ถ้อยคำของหลี่หรงเฉียว ทำให้สมองของอวิ๋นซีคล้ายะเิโพละ “ไม่ใช่ว่าปิดเมืองแล้วหรือ? คนคุ้มกันไปทำอะไรกันหมด เหตุใดถึงเปิดประตูเมืองให้เชี่ยนเอ๋อร์จวิ้นจู่เข้ามา”
คำพูดนี้ อวิ๋นซีพูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เชี่ยนเอ๋อร์ทราบข่าวแล้วจึงได้รีบกลับมาที่นี่ น่าตายนัก คนคิดว่า เื่นี้เป็เื่เล่นๆ หรือไร ถึงกับไม่กลัวตายเช่นนี้
ยามที่เร่งรุดไปถึงจวนองค์หญิงสาม เชี่ยนเอ๋อร์ก็เห็นว่าอวิ๋นซีมาถึงแล้ว คนรีบเข้ามาลากมือนาง ดึงไปข้างเตียงองค์หญิงสาม ก่อนจะพูดว่า “พี่สะใภ้รอง ข้ารู้ดีว่าวิชาแพทย์ของท่านร้ายกาจมาก เชี่ยนเอ๋อร์ขอร้องท่าน ช่วยท่านแม่ข้าด้วย”
อวิ๋นซีมองดวงตาที่ผ่านการร้องไห้จนแดงก่ำคู่นั้นของเชี่ยนเอ๋อร์ นางสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นจึงคิดจะเข้าไปตรวจรักษาให้องค์หญิงสาม แต่กลับถูกองค์หญิงสามขัดขึ้นก่อน “เ้าคือชายาของจวินเหยียนหรือ”
อวิ๋นซีพูด “องค์หญิงสาม ไม่ว่าพระองค์จะทรงอยากทราบสิ่งใด คิดจะตรัสสิ่งใด ก็ให้อวิ๋นซีได้ตรวจดูอาการให้ท่านก่อน รอจนพระวรกายกลับมาเป็ปกติค่อยกล่าวเถิดเพคะ”
องค์หญิงสามส่ายหน้า “เ้าไม่ต้องตรวจหรอก เปิ่นกงบอกเ้าได้ว่า นอกจากเปิ่นกงจะติดโรคระบาด เดิมทีสุขภาพร่างกายของเปิ่นกงก็ไม่ดีอยู่แล้ว ตอนนี้ทุกสิ่งนับว่าเกินกว่าจะรับไหว พวกเ้าไม่ต้องมาสิ้นเปลืองยาไปกับตัวข้าหรอก ให้ยาเหล่านี้แก่คนที่้าใช้เถอะ ทว่า เหตุที่ข้าอนุญาตให้หลี่หรงเฉียวพาเ้ามาที่นี่ ก็เพราะข้ามีเื่บางอย่างอยากจะพูดกับเ้า”
เมื่อเชี่ยนเอ๋อร์ได้ยินก็รีบพูดแทรก “ท่านแม่ พี่สะใภ้เก่งมากนะเ้าคะ ให้พี่สะใภ้ช่วยตรวจดูอาการให้ท่านสักหน่อยเถิด อีกเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน ดีหรือไม่เ้าคะ? ”
“เชี่ยนเอ๋อร์ เ้าออกไปก่อน” องค์หญิงสามมองบุตรสาวตนไปทีหนึ่ง พูดขึ้นเรียบๆ
เชี่ยนเอ๋อร์ไม่อยากถอยออกไป แต่กลับถูกสาวใช้และหมัวมัวข้างกายองค์หญิงลากออกไป ถูกต้อง คนถูกบังคับลากออกไปจากห้อง เมื่ออวิ๋นซีเห็นเช่นนั้นก็ไม่พูดอะไรต่อทั้งสิ้น อย่างไรเสีย เื่ที่ว่าทำไมองค์หญิงสามถึงได้อยากจะพบนาง นางเองก็ไม่อาจรู้ได้
องค์หญิงสามพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง นางชี้ไปยังเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกลแล้วเอ่ยคำ “นั่งลงก่อน อยู่คุยเป็เพื่อนข้าสักครู่เถอะ”
อวิ๋นซีขมวดคิ้วด้วยเดิมทีคิดจะปฏิเสธ ทว่า เมื่อได้เห็นดวงตาที่แฝงแววเว้าวอนขององค์หญิงสาม นางก็อดไม่ได้ที่จะยอมทำตาม ถึงกระนั้นหลังจากที่นั่งลง นางก็ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เฝ้ารอให้องค์หญิงสามเป็ฝ่ายเอ่ยปากก่อน
องค์หญิงสามยิ้มบางๆ มองอวิ๋นซี “ข้ารู้อยู่นานแล้วว่า จวินเหยียนแต่งงานแล้ว น่าเสียดายที่เราต้องได้เจอกันในสถานการณ์เช่นนี้ ่นี้ข้าได้รับรู้เื่ราวต่างๆ ของเ้าจากจดหมายของเชี่ยนเอ๋อร์ เมื่อก่อนคนที่นางพูดถึงมากที่สุดก็คือข้า แต่่นี้ทุกครั้งที่ส่งจดหมายมาก็ล้วนกล่าวถึงแต่เ้า...”
“ข้ารู้ดี นับแต่ที่ข้าตกลงเื่การแต่งงานของเชี่ยนเอ๋อร์ไป นางก็ขุ่นเคืองข้ามาโดยตลอด หลายวันมานี้ข้าเองก็เก็บมาคิดมากมาย แท้จริงแล้วข้าไม่ควรนำเื่เหล่านี้ไปบังคับเชี่ยนเอ๋อร์” พูดถึงตรงนี้ นางก็หลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึก “เมื่อครึ่งเดือนก่อนข้าได้เขียนจดหมายขึ้นมาสองฉบับ ด้วยตั้งใจจะทิ้งจดหมายสองฉบับนั้นไว้ให้เชี่ยนเอ๋อร์และเสด็จพี่ของข้า จดหมายเ่าั้อยู่ที่เรือนพักนอกเขตพระราชทานของราชวงศ์ ข้าหวังว่า ระหว่างทางที่เ้ากลับเมืองหลวงจะแวะไปที่นั่นสักครั้ง เมื่อไปถึงแล้วก็หากล่องสีแดงเข้มที่อยู่ในห้องหนังสือของข้า เมื่อได้จดหมายมา ฉบับหนึ่งมอบให้เชี่ยนเอ๋อร์ อีกฉบับหนึ่งมอบให้เสด็จพี่ข้า”
“องค์หญิงสามเรียกข้ามาก็เพื่อเื่นี้หรือ” อวิ๋นซีถาม
องค์หญิงสามส่ายหน้า เอ่ยตอบตามตรง “ไม่ นอกจากเื่นี้ ข้ายังอยากจะฝากฝังเชี่ยนเอ๋อร์ไว้กับเ้า นางเชื่อถือในตัวเ้าและจวินเหยียนเป็อย่างมาก จากที่นางพูดถึงสายตาของเ้า ข้าเองก็รู้ว่าพวกเ้าย่อมต้องจริงใจต่อเชี่ยนเอ๋อร์เช่นกัน ดังนั้น หากมอบนางให้เ้าช่วยดูแลต่อ ข้าถึงจะวางใจลงได้ อย่างไรเสีย นางไม่ชอบอยู่วังหลวง หากให้เสด็จแม่ หรือเสด็จพี่ช่วยดูแล นางคงจะอยู่อย่างไม่เป็สุขแน่...มีเพียงพวกเ้า ที่เป็ทางเลือกที่ดีที่สุด”
อวิ๋นซีประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่า เหตุที่องค์หญิงสาม้าพบตนในยามนี้ก็เพียงเพื่อฝากฝังลูก นางถูกเื่นี้ทำให้ตกตะลึงไป ก่อนจะพูดขึ้น “ข้ามีเทียบยาที่สามารถใช้รักษาโรคระบาดแล้ว ข้าจะให้คนไปเคี่ยวให้”
“ไม่มีประโยชน์หรอก ต่อให้โรคระบาดจะหาย แต่อีกไม่นานข้าก็ต้องตายอยู่ดี” องค์หญิงสามส่ายหน้า พูดต่อ “ในเมื่ออย่างไรก็ต้องตาย ข้าเองก็ไม่อยากจะอยู่ต่อไปเช่นนี้อีกแล้ว พวกเ้าไม่ต้องไปวุ่นวายโดยเปล่าประโยชน์หรอก”
เพียงไม่นานอวิ๋นซีก็เดินออกมาจากห้องขององค์หญิงสาม ยามที่เดินออกมา นางก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดองค์หญิงสามถึงได้ตัดทางรอดของตน ไม่ยอมให้นางช่วยตรวจรักษา ไม่แน่ว่านางอาจจะมีวิธีช่วยก็เป็ได้
แต่ว่า ในเมื่อคนไม่ยินยอม นางก็ไม่อาจจะไปบังคับได้ ทุกคนล้วนมีทางเลือกเป็ของตน หากอีกฝ่ายร้องขอจะมีชีวิตอยู่ต่อ ด้วยเห็นแก่เชี่ยนเอ๋อร์และจวินเหยียน นางย่อมต้องพยายามรักษาอย่างเต็มที่ แต่หากคนร้องขอจะตาย เช่นนั้นนางเองก็จะไม่ไปยุ่มย่าม
หากจะบอกว่าอวิ๋นซีเืเย็นก็ดี หรือจะบอกว่าจิตใจโหดร้ายก็ดี แต่คนที่นาง้าปกป้องนั้นมีไม่มาก ซึ่งองค์หญิงสามผู้นี้ไม่ได้อยู่ในกลุ่มคนที่นางอยากจะปกป้อง
เมื่อเดินออกมาจากห้องก็เห็นเชี่ยนเอ๋อร์พุ่งมาหาตน แม่นางน้อยถามไปพลางสะอื้นไห้ไปพลาง “พี่สะใภ้ ท่านแม่ข้า นาง...”
อวิ๋นซีตบไหล่เชี่ยนเอ๋อร์เบาๆ พูดว่า “มารดาเ้าให้เ้าเข้าไป”
อวิ๋นซีไม่รู้ว่า สองแม่ลูกเชี่ยนเอ๋อร์และองค์หญิงสามพูดคุยอะไรกัน ทว่าในคืนเดียวกันนั้นก็มีข่าวแพร่ออกมาว่า องค์หญิงสามสิ้นพระชนม์ อวิ๋นซีเพียงรู้สึกว่าชีวิตคนไม่มีเที่ยงแท้ก็เท่านั้น ส่วนความรู้สึกอื่นๆ ไม่ได้มีมากมายล้ำลึกอะไร
นอกจากนี้ เพราะคนรักษามีไม่เพียงพอ อวิ๋นซีจึงให้หลี่หรงเฉียวไปตามหมอทั้งหมดที่มีในเมืองเฟิงมา แต่ผ่านไปได้หนึ่งชั่วยามกว่า ข่าวที่ได้รับกลับมากลับกลายเป็ว่า บรรดาหมอในเมืองเฟิงล้วนปฏิเสธจะพบคน ไม่ว่าจะเป็ใครก็ตาม
อวิ๋นซีได้ฟังคำรายงานก็ถึงกับขมวดคิ้ว “ไป ไปบอกหมอพวกนั้นเสีย หากพวกเขาเอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้าน ไม่ยอมออกมาช่วย เมื่อถึงตอนที่พวกเขาติดโรคระบาดบ้าง ต่อให้คนจวนเจียนจะตายอยู่ตรงหน้าเปิ่นเฟย ก็อย่าได้หวังว่าเปิ่นเฟยจะช่วยพวกเขา”
นางไม่สามารถบังคับให้คนเ่าั้มาที่เมืองฝั่งตะวันตกได้ แต่หากพวกเขาติดโรคระบาดเข้าจริงๆ นางก็สามารถเลือกที่จะมองดูอยู่เฉยๆ โดยไม่เข้าไปช่วยเหลือได้
คนเป็หมอ หากเวลาที่ต้องช่วยคนยังต้องเลือกให้มากมาย เช่นนั้นนางเองก็สามารถเลือกผู้ป่วยของตนได้เช่นกัน นี่ก็แค่ตาต่อตาฟันต่อฟันเท่านั้น!
หลี่หรงเฉียวยังไม่ทันได้จากไป หนุ่มน้อยอายุสิบเจ็ดสิบแปดปีคนหนึ่งก็แบกกล่องยาเดินเข้ามาหาเขาพอดี คนเดินไปถึงข้างกายหลี่หรงเฉียว จากนั้นจึงพูดจาอย่างนอบน้อม “ผู้น้อยหลัวเซินคารวะใต้เท้า”
หลี่หรงเฉียวมองผู้มาใหม่ ขมวดคิ้วถาม “หลัวเซิน เ้าไม่ได้ติดตามบิดาเ้าไปยังหล่งซีแล้วหรือ? ” เขาจำคนตรงหน้าได้ บิดาของหนุ่มน้อยคนนี้เป็หมอในโรงยาแห่งหนึ่งของเมืองเฟิง เพียงแต่่ก่อนหน้านี้ทั้งครอบครัวเตรียมตัวกลับบ้านเดิมที่หล่งซีแล้ว แต่เหตุใดยามนี้คนถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่?
หลัวเซินตอบ “ผู้น้อยส่งมารดาและน้องชายน้องสาวกลับไปบ้านเดิมที่หล่งซีแล้วขอรับ จากนั้นจึงติดตามบิดากลับมา เนื่องจากได้ยินมาว่า ที่เมืองเฟิงและอวี่โจวต่างก็เกิดโรคระบาด บิดาผู้น้อยเดินทางไปอวี่โจว ผู้น้อยจึงกลับมาที่เมืองเฟิงขอรับ”
หลี่หรงเฉียวคิดไม่ถึงว่า หนุ่มน้อยที่อายุสิบเจ็ดสิบแปดจะไม่กลัวตาย รู้ทั้งรู้ว่าที่นี่อันตราย แต่ก็ยังมีใจจะกลับมา ผิดกับบรรดาหมอที่อาศัยอยู่ที่นี่มาทุกรุ่นพวกนั้น คนรักตัวกลัวตายถึงเพียงนั้น
คิดถึงตรงนี้ เขาก็ทำได้แค่ถอนใจในใจ หลี่หรงเฉียวนำตัวหลัวเซินไปพบอวิ๋นซี เมื่อได้ฟังคำพูดของเขา อวิ๋นซีก็ให้ประหลาดใจเล็กน้อย มิคาดจะมีคนกล้ากลับมาที่นี่ในยามนี้
ในเมื่อมีคนอาสามาแล้ว นางจึงสั่งให้หลัวเซินช่วยทำงาน ไม่ว่าอย่างไรเื่ที่นี่ก็ยังมีให้ทำอีกมาก ผู้ป่วยติดโรคถูกส่งเข้ามาทุกวัน หากเป็ไปได้ อวิ๋นซีก็อยากให้ตนมีสามเศียรหกกรจริงๆ
อย่างไรก็ดี อวิ๋นซีที่อยู่แต่ในเขตโรคระบาดกลับไม่ได้ทราบเลยว่า ตัวนางเป็ต้นเหตุที่ทำให้ตอนนี้ในเมืองหลวงได้ครึกครื้นขึ้นมาอีกครั้ง