกัน เหตุใดจึงต้องมีชีวิตเช่นนี้?” แต่นอกจากความเงียบที่น่ากลัวและเสียงด่าทอจากบ่าวรับใช้ในเรือนก็ไม่มีคำตอบใด
“คุณหนูตื่นแล้วหรือเ้าคะ” ซูจินสาวใช้คนสนิทเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าผู้เป็นายนิ่งเงียบจึงเดินมาหยุดตรงหน้าหญิงสาว
“คุณหนูทานอะไรสักหน่อยดีหรือไม่เ้าคะ” ซูจินย่อตัวลงเล็กน้อย สายตายังคงจ้องมองนายของตนกำลังหนาวสั่น หลังจากได้รับความเย็นมากเกินไป
“พวกนางให้ข้ากินแล้วหรือ?” จ้าวเหม่ยหลินเอ่ยถามสาวใช้คนสนิท
“เ้าค่ะ” ซูจินรีบเข้าไปประคองท่อนแขนของจ้าวเหม่ยหลินทันที
เมื่อไม่กี่หนึ่งชั่วยามก่อนจ้าวเหม่ยหลินถูกสั่งให้นั่งคุกเข่าท่ามกลางหิมะเพื่อแลกกับข้าวเพียงถาดเดียว ความเ็ปจากการแช่แข็งในหิมะทำให้นางแทบไม่มีแรงขยับตัว
“ข้าวต้มหรือ? แล้วปลาย่างที่พวกนางสัญญากับข้าเล่า?” จ้าวเหม่ยหลินกล่าวถามเสียงแหบแห้งขณะที่สายตาจ้องมองถ้วยใบเล็กตรงหน้า นางหัวเสียเล็กน้อยในเมื่อสัญญาไว้แล้วว่าหากนางนั่งคุกเข่าท่ามกลางหิมะถึงสามชั่วยามจะนำปลาย่างเกลือมาให้นาง
“คุณหนูลืมหรือเ้าคะ เสี่ยวอวี้กับเสี่ยวถังเป็คนของฮูหยินรอง ในสายตาของคนพวกนั้นไม่เคยเห็นท่านเป็คุณหนูใหญ่ด้วยซ้ำ” ซูจินเอ่ยความในใจลึกๆ ก็เ็ปแทนผู้เป็นาย
จ้าวเหม่ยหลินฝืนยกช้อนขึ้นตักข้าวต้มจืดซืดเข้าปาก ความเหนื่อยล้าทำให้ทุกการเคลื่อนไหวของนางเชื่องช้า แม้รสชาติของข้าวต้มจะจืดราวกับน้ำเปล่าแต่ก็เป็อาหารมื้อแรกในรอบวัน
จ้าวเหม่ยหลินเหลือบมองไปยังซูจิน นางเห็นสาวใช้คนสนิทนั่งอยู่ไม่ห่างใบหน้าซีดเซียวแทบไม่ต่างกัน
“เ้ากินด้วยเถิด” จ้าวเหม่ยหลินเอ่ยขึ้นพลางเลื่อนถ้วยข้าวต้มไปหยุดตรงหน้าซูจิน
“ไม่ได้เ้าค่ะ นี่เป็ของคุณหนู”
“กินเถอะ ข้ากินมากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว” จ้าวเหม่ยหลินฝืนยิ้มบางๆ ก่อนจะตักข้าวต้มขึ้นมาอีกคำแล้วประคองเข้าปาก ร่างกายที่อ่อนแรงทำให้นางแทบไม่มีเรี่ยวแรงจะกลืน
ซูจินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมแบ่งข้าวต้มจากผู้เป็นายมาส่วนหนึ่ง ตลอดทั้งวันนางเองก็แทบไม่ได้กินอะไรเลย
“ข้าควรเป็คนดูแลคุณหนูแท้ๆ” ซูจินพึมพำกับตัวเอง ดวงตาร้อนผ่าว นางกำมือแน่นเพื่อกักเก็บความรู้สึกผิดเอาไว้
ผ่านไปสักพักถ้วยข้าวต้มก็ว่างเปล่า จ้าวเหม่ยหลินยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดริมฝีปาก ทว่าทันทีที่ร่างเล็กทำเช่นนั้นก็สะท้านเฮือกตามมาด้วยอาการไออย่างหนักหน่วง
“คุณหนู!” ซูจินใรีบเข้ามาประคองจ้าวเหม่ยหลิน
“ข้าไม่เป็ไร” จ้าวเหม่ยหลินยกมือขึ้นปิดปากอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้กลับััได้ถึงของเหลวอุ่นที่ไหลซึมผ่านง่ามนิ้วเรียว เมื่อนางมองลงไปจึงเห็นเืเปรอะเปื้อนเต็มฝ่ามือ
“เื” นางเอ่ยเสียงแ่ร่างกายโงนเงนราวกับไร้เรี่ยวแรง สายตาพร่ามัวแทบมองอะไรไม่ชัด ก่อนสติจะดับวูบไปท่ามกลางเสียงเรียกของซูจิน
“คุณหนู! ได้โปรดอย่าเป็อะไรเลยเ้าค่ะ!” น้ำเสียงของซูจินสั่นเครือ นางพยายามเขย่าตัวเหม่ยหลินเบาๆ แต่ร่างในอ้อมแขนกลับอ่อนปวกเปียกราวกับว่ากำลังไร้ชีวิต
“ทนไว้ก่อนนะเ้าคะ ข้าจะรีบไปตามหมอให้ท่านเดี๋ยวนี้!”
ซูจินกัดฟันแน่น แม้ร่างกายของนางจะอ่อนล้าจนแทบยืนไม่ไหว แต่ในเวลานี้ไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใด นางก็จะไม่ยอมให้คุณหนูของตนต้องเป็อะไรไปเด็ดขาด
ซูจินฝืนพาร่างกายที่อ่อนล้าออกจากเรือนหลังเก่า นางรีบสาวเท้าไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน นางรู้สึกว่าหากปล่อยคุณหนูจ้าวอยู่ในสภาพนั้นต่อไปอาจเป็อันตรายถึงชีวิต
“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย” ซูจินวิ่งะโไปด้วยเสียงแหบแห้ง หิมะที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสายกัดผิวกายของนางจนชาหนาว
ก่อนร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่ปลายทางเดิน
“โอ้ะๆ นั่นใครกันเล่า?” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น ร่างหญิงอ้วนใหญ่ก้าวอุ้ยอ้ายเข้ามาใกล้ ในมือเสี่ยวถังถือห่อขนมถั่วแดงซึ่งกำลังจะถูกส่งเข้าปาก
ซูจินรีบเข้าไปหาเสี่ยวถังด้วยสีหน้ามีความหวัง “เสี่ยวถัง ข้าขอร้อง…ช่วยไปตามหมอมาให้คุณหนูของข้าด้วยเถิด นางกำลังจะตายอยู่แล้ว”
เสี่ยวถังชะงักเล็กน้อยก่อนแสยะยิ้มเย้ยหยัน “ตามหมออย่างนั้นหรือ ฮึ!นางก็แค่ลูกสาวรับใช้ไม่มีใคร้าจะตายก็ไม่มีใครสนใจดอก”
“แต่นางเป็บุตรีของรองเสนาบดีคลังนะ หากนางตายไปข่าวลือได้แพร่สะพัดเมืองหลวงแน่ “ซูจินพยายามยกเหตุผลขึ้นมาทั้งน้ำตา
“แล้วอย่างไรเล่า?” เสี่ยวถังเหยียดยิ้มมองซูจินราวกับตัวตลก “หากตายไปก็คงสบายขึ้นมาหน่อยละมั้ง?”
“ได้โปรดเถอะ ข้าขอร้อง…” ซูจินจับแขนเสี่ยวถังแน่น ดวงตาเว้าวอนเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“ปล่อยข้า!” เสี่ยวถังสะบัดแขนแรงจนซูจินเซถอยหลังไปหลายก้าว แต่ซูจินยังคงฝืนพุ่งเข้ามาจับแขนเสี่ยวถังไว้แน่นอีกครั้ง
“ข้าขอร้อง เ้าอย่าใจร้ายเลย ช่วยไปตามหมอที” น้ำเสียงของซูจินสั่นเครือ ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา
“ใจร้ายงั้นหรือ?” เสี่ยวถังแค่นเสียงหัวเราะ ก่อนจะคว้าข้อมือของซูจินแล้วกระชากสุดแรงจนร่างบอบบางลอยหวืดไปกระแทกกับรั้วไม้
“อึก!” ซูจินร้องออกมาอย่างเ็ปแผ่นหลังปวดหนึบจนหายใจไม่ออก
ทว่ายังไม่ทันที่ร่างเล็กจะตั้งตัว เสี่ยวถังก็ตรงเข้ามาตวัดฝ่ามือตบหน้าซูจินอย่างแรงจนหัวหัน ความเจ็บแล่นพล่านไปทั่วใบหน้า
“นี่เป็บทเรียน คราวหน้าจะได้รู้ว่าควรอยู่เงียบๆ!” เสี่ยวถังกล่าวก่อนจะกระชากคอเสื้อซูจินขึ้นและซัดหมัดใส่ท้องน้อยจนซูจินตัวงอด้วยความจุก
“ปล่อย…ข้า…” ซูจินร้องออกมาอย่างอ่อนแรง
“หึ! ยังปากดีหรือ?” เสี่ยวถังตวัดกำปั้นขึ้นสูงซัดใส่ซูจินจนสลบไป
“พอได้แล้ว!” เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้