เล่มที่ 10 บทที่ 276 โคมเขียว
หลินเฟยรู้สึกได้ทันทีว่าอักษรภาพนี้มีวิถีกระบี่ซ่อนอยู่...
เมื่อชาติที่แล้วตอนอยู่ที่หอกระบี่นั้น หลินเฟยเคยได้ยินหลินปั้นหูที่เป็ยอดอัจฉริยะมือกระบี่พูดเอาไว้ว่า ที่พิภพหลัวฝูแห่งนี้มีสุดยอดเคล็ดวิชากระบี่ซ่อนอยู่ในภาพวาดอักษร เคล็ดวิชานี้มีทั้งหมดสามร้อยหกสิบห้าอักขระ ซึ่งพอดีกับจำนวนดวงดาวตามหลักโหราศาสตร์ ถือว่าเป็เคล็ดวิชาที่สืบทอดมาั้แ่า มีพลังร้ายแรงและลึกลับเป็อย่างมาก ทว่าน่าเสียดาย ภาพวาดนี้ได้กระจัดกระจายขาดหายไปเมื่อหลายล้านปีก่อน เหลือเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้นที่สืบทอดมากันมาในพิภพหลัวฝู...
แม้จะเป็เพียงเศษเสี้ยวแต่ก็ยังเป็เคล็ดวิชากระบี่ที่แสนอัศจรรย์อยู่ดี
ชาติที่แล้วหลินปั้นหูเคยบอกว่าชั่วชีวิตนี้ เขาเสียใจเพียงเื่เดียวเท่านั้น นั่นก็คือ การที่ไม่มีโอกาสได้เห็นสุดยอดเคล็ดวิชานี้อีกแล้ว...
เมื่อชาติที่แล้วหลังจากสำนักเวิ่นเจี้ยนล่มสลายลง หลินเฟยเองก็เคยพยายามตามหาสุดยอดเคล็ดวิชานี้เพื่อเอาชนะเ้าแห่งเหวทมิฬให้ได้ แต่น่าเสียดายที่ตามหามาหลายสิบปี กระทั่งแทบจะพลิกแผ่นดินหาทั่วทั้งพิภพหลัวฝู แต่กลับไม่พบอักษรภาพที่ว่าเลย...
คิดไม่ถึงเลยว่าในชาตินี้หลังจากฟื้นขึ้นที่หอกระบี่ เขาจะได้รับอักษรภาพนี้จากอาจารย์ของสำนักศึกษาลิ่วเยิ่น...
‘ไม่รู้เหมือนกันว่าอักษรทั้งสิบสองตัวนี้ จะมีพลังเช่นไร...’
หลินเฟยพิจารณาอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะค่อยๆเก็บอักษรภาพเข้ากระเป๋าเฉียนคุนอย่างระมัดระวัง
หลังจากเก็บอักษรภาพเข้าไปแล้ว เขาก็หันมามองกระเป๋าเฉียนคุนของเว่ยจงซูอีกครั้ง บัดนี้มันไม่เหลือของมีค่าอะไรอีกแล้ว เพียงส่งพลังปราณออกไปเล็กน้อย กระเป๋าเฉียนคุนก็สลายกลายเป็ผุยผงทันที...
“...” จิงต้าไห่ที่อยู่ไม่ไกลกัน ก็รู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็นที่กำลังไหลโซมกาย…
‘อำมหิตเหลือเกิน…’
กระทั่งตอนนี้จิงต้าไห่ถึงเห็นเข้าใจแจ่มแจ้งว่า ผู้บำเพ็ญหนุ่มที่ชื่อหลินเฟยคนนี้ ไม่ได้ดูเข้ากับคนง่ายอย่างที่เห็นภายนอกจริงๆ เพราะขนาดเว่ยจงซูที่เป็ผู้บำเพ็ญขั้นจิงตัน แถมยังเป็อาจารย์ของสำนักศึกษาลิ่วเยิ่นซึ่งมีฐานะสูงส่ง ถือว่ามีฐานะไม่ด้อยไปกว่าเหล่าผู้าุโประจำสำนักเลยสักนิด แต่หลินเฟยกลับคิดจะสังหารก็สังหารทันที ไม่ไว้หน้าสำนักศึกษาลิ่วเยิ่นเลยแม้แต่น้อย...
‘ขนาดสำนักศึกษาลิ่วเยิ่นยังเป็เช่นนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็สำนักหนานิละก็ เกรงว่า...’
เมื่อคิดได้ดังนั้น จิงต้าไห่ก็รู้สึกดีที่ตนเองฟังคำแนะนำของผู้าุโชื่อิ โดยไม่ได้คิดหาเื่หลินเฟยแต่อย่างใด ไม่เช่นนั้นละก็ ผลที่ตามมาคงหนักหนายิ่งนัก...
“จริงสิ...” หลังจากสังหารเว่ยจงซูแล้ว หลินเฟยเองก็ไม่รู้เลยสักนิดว่าตนเองได้สร้างปมในใจให้แก่จิงต้าไห่ไปเสียแล้ว หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขาก็หันมาทางจิงต้าไห่และเอ่ยถามออกมา
“ตอนเ้าขึ้นเขามา ได้เห็นปลาั์สีเขียวบ้างหรือไม่?”
“หือ?”
จิงต้าไห่ได้ยินคำถามก็ชะงักลง หลังจากพินิจอยู่นาน สุดท้ายก็ส่ายหน้าออกมา
“ไม่เห็นเลย ข้าขึ้นเขามาได้สิบกว่าวันแล้ว เจอมารปีศาจก็มากมาย แต่ไม่เคยเห็นปลาั์ที่ว่าเลย...”
“อ้อ...” หลินเฟยส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง ขณะที่กำลังจะเอ่ยถามอีกครั้ง จู่ๆก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง จึงรีบถามออกไปทันที
“เ้าขึ้นเขามาสิบกว่าวันแล้วงั้นหรือ?”
ก่อนหน้านี้เอง ตอนที่ฟื้นขึ้นมา เขาก็พบว่าทุกอย่างรอบด้านตาลปัตรไปหมด แต่ดูจากาแแล้ว หลินเฟยคิดว่าตนเองน่าจะหมดสติไปเพียงไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น อีกทั้งเมื่อสังเกตจากร่องรอยที่เ้าปลาั์หลงเหลือเอาไว้ ลักษณะต้นไม้ดงหญ้าที่เสียหาย รวมทั้งรอยคราบเืแล้ว หลินเฟยก็เข้าใจมาตลอดว่าทั้งทะเลอสูรที่แห้งเหือด หรือการที่อยู่ดีๆก็มีหุบเขาสูงโผล่มา ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น...
ทว่าตอนนี้...
‘จิงต้าไห่กลับบอกว่าขึ้นเขามาสิบกว่าวันแล้ว?’
‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?’
หลินเฟยเริ่มเครียดขึ้นมาทันที หากเื่ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในไม่กี่ชั่วยาม เช่นนั้นจึงมีความเป็ไปได้สูงว่าตอนที่หมดสติไป ตนเองคงจะหลงเข้าไปในพิภพน้อยเป็แน่...
แต่หากทุกอย่างเป็ความจริง แล้วรูปปั้นหินสัตว์ร้ายทั้งเก้านั้นหมายความว่าอย่างไรกันล่ะ?
ต่อให้คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เป็นานกว่าที่หลินเฟยจะหันไปมองจิงต้าไห่ด้วยความสนอกสนใจ
“จริงสิ เ้าขึ้นเขามาได้อย่างไรหรือ?”
“...” เมื่อจิงต้าไห่ได้ยินคำถาม สีหน้าของเขาก็ย่ำแย่ลงทันที...
‘มาได้อย่างไร?’
‘ก็เพราะเ้าน่ะสิ...’
‘หากไม่ใช่เพราะถูกเ้าปล้นจุดชีพจรหินิญญาไปเมื่อครึ่งเดือนก่อน ตอนนี้สำนักหนานิคงจะมีหินิญญาเพียงพอที่จะเปิดสุสานใต้ดินแล้ว ดังนั้นพอได้ข่าวว่าที่ทะเลอสูรมีจุดชีพจรหินิญญา สำนักหนานิก็ขนมาทั้งสำนักอย่างไรเล่า’
แต่ผลก็คือ...
เมื่อมาถึงทะเลอสูร ทั้งที่ยังไม่ทันได้เห็นจุดชีพจรหินิญญา เขาก็ถูกโคมสีเขียวดวงหนึ่งพามาบนเขานี่เสียก่อน และที่น่าเหลือเชื่อไปปกว่านั้นก็คือหลังจากตื่นขึ้นมาก็พบว่าทะเลอสูรได้แห้งเหือดลงไปเสียแล้ว แม้แต่ศิษย์ในสำนักคนอื่นๆก็ล้วนอันตรธานหายไปจนหมด ราวกับทั่วทั้งหุบเขาเหลือเพียงตัวเขาคนเดียวเท่านั้น...
‘และทั้งหมดนี้ ก็เป็เพราะเ้าคนเดียวนั่นแหละ!’
แน่นอนว่าจิงต้าไห่ไม่กล้าพูดออกมาตรงๆหรอก เพราะศพของเว่ยซงจูยังคงนอนให้เห็นอยู่ไม่ไกลกัน...
“วันนั้นพวกข้ากำลังตามหาจุดชีพจรหินิญญาอยู่ใกล้ๆทะเลอสูร แต่อยู่ดีๆก็มีโคมเขียวดวงหนึ่งลอยขึ้นมา...” จิงต้าไห่ครุ่นคิดเพียงชั่วครู่ ก่อนจะเล่าเื่ในวันนั้นออกมาอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าตัวเองจะพูดอะไรที่ทำให้หลินเฟยอารมณ์เสียเอา
“เดี๋ยวนะ โคมสีเขียวงั้นหรือ?” หลินเฟยไม่ได้สนใจสิ่งที่จิงต้าไห่คิดเลยสักนิด ทว่าตอนที่ได้ยินเื่โคมเขียวนั่น หลินเฟยก็รีบขมวดคิ้วแน่นทันที
“ใช่แล้ว เป็โคมสีเขียวเจิดจ้าดวงหนึ่ง ตอนนั้นยังคิดว่าเป็ศาสตราวุธบางอย่างที่ถือกำเนิดขึ้นอยู่เลย แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าเสี้ยววินาทีต่อมาคลื่นในทะเลอสูรก็ปั่นป่วนรุนแรง กระทั่งเกิดเป็คลื่นั์ที่สูงเทียมฟ้า เหล่าอสุรกายมากมายะโลอยตัวขึ้นมา หมายจะคว้าโคมไฟดวงนั้นเอาไว้ แถมที่ใต้ทะเลลึกยังมีเสียงคำรามกึกก้องขึ้นมีกด้วย ภาพที่เกิดขึ้นตอนนั้น ช่างน่ากลัวเหลือเกิน...” ยิ่งรำลึกอดีตอย่างไร จิงต้าไห่ก็ยิ่งเล่าออกมาได้ลื่นไหลยิ่งขึ้น...
“จากนั้นเล่า?”
“จากนั้นน่ะหรือ ยังไงพวกข้าก็ต้องหนีอยู่แล้ว ทว่ากลับหนีไม่ทัน เพราะพริบตาถัดมานั้นเอง ก็มีคลื่นั์โหมซัดเข้ามา มันพัดพาทุกคนเลือนหายไปหมด แถมอสุรกายจำนวนมากยังพากันแหวกว่ายหนีตายขึ้นมาอีกด้วย ชั่วชีวิตนี้ข้ายังไม่เคยเห็นอสุรกายมากมายขนาดนั้นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ พวกมันยั้วเยี้ยเต็มไปหมด ศิษย์สำนักหนานิกว่าร้อยคนถูกปิดล้อมจนไม่สามารถหนีไปไหนได้เลย...”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ จิงต้าไห่ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเล่าต่อ
“ตอนนั้นข้าเอง ก็คิดว่าจะต้องดตายแน่ๆแล้ว เพราะอสุรกายเยอะมากจนไม่อาจต้านทานไหว จะว่าไปก็แปลกไม่น้อยเลย ตอนที่สำนักหนานิกำลังจะตายหมดสำนัก จู่ๆโคมเขียวที่ลอยอยู่เหนือทะเลอสูรก็ส่องแสงสว่างเจิดจ้าทันที ไม่นานอสุรกายนับหมื่นนับพันก็สลายกลายเป็ผุยผงไปหมด...”
“สลายกลายเป็ผุยผงงั้นหรือ?”
“ใช่ๆ ต่อหน้าต่อตาข้าเลยล่ะ ชั่วชีวิตนี้ข้าก็ไม่มีทางลืมแน่นอน มันน่ากลัวมาก อสุรกายมากมายมหาศาล ทั้งอสุรกายกุ่ยจู๋ อสุรกายกุ่ยเจี้ยง แถมยังมีอสุรกายกุ่ยหวังอีกสามตน เมื่อถูกลำแสงโคมเขียวนั่นเพียงนิดเดียว ก็พากันแตกสลายกลายเป็ผุยผงทันที!”
-----------------------------------------------------------------------------------------------------