ค่ำคืนเงียบสงบดั่งสายนที ดวงจันทร์เลื่อนลอยเด่นบนท้องนภา
แม้จะเป็ค่ำคืนที่ดึกสงัด แต่ทั้งเมืองเซียวหุนยังคงคึกคักไม่ต่างจากตอนกลางวัน เป็เมืองที่ปราศจากเส้นแบ่งของทิวาราตรีอย่างแท้จริง
หอจันทรา ใจกลางเมือง
เหล่าคุณชายและผู้าุโสูงสุดทั้งหลายล้วนถูกส่งมาพักผ่อนที่หอจันทราอย่างเกรงใจ งานเทศกาลโคมไฟฤดูร้อนได้จบลง นอกจากธิดาศักดิ์สิทธิ์และผู้พิทักษ์ ผู้คนที่เหลือในงานล้วนถูกส่งออกมาทั้งหมด ไม่มีบุรุษใดที่จะได้รับอนุญาตให้อยู่บนเกาะต่อไปได้อีก เป็กฎของตระกูลเยว่ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาทุกยุคสมัย ครั้งนี้ก็ไม่มียกเว้นเช่นเดียวกัน
หอจันทราแบ่งออกเป็สามส่วนใหญ่ๆ กินเนื้อที่ประมาณหกสิบกว่าไร่ ภายในมีห้องพักมากมายถึงเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าห้อง ห้องพักส่วนหน้าไว้สำหรับต้อนรับลูกค้าทั่วไปที่เข้ามาหาความสำราญภายในหอจันทรา ห้องพักส่วนกลางไว้สำหรับต้อนรับแขกระดับสูงโดยเฉพาะ ส่วนหลังสุดเป็ที่พักของพนักงานและผู้ดูแลของหอจันทรา
อาจพูดได้ว่าหอจันทราคือสถานที่เที่ยวสนุกหาความสำราญอันดับหนึ่งของเขตปกครองเทพาหรืออาจจะเป็ของทั้งทวีปเลยก็ว่าได้ แค่เพียงห้องพักส่วนหน้าก็กินเนื้อที่ของทั้งหอไปถึงสองในสามส่วน ซึ่งมีสามชั้นเก้าพันห้องพัก ทุกวันจะมีแขกนับพันจากทั่วทุกทิศแวะเวียนกันมาเที่ยวหาความสำราญ ทำให้กิจการของตระกูลเยว่เจริญรุ่งเรืองอย่างต่อเนื่องและนำมาซึ่งทรัพย์สินเงินทองมากมายอยู่ไม่ขาด ด้วยเหตุนี้ ตระกูลเยว่จึงได้ชื่อว่าเป็ตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดของทั้งห้าตระกูลใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย
เย่ชิงหานนั่งเงียบๆ ฟังรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับหอจันทราที่ผู้ดูแลหอจันทรากำลังเล่าออกมาให้ฟัง สีหน้าราบเรียบแต่ภายในลอบตื่นตระหนก วันนี้เขาไม่ได้หยุดพักอยู่ที่เกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบ ไม่ใช่ว่าเขาเล่นตัว ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากขึ้นเตียงของเยว่ชิงเฉิง เตียงที่ผู้ชายทั่วทั้งทวีปล้วนอยากจะขึ้น เขาก็เหมือนผู้ชายทั่วๆ ไป เมื่อเผชิญกับดอกท้อที่มีพิษดอกนั้นก็ไม่อาจจะต้านทานไหว เมื่อตอนที่อยู่เมืองหมันเขาไม่มีอะไรต้องให้คิดให้ห่วงกังวลมากจึงสามารถขึ้นเตียงกับเถ้าแก่เนี้ยแสนสวยได้ เพียงแต่ตอนนี้ภายในใจคิดว่าเพราะเพื่อเขาแล้วเย่ชิงอวี่ต้องนอนเป็เ้าหญิงนิทราอยู่ พอตนเองออกจากเมืองชางมาก็ะโขึ้นเตียงกับคนอื่นทันที ทำเช่นนี้เขารู้สึกไม่ดีและไม่อาจจะให้อภัยตนเองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดอกท้อดอกนี้พิษร้ายแรงนัก กลัวว่าหากตนเองปีนขึ้นต้นดอกท้อต้นนี้แล้วจะไม่อยากก้าวลงมาอีก ดังนั้นจึงจำต้องรีบหลบออกมาที่หอจันทราก่อน
ตระกูลเยว่ปฏิบัติต่อเขาเป็อย่างดี หอที่เขาพักอยู่แห่งนี้มีไว้สำหรับต้อนรับแขกผู้สูงศักดิ์ที่สุดที่มาเยือนเท่านั้นถึงจะถูกเปิดใช้งาน ของประดับตกแต่งที่อยู่ภายในล้วนเป็ของระดับสูงสุดของทวีป เย่ชิงหานแอบกวาดตามองไปเห็นแม้กระทั่งกระโถนที่ใช้ในการถ่ายหนักหรือเบาในตอนกลางคืนที่อยู่ฉากกั้นด้านหลังยังทำมาจากหยกแข็งอย่างดี เยว่เหนียงเดินเป็เพื่อนเขามาถึงที่นี่พร้อมกับแนะนำสถานการณ์ต่างๆ ภายในตระกูลเยว่แก่เขาตลอดทาง คาดว่าพวกที่มีตำแหน่งระดับสูงของตระกูลเยว่คงให้ตำแหน่งผู้าุโนอกตระกูลแก่เขาแล้วเป็แน่
“คุณชาย คืนนี้พักอยู่ที่นี่ก่อน ถ้าหาก้าอะไรขอเพียงบอกสั่งพวกสาวรับใช้ที่อยู่ภายนอก พวกนางจะทำตามความ้าของคุณชายทุกอย่าง” เยว่เหนียงใบหน้าแสดงความเคารพระมัดระวังและท่าทียิ่งเคารพนอบน้อม นางรู้ดีว่าทางตระกูลให้ความสำคัญกับเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้มากขนาดไหน ดังนั้น ตามมารยาทที่แสดงออกมาจึงไม่ได้มีอาการท้าทายแม้แต่น้อย
“อืม! ตกลง ลำบากเยว่เหนียงแล้ว! เ้าไปทำธุระของเ้าเถอะ!” เย่ชิงหานพยักหน้าแล้วยิ้มออกมาแสดงอาการพอใจต่อการปรนนิบัติรับใช้ของนาง
เยว่เหนียงก้มตัวโค้งคำนับอีกครั้งแล้วจากไป ภายในห้องกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง เย่ชิงหานเกาหัวไปมาเดินไปยังโต๊ะน้ำชาข้างๆ รินน้ำชาออกมาสองแก้ว จากนั้นหันไปพูดขึ้นกับฉากกั้นที่อยู่ด้านหลัง “ผู้าุโเย่ชิงหนิว ในเมื่อมาแล้วก็มาดื่มชาด้วยกันก่อนสิ”
“แหะๆ!” เงาร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากฉากกั้นทางด้านหลัง เดินออกมาพลางใช้สายตาตรวจสอบดูของประดับตกแต่งที่อยู่ภายในห้อง ปากส่งเสียงจุ๊ๆ ออกมาไม่ขาด จากนั้นนั่งลงตรงข้ามกับเย่ชิงหานอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ยกแก้วน้ำชาขึ้นจิบอย่างดื่มด่ำแล้วพูดออกมา “ชาชั้นเลิศ ชาชั้นเลิศจริงๆ! ใบชาหลงเสียนมีเพียงตระกูลเยว่ที่มีกำลังพอจะซื้อหาดื่มได้ ตาแก่หนิวอย่างข้าชีวิตนี้เคยดื่มไม่กี่ครั้ง คิดไม่ถึงว่าตระกูลเยว่จะทำเหมือนเป็ใบชาธรรมดาทั่วไปนำมาไว้เพื่อต้อนรับเ้า เ้าหนูเ้าช่างมีบุญวาสนาเสียจริงๆ”
“ตาแก่ ท่านไม่ได้คุยโม้สักวันท่านจะตายไหม? ด้วยฐานะและตำแหน่งของท่านใบชากระจอกๆ แค่นี้จะไม่มีปัญญาหาดื่มอย่างนั้นรึ?” เย่ชิงหานกลอกตาขาวมองบน สำหรับพวกตาแก่ของตระกูลเขายังคงมีความขุ่นเคืองไม่หาย การไปเมืองัเพื่อเข้าร่วมงานประลองาระหว่างเขตปกครองในครั้งนี้ ทางตระกูลไม่ได้ถามความเห็นจากเขาแต่กลับส่งเขามาทะเลสาบแห่งความเงียบสงบให้เข้าร่วมงานคัดเลือกผู้พิทักษ์สาวงามบ้าบออะไรนี่ แถมยังจัดฉากละครลูกน้องตามหาเ้านายอะไรขึ้นมาเพื่อสร้างจุดเด่นให้เขาอีก แน่นอนว่าเขาย่อมขุ่นเคืองเป็ธรรมดา ตอนนี้อยู่กันเพียงสองคนกับเย่ชิงหนิวจึงไม่พลาดโอกาสที่จะระบายอารมณ์ขุ่นเคืองออกมา
“ครั้งนี้ส่งเ้ามาทะเลสาบแห่งความเงียบสงบโดยไม่ได้ถามความเห็นชอบจากเ้า ข้ายอมรับว่าเป็ความผิดของข้า แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็หวังดีต่อน้องสาวของเ้า มีตระกูลเยว่คอยสนับสนุน โอกาสในการช่วยเหลือน้องสาวของเ้าก็เพิ่มขึ้นอีกมากหลายส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีส่วนช่วยเป็อย่างมากต่อเส้นทางเดินในอนาคตของเ้า” เย่ชิงหนิวหัวเราะแหะๆ ถูมือไปมาพร้อมกับพูดขึ้น
“ท่านแน่ใจขนาดนั้นรึว่าข้าจะถูกเลือก?” เย่ชิงหานพูดกระแทกเสียงออกมาครั้งหนึ่ง ก้มหน้าลงจิบชาแล้วชายตามองไปยังเย่ชิงหนิว
เย่ชิงหนิวหัวเราะแหะๆ อยู่ตลอด อารมณ์ดีอย่างที่สุด ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยย่นอิ่มเอิบไปด้วยความสุข “แรกเริ่มข้าคิดว่าเ้ามีโอกาสเพียงแค่หนึ่งในสามส่วนเท่านั้น แต่หลังจากที่ถูเชียนจวินมาปรากฏตัวข้าคิดว่าเ้าไม่เหลือโอกาสแม้แต่น้อย! แต่ใครจะคาดคิดว่าเ้าหนูอย่างเ้ายังมีไพ่ตายใบสุดท้ายนี้เก็บไว้อยู่...ไม่เลว ไม่เลว เ้าหนูหานเ้าทำได้ดีมาก ต้องเข้าใจว่าเ้าสามารถได้รับตำแหน่งผู้าุโนอกตระกูลของตระกูลเยว่ ต่อไปมันจะมีส่วนช่วยเป็อย่างมากถึงมากที่สุดต่อหนทางในการเติบโตของเ้า ในปีนั้นหากไอ้โง่เย่เตาบิดาของเ้าเลือกธิดาศักดิ์สิทธิ์ละก็ เขาก็คงไม่ต้องจบชีวิตทีู่เาสุสานทวยเทพแห่งนั้นแล้ว”
“ถ้าหากบิดาของข้าเลือกเยว่เอียนเอ๋อร์ในตอนนั้นแล้วจะมีข้าในตอนนี้รึ?” เย่ชิงหานกลอกตาขาวมองบนอีกครั้ง พูดจบนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะที่ถามขึ้น “ตระกูลเยว่ทำไมถึงเลือกข้า? อย่าพูดว่าข้าเต้นระบำได้ยั่วยวนมีเสน่ห์อะไรไร้สาระพวกนั้น ข้าอยากจะรู้เหตุผลที่แท้จริง”
“อืม!” เห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมของเย่ชิงหาน เย่ชิงหนิวหยุดหัวเราะลงในทันที ตั้งใจครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าคิ้วขมวด “เหตุผลโดยรวมที่แท้จริงข้าเองก็ไม่รู้ แต่เ้าจำตอนที่เ้าเต้นระบำกระบี่ได้ไหมว่าเ้าสามารถกระตุ้นให้เกิดการรวมตัวของพลังฟ้าดินขึ้น และยังมีลมที่พัดกรรโชกขึ้นอย่างฉับพลัน?”
“ในตอนนั้นดวงจิตของข้าจมดิ่งเข้าไปสู่ความสงบ เื่ราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายนอกล้วนไม่รับรู้ใดๆ ทั้งสิ้น ข้ารู้แต่เพียงว่าข้าร่ายรำกระบี่อย่างมีความสุข ทั่วทั้งสรรพางค์กายผ่อนคลาย จิตใจสงบและเป็สุข สภาพในตอนนั้นยอดเยี่ยมเป็อย่างมาก” เย่ชิงหานคิ้วขมวดขึ้น พยายามนึกถึงเื่ราวที่เกิดขึ้นในตอนนั้น
“แหะๆ” เย่ชิงหนิวหน้าตาเริ่มยิ้มแย้มขึ้นมาอีกครั้ง “ก็คือความรู้สึกนี้แหละ ไม่รู้ว่าเ้าทำบุญมาด้วยอะไรถึงได้โคตรโชคดีขนาดนี้ เ้ารู้ไหมว่าในตอนนั้นเ้าได้เข้าสู่สภาวะที่ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลายต่างปรารถนาแม้ยามหลับฝัน สภาวะของ ‘ความสงบแห่งิญญา’ ในการฝึกยุทธ์นั้นผู้ที่ฝึกยุทธ์ทั้งหลายเริ่มแรกคือการฝึกฝนทางด้านร่างกาย ซึ่งก็คือการบ่มเพาะร่างกายให้แข็งแกร่งและการฝึกพลังปราณรบ
ต่อมาคือการฝึกฝนทางิญญาหรือพลังิญญา แน่นอนว่าตอนนี้พลังฝีมือของเ้ายังต่ำพลังิญญาจึงต่ำไปด้วย ปกติความแข็งแกร่งของิญญาจะเพิ่มขึ้นตามพลังฝีมือ แต่เมื่อพลังฝีมือบรรลุถึงขอบเขตาาจักรพรรดิ การฝึกฝนทางิญญาจำเป็จะต้องแยกฝึกต่างหาก ซึ่งการฝึกฝนทางิญญามีความยากลำบากเป็อย่างมาก”
“ในตอนที่เ้าอยู่บนเกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบ ตอนที่ร่ายรำกระบี่ชุดนั้นดวงจิตของเ้าได้เข้าสภาวะความสงบแห่งิญญาจนกระตุ้นให้เกิดการรวมตัวของพลังฟ้าดิน สภาวะดังกล่าวยากที่จะพบพาน หากสามารถเข้าสู่สภาวะดังกล่าวได้บ่อยๆ พลังฝีมือจะรุดหน้าไปอย่างไม่อาจจะคาดเดาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะเช่นนั้นระดับความเร็วในการฝึกฝนพลังิญญาจะเพิ่มสูงขึ้นหลายสิบเท่าตัว ตระกูลเยว่ให้ความสำคัญกับการฝึกฝนทางิญญา เคล็ดวิชาทั้งหมดของตระกูลเยว่พื้นฐานล้วนอาศัยพลังิญญาในการฝึกฝน ทีนี้เ้ารู้หรือยังว่าทำไมตระกูลเยว่ถึงได้ให้ความสำคัญกับเ้านัก?”
“การฝึกฝนทางิญญา? วิชาสะกดจิตของตระกูลเยว่?” เย่ชิงหานฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง พูดออกมาอย่างลืมตัว
“เหลวไหล! สุดยอดเคล็ดวิชาที่แท้จริงของตระกูลเยว่ล้วนเป็การโจมตีทางิญญา เคล็ดวิชาที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ...วิชาสร้างภาพลวงตา ต่อไปเดี๋ยวเ้าก็จะรู้เอง คิดดูว่าวิชาภาพลวงตาของยอดหญิงแห่งยุคเยว่โห้วสามารถทำให้ยอดฝีมือที่อยู่ในระดับขั้นสูงสุดขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ฆ่าตัวตายได้ เยว่โหว้เป็เพียงคนเดียวที่สามารถเข้าสู่สภาวะความสงบแห่งิญญาได้ พลังิญญาเรียกได้ว่าอยู่ในระดับสูงล้ำ วิชาสะกดจิตของตระกูลเยว่เป็เพียงลูกหลานรุ่นหลังที่ไม่มีอะไรทำคิดค้นขึ้นมาหาเงินเล่นๆ เพียงเท่านั้น...
เ้าต้องจำเอาไว้ ต่อไปพยายามทดลองเข้าสู่สภาวะนั้นให้ได้บ่อยๆ ครั้งนี้ที่เ้าเข้าสู่สภาวะความสงบแห่งิญญานั้นสั้นจนเกินไปทำให้ไม่สามารถััได้ถึงประโยชน์ที่เกิดขึ้นต่อการฝึกฝน จำไว้ว่าต้องทดลองเข้าสู่สภาวะนั้นบ่อยๆ และต้องพยายามหาวิธีการควบคุมสภาวะนั้นให้คงอยู่ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากเ้าควบคุมมันได้ละก็บวกกับความช่วยเหลือจากตระกูลเยว่ เ้าก็คือเยว่โหว้คนที่สอง หรืออาจจะแข็งแกร่งกว่านางเสียด้วยซ้ำ” เย่ชิงหนิวลุกขึ้นพูดอย่างหนักแน่นจริงจัง ดวงตามองเย่ชิงหานอย่างชื่นชมและรักใคร่เอ็นดูอย่างเปิดเผย
.................................
สวนด้านทิศเหนือ เกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบ
ห้องที่งดงามละมุนละไมห้องหนึ่ง เยว่ชิงเฉิงมองดูเงาร่างสีขาวที่อยู่ตรงหน้าด้วยความนอบน้อม ภายในดวงตาล้วนเต็มไปด้วยความเคารพบูชา เงาร่างสีขาวหันหลังให้เยว่ชิงเฉิง มองเห็นเพียงแผ่นหลังที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่งดงามและเส้นผมที่ดำขลับเท่านั้น
“เยว่ชิงเฉิง ข้าให้เ้าเลือกเย่ชิงหานเ้าคงไม่โทษข้านะ?” เงาร่างสีขาวไม่ได้หันหน้ามา เพียงแค่พูดราบเรียบออกมา น้ำเสียงเย็นะเืแต่ก็ไพเราะน่าฟัง
“ท่านหัวหน้าตระกูล แน่นอนว่าชิงเฉิงไม่ได้โทษท่าน ความจริงแล้ว...คุณชายมากมายเ่าั้มีเพียงเย่ชิงหานเพียงคนเดียวที่ยังพอดึงดูดความสนใจของชิงเฉิง ชิงเฉิง...พอใจกับผลลัพธ์ในครั้งนี้” เยว่ชิงเฉิงก้มหน้าลงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ พลันเงยหน้าขึ้นพร้อมกับดวงตาคู่สีดำที่เปล่งประกาย มุมปากปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยนพร้อมกับกล่าวออกมา
“เป็อย่างนั้นก็ดี! ข้าสามารถบอกเ้าได้เลยว่าทั่วทั้งทวีปัเพลิงกว่าพันปีมานี้ เย่ชิงหานคือคนที่สองที่สามารถเข้าสู่สภาวะความสงบแห่งิญญาได้ เยว่โห้วในตอนนั้นได้กล่าวเอาไว้ก่อนสิ้นชีวิต นางอายุสามสิบถึงได้เข้าสู่สภาวะนั้นเป็ครั้งแรก แต่เย่ชิงหานตอนนี้เพิ่งจะอายุเท่าไรเอง? เด็กคนนี้อนาคตไกลอย่างหาขอบเขตมิได้ เป็ไปได้อย่างมากว่าอาจจะเป็คนแรกที่สามารถเดินออกจากทวีปัเพลิงได้ ดังนั้นตระกูลเยว่จำเป็จะต้องยึดกุมโอกาสนี้ไว้ให้ได้ ในเมื่อเ้าก็ชอบเขาและเขาก็ไม่ได้รังเกียจเ้า ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เ้าก็ออกเดินทางไปเมืองัด้วยกันกับเขาเลย เพื่อตระกูลเยว่และอนาคตของเ้าจงพยายามยึดกุมจิตใจของเขาไว้ให้ได้” เงาร่างสีขาวน้ำเสียงยังคงเย็นะเื แต่ความตื่นเต้นดีใจที่ปะปนมาในน้ำเสียงนั้นแสดงออกอย่างเด่นชัด
“อืม!” เยว่ชิงเฉิงพยักหน้าตอบรับ ใบหน้าเต็มไปด้วยความปีติยินดีและคิดจินตนาการถึงอนาคตตามคำพูดของท่านหัวหน้าตระกูล ภายในดวงตาคู่ไข่มุกสีดำพลันทอประกายแสงวาบผ่านเป็ครั้งคราวราวกับดวงดาราเปล่งประกายระยิบระยับบนท้องฟ้า
.................................
หอสี่ทิศภายในหอจันทรา
เสว่เฟยนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าที่ดำคล้ำ มองดูเสว่อู๋เหินที่ยืนอยู่อย่างเคารพนอบน้อมตรงหน้า หลังจากนิ่งเงียบอยู่เนิ่นนานเขาถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงหนึ่งครั้งก่อนจะเอ่ยขึ้น “ความคิดของเ้านั้นไม่เลว แต่การแสดงออกของเ้านั้นออกหน้าออกตาจนเกินไป ทำให้ตระกูลเสว่ถูกปฏิเสธจากตระกูลอื่นๆ เฮ้อ...เื่ราวมันก็มาถึงขั้นนี้แล้วข้าก็บอกไม่ได้ว่ามันจะเป็โชคดีหรือเคราะห์ร้ายกันแน่ ในเมื่อเ้าเลือกเดินเส้นทางถูเชียนจวินก็จงเดินต่อไปให้สุดทาง หวังว่าเ้าจะคิดถูก!”
“รับรองอู๋เหินคิดไม่ผิดแน่ อยากจะเดินออกจากทวีปัเพลิงแห่งนี้ นอกจากหยิบยืมพลังจากนครแห่งเทพแล้วไม่มีทางเลือกอื่นใดอีก ส่วนห้าตระกูลใหญ่ขอเพียงข้าสามารถเดินไปถึงขั้นนั้นได้ จะบดขยี้หรือจะสร้างขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ ท่านปู่รองท่านต้องเชื่อใจข้า” เสว่อู๋เหินพูดออกมาอย่างราบเรียบ แต่ความหยิ่งทระนงและความอวดดีที่อยู่ในน้ำเสียงนั้นแสดงออกมาอย่างชัดเจน
“เอาละๆ ไม่พูดเื่นี้แล้ว” มองดูเส่วอู๋เหินที่ดึงดันเสว่เฟยได้แต่ถอนหายใจออกมา ทันใดนั้นดวงตาของเขาพลันปรากฏแสงอำมหิตวาบผ่าน กวาดสายตามองไปโดยรอบสักพักมุมปากกระตุกขึ้นแล้วพูดออกมาด้วยเสียงต่ำ “ในเมื่อเย่ชิงหานผูกใจแค้นต่อเ้า ถ้าอย่างนั้น...ในงานประลองาระหว่างเขตปกครองรักษาชีวิตของตนเองให้ปลอดภัยได้แล้วก็จงหาวิธีกำจัดเย่ชิงหานซะ!”
“อืม!” ดวงตาของเส่วอู๋เหินปรากฏประกายแหลมคมวาบผ่าน พยักหน้าตอบรับอย่างหนักแน่น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้