แม่ทัพเว่ยซ่างเทียนยืนนิ่งอยู่เพียงลำพังภายในห้องอันเงียบงัน แสงแรกของรุ่งอรุณส่องลอดผ่านหน้าต่างไม้ ฉายเงาบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยร่องรอยของวัยและความเหน็ดเหนื่อยจากเดือนปีที่ผ่านมา แต่ไม่เคยมีคราวใดเลยที่หัวใจของเขาจะหนักอึ้งได้เท่านี้เขายืนพิงโต๊ะทำงาน ริมฝีปากขบแน่นในหัวก้องไปด้วยประโยคที่บุตรชายคนโตของเขาเพิ่งกล่าวไว้เมื่อคืน เว่ยซ่างเทียนหลับตา ความแค้นและความเสียใจปะทะกันในอก เขาเคยคิดว่าแผนการจับคู่แต่งงานกับม่ออวิ๋นเฉินคือการสร้างพันธมิตรที่มั่นคง แต่มันกลับกลายเป็การเชื้อเชิญภัยพิบัติเข้าสู่ตระกูลด้วยมือของตนเอง
“ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก…” เสียงของเขาแ่เบา ทว่าเต็มไปด้วยความอัปยศเขาผู้ผ่านสมรภูมิรบมาไม่ถ้วนเขาผู้เคยวางกลอุบายสังหารขุนศึกผู้มีชื่อเสียงกลับตาบอดในแผนการง่ายๆ ยอมยื่นบุตรสาวให้ศัตรูที่สวมหน้ากากแห่งความดีและที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นพวกเขาอาจถูกฆ่าล้างโคตรอย่างไม่ทันตั้งตัว
ดวงตาคมดุที่เคยผ่านสนามรบกลับสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อนึกถึงใบหน้านุ่มนวลของเว่ยจิ้งซิน นางผู้เป็ดั่งหยาดฝนกลางทะเลทรายในตระกูลที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเืแต่เขากลับเห็นคุณค่าของนางจนเกือบสายเกินไป เว่ยซ่างเทียนยืดตัวขึ้น ดวงตาที่เคยหม่นหมองเริ่มแข็งกร้าวอีกครั้ง เสียงในอกเตือนเขา“ข้าสามารถหักหลังพวกเ้าได้ทุกคน… แต่พวกเ้ามิอาจหักหลังข้าได้เด็ดขาด” เสียงของเว่ยซ่างเทียนเย็นเยียบ ทุกถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยแฝงด้วยกลิ่นอายของการพิพากษาและความตาย ความเงียบงันภายในห้องคล้ายหยุดนิ่ง แม้เพียงลมหายใจก็ยังไม่กล้าแทรกแววตาของเขาแข็งกร้าวไม่ใช่สายตาของขุนพลผู้คุ้มครองแผ่นดินแต่เป็ดวงตาของอสูรกายผู้ถูกทรยศหักหลัง
่สายของวัน แสงอาทิตย์ส่องผ่านม่านไม้ไผ่อย่างอ่อนโยน ขับเน้นบรรยากาศภายในเรือนส่วนตัวของแม่ทัพเว่ยซ่างเทียนให้ดูสงบ เรียบง่าย ทว่าภายใต้ความเงียบนั้นคล้ายซ่อนพายุไว้ ประหนึ่งพื้นน้ำเรียบซ่อนคลื่นใต้น้ำม่ออวิ๋นเฉินก้าวเข้ามาในเรือนด้วยสีหน้าที่แสนจะนอบน้อม ท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนราวกับบุตรชายที่มาขอพรจากผู้ใหญ่“ท่านลุง ข้ามารบกวนแต่เช้า หวังว่าจะมิทำให้ท่านลำบากใจ”เสียงของเขานุ่มละมุน เอาอกเอาใจอย่างแเี สายตาเปล่งประกายราวกับจริงใจ
แม่ทัพเว่ยซ่างเทียน หันมามองด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม“ฮ่าฮ่า เ้าอย่าได้ถ่อมตัวเช่นนั้น อีกไม่นานเราก็จะเป็ครอบครัวเดียวกันแล้ว” น้ำเสียงของเขาอบอุ่น อ่อนโยนจนไม่อาจจับพิรุธได้ ทว่าในใจของแม่ทัพผู้ช่ำชองกลับกำลังจับตามองอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง
“ชาหอมนี้ข้าตั้งใจนำมาให้ท่านโดยเฉพาะ มันเป็ชาเฉพาะจากแคว้น มีคุณวิเศษช่วยบำรุงกำลังและชะลอวัย...” ม่ออวิ๋นเฉินยื่นถ้วยชาให้พร้อมรอยยิ้มแม่ทัพเว่ยซ่างเทียนรับถ้วยนั้นมา เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย กลับดื่มลงไปราวกับไร้แคลงใจ“อืมมม...” เขาพยักหน้าเบาๆ “ชารสดี เพียงจิบแรก ข้าก็รู้สึกราวกับจะมีชีวิตยืนยาวอีกสิบปี”แววตาเขาราบเรียบ แต่ภายในใจกลับตึงเครียดเล็กน้อยหากมีพิษ เขาก็พร้อมรับมันนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเสี่ยง
ม่ออวิ๋นเฉินยิ้มบางๆ แต่ภายในใจกลับแสยะเย้ย“ดื่มเข้าไปเถอะ ไอ้แก่... อีกไม่นานเ้าจะไม่มีแม้แต่ที่ให้ฝังศพ”บรรยากาศในห้องรับรองยามสายอบอวลไปด้วยกลิ่นชาอ่อน ๆ และความละมุนละไมของถ้อยคำจอมปลอม ทั้งม่ออวิ๋นเฉินและแม่ทัพเว่ยซ่างเทียนต่างแสดงสีหน้าเรียบสงบ เปี่ยมไปด้วยความเคารพรักต่อกันราวกับสายสัมพันธ์พ่อลูกที่แแ่มานานนับปี
“ท่านลุง” ม่ออวิ๋นเฉินยิ้มบาง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมจนยากจะจับพิรุธ“ข้านั้นรักและเคารพท่านไม่ต่างอะไรจากบิดาแท้ ๆ ข้ามีของขวัญพิเศษอยากมอบให้เพื่อแสดงความจริงใจ”
คำพูดนุ่มนวลราวสายลมฤดูใบไม้ผลิ ทว่าในหัวใจกลับเต็มไปด้วยพายุเงียบ เขายกกล่องไม้ขนาดเล็กออกมาวางลงบนโต๊ะอย่างแ่เบา จากนั้นเปิดฝาอย่างช้า ๆ ทันทีที่กล่องเปิดออก แสงสีเขียวอ่อนจากหยกเนื้อใสบริสุทธิ์พลันส่องสะท้อนกระทบดวงตา หยกชิ้นนั้นถูกแกะสลักเป็วงแหวนลายั ดูสง่างามและล้ำค่าราวกับสมบัติราชสำนัก
แม่ทัพเว่ยซ่างเทียนแกล้งแสดงท่าทางประหลาดใจ ใบหน้าเผยความโลภเล็ก ๆ เจือด้วยความตื่นเต้นอย่างแยบยล“โอ...ของล้ำค่าเช่นนี้ เ้าได้มายังไงกัน? หยกเนื้อดีนัก!”
“แหวนหยกฉลุลายั เป็ของเก่าที่ข้าเก็บรักษาไว้นาน คิดว่าเหมาะกับท่านลุงยิ่งนัก ท่านโปรดรับไว้เป็เครื่องหมายแห่งความเคารพ”
แม่ทัพเว่ยซ่างเทียนรับแหวนหยกมาด้วยมือที่ดูเหมือนสั่นเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะลั่น“ฮ่า ๆ ๆ เ้าเป็ลูกหลานที่ดีนัก!”
ทั้งสองสนทนาต่อกันด้วยถ้อยคำอันชวนเชื่อมสัมพันธ์ ดูเหมือนว่าไม่มีใครสังเกตเห็นคลื่นอำมหิตที่กำลังซ่อนอยู่เบื้องล่าง
กระทั่งเมื่อบทสนทนาเริ่มสิ้นสุด แม่ทัพเว่ยซ่างเทียนก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแฝงความยินดี“เ้าไปพักผ่อนเถอะ เย็นนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงฉลองเพื่อเ้าอีกครั้ง จะมีแขกสำคัญจากทั่วทั้งเมืองหลวงมาร่วมงาน... ถือเป็โอกาสดีที่เ้าจะได้รู้จักผู้คนในแวดวงให้มากขึ้น”
ม่ออวิ๋นเฉินลุกขึ้นคำนับ“ขอรับท่านลุงเช่นนั้นข้าขอตัวลา”
ม่ออวิ๋นเฉินเดินจากไปอย่างสง่างามในสายตาผู้อื่น หากแต่เื้ัแววตาคมนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความทะเยอทะยานและรอยยิ้มบางเฉียบที่ฉาบไว้ด้วยความชั่วร้าย ราวกับมั่นใจเต็มร้อยว่ากลอุบายที่เขาเริ่มต้นไว้ใกล้จะถึงบทสรุปโดยไม่มีใครหยุดยั้งได้ทางด้านแม่ทัพเว่ยซ่างเทียน ยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าประตูเรือน ดวงตาคมลึกจ้องมองแผ่นหลังของม่ออวิ๋นเฉินที่ ค่อย ๆ ลับหายไปจากลาน“หึ... เ้าเด็กเมื่อวานซืน คิดจะล่อลวงข้าด้วยแหวนหยกชิ้นเดียว คิดว่าอำนาจที่เ้ามีจะล้มข้าได้งั้นหรือ...มันไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก”
เขากล่าวเสียงแ่ ดวงหน้าแข็งกร้าวไร้อารมณ์ มือหนากำแหวนหยกไว้แน่นพลางลดสายตาลงมองมันและกล่องไม้เล็ก ๆ บนโต๊ะ
“หรือว่าของสิ่งนี้...จะเป็กุญแจแห่งหายนะที่พวกมันหวังใช้ลากข้าทั้งตระกูลไปตาย?” น้ำเสียงของเขาเจือความสงสัยปนรังเกียจ เขารู้ดีว่าสิ่งที่ดูดีเกินจริง มักซ่อนความลับที่อันตรายอยู่เสมอ
ไม่รอช้า เว่ยซ่างเทียนเปลี่ยนชุดอย่างเร่งรีบ แล้วควบม้าออกจากจวนในยามสาย มุ่งหน้าไปยังจวนของชายผู้เดียวในเมืองหลวงที่เขายังเชื่อถือได้ท่านราชครู ชายผู้นั้นไม่เพียงแต่มีความรู้แตกฉานทั้งตำราและศาสตร์ลึกลับ เขายังวางตัวเป็กลาง ไม่ฝักใฝ่ขั้วอำนาจใด เป็ที่ยำเกรงทั้งในหมู่ขุนนางและราชสำนัก หากมีใครสักคนที่สามารถตีความหมายแฝงของแหวนหยกลายันี้ได้ ก็มีเพียงเขาเท่านั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้