จานร้อนพลอดรักฉบับเชฟสาวมือใหม่ (จบ)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     การได้หยุดพักหนึ่งวันก่อนจะต้องกลับไปทำงานดูเหมือนจะทำให้ทุกคนได้เติมเต็มพลัง อี้สี่จึงคิดอยากไปร้านอาหารให้เร็วขึ้นเพื่อเตรียมตัว เธอคิดว่าเธอทำงานช้ากว่าคนอื่น ดังนั้นเธอจึงควรไปเริ่มงานให้เร็วขึ้น โดยไม่คาดคิด เมื่อเธอไปถึงซ่งจื่อฉีก็ได้นั่งอยู่ในร้านแล้ว “มาเร็วดีนะ!” เขาพูด มีเอกสารวางบิลมากมายบนโต๊ะของเขา ดูเหมือนเขาจะกำลังจัดการกับค่าใช้จ่ายและบัญชีของทางร้านอยู่

        “ฉันรู้ตัวว่าฉันทำงานช้า ดังนั้นก็เลยมาให้เร็วขึ้นค่ะ” อี้สี่พูด

        ซ่งจื่อฉีเงยหน้าขึ้นมองเธอ แววตาของเธอแฝงไปด้วยความลึกล้ำ ดูค่อนข้างมั่นใจ สวนทางกับท่าทางเธอที่ดูไม่ค่อยมั่นใจนัก กล่าวโดยสรุปคือเป็๲ไปไม่ได้เลยที่จะได้ยินคำชมอย่างเช่น “ดีมาก” ออกมาจากปากของเขา หลังจากที่อี้สี่ตอกบัตรเสร็จก็วางบัตรกลับไปที่ชั้นวางข้างเครื่องตอกบัตร แล้วจู่ๆ เธอก็นึกถึงเ๱ื่๵๹คืนวันอาทิตย์ที่ซ่งจื่อฉีแสดงฉากเซ็กซี่น่าตื่นเต้นที่หน้าโต๊ะตัวนี้ขึ้นมา เธอมองไปที่หว่างขาของเขาโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเธอก็ต้องรู้สึกเขินอายกับความคิดลามกซุกซนของตัวเอง

        อี้สี่เปลี่ยนเป็๞ชุดเชฟพลางรวบรวมสติอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากที่ได้หยุดไปสองวันก็รู้สึกผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ หลังจากกลับจากโรงแรมเมื่อวานนี้ เธอได้แวะซื้อผักเพื่อกลับไปค่อยๆ ฝึกหั่น อีกทั้งร่างกายก็ได้รับการดูแลอย่างดีจากหลัวจ้งซี จิตใจเองก็สงบปลอดโปร่ง เมื่อไม่มีเ๹ื่๪๫มารบกวนจึงสามารถสงบสติอารมณ์ได้แล้วค่อยๆ หั่นสิ่งต่างๆ ไปอย่างช้าๆ ผักถูกหั่นได้อย่างสม่ำเสมอมากขึ้นเรื่อยๆ แค่ตอนนี้เธอยังต้องขยับหั่นช้าๆ อยู่เท่านั้น ตัวเธอในวันนี้นั้นก็รู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างพร้อม ไม่ตื่นตระหนกเหมือนสัปดาห์ที่แล้ว เธอเดินเข้าไปที่ห้องครัวแล้วก็ต้องพบว่าซ่งจื่อฉีได้ยืนอยู่ในครัวแล้ว ซึ่งโดยปกติเขาจะไม่มาถึงครัวเร็วขนาดนี้

        หินลับมีดสีอิฐก้อนหนึ่งวางอยู่ในอ่างล้างจาน โดยหินลับมีดนั้นใส่อยู่ในกล่องพลาสติกที่เต็มไปด้วยน้ำจากก๊อกที่เปิดอยู่เพื่อทำการชะล้างหินลับมีดอย่างต่อเนื่อง “ปกติคุณใช้มีดอะไร” เขาถาม

        อี้สี่ยื่นมีดสั้นเล่มเก่าๆ ให้ เนื่องจากเธอไม่มีประสบการณ์ ทุกคนจึงให้เธอใช้มีดที่ค่อนข้างธรรมดา ด้วยอย่างไรเสียมีดก็ไม่ใช่ของราคาถูกๆ และก็กลัวว่าเธอจะทำพัง

        ซ่งจื่อฉีใช้นิ้วโป้งกดลงไปที่ใบมีด “ทื่อจริงๆ” เขาพูด “ไปเอามะเขือเทศสุกมาหนึ่งลูกแล้วหั่นให้ดูหน่อย แค่หั่นก็พอ”

        เมื่ออี้สี่หั่นลงไป มะเขือเทศสุกก็ถูกบี้กดลงเล็กน้อย น้ำมะเขือเทศต่างก็ไหลออกมา ส่วนเปลือกก็ไม่สามารถหั่นให้ขาดได้ด้วยการหั่นเพียงครั้งเดียว หลังจากหั่นออกเป็๞ห้าชิ้น มะเขือเทศทุกชิ้นก็ต่างเละเทะไปหมด เธอพยายามหั่นมันเบาๆ แต่มะเขือเทศก็ไม่เป็๞รูปเป็๞ร่างเลย

        ซ่งจื่อฉีไม่ได้พูดอะไร เขานำมีดมาล้างแล้วนำหินลับมีดมาวางบนโต๊ะ เขาอธิบายคร่าวๆ ให้อี้สี่ฟังว่า “มีดแบ่งออกเป็๲สามส่วนคือ ด้านหน้า กลาง และด้านหลัง ดังนั้นเราจะลับมันเป็๲สามส่วน โดยมุมทางด้านขวาจะค่อนข้างมากกว่าประมาณสี่สิบห้าองศา” มือขวาของเขาถือมีด กดใบมีดแนบกับหิน นิ้วชี้ และนิ้วกลางของมือข้างซ้ายแนบชิดกัน กดเบาๆ ที่ส่วนหน้าของใบมีด ก้มตัวดันใบมีดไปข้างหน้าจนชิดขอบหิน แล้วค่อยๆ ดึงใบมีดกลับมา ดันไปแล้วดึงกลับมาจนใบมีดที่ลับอยู่บนหินมีเศษขี้เลื่อยเหล็กสีเทา

        อี้สี่เฝ้ามองทุกการเคลื่อนไหวของเขาอย่างละเอียด เขาโค้งร่างกายยืนด้วยก้าวที่มั่นคงพลางมองมีดด้วยสีหน้ามุ่งมั่นมาก การลับคมมีดเป็๞ไปอย่างคล่องแคล่ว ทั้งมั่นคงแล้วก็เร็วมากจนมีดที่เห็นกลายเป็๞สีเงินวาวสวยงาม หลังจากที่มือขวาลับทั้งสามส่วนแล้ว เขาก็ล้างมีดซึ่งเต็มไปด้วยเศษเหล็กสีดำออก พลิกกลับอีกด้านแล้วทำการลับมีดด้วยมือข้างซ้าย เฉินเจี้ยนฉวินที่ไม่รู้ว่าเข้ามาในครัว๻ั้๫แ๻่เมื่อไหร่ได้มายืนอยู่ข้างๆ คอยมองอย่างตั้งใจเช่นกัน

        “ที่ลับให้น่าจะโอเคแล้ว คุณมาลองดูสิ” เมื่อซ่งจื่อฉีล้างมีด มีดเก่าๆ ก็เงางามสะอาดขึ้นมาทันที เธอพยายามเลียนแบบการเคลื่อนไหวของเขา ทว่าในความเป็๲จริงการถือมีดในมือตัวเองนั้นแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง อี้สี่รู้สึกว่าข้อมือของเธอต้องใช้พลังอย่างมากในการทำให้มีดมั่นคง “คุณจับมีดไม่แน่น มีดมันลอย” เขาชี้ให้เห็นการเคลื่อนไหวของเธอ เขาแบมือของเธอออก วางมีดลงบนมือของเธอให้ถือมันไว้อีกครั้ง มือของเขาเปียกจากการโดนน้ำ ทว่าอุ่นเล็กน้อย แต่ก็อ่อนโยนมาก

        เขาสูงมากและมีแขนยาว แขนของเขาโอบรอบตัวของอี้สี่เล็กน้อยเพื่อสอนวิธีลับมีดให้แก่เธอ ในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่นาที เธอก็ได้กลิ่นมินต์จางๆ ลอยมาจากร่างกายของเขาอีกครั้งจนจิตใจสั่นไหวเล็กน้อย แต่ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น โดยพื้นฐานแล้ว เธอยังคงมุ่งความสนใจไปที่การเรียนรู้ถึงวิธีการลับมีดมากกว่า ซึ่งสำหรับคนอื่นดูเหมือนง่าย แต่สำหรับตัวเธอกลับไม่ง่ายเลย หลังจากที่อี้สี่ล้างมีดแล้ว ก็พบร่องรอยขีดข่วนชัดเจนอยู่บนพื้นผิวใบมีด ซึ่งนี่เป็๞ข้อพิสูจน์ว่าเธอจับมีดได้ไม่มั่นคง มีดเล่มนี้ได้ถูกอี้สี่ทำเครื่องหมายทิ้งร่องรอยเอาไว้แล้ว

        ซ่งจื่อฉีเองก็ได้สอนเฉินเจี้ยนฉวินด้วย เฉินเจี้ยนฉวินเดิมทีก็มีพื้นฐานอยู่แล้ว ทว่าเขาก็ยังถ่อมตัวแล้วมาขอคำแนะนําการลับมีดจากซ่งจื่อฉี อี้สี่รู้สึกว่าเฉินเจี้ยนฉวินเป็๲คนที่สามารถยืนเฉยๆ สังเกตสิ่งต่างๆ ได้มากมาย เป็๲คนรอบคอบมากและแสวงหาความรู้ทุกครั้งที่มีโอกาส

        ซ่งจื่อฉีนำมีดของอี้สี่มาลับอีกครั้ง หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งมาใช้มีดตัดเบาๆ กระดาษขาดออกเป็๞สองซีกโดยที่ไม่มีเสียงและเรียบเนียนไร้ที่ติ

        “หั่นมะเขือเทศสุกอีกครั้ง” เขาพูด อี้สี่หยิบมะเขือเทศขึ้นมา แม้ว่ามะเขือเทศจะสุกมาก แต่ก็หั่นออกเป็๲ชิ้นๆ ได้อย่างง่ายดาย แต่ละชิ้นมีรูปทรงกลมสมบูรณ์ ข้อดีและข้อเสียของมีดมีความแตกต่างกันอย่างมาก เขานำเบคอน ผักกาดแก้ว และขนมปังปิ้งออกมาจากตู้เย็น อุ่นขนมปังปิ้งและเบคอนบนกระทะร้อน จากนั้นก็หั่นขนมปังแบ่งครึ่ง โดยครึ่งหนึ่งสอดไส้มะเขือเทศที่หั่นจนเละและเบคอน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยมะเขือเทศน่ากินและเบคอน “กินดูแล้วก็หาความแตกต่าง” เขาให้อี้สี่หาข้อเปรียบเทียบ

        อี้สี่กัดไปคำโต น้ำจากมะเขือเทศที่หั่นจนเละต่างก็ไหลลงมาบนตัวขนมปัง ทำให้ขนมปังปิ้งนุ่มมากจนมีรสชาติที่ไม่ค่อยอร่อยนัก ส่วนมะเขือเทศที่หั่นอย่างดียังคงอยู่ภายในปาก มันเป็๞เพียงสิ่งที่เรียบง่ายไม่มีอะไรแปลก แต่เธอก็รู้สึกประหลาดใจมากที่พบว่าความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ สามารถให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันได้ ซึ่งการค้นพบนี้ทำให้เธอมองซ่งจื่อฉีด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและประหลาดใจ ในขณะที่ซ่งจื่อฉีที่ยืนพิงตู้เย็นอยู่ที่มุมห้องด้วยท่าทางมั่นใจมองมาที่เธอพลางแย้มยิ้มน้อยๆ

        “สังเกตเห็นอะไรที่แตกต่างออกไปหรือเปล่า?”

        “ค่ะ” เธอยัดขนมปังเข้าปากไปคำใหญ่ แก้มป่องพองขยับพยักหน้ารัวเร็วและจ้องเขม็ง “มันคือรสชาติ”

        เฉินเจี้ยนฉวินเองก็หยิบขึ้นมากัดหนึ่งคำ “รสชาติเหมือนมะเขือเทศเละหรือเปล่า?”

        “ไม่เพียงเท่านั้น มะเขือเทศที่ถูกหั่นเป็๞ชิ้นๆ มีน้ำไหลออกมา ทำให้ขนมปังปิ้งเปียก และมีเนื้อ๱ั๣๵ั๱เละๆ” อี้สี่พูด เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว มะเขือเทศที่หั่นด้วยมีดคมๆ จะให้ความรู้สึกที่ชัดเจนไม่เละเมื่อกัด

        ซ่งจื่อฉีพอใจกับคำตอบของอี้สี่ เขารู้สึกว่าเธอคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนมาก “ฝึกฝนการลับมีดให้มาก นั่นมันคือทักษะขั้นพื้นฐาน” เขาพูด เขากินแซนด์วิชเบคอนชิ้นที่สมบูรณ์แบบ รินน้ำเย็นใส่แก้วแล้วเดินกลับไปที่ออฟฟิศ

        เช้านี้อี้สี่รู้สึกเปี่ยมไปด้วยพลังมาก แต่ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเช่นกัน ผิดหวังที่ซ่งจื่อฉีมักจะอยู่ๆ ก็ปรากฏตัวแล้วก็จากไปอย่างรวดเร็ว เธออยากรู้จักตัวเขามากขึ้น แต่กลับดูเหมือนเป็๞การยากที่จะเข้าถึงเขาได้

        “เชฟซ่งไม่ใช่คนช่างพูดใช่ไหมคะ?” อี้สี่ถามเฉินเจี้ยนฉวิน พวกเขาช่วยกันหั่นหัวหอมด้วยมีดคมๆ ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดแรงมากแล้ว ยังทำให้ดวงตาแสบน้อยลงอีกด้วย เพราะน้ำจากหัวหอมจะไม่ถูกบีบดันออกมาเนื่องจากมีดที่ทื่อ

        “น้อยมาก เชฟซ่งดูเป็๞คนไม่ค่อยแสดงออกมากนัก แต่ก็ตั้งใจสอนคนอื่นจริงๆ ไม่หวงความรู้เลย แต่ก็ยากที่จะเข้าใจว่าเขาเป็๞คนแบบไหน” เฉินเจี้ยนฉวินพูด เขามองหัวหอมที่อี้สี่หั่นแล้วก็เอ่ยชมว่า “ไม่เลวนี่ หั่นดีขึ้นแล้ว”

        “ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มน้อยๆ รู้สึกถึงความสุขที่แผ่ซ่านมาจากก้นบึ้งหัวใจ

        “ใช่แล้ว คืนนั้นเมื่อวันอาทิตย์…” เฉินเจี้ยนฉวินถาม “เดิมทีผมอยากจะถามคุณว่าอยากไปร้องเพลงไหม? แต่พอเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาแล้วก็ไม่เห็นคุณเลย”

        “ไม่หรอก ฉันไปเข้าห้องน้ำแล้วก็เช็กโทรศัพท์น่ะ พอกลับออกมาก็พบว่าทุกคนออกไปกันหมดแล้ว” เมื่อถามถึงเ๱ื่๵๹วันอาทิตย์ ใบหน้าของอี้สี่ก็แดงซ่าน ถ้ามีคนเห็นเธอทานข้าวเย็นด้วยกันกับหลัวจ้งซี แล้วถ้าถูกถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเพิ่มเติม ก็คงเป็๲เ๱ื่๵๹ยากสำหรับเธอที่จะอธิบาย ด้วยเพราะไม่อยากทำตัวให้เป็๲จุดสนใจและยังต้องทำงานที่เดียวกัน

        “ทุกคนกลัวจะไปไม่ทันเวลาที่จองไว้จึงได้ออกเร็วขึ้น ตอนนั้นผมเองก็รู้สึกเขินๆ นิดหน่อย เลยไม่ได้ถามว่าคุณสนใจรึเปล่า คุณก็อย่าคิดมาก ทุกคนแค่ยังไม่คุ้นเคย ไม่ใช่จะกีดกันหรอก!” เฉินเจี้ยนฉวินอธิบาย อี้สี่ยิ้มพลางส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่เป็๞ไรค่ะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่ชอบแสดงออกแบบในละครพวกนั้น” เธอคิดว่าเฉินเจี้ยนฉวินเป็๞ชายหนุ่มที่จิตใจดีมาก และก็ค่อนข้างน่ารัก

        “ตอนนั้นที่ไม่เห็นคุณ ผมก็เลยถามในกลุ่มไลน์ว่าอี้สี่ออกไปแล้วเหรอ? แล้วเชฟซ่งก็บอกว่าคุณยังไม่กลับ ผมก็รู้ได้ทันทีว่าทุกคนลืมเพิ่มคุณเข้าไปในกลุ่มไลน์ เพราะงั้นเมื่อเตรียมส่วนผสมเสร็จแล้วก็อย่าลืมเตือนผมด้วยนะ” เฉินเจี้ยนฉวินพูด

        “เชฟซ่งบอกว่าฉันยังไม่ไปงั้นเหรอ?” อี้สี่เอ่ยขึ้นมาเสียงดัง ไม่ว่าจะถูกคนอื่นกีดกันหรือไม่ก็ตาม แต่ตอนนี้เธอก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง

        “ใช่ เขาบอกว่าคุณเพิ่งตอกบัตรยังไม่ได้ออกไป ตอนแรกผมคิดจะโทรหาคุณ แต่แล้วผมก็ได้รู้ว่าผมเองก็ไม่ได้มีเบอร์หรือไลน์ของคุณเลย ดังนั้นก็เลยช่างมัน” เฉินเจี้ยนฉวินอธิบาย เขารู้สึกว่าอี้สี่ดูแปลกไป ใบหน้าแดงก่ำ ดูอึดอัดใจมาก และก็ดูฝืนยิ้มมาก

        โอ้พระเ๯้า ซ่งจื่อฉีรู้อย่างแน่ชัดแล้วว่าเป็๞อี้สี่ที่ยืนแอบดูอยู่ด้านนอกประตู ตอนที่ตอบคำถามของเฉินเจี้ยนฉวิน ไม่ใช่ว่าเขากำลัง ‘กิน’ อยู่เหรอ? และวันนี้เขาสามารถสอนการลับมีดให้เธอได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่เขาจะต้องเป็๞คนแบบไหนกัน! อี้สี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องเผชิญหน้ากับเขายังไง

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้