“ทำไมหรือ? มีปัญหาอะไรหรือ?” เยี่ยเหยียนเอ่ยถามเสียงต่ำ
“เรียนท่านบรรพชน เคล็ดวิชาชุดนี้ชื่อว่าปีกัสายฟ้าวายุ เป็เคล็ดวิชาที่เพื่อนของข้ามอบให้ หากไม่ได้รับอนุญาตจากเพื่อนผู้นั้น ข้าเกรงว่าคงไม่อาจบอกเคล็ดวิชาชุดนี้ให้ท่านบรรพชนทราบได้!” เซียวหนิงเอ๋อนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งจึงพูด
“ข้าเพียง้าชมดูเคล็ดวิชาชุดนี้ว่าที่แท้เป็อย่างไรเท่านั้น มิใช่คิดจะขโมยเรียนเคล็ดวิชาของเ้าเสียหน่อย...” เยี่ยเหยียนหน้าแดงขึ้นมาทันทีที่พูดเช่นนั้น ลำพังแค่เขาต้องลดหน้าของตนลงเพื่อเอ่ยปากขอดูเคล็ดวิชาของเซียวหนิงเอ๋อ ก็นับว่าเป็เื่ที่ยากเย็นยิ่งแล้ว เขาไม่อาจกดข่มความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวแก่เคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุได้จริงๆ แต่เมื่อดูไม่ได้ ในใจก็พลันรู้สึกเจ็บๆ คันๆ ราวถูกแมวข่วนขึ้นมาทันที
“แต่ทว่า... โปรดอภัยที่หนิงเอ๋อไม่อาจทำตามคำขอของท่านได้” หนิงเอ๋อเด็ดเดี่ยวนัก ในความคิดของนาง การมอบเคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุให้ผู้อื่นดู เทียบเท่ากับการทรยศต่อเนี่ยหลีอย่างหนึ่ง ต่อให้อีกฝ่ายคือท่านบรรพชนผู้ก่อตั้งเมืองกวงฮุยก็ตาม นางก็ไม่อาจเชื่อฟัง
“อย่างนี้ดีหรือไม่ ข้ามีของแลกกับเ้า เ้าให้ข้าชมดูเคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุ ข้าสามารถมอบเคล็ดวิชาที่ทรงอานุภาพให้เ้าได้สิบอย่าง...” เยี่ยเหยียนโน้มน้าวอย่างอดทนเป็ขั้นเป็ตอน
ชั่วขณะที่เยี่ยเหยียนกำลังพูดกับเซียวหนิงเอ๋ออยู่นั่นเอง เสียงหนึ่งพลันดังขึ้น
“หนิงเอ๋อ อย่าไปเชื่อตาเฒ่าจอมมุสาผู้นี้ พวกเคล็ดวิชาเน่าๆ ที่อยู่ในมือเขา จะมาเทียบกับเคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุของเ้าได้อย่างไร?” เนี่ยหลีพูด
“เป็เ้าอีกแล้ว เ้าเด็กขี้เหนียว เ้ากล้าด่าข้าว่าเป็เฒ่าจอมมุสาเชียวหรือ!” เยี่ยเหยียนโมโหจนแทบะเิแล้ว ในใจยิ่งบังเกิดความรู้สึกเหมือนถูกจี้ใจดำ อับอายจนกลายเป็ความโกรธเกรี้ยว
“ทำไมเล่า คิดจะใช้เคล็ดวิชาเน่าๆ เ่าั้มาแลกเปลี่ยนกับเคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุ ช่างหน้าไม่อายนัก ท่านยังจะเรียกตนเองว่าเป็บรรพชนของเมืองกวงฮุยได้อยู่อีกหรือ มีชีวิตอยู่มาตั้งหลายร้อยปี กลับคิดมาหลอกเด็กสาวบริสุทธ์ผู้หนึ่งได้ ช่างไม่รักหน้าของตนเอาเสียเลย!” เนี่ยหลียิ่งด่าทออย่างดูถูกดูแคลน
“เ้า เ้า เ้า...” เยี่ยเหยียนแทบบ้าจนร่างร่วงแล้ว เนี่ยหลีพูดจาไม่ไว้หน้ากันบ้างเลย
“เนี่ยหลี เหตุใดเ้าจึงมาอยู่ที่นี่? เหตุใดเ้าจึงมาพูดอยู่ในหัวของข้าได้?” เซียวหนิงเอ๋อเอ่ยถามขึ้นด้วยความงุนงงสับสน เวลานี้ นางกำลังอยู่ในสมาธิฝึกปราณ พลันเสียงของเนี่ยหลีกลับเหมือนถ่ายทอดเข้ามาในหัวของนางได้
คำพูดของเซียวหนิงเอ๋อทำให้เยี่ยเหยียนงุนงงไปเล็กน้อยเช่นกัน เขาตายมานานแล้ว เวลานี้จึงอยู่ในสภาพิญญา ดังนั้นจึงสามารถใช้ิญญาถ่ายทอดเสียงเข้าไปคุยกับเซียวหนิงเอ๋อได้ ทว่าแล้วเนี่ยหลีเล่า เหตุใดจึงทำได้?
“นี่คือการแยกจิตออกจากร่าง เป็ทักษะที่ง่ายมาก” เนี่ยหลียิ้มบางและพูด
การแยกจิตออกจากร่างรึ? เมื่อครั้งที่เยี่ยเหยียนยังมีชีวิตอยู่ ไม่เคยได้ยินทักษะชนิดนี้มาก่อนเลย กระนั้นเนี่ยหลีกลับบอกว่านี่เป็ทักษะที่ง่ายมาก เยี่ยเหยียนแทบเป็บ้าแล้ว เ้าเด็กคนนี้มีที่มาอย่างไรกันแน่!
“เฒ่าจอมมุสา ท่านยังคิดจะทำอะไรอีก?” เนี่ยหลีส่งเสียงฮึพูด
ได้ยินเนี่ยหลีเรียกท่านบรรพชนเช่นนี้ เซียวหนิงเอ๋อบังเกิดความสงสัยขึ้นมาหลายส่วน
ิญญาของเยี่ยเหยียนโมโหจนแทบะเิแล้ว เขาพูด “ผู้เฒ่าเช่นข้าก็ตายมานานแล้ว ไม่สนใจเคล็ดวิชาของพวกเ้าสักนิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการหลอกเอาเคล็ดวิชาของพวกเ้า”
“หากท่านไม่สนใจ เช่นนั้นเหตุใดท่านจึงคิดหว่านล้อมหนิงเอ๋อให้แลกเปลี่ยนกับเคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุเล่า? เหอะๆ ไม่อยากให้ผู้อื่นรู้ เว้นแต่ตนไม่กระทำ!” เนี่ยหลีไม่ไว้หน้าเยี่ยเหยียนแม้แต่น้อย
“เ้า...” เยี่ยเหยียนเต้นเร่าๆ ราวกับฟ้าผ่าแล้ว “ทำให้ข้าโมโหแทบบ้าอีกแล้ว ข้าเพียงอยากจะชมดูว่าเคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุนี้มีข้อบกพร่องตรงไหนบ้างหรือไม่เท่านั้น!”
ข้อบกพร่องรึ? ด้วยระดับของท่าน หากสามารถเห็นข้อบกพร่องของเคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุได้ก็ผีหลอกแล้ว
“หากพวกเราจะอนุญาตให้ท่านชมดูเคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุสักหน่อยก็มิใช่จะเป็ไปไม่ได้...” เนี่ยหลีหัวเราะเบาๆ และพูด
สองคิ้วของเยี่ยเหยียนกระตุกวาบ เขารู้สึกว่าเนี่ยหลี เ้าเด็กผู้นี้จะต้องมีลับลมคมในบางอย่างแน่นอน ทว่าก็ไม่อาจต้านทานความสงสัยรุนแรงในใจได้ เยี่ยเหยียนมีความหลงใหลคลั่งไคล้ในการฝึกยุทธ์อย่างยิ่ง ยามเมื่อมีชีวิตอยู่ ชมชอบศึกษาเคล็ดวิชาทุกชนิด ได้เห็นเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งทรงอานุภาพมาแล้วมากมาย เมื่อพบว่าเคล็ดวิชาที่เนี่ยหลีและเซียวหนิงเอ๋อฝึกอยู่เป็เคล็ดวิชาที่ตนไม่เคยเห็นมาก่อน จึงเกิดอาการคันไม้คันมือนัก อยากชมดูสักคราหนึ่ง
เดิมทีเขาคิดอยากจะรับเนี่ยหลีเป็ศิษย์ก็เพื่อจะขอดูว่าเคล็ดวิชาที่เนี่ยหลีฝึกอยู่มีความลึกล้ำอย่างไรบ้าง สุดท้ายเนี่ยหลี เ้าเด็กบ้าผู้นี้กลับประหลาดคนเกินไป โจมตีเขากลับมาเสียหนัก เมื่อคิดว่าคงไม่อาจชมดูเคล็ดวิชาของเนี่ยหลีได้แล้ว จึงหันไปหาเป้าหมายใหม่ คิดๆ ชมดูทางเซียวหนิงเอ๋อ สุดท้ายก็ยังถูกเนี่ยหลีรู้ทันแฉเขาอย่างไร้ความปราณี
เดิมทีเยี่ยเหยียนคิดว่าหมดหวังแล้ว ทว่าคำพูดของเนี่ยหลีกลับจุดประกายความหวังของเขาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“เ้าคิดจะทำอะไร พูดออกมาเถอะ!” เยี่ยเหยียนเข้าใจดี เนี่ยหลีมากเล่ห์เพทุบายเกินไป หากตนไม่ตรงไปตรงมา ก็อาจจะถูกเนี่ยหลีบ่ายเบี่ยงเอาได้
“ท่านบรรพชนเยี่ยเหยียนช่างสมกับเป็ผู้ก่อตั้งเมืองกวงฮุย ช่างเปิดเผยตรงไปตรงมายิ่ง เช่นนั้นข้าก็จะขอพูดอย่างตรงไปตรงมาเช่นกัน ข้า้าดาบอัสนี์เทียนอวิ่น!” เนี่ยหลีหัวเราะเบาๆ พูด
“ไม่ได้เด็ดขาด!” เยี่ยเหยียนเผลอตัวพูด
ดาบอัศนี์เทียนอวิ่นรึ? สิ่งนั้นคืออะไรกัน? เซียวหนิงเอ๋อมีสีหน้างุนงงเล็กน้อย นางไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน
ั้แ่ที่ท่านบรรพชนเยี่ยเหยียนปรากฏตัวขึ้น เนี่ยหลีก็เริ่มคิดวางแผนกับท่านบรรพชนเยี่ยเหยียนเอาไว้แล้ว เป้าหมายของเขาก็เพื่อดาบอัสนี์เทียนอวิ่นเล่มนั้น ดาบอัสนี์เทียนอวิ่นเป็อาวุธที่ทรงอานุภาพอย่างยิ่ง ในระหว่างการต่อสู้ มันได้ดูดกลืนจิตอสูรเข้าไปมากมาย จึงกลายเป็ดาบที่ทรงอานุภาพอย่างเหลือเชื่อ
“เช่นนั้นก็ช่างเถอะ...” เนี่ยหลียักไหล่
“เ้าหนู เ้ารู้ได้อย่างไรว่าดาบอัสนี์เทียนอวิ่นถูกผนึกอยู่ในด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วนแห่งนี้?” ท่านบรรพชนเยี่ยเหยียนสองคิ้วเลิกสูง จ้องมองเนี่ยหลีด้วยสายตาลุ่มลึก
“ข้าย่อมต้องรู้แน่นอน ตระกูลเทียนเหินมีประวัติศาสตร์มายาวนาน มีเื่ราวตั้งมากมายที่ท่านบรรพชนเยี่ยเหยียนไม่รู้ แต่ข้าล้วนรู้หมด!” เนี่ยหลียักไหล่
“เ้า... เ้าเด็กตัวเหม็น เ้าคิดจะดาบอัสนี์เทียนฮ่วน มิใช่เื่ง่ายดายปานนั้น ต่อให้ข้าอนุญาต ด้วยความสามารถของเ้าในเวลานี้ ก็เป็ไปไม่ได้ที่เ้าจะสามารถควบคุมมัน หากไม่ระวัง กลับจะถูกดาบอัสนี์เทียนอวิ่นครอบงำได้!”
“นั่นก็ไม่แน่เสมอไป ขอเพียงท่านบรรพชนยอมพาข้าไปหาดาบอัสนี์เทียนอวิ่น ข้าก็จะสามารถกำราบดาบอัสนี์เทียนอวิ่นได้!” เนี่ยหลียิ้มอย่างภาคภูมิพูด
“เป็ไปไม่ได้อย่างแน่นอน ในปีนั้น ในหมู่พวกเราผู้ควบคุมจิตอสูรทั้งห้า มีเพียงผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานเซิ่งมู่เท่านั้นที่สามารถกำราบดาบเล่มนั้นลงได้!” เยี่ยเหยียนส่ายศีรษะ
“ในเมื่อท่านบรรพชนคิดเช่นนี้ พวกเรามาพนันกันเป็ไร?” เนี่ยหลีเลิกคิ้วพูด
เยี่ยเหยียนจ้องมองเนี่ยหลีด้วยสายตาครุ่นคิดลึกซึ้ง หากเป็ผู้อื่น เยี่ยเหยียนคงพูดได้อย่างเต็มปากว่าจะไม่มีผู้ใดสามารถกำราบดาบอัสนี์เทียนอวิ่นได้ แต่เมื่อเป็เนี่ยหลีที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เยี่ยเหยียนบังเกิดความรู้สึกประหลาดอย่างหนึ่ง ราวกับว่าทุกสิ่ง ในสายตาของเนี่ยหลีล้วนกลายเป็เพียงเื่เล็กน้อยเท่านั้น
เนี่ยหลีจะสามารถกำราบดาบอัสนี์เทียนอวิ่นได้จริงหรือ?
เยี่ยเหยียนอดที่จะบังเกิดความสงสัยขึ้นมามิได้ หากเนี่ยหลีสามารถกำราบดาบอัสนี์เทียนอวิ่นได้จริง สำหรับเมืองกวงฮุย ย่อมต้องกลายเป็เื่ที่มีความหมายต่อเมืองกวงฮุยอย่างใหญ่หลวง ปีนั้น ดาบอัสนี์เทียนอวิ่นเปล่งอานุภาพอยู่ในมือของเซิ่งมู่ เข่นฆ่าสัตว์อสูรไปนับร้อยล้านตัว นั่นเป็ดาบกระหายเืที่น่าสะพรึงกลัวเล่มหนึ่ง แม้แต่เซิ่งมู่ก็ยังต้องเสียชีวิตเพราะการต่อต้านของดาบอัสนี์เทียนอวิ่นในท้ายที่สุด ทว่าอานุภาพของดาบอัสนี์เทียนอวิ่นนี้ย่อมไร้ข้อสงสัย
“พนันอย่างไร?”
“หากข้าสามารถกำราบดาบอัสนี์เทียนอวิ่นได้จริง เช่นนั้นต่อไปท่านบรรพชนเยี่ยเหยียนจะต้องติดตามข้า แต่หากข้าไม่สามารถกำราบได้ ข้าก็จะมอบเคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุให้ท่านได้ชมดู เช่นนี้เป็อย่างไร?” เนี่ยหลียิ้มน้อยๆ การพนันครั้งนี้ สำหรับเขามีแต่ได้กับได้ ต่อให้พ่ายแพ้ เคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุก็เป็เพียงเคล็ดวิชาอย่างหนึ่ง เยี่ยเหยียนก็ไม่สามารถเอาไปฝึกได้
“จะให้ข้าติดตามเ้าหรือ? เ้าไข่เน่า ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่!” เนี่ยเหยียนโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ
“หากเป็เช่นนั้น ท่านบรรพชนเยี่ยเหยียนก็สามารถเลือกที่จะไม่ยอมรับการพนันได้!” เนี่ยหลียักไหล่
ในใจของเซียวหนิงเอ๋อครุ่นคิดขณะจ้องมองเนี่ยหลี จากนั้นก็หันไปมองเยี่ยเหยียนอีกครั้ง ขยับปากหัวเราะออกมาเบาๆ คำหนึ่ง นับว่านางเข้าใจแล้ว เนี่ยหลีพูดจามากมายกับท่านบรรพชนเยี่ยเหยียน ที่แท้ก็เพื่อยั่วโทสะท่านบรรพชนเยี่ยเหยียน ั้แ่แรก ท่านบรรพชนเยี่ยเหยียนก็ถูกวางอุบายใส่แล้ว!
“เนี่ยหลีร้ายกาจเกินไปแล้ว!” เซียวหนิงเอ๋อเหมือนจะนึกถึงเื่อะไรบางอย่าง สองแก้มก็เริ่มแดงระเรื่อขึ้นมา
หากจะพูด ตนถูกเนี่ยหลีวางอุบายใส่ั้แ่แรก เช่นนั้นนางก็เต็มใจยิ่ง
“เ้าหนู เ้าคิดจะหลอกข้าหรือ ไม่ง่ายปานนั้นหรอก พวกเราจะพนันกันสักตาก็ได้ ทว่าเดิมพันจะต้องเปลี่ยนสักหน่อย!” เยี่ยเหยียนเริ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ แม้เขาจะรู้ว่าเนี่ยหลีกำลังตั้งใจหลอกล่อเขา แต่เขาก็้าที่จะพนันดูซิว่าเนี่ยหลีจะสามารถกำราบดาบอัสนี์เทียนอวิ่นได้จริงหรือไม่
“เปลี่ยนเป็อะไร?” เนี่ยหลีสองคิ้วเลิกสูงขึ้นเล็กน้อย
“เ้าต้องมอบเคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุให้ข้า ข้าจึงจะพาเ้าไปหาดาบอัสนี์เทียนอวิ่น หากเ้าไม่สามารถกำราบดาบอัสนี์เทียนอวิ่นได้สำเร็จ เ้าจะต้องให้ข้าดูเคล็ดวิชาที่เ้าฝึก!” เยี่ยเหยียนพูด ความสงสัยในเคล็ดวิชาที่เนี่ยหลีฝึกยังมากมายกว่าความสงสัยในเคล็ดวิชาที่เซียวหนิงเอ๋อฝึกมากมายนัก
เนี่ยหลีชำเลืองมองเซียวหนิงเอ๋อและพูด “เ้ายินดีที่จะมอบเคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุให้ท่านบรรพชนเยี่ยเหยียนหรือไม่?”
เซียวหนิงเอ๋อพยักหน้า “เคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุนี้ เดิมทีก็เป็เ้าสอนข้า ข้าย่อมไม่มีความเห็นอื่น!”
เนี่ยหลีพยักหน้า
“ท่านบรรพชนเยี่ยเหยียน พวกเราตกลงตามนั้น!” เนี่ยหลียิ้มแย้ม ก็แค่เคล็ดวิชาสองชุด ต่อให้เขายอมให้ท่านบรรพชนเยี่ยเหยียนชมดู ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด หากไม่มีความช่วยเหลือจากเขา ท่านบรรพชนเยี่ยเหยียนก็ต้องอยู่แต่ในร่างิญญาเท่านั้น
เนี่ยหลีท่องเคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุออกมาให้ท่านบรรพชนเยี่ยเหยียนฟังหนึ่งรอบ ท่านบรรพชนเยี่ยเหยียนตั้งใจฟัง บางครั้งสองคิ้วก็ขมวดแน่น บางครั้งสองคิ้วก็คลายลง ท่าทางหลงใหลยิ่ง กระทั่งเนี่ยหลีท่องเคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุให้ฟังจนจบ จึงลากลมหายใจออกมา
“ช่างเป็เคล็ดวิชาที่ยอดเยี่ยมนัก หากข้าได้ฝึกเคล็ดวิชาที่ทรงอานุภาพเช่นนี้ั้แ่แรก ข้าคงฝึกได้สูงกว่าระดับตำนานไปเสียนานแล้ว ก้าวถึงเขตแดนที่ไม่อาจจินตนาการถึงได้!” ท่านบรรพชนเยี่ยเหยียนเริ่มชื่นชมด้วยความอัศจรรย์ใจ เคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุนั้นสูงชั้นเกินกว่าที่เขาเคยคาดคิดเอาไว้มาก เดิมทีเขาคิดว่าตน ในฐานะที่เป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานผู้หนึ่ง จะสามารถหาข้อผิดพลาดในเคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุได้ไม่มากก็น้อย แต่กลับคิดไม่ถึง ขอบเขตของเคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุนั้นสูงชั้นเหนือระดับของเขาในขณะนี้ขึ้นไปเสียอีก!
ช่างล้ำเลิศนัก!
เป็ไปได้หรือ นอกจากระดับตำนานแล้ว ยังมีระดับที่สูงยิ่งกว่านี้ดำรงอยู่?
“เอาล่ะ ท่านบรรพชนเยี่ยเหยียน เวลานี้ท่านจะพาพวกเราไปได้แล้วหรือไม่?” เนี่ยหลีจ้องมองเยี่ยเหยียนที่ยังคงตกตะลึงพรึงเพริดไม่หาย พูดขึ้นพร้อมยิ้มแย้ม
“แน่นอน!” เยี่ยเหยียนค่อยๆ ได้สติ พยักหน้าหงึกๆ ดวงตาจับจ้องมองเนี่ยหลี สายตาเต็มไปด้วยความซับซ้อนยากจะเข้าใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้