เมื่อนำทารกน้อยทั้งสองคนไปอาบน้ำล้างตัวเรียบร้อยแล้ว ก็สวมเสื้อผ้าชุดใหม่และผ้าอ้อมให้พวกเขา เมื่อเห็นพวกเขาไม่ร้องไห้แล้ว แต่กลับมองดูโลกอันแปลกตาด้วยดวงตากลมโตเช่นนั้น ก็กล่าวยิ้มๆ ว่า “มองอันใด ตอนนี้พวกเ้าเพิ่งตัวเท่านี้ สายตายังไม่ดี มองไม่ชัดหรอก อ้อ... พวกเ้าคงหิวแล้วกระมัง รอให้ถ่ายขี้เทาออกมาก่อน จึงจะกินนมได้”
อู่โก่วจื่อเอ่ยถาม “ขี้เทาคืออะไร”
หลี่หรูอี้อธิบาย “เป็ของเสียที่ทารกจะถ่ายออกมาหลังจากออกจากท้องแม่ เมื่อถ่ายขี้เทาแล้วลำไส้จึงจะสะอาด ลำไส้สะอาดจึงจะกินนมได้”
หม่าซื่อเข้าใจกระจ่างโดยพลัน “ที่แท้ทารกแรกคลอดยังไม่สามารถกินนมได้ จะต้องถ่ายขี้เทาก่อนจึงจะกินได้นี่เอง”
จ้าวซื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ให้ข้าดูลูกหน่อยเถิด”
หม่าซื่อกล่าวชื่นชม “พวกเขาคลอดออกมาได้ดีจริงๆ ไม่มีไฝหรือตำหนิบนร่างกาย ดูสะอาดสะอ้าน ข้าว่าคนโตใบหน้าเหมือนเ้า ส่วนคนเล็กเหมือนสามีเ้า”
“ดี” หลี่ซานมองดูบุตรชายตัวน้อยทั้งสองคน ในน้ำเสียงปรากฏความยินดีชัดเจน
หลี่หรูอี้แทรกตัวเข้ามาสำรวจน้องชายทั้งสองอย่างละเอียด เด็กทารกเพิ่งคลอดมีิัเหี่ยวย่น คิ้วยังไม่ขึ้น แต่ยังเห็นเค้าลางความหล่อเหลา “ท่านน้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว น้องหกเหมือนท่านแม่ น้องเจ็ดเหมือนท่านพ่อ”
หม่าซื่อกล่าวขึ้นอีกว่า “น้องสาว เ้าสร้างผลงานยิ่งใหญ่ให้ตระกูลหลี่จริงๆ น้องเขย เ้าจะต้องดีกับภรรยาเ้าให้มาก”
“ขอรับ” หลี่ซานดีใจจนกล่าวได้เพียงไม่กี่คำ
เมื่อสิบห้าปีก่อน หลี่ซานพาหลี่สือหนีภัยโรคระบาดออกจากหมู่บ้าน พวกเขาคิดเพียงว่าอยากมีชีวิตรอด ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ที่มีภรรยาและลูกสาวลูกชายครบถ้วน ทั้งยังมีเงินอีกหลายร้อยตำลึง
หากไม่มีจ้าวซื่อก็ไม่มีเขาในวันนี้ ในใจของเขาย่อมรู้สึกซาบซึ้งต่อจ้าวซื่อมาตลอด วันนี้จ้าวซื่อคลอดบุตรชายให้เขาอีกสองคนแล้ว เขาจึงมีบุตรชายทั้งสิ้นหกคน ครอบครัวเจริญรุ่งเรือง ตายไปก็ไม่กลัวการพบหน้าบรรพบุรุษตระกูลหลี่แล้ว
จ้าวซื่ออุ้มบุตรทั้งสองตามลำดับ หอมใบหน้าเล็กๆ ของบุตรชายไปครั้งหนึ่ง “เ้าหกให้ชื่อว่า หลี่เฟยเยว่ เ้าเจ็ดให้ชื่อว่า หลี่เถิงเกา”
หลี่สือไปต้มนมแพะและไข่ไก่ในห้องครัวตามคำขอร้องของหลี่หรูอี้ หลี่ซานยกอาหารที่หลี่สือทำเสร็จแล้วเข้ามาในห้องนอน เพื่อให้จ้าวซื่อที่ทำความสะอาดร่างกายและเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วได้กิน
จ้าวซื่อยังไม่ทันได้กินอาหารเย็นก็ต้องมาคลอดเด็กทั้งสองคนแล้ว ตอนนี้จึงรู้สึกหิวแทบตาย นมแพะหนึ่งถ้วยใหญ่และไข่ไก่อีกสี่ฟองนางก็กินจนหมดเกลี้ยง เมื่อกินอิ่มแล้วก็รู้สึกเหนื่อยล้าสุดประมาณ “คราวก่อนตอนที่ข้าคลอดหรูอี้ ผ่านไปหลายชั่วยามก็ยังไม่รู้สึกง่วง ตอนนี้ผ่านมาเก้าปีแล้ว ข้าคลอดบุตรชายสองคน ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยามกลับง่วงแทบตาย อายุมากแล้ว ร่างกายมิสู้ตอนสาวจริงๆ”
หม่าซื่อรีบร้อนเอ่ยขึ้นว่า “เ้ารีบไปนอนเถิด เด็กสองคนข้าจะดูแลให้เอง”
จ้าวซื่อหาวออกมา ก่อนจะกล่าวด้วยสติอันพร่าเลือน “ไม่ได้ ข้ายังไม่ได้ให้นมลูก หากวันนี้ข้าไม่ให้นมลูกเกรงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีน้ำนมแล้ว”
หลี่หรูอี้ช่วยโน้มน้าว “ท่านแม่ ท่านนอนก่อนเถิด อีกครู่หนึ่งหากน้องชายถ่ายขี้เทาแล้วพวกเราจะเรียกท่านเอง”
หลี่ซานมีความยินดียิ่งนัก เขาใช้มือสองข้างอุ้มลูกชายข้างละคน เดินมานั่งลงข้างเตียงจ้าวซื่อ “ซู่เหมย เ้าฟังคำหรูอี้เถิด รีบไปนอนเสีย ที่นี่มีข้าอยู่”
จ้าวซื่อกล่าวอย่างเนิบช้า “พรุ่งนี้ท่านยังต้องทำเต้าหู้อีก”
หม่าซื่อเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “มีข้ากับอู่โก่วจื่ออยู่ด้วย”
หลี่หรูอี้กล่าวอย่างซาบซึ้งใจ “ลำบากท่านและอู่โก่วจื่อแล้ว”
หม่าซื่อตอบอย่างเป็ธรรมชาติ “ข้าไม่เคยรู้สึกว่าการดูแลเด็กเป็เื่ลำบากอันใด” การดูแลเด็กมีอันใดให้เหนื่อยกัน สตรีทั่วทั้งสิบลี้แปดหมู่บ้าน มีผู้ใดกล้ากล่าวบ้างว่าเลี้ยงลูกเหนื่อย หากกล่าวเช่นนั้นคงถูกผู้คนก่นด่าจนตาย
ในที่สุดหมอตำแยก็มาถึงแล้ว ผลกลับกลายเป็ว่า ครอบครัวหลี่บอกว่าจ้าวซื่อคลอดเด็กชายสองคนออกมาได้อย่างราบรื่น นางก็ไม่ได้รู้สึกเสียเวลาแต่อย่างใด รีบกล่าวแสดงความยินดีทั้งยังขอดูทารกอีกด้วย
หลี่ซานอุ้มทารกมาที่ห้องโถง
หมอตำแยเป็หญิงชรานางหนึ่ง สวมอาภรณ์สะอาดสะอ้าน นางดูแลร่างกายเป็อย่างดี แม้จะอายุเกือบหกสิบแล้ว แต่ฟันก็ยังไม่ร่วงสักซี่
นางมองดูเด็กทารกทั้งสองคนอย่างละเอียด แล้วก็เอ่ยชมไปว่า “ทั้งขาวทั้งอวบ ดีจริงๆ” จากนั้นจึงลองประเมินน้ำหนักของเด็กทารก “เด็กสองคนนี้น้ำหนักไม่เบาเลย อย่างน้อยก็ห้าชั่งกระมัง ยามที่ภรรยาเ้าอุ้มท้องพวกเขาคงลำบากมากจริงๆ”
หลี่ซานพยักหน้าระรัว
“ใช่แล้ว ตอนท่านแม่ข้าตั้งท้องน้องชาย ท้องใหญ่มากเชียวขอรับ” หลี่ฝูคังรีบเข้าไปแย่งอุ้มน้องชาย
หมอตำแยเป็คนละเอียดอ่อนคนหนึ่ง หลังจากที่หลี่ซานไปหานางตอนบ่าย นางก็รีบไปสอบถามผู้อื่นเกี่ยวกับสภาพครอบครัวของบ้านหลี่ทันที จนได้ทราบว่า บ้านหลี่ไม่มีคนเฒ่าคนแก่ นางกลัวไม่มีคนดูแลจ้าวซื่อตอนอยู่เดือน จึงพูดกับหลี่ซานว่า “สตรีคลอดบุตรไม่ง่ายเลย ภรรยาเ้าตั้งท้องครั้งเดียวก็มอบบุตรชายให้เ้าสองคนแล้ว ร่างกายของนางย่อมเสียหายหนัก ตอนอยู่เดือนจะต้องกินดีนอนดี บำรุงร่างกายให้ดี เ้าอย่าปล่อยให้ภรรยาเ้าเหน็ดเหนื่อยเป็อันขาด”
หลี่ซานรีบกล่าวขอบคุณ
“ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว” หลี่หรูอี้รู้สึกดีกับหมอตำแยขึ้นเล็กน้อย
บ้านหลี่ย่อมไม่ปล่อยให้หมอตำแยมาเสียเปล่า มอบเงินให้นางไปห้าสิบทองแดง ทั้งยังมอบไข่ต้มให้อีกสิบฟอง
หมอตำแยยินดียิ่งนัก รีบกำชับเื่การดูแลสตรีอยู่เดือนให้หลี่ซานฟังอีกหลายประโยค
ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว ครอบครัวหลี่กลัวว่าหมอตำแยจะลื่นล้มระหว่างกลับบ้าน จึงให้หลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคังไปส่งนาง
หมอตำแยกลับไปได้ไม่นานเด็กทารกทั้งสองก็ถ่ายขี้เทาออกมา
หม่าซื่อรีบไปปลุกจ้าวซื่อเพื่อให้นางมาให้นมลูก ตอนนี้นางยังไม่รู้สึกเจ็บที่เต้านม ยังมีน้ำนมไม่มาก ดีที่หลี่หรูอี้เตรียมพร้อมไว้นานแล้วจึงให้เด็กทารกดื่มนมแพะไปก่อน
หลี่สือทำบะหมี่ไข่ไก่ จ้าวซื่อกินไปถ้วยหนึ่งก็กลับไปนอนต่อ ยามนี้ทุกคนล้วนเหนื่อยล้าจึงพากันไปกินบะหมี่ไข่ไก่คนละถ้วย
เมื่อผู้ใหญ่และเด็กทุกคนกินอิ่มแล้วก็พากันไปนอนพักผ่อน
หม่าซื่อนอนเตียงเดียวกับจ้าวซื่อ ส่วนเด็กทารกทั้งสองนอนเปล
อู่โก่วจื่อนอนห้องเดียวกับหลี่หรูอี้ หลี่ซานและหลี่สือนอนห้องเดียวกัน
กลางดึกเด็กทารกทั้งสองหิวจนร้องไห้งอแง น้ำนมของจ้าวซื่อยังคงไม่พอกิน หม่าซื่อจึงให้พวกเขากินนมแพะอุ่นๆ ไปก่อน เมื่อพวกเขากินอิ่มแล้วก็หลับไปทันที
คืนแรกผ่านไปอย่างสงบและน่ายินดีเช่นนี้เอง
เช้าวันต่อมา จ้าวซื่อและทารกทั้งสองยังคงหลับอยู่ หลี่ซานและหลี่สือตื่นมาโม่ถั่วเหลืองทำเต้าหู้ ส่วนหลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคังตื่นขึ้นมาทำอาหารให้คนทั้งครอบครัว รวมถึงอาหารสำหรับจ้าวซื่อที่ต้องอยู่เดือนด้วย
หลี่หรูอี้เป็ผู้กำหนดอาหารที่เอาไว้กินตอนอยู่เดือน วันนี้อาหารเช้าเป็โจ๊กพุทราจีนและแป้งย่างไข่ไก่
หลี่หรูอี้ถูกเสียงร้องไห้ของเด็กทารกทั้งสองคนปลุกให้ตื่น เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าฟ้าสว่างแล้ว อู่โก่วจื่อที่นอนข้างกายก็ไม่อยู่แล้ว ทั้งไม่รู้ว่าอีกฝ่ายตื่นนอนเมื่อใด
เมื่อหลี่หรูอี้นึกถึงเด็กทารกทั้งสองพลันใจอ่อนยวบ ในโลกก่อนนางไม่มีลูก ชีวิตนี้จ้าวซื่อมอบน้องชายให้นางถึงสองคน นางย่อมรู้สึกดีใจและยินดีเป็อย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้นางพยายามหาเงินให้พี่ชายไปเรียนหนังสือ ตอนนี้มีความ้าเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่งแล้ว นั่นก็คือพยายามหาเงินให้น้องชายทั้งสองมีชีวิตที่ดี
หากคนเรามีเป้าหมายในชีวิต การใช้ชีวิตในแต่ละวันย่อมไม่น่าเบื่อและไม่ไร้ซึ่งความน่าสนใจเพียงนั้น
วันนี้นางรู้สึกอารมณ์ดีเป็พิเศษ ไม่ได้การแล้ว เพื่อให้ทุกคนร่วมยินดีไปกับนาง นางจะต้องทำอะไรบางอย่าง ใช่แล้ว นางไปหยิบประทัดออกมาจากห้องเก็บของ จากนั้นจึงวิ่งไปทักทายจ้าวซื่อแล้วแขวนประทัดสองแถวไว้ที่หน้าประตู
เสียงประทัดดังลั่นสนั่นฟ้า ผู้คนได้ยินกันทั้งหมู่บ้าน จึงค่อยทราบว่าเมื่อคืนบ้านหลี่มีเด็กชายเพิ่มมาอีกสองคนแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงพากันมาแสดงความยินดี
หลี่ซานและหลี่สือกำลังโม่ถั่วเหลืองทำเต้าหู้ ห้าพี่น้องจึงต้องออกไปคอยต้อนรับแขกผู้มาร่วมแสดงความยินดีแทน
“พี่ชาย พวกท่านไปสำนักศึกษาเถิด ที่บ้านมีข้าอยู่ก็พอแล้ว” หลี่หรูอี้ไม่ต้องดูแลน้องชาย เพียงรับรองแเื่ย่อมไม่เหนื่อย
ตลอด่เช้ามีคนมาร่วมแสดงความยินดีไม่ขาดสาย บ้านหลี่คึกคักเป็พิเศษ หลี่ซานทำเต้าหู้เสร็จก็มาต้อนรับแขกด้วยกัน ยุ่งจนเท้าแทบไม่ติดพื้น แต่กลับไม่รู้สึกเหนื่อยอันใด ราวกับร่างกายมีพลังไม่หมดไม่สิ้น
จนกระทั่งถึงตอนบ่าย ชายวัยกลางคนที่แต่งตัวเหมือนบ่าวไพร่ผู้หนึ่งก็นำของขวัญมายังบ้านหลี่
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้