อาจารย์ใหญ่ซุนหัวใจแทบวาย
เซี่ยนอีจงให้ระดับความอิสระแก่เซี่ยเสี่ยวหลานสูงมาก บ่มเพาะผลผลิตคุณภาพเลิศที่สามารถคว้าอันดับหนึ่งสายวิทย์ประจำเฟิ่งเสียนในการสอบคัดเลือกรอบแรกได้ อาจารย์ใหญ่ซุนคิดว่าสิทธิพิเศษต่างๆ ที่ตนเองมอบให้เซี่ยเสี่ยวหลานได้รับการตอบแทนทั้งหมดแล้ว เขาจึงรอให้ผลไม้ที่โตอยู่บนยอดกิ่งสุกสมบูรณ์จนหลุดออกจากขั้วเองในตอนสอบเกาเข่า ทว่าเขาไม่้าให้ผลไม้ของตนเองดูแดงสวยสดใสเกินไป นึกไม่ถึงว่าเ้าหมาแก่ไร้ยางอายจากเฟิ่งเสียนเอ้อร์จงนั่นจะมาตัดหน้าเขา!
ถุย ดูแลเป็พิเศษอะไร อย่างนักเรียนเสี่ยวหลานจำเป็ต้องให้แกหาคนมาดูแลเป็พิเศษหรือ?
สิ่งที่ทำให้อาจารย์ใหญ่ซุนตื่นตระหนกก็คือ ผู้บริหารสำนักงานการศึกษากลับค่อนข้างสนใจในคำแนะนำของอาจารย์ใหญ่เฟิ่งเสียนเอ้อร์จงจริงๆ
‘พิชิตอันดับหนึ่งสายวิทย์ของมณฑล’ สำหรับเหล่าผู้บริหารสำนักงานการศึกษาประจำเมืองถือว่าคือผลงานอย่างหนึ่งเช่นกัน มณฑลอวี้หนานเป็มณฑลใหญ่ที่จัดการสอบเกาเข่า มีประชากรมาก ผู้เข้าสอบจึงมากตามไปด้วย มิเช่นนั้นจะจัด ‘การสอบคัดเลือกรอบแรก’ ก่อนเกาเข่าได้อย่างไร ปัจจุบันการสอบเกาเข่าใช้ข้อสอบกลาง ผู้เข้าสอบทั่วประเทศใช้ข้อสอบชุดเดียวกันทุกคน คะแนนเต็ม 690 คะแนน อันดับหนึ่งสายวิทย์ของมณฑลอื่นสอบได้ถึง 600 คะแนน ถ้ามณฑลอวี้หนานสอบได้สัก 580 คะแนน สำนักงานศึกษาธิการประจำมณฑลก็ไม่รู้สึกว่าขายหน้ามากนัก
เกียรติยศเช่นนี้ต้องแข่งขันเพื่อให้ได้มา สำนักงานบริหารการศึกษาประจำเขตอยากได้อันดับหนึ่งของเมือง สำนักงานบริหารการศึกษาประจำเมืองอยากได้อันดับหนึ่งของมณฑล สำนักงานศึกษาธิการประจำมณฑลย่อมอยากได้อันดับหนึ่งของทั่วประเทศเป็ธรรมดา
อาจารย์ใหญ่ซุนปฏิเสธคำขอ่ชิงผลงานที่ไม่สมเหตุสมผลแบบนี้ด้วยความเด็ดขาดในทันที สุนัขเฒ่าจากเฟิ่งเสียนเอ้อร์จงนั่นกลับหัวเราะอย่างเ้าเล่ห์
“ลองถามความคิดเห็นจากนักเรียนดูก่อนสิ เกิดนักเรียนเขาเต็มใจย้ายเองล่ะ?”
เหลวไหล นักเรียนเสี่ยวหลานไม่มีทางออกจากเซี่ยนอีจงหรอก!
อาจารย์ใหญ่ซุนไม่ได้โพล่งประโยคนี้ออกไป เพราะเขาเองก็ไม่มั่นใจสักเท่าไร มนุษย์เรามักจะเดินขึ้นสู่ที่สูง หากเซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าคุณภาพการสอนของเฟิ่งเสียนเอ้อร์จงดีกว่าจริงๆ ... ไม่ อาจารย์ใหญ่ซุนยอมรับผลลัพธ์แบบนี้ไม่ได้
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกประหลาดใจ เมื่อครู่อาจารย์ใหญ่ซุนยังเบิกบานดีไม่ใช่หรือ ทำไมจู่ๆ ถึงดูทุกข์ใจขึ้นมากัน?
ความทุกข์ใจของปัญญาชนนั้นช่างยากจะพรรณนาเหลือเกิน พวกเขาเป็คนอารมณ์อ่อนไหวไวต่อความรู้สึก ทว่าทุกข์ใจเพราะเหตุใดกันแน่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เซี่ยเสี่ยวหลานได้ยินน้ำเสียงของอาจารย์ใหญ่ซุนหม่นหมองลง
“เธออยู่โรงเรียนอีกสักพักนะ มีคน้าพบกับเธอน่ะ”
คำขอให้อยู่ต่ออีกสักพักเป็คำขอที่ตอบรับได้ เซี่ยเสี่ยวหลานอยากถามเื่จ้าวกังด้วย แต่ไม่อาจถามต่อหน้าผู้คนมากมาย พออาจารย์ใหญ่ซุนจากไป อาจารย์ประจำวิชาต่างๆ ผลัดกันชมเชยเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยท่าทีที่เปี่ยมไมตรี อาจารย์วิชาภาษาอังกฤษยกให้เซี่ยเสี่ยวหลานเป็ลูกศิษย์ที่สอนมากับมือเรียบร้อย เซี่ยเสี่ยวหลานสอบได้คะแนนเต็มอีกแล้ว... รอจนเหล่าอาจารย์จากไปอย่างอาลัยอาวรณ์ ในที่สุดก็ถึงเวลาของเหล่านักเรียนห้องสาม
“เสี่ยวหลาน เธอเอาชนะอันดับหนึ่งประจำชั้นปีคนก่อนไปเกือบ 40 คะแนนเลยล่ะ”
“เสี่ยวหลาน โจทย์ข้อนั้นที่เธออธิบายให้ฉันคราวก่อน คราวนี้ออกพอดีเลย!”
“เพื่อนเสี่ยวหลาน...”
ใช่ กลุ่มนักเรียนเหล่านี้เกือบเชิดชูเซี่ยเสี่ยวหลานให้กลายเป็ทวยเทพเหนืุ์แล้ว อันที่จริงแล้วเธอเก็งข้อสอบไม่เป็แม้แต่น้อย การที่โจทย์เหมือนกันคือความบังเอิญโดยสิ้นเชิง
เมื่อเผชิญหน้ากับเพื่อนร่วมชั้นผู้เป็มิตร เซี่ยเสี่ยวหลานจะทำอย่างไรได้?
ไปกินข้าวพร้อมกันตอนเที่ยงสิ!
----------------------------------------
น้าหวงจานด่วนก็คือห้องอาหารสำหรับกินเลี้ยงของเซี่ยเสี่ยวหลานกับเพื่อนร่วมชั้นในอีจง น้าหวงได้ทำการครองหน้าร้านดั้งเดิมของจางจี้ไว้แล้ว แม้ตอนนี้จะยังไม่ได้เปิดกิจการ แต่การตกแต่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมนัก แค่ซื้อเครื่องเรือนเครื่องใช้ต่างๆ ้าเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น อันที่จริงหน้าร้านนี้ก็มาจากเส้นสายของอาจารย์ใหญ่ซุน เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เคยเจรจาร้องขอแทนน้าหวงมาก่อน เป็ตัวน้าหวงเองที่ทำธุรกิจจนเป็ที่รู้จักดีในหมู่อาจารย์และนักเรียนเซี่ยนอีจง อาจารย์ใหญ่ซุนคิดว่าให้น้าหวงขยายกิจการสักหน่อยก็ไม่เลว
นี่คือพลังของการบอกต่อปากต่อปาก น้าหวงที่ทำธุรกิจอย่างซื่อสัตย์สุจริตได้รับผลตอบแทนแล้ว
เธอไม่คิดไม่ฝันเช่นกัน ภายในไม่กี่เดือนสั้นๆ จะสามารถพัฒนาจากแผงบะหมี่ข้างทางมาจนถึงวันนี้ได้ เมื่อเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานพากลุ่มคนมา น้าหวงจึงมีสีหน้าตื่นเต้นมาก “พวกเธอสอบได้สุดยอดเหลือเกิน”
เหล่านักเรียนพากันสรวลเสเฮฮา
คนที่ตามเซี่ยเสี่ยวหลานออกมาได้ ถ้าไม่ใช่เพราะยังมีกะจิตกะใจรับประทานอาหารในร้านน้าหวงจานด่วน ก็ต้องเป็เพราะผ่านการสอบคัดเลือกรอบแรกอย่างแน่นอน
พอสอบผ่านแล้วย้อนกลับไปมองการสอบคัดเลือกอีกที เหมือนจะไม่ได้มีความยากอะไรนัก มีคะแนนรวมทั้งหมด 690 คะแนน กระทั่ง 280 คะแนนยังไม่ถึง? เช่นนั้นการเรียนในหลายปีที่ผ่านมาก็เสียเปล่าแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่ตอนที่เพิ่งฟื้นฟูเกาเข่าปี 77 อีกต่อไป ใน่นั้นผู้เข้าสอบทั่วประเทศละทิ้งการศึกษาไปราวสิบกว่าปี ระดับความรู้ของทุกคนต่ำ เกณฑ์รับเข้าเรียนก็ต่ำลงไปด้วย
การเข้าร่วมสอบเกาเข่าในปี 84 เวลาเตรียมตัวมีอยู่เหลือเฟือเต็มที่ ต่อให้มาตรฐานการสอนของทรัพยากรครูในแต่ละโรงเรียนจะแตกต่างกัน ในเมื่อคุณบอกว่าตนเองตั้งใจเล่าเรียนมาหลายปี ทว่าสอบไม่ได้แม้แต่ 280 คะแนน? เกรงว่าจะเป็การเสแสร้งตั้งใจมากกว่า
และยังมีพวกที่ไม่ว่ามุมานะอย่างไร เนื่องจากหัวทื่อเกินไป สมองไม่รับความรู้ นั่นมันช่วยไม่ได้จริงๆ คนกลุ่มนี้อาจไม่เหมาะกับการเรียนหนังสือ
น้าหวงจะไม่คิดค่าอาหารให้ทุกคน แต่เหล่านักเรียนไม่ยอมน่ะสิ
“มื้อนี้พวกเราจะเลี้ยงอันดับหนึ่งของเมือง!”
“ถูกต้อง อันดับหนึ่งประจำเมือง!”
ลูกค้าคนอื่นมองมาด้วยความแปลกใจ น้าหวงรู้สึกภาคภูมิใจยิ่งนัก เธอพูดพลางชี้ไปยังเซี่ยเสี่ยวหลาน “เห็นหรือเปล่า อันดับหนึ่งของเมืองในการสอบคัดเลือกรอบแรกเชียวนะ อย่าว่าแต่อันชิ่งเลย ทั้งเฟิ่งเสียนน่ะเธอเก่งที่สุดแล้ว!”
นั่นมันสุดยอดมาก
คนในเมืองรอบรู้มากกว่าคนชนบท พวกเขารู้จัก ‘การสอบคัดเลือกรอบแรก’ เด็กนักเรียนเรียกสิ่งนี้ว่าเกาเข่าเล็ก
แม้ไม่ใช่เกาเข่าอย่างเป็ทางการ ทว่าการสอบได้อันดับหนึ่งของทั้งเมืองก็สุดยอดมากอยู่ดี เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เพียงแต่เป็นักเรียนหญิง เธอยังหน้าตาสะสวยอีกด้วย ปัจจัยเหล่านี้ล้วนแตกต่างจากภาพจำที่คำว่า ‘อันดับหนึ่งประจำเมือง’ มอบให้ผู้คน ที่แท้นักเรียนผลการเรียนเยี่ยมอาจไม่ได้มีภาพลักษณ์เป็หนอนหนังสือเสมอไป
ส่วนเซี่ยเสี่ยวหลานถึงกับกระอักกระอ่วน เพิ่งสอบคัดเลือกรอบแรกเอง อันดับหนึ่งของเมืองอะไรกัน
เธออยากถ่อมตัวสักหน่อย อย่างไรก็ตามเพื่อนๆ ต่างไม่เห็นด้วยแม้แต่น้อย เซี่ยเสี่ยวหลานทำได้เพียงรับสมญานามนี้ไว้—แน่นอนว่าเธอรู้สึกดีใจเช่นกัน ความรู้ของเธอถูกสั่งสมไว้จากชาติก่อน และทบทวนของเก่าเรียนรู้ของใหม่เพิ่มเติมในชาตินี้ ั้แ่เดือนตุลาคมปีก่อนจวบจนเดือนพฤษภาคมปีนี้ คะแนนของเธอดีขึ้นทุกครั้ง ทั้งหมดนี้มาจากความพยายามของเซี่ยเสี่ยวหลาน ไม่ว่าจะไปรับสินค้าที่หยางเฉิง หรือไปปักกิ่ง เมื่อไรบ้างที่เธอเคยละเลยตำราเรียนมัธยมปลาย?
ทุกคะแนนล้วนคือความพยายามของเซี่ยเสี่ยวหลาน เธอได้มันมาโดยไม่รู้สึกผิดต่อมโนสำนึกเลยแม้แต่น้อย
เซี่ยเสี่ยวหลานมีความสุขเพราะสิ่งที่เธอทุ่มเทลงไปได้รับผลตอบแทน เมื่อพิจารณาจากคะแนนสอบคัดเลือกรอบแรกที่ดี ผลเกาเข่าต้องดีกว่าในชาติก่อนอย่างแน่นอน
----------------------------------------
“เสี่ยวหลาน เธออยากสมัครเข้ามหาวิทยาลัยไหน?”
พอถึงเวลาที่ไม่มีใคร ในที่สุดเฉินชิ่งก็อดถามออกมาไม่ได้
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่โกหกอีกฝ่าย “มหาวิทยาลัยหัวชิง ฉันอยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยหัวชิงน่ะ”
เฉินชิ่งอึ้งไปทันที
หัวชิงกับจิงต้า เป็สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาอันดับสูงสุดของประเทศ และเป็สองมหาวิทยาลัยที่กิตติศัพท์เลื่องลือที่สุด
นักศึกษาถูกยกย่องให้เป็จอมขวัญแห่ง์ ถ้าเป็นักศึกษาของหัวชิงกับจิงต้า ถือว่าสมฉายานี้จริงๆ อย่างไรก็ตาม หลังฟื้นฟูเกาเข่าเป็ต้นมา ไม่เคยมีใครสักคนในเขตอันชิ่งที่สอบเข้าสองมหาวิทยาลัยนี้สำเร็จ
เซี่ยเสี่ยวหลานมีความทะเยอทะยานสูง เฉินชิ่งรู้สึกตกตะลึงเหลือเกิน
หลังความตกตะลึงผ่านพ้นไป ราวกับกลายเป็เื่ธรรมดา หากผลสอบคัดเลือกรอบแรกของเซี่ยเสี่ยวหลานคือ 465 คะแนน ในวันนี้ที่ยังเหลือเวลาอีกไม่ถึงสองเดือนก็ต้องสอบเกาเข่า การที่เธอพูดว่าเป้าหมายของตนเองคือมหาวิทยาลัยหัวชิง ดูเหมือนจะเป็การละเมอเพ้อพก แต่สำหรับผลสอบคัดเลือกรอบแรกที่ได้ 565 คะแนน แม้ยังห่างจากหัวชิงอยู่ ทว่าเขย่งเท้าหน่อยก็แตะประตูหัวชิงได้แล้ว!
เห็นได้ชัดว่าคนอื่นก็คิดเช่นนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานแค่เขย่งปลายเท้าสักหน่อย อาจแตะไม่ถึงอันดับหนึ่งของประเทศ ทว่ายังสามารถชิงอันดับหนึ่งประจำมณฑลได้
อันดับหนึ่งสายวิทย์ของการสอบคัดเลือกรอบแรกประจำมณฑลอวี้หนานคือ 579 คะแนน มากกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเพียง 14 คะแนน เมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานมาพบอาจารย์ใหญ่ซุน เธอก็ได้พบแขกที่อาจารย์ใหญ่ซุนกล่าวถึงในห้องทำงานอาจารย์ใหญ่ อาจารย์ใหญ่เฉียนจากเฟิ่งเสียนเอ้อร์จง และอาจารย์ใหญ่หลัวจากเฟิ่งเสียนอีจง
“นักเรียนเซี่ย ขอแค่เธอมาเรียนที่เฟิ่งเสียน 14 คะแนนนี้จะยากเย็นอะไร? วิชาไหนยังทำคะแนนได้ พวกเราก็เน้นเสริมวิชานั้น เชิญอาจารย์ดีเด่นระดับมณฑลมากวดวิชาให้เธอแน่นอน!”