“ไอ้หยา ฟู่อินมีอะไรจะคุยกับปู่เ้ากับลุงใหญ่งั้นหรือ? พูดกับข้าก็เหมือนกันนั่นแหละ” จ้าวซื่อเดินเชิดหน้ายื่นท้องเข้ามาหาหลินฟู่อิน ถึงกับส่ายท้องไปมาอย่างภาคภูมิใจ ทำเอาหลินฟู่อินพูดไม่ออกยิ่งกว่าเดิม
จ้าวซื่อคนนี้นี่ท่าทางสมองจะไม่ปกติ จะมาอวดท้องทำไมกัน?
“ฟู่อินตามหาบุรุษก็เพราะมีเื่ต้องคุย เ้าเป็สตรีปากยื่นปากยาวจะเข้ามาวุ่นวายเพื่ออะไร รู้จักกฏเกณฑ์บ้างหรือไม่?” อู๋ซื่อตำหนิอีกครั้ง หลินฟู่อินจึงดึงมืออู๋ซื่อเข้าไปในบ้าน “ท่านย่า เข้าไปคุยกันข้างในเถอะเ้าค่ะ อากาศเริ่มเย็นแล้ว อาหารมีไม่มาก ข้านำเงินกับอาหารมาให้ท่านกับท่านปู่ เราเข้าไปคุยกันข้างในดีกว่า”
พอได้ยินว่าหลินฟู่อินตั้งใจนำเงินกับอาหารมาให้ อู๋ซื่อก็ลืมความโกรธจ้าวซื่อไปแล้ว เปลี่ยนมาเป็ยิ้มกว้าง “ได้ ได้ ได้! ฟู่อินเจอคนเลวคงรู้สึกแย่… เข้าบ้านกันเถอะ วันนี้ด้านนอกอากาศเย็นเสียด้วย ดูสิ มือน้อยๆ ของเ้าทั้งเย็นทั้งแดงหมดแล้ว”
อู๋ซื่อถึงกับจับหลังมือของหลินฟู่อิน ทำเอาเด็กสาวขนลุกซู่
ไม่ใช่ว่านางไม่ชอบที่ผู้เป็ย่าแตะตัว เพียงแต่ดวงตาที่แวววาวยามเห็นเงินนั่นต่างหากที่ทำให้นางขนลุก
อู๋ซื่อพาหลินฟู่อินเข้าบ้าน จ้าวซื่อก็ยิ้มตามเข้ามาด้วย แต่อู๋ซื่อกลับหันไปจ้องนางเป็คำเตือนไม่ให้อีกฝ่ายตามมา ขณะที่ฝั่งลูกสะใภ้กลับแสร้งทำเป็มองไม่เห็น เดินตามเข้ามาติดๆ
หลินฟู่อินรู้มาแต่ไหนแต่ไรว่าจ้าวซื่อคนนี้หน้าหนาจึงคิดอยากจะทิ่มแทงด้วยวาจาสักหลายคำ แต่ก็รู้สึกว่าไปใส่ใจคนเช่นนี้มันน่าเบื่อเกินไป
เด็กสาวยื่นมือเข้าไปหยิบพวงเงินจากในกระเป๋าแล้วส่งให้อู๋ซื่อ
ดวงตาของหญิงชราทอประกายแวววาว เมื่อคิดจะหยิบมัน จ้าวซื่อกลับก้าวเข้ามาชิงหยิบไปซึ่งๆ หน้า
“โอตายจริง เื่ดีใช่ไหมล่ะนี่? เงินนี้คงเอาไว้ให้ท่านลุงเ้าซื้อของอร่อยๆ มาบำรุงร่างกายข้าล่ะสิ? เช่นนั้นข้าคงไม่มากพิธีกับเ้าแล้ว” จ้าวซื่อกลับเป็ฝ่ายดีอกดีใจ แตะท้องแล้วกล่าว “ลูกเอ๋ย ดูสิเ้าโชคดีเพียงใด มีพี่สาวร่ำรวยเช่นนี้ รู้จักให้เงินแม่เ้าไปซื้ออาหารด้วย…”
หลินฟู่อิน “...”
อู๋ซื่อ “...”
และสิ่งต่อมาที่นางทำกลับกลายเป็การคำราม ดวงตาอู๋ซื่อทอแสงเ็า ทั้งร่างพุ่งเข้าใส่จ้าวซื่อ หลินฟู่อินที่ยืนอยู่ไม่ทันตั้งตัวก็เห็นผู้เป็ย่าปราดเข้าหาป้าใหญ่เสียแล้ว
นางห้ามไม่ทันแล้ว
“์ แม่สามีจะทุบข้าผู้เป็ลูกสะใภ้ที่กำลังท้องจนจะตายแล้ว ช่วยด้วย…”
อู๋ซื่อผลักจ้าวซื่อลงพื้นจนล้มก้นจ้ำเบ้า นางะโขึ้นไปทับน่องของลูกสะใภ้ กดร่างอีกฝ่ายลงกับพื้นจนจ้าวซื่อขยับไม่ได้ จากนั้นยื่นมือซ้ายมือขวาออกไปทุบตีจ้าวซื่อไม่ยั้งมือ
เห็นว่าอู๋ซื่อยังคงยั้งมืออยู่บ้าง คนไม่นั่งทับท้องจ้าวซื่อ ทั้งไม่ตีลงไปโดนท้อง หลินฟู่อินก็โล่งอกขึ้นเล็กน้อย
จากนั้นความโมโหก็ก่อตัวขึ้นในใจ นางโง่สองคนนี้นี่ แค่เงินก้อนเดียว กระทั่งชีวิตเด็กในท้องก็ไม่สนใจแล้ว!
เด็กสาวก้าวเข้าไปดึงตัวอู๋ซื่อด้วยสีหน้าเ็า ทว่าผู้เป็ย่ากลับแข็งแรงจนนางทำอะไรไม่ได้สักนิด
อู๋ซื่อทนอารมณ์ร้ายๆ ของจ้าวซื่อมาหลายวันจึงได้ใช้โอกาสนี้เอาคืนอย่างรุนแรง เรี่ยวแรงของนางมีมากอยู่แล้ว มือใหญ่ดุจใบพัดตบหน้าจ้าวซื่อไปหลายสิบครั้ง
ทีแรกจ้าวซื่อยังมีแรงะโแหกปาก แต่ผ่านไปสักพักใบหน้าก็บวมเป่งเสียจนพูดไม่ออก
“ท่านย่า ยังไงท่านป้าใหญ่ก็ยังมีเด็กอยู่ในท้องนะเ้าคะ ตบตีคนเช่นนี้ประเดี๋ยวจะเป็อะไรไปได้ รีบลุกขึ้นเถอะเ้าค่ะ!” หลินฟู่อินดึงตัวคนไม่ได้ สุดท้ายก็ทำได้แค่ร้องเกลี้ยกล่อม
ถึงจ้าวซื่อจะโดนตบจนหน้าบวมเหมือนหมูแต่ก็ยังยินดีได้อยู่ อย่างไรนางก็ยังใส่ใจเด็กในท้อง ไม่รู้ว่าโดนอู๋ซื่อตบตีเช่นนี้จะเป็อย่างไรบ้าง
แต่อู๋ซื่อกลับไม่ใส่ใจคำพูดของหลินฟู่อินสักนิด พูดเสียงดุดัน “นางหน้าด้านนี่ ยายแก่เช่นข้าอยากจะทุบตีนางมาตั้งนานแล้ว เพราะท้องเด็กสกุลหลินจึงต่อต้านข้าไปทั่ว หากไม่ได้สั่งสอนให้หนักๆ ข้าก็คงเป็นักบุญแล้ว!”
อู๋ซื่อยังตบหน้าไม่หยุด ตอนนี้จ้าวซื่อไม่มีกระทั่งแรงจะขัดขืนต่ออีก
“ท่านย่าเ้าคะ ถ้าเป็เช่นนี้ต่อไปจะแท้งเอาได้ ป้าสะใภ้ทำผิดจริง เื่ที่ท่านสั่งสอนสะใภ้ก็พอพูดได้ แต่หากรุนแรงถึงชีวิต คนที่ซวยจะเป็ท่าน!” หลินฟู่อินเห็นจ้าวซื่อตาเหลือกใกล้หมดสติ น้ำเสียงจึงดุดันขึ้น
ทันทีที่ได้ยินว่าจะแท้งเอาได้ อู๋ซื่อก็สบถด่า ลุกขึ้นจากตัวจ้าวซื่อ
แต่ก่อนจะลุกขึ้น คนยังกระชากพวงเงินจากมือขวาของจ้าวซื่อออกมาแล้วถ่มน้ำลายใส่ “ถุย ปล้นเงินแม่สามี สกุลจ้าวสอนลูกสาวมันเช่นนี้กันหรือยังไง?”
หลินฟู่อินไม่สนใจอู๋ซื่อแล้ว เห็นอีกฝ่ายลุกขึ้นมา นางก็รีบเข้าไปนั่งยองๆ ข้างจ้าวซื่อแล้วตบแก้มอีกฝ่ายเบาๆ ถามเสียงนุ่ม “ท่านป้า เป็เช่นไรบ้าง? เจ็บหรือไม่? ท้องเจ็บหรือไม่เ้าคะ?”
จ้าวซื่อใกล้จะเป็ลมอยู่แล้ว แต่เพราะหลินฟู่อินตบแก้มบวมๆ ของตนจึงได้เจ็บแปลบเสียจนหมดสติไม่ลง
“โอ๊ย ข้าเจ็บตรงไหนหรือ? มันก็เจ็บหมดนั่นแหละ! ฟู่อิน ย่าเ้าจะฆ่าข้าแล้ว เ้าก็เห็นอยู่… ์ แม่สามีจะฆ่าลูกสะใภ้กับหลานในท้อง!” จ้าวซื่อลุกขึ้นมาได้ก็ร้องห่มร้องไห้กอดท้องตัวเองแล้วคร่ำครวญ “ข้าทนไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว ข้าเจ็บท้อง… เจ็บท้อง!”
เห็นคนยังพร่ำบ่นไร้สาระออกมาได้ หลินฟู่อินก็ได้แต่ส่ายหน้า ยื่นมือไปจับชีพจรนางแล้วพูดเสียงเย็น “ป้าใหญ่ไปพักผ่อนเถอะ เด็กในท้องท่านยังแข็งแรงดี ไม่ต้องห่วง!”
อู๋ซื่อแค่นเสียงทันทีที่ได้ยิน จากนั้นจึงใช้หางตามองหลินฟู่อิน “เ้ายังใจดีอยู่ ใส่ใจความเป็ความตายนางนี่ ย่าจะบอกอะไรให้ ป้าเ้าแข็งแรงยิ่งนัก ตอนท้องซานหลาง คนยังกลิ้งตกเขื่อนมาแล้ว ท้องแปดเดือนกระแทกต้นไม้เข้าเต็มๆ แต่ไม่เป็ไร”
หลินฟู่อินถึงกับแลบลิ้น จ้าวซื่อคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ หลินซานหลางเองก็ผ่านเื่น่ากลัวแบบนั้นมาได้ อืม… เรียกว่าเป็คนโชคดีโดยแท้
“อีกอย่าง เด็กที่ออกมายังไงก็เป็หลานข้า ข้าไม่ทำร้ายหลานชายตัวเองหรอก หาไม่คงนั่งทับท้องนางนี่แล้ว! ฮึ เ้าเป็เด็กน้อยไม่เข้าใจแผนร้าย นางหลอกให้เ้าคิดว่าข้าจะฆ่านาง…”
หลินฟู่อินส่ายหน้าพูดไม่ออก รู้สึกว่าวันนี้คงไม่ได้ดูปฏิทินดูเวลาให้ดีถึงได้เจอเื่ปวดหัวเช่นนี้
“ท่านแม่ หน้าท่านเป็อะไรเ้าคะ?” สองพี่น้องเสี่ยวเถาเสี่ยวเหอเพิ่งกลับจากซักผ้าที่เขื่อน พอเข้าบ้านมาก็เห็นหน้ามารดาตัวเองบวมเหมือนหมู ทรุดอยู่บนพื้นด้านหนึ่ง
“ท่านแม่ หลินฟู่อินทำหรือ?” หลินเสี่ยวเหอมองหน้าหลินฟู่อินด้วยสายตาโมโห
“เฮอะ! อย่ามาใส่ความคนอื่นโดยไม่มีหลักฐาน แม่เ้าถูกท่านย่าสั่งสอนเพราะเื่เงินต่างหาก” หลินฟู่อินยิ้ม ความรู้สึกตอนนี้นอกจากเป็ห่วงเื่เด็กในท้องจ้าวซื่อแล้ว ฉากต่อสู้ระหว่างแม่สามีลูกสะใภ้วันนี้ก็ดูไม่เลวทีเดียว
“เ้ายังมีหน้ามาหัวเราะอีก! ท่านแม่ข้านั่งอยู่บนพื้นทำไมไม่มาช่วย?” หลินเสี่ยวเถาเองก็เค้นถามจากหลินฟู่อินเช่นกัน
“ฮ่าๆ” หลินฟู่อินหัวเราะอีกครั้ง สีหน้าอารมณ์ดีเหมือนได้ดูงิ้วทำเอาสองพี่น้องรู้สึกคันไม้คันมืออย่างเกลียดชังขึ้นมา
หลินฟู่อินอารมณ์ดีมากจริงๆ
“เย็นมากแล้ว ข้าต้องกลับบ้านไปกินข้าวเย็น” หลินฟู่อินมองฟ้าก่อนจะเดินออกไป เดินไปไม่กี่ก้าวก็หันกลับมามองสองพี่น้องพร้อมรอยยิ้ม “อ้อ ใช่ ข้าเพิ่งจับชีพจรป้าใหญ่ไป ทั้งแม่ทั้งเด็กสบายดี แต่หากพวกเ้ากังวลก็ไปหาท่านหมอหลี่ในเมืองให้ตรวจดูเถอะ”
“หลินฟู่อิน นางคนชั้นต่ำนี่!” หลินเสี่ยวเหอสบถด่า น้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“ข้าเป็คนชั้นต่ำหรือ? แล้วเ้าล่ะ? พ่อเ้าล่ะ? ปู่ย่าของเราล่ะ?” หลินฟู่อินยิ้มยอกย้อนกลับไป
อู๋ซื่อได้ยินเช่นนี้ก็โมโหขึ้นมา ตวาด “ดีนัก หลินเสี่ยวเหอ เ้ากล้าด่าข้าด่าปู่เ้าอ้อมๆ เช่นนี้ คิดตำหนิข้าเพราะเื่แม่เ้า? เ้ามันนางเด็กลูกโสเภณี แม่เ้ามันสำส่อนคลอดลูกเช่นเ้าออกมา!”
ได้ยินอู๋ซื่อด่าหลินเสี่ยวเหอเป็ลูกโสเภณีเช่นนี้นางก็อดแตะหน้าผากไม่ได้ ยายแก่นี่ด่าตัวเองด้วยหรืออย่างไร? หลินเสี่ยวเหอไม่ได้เกิดจากจ้าวซื่อคนเดียวเสียหน่อย!
ช่างเถอะ เื่นี้ไม่สำคัญ วันนี้ได้ดูละครสนุกๆ ก็ดีแล้ว เอาไว้ค่อยคุยกับตาแก่นั่นและหลินต้าซานวันหลังก็แล้วกัน
ตอนนี้ยังต้องไปหาหลี่เจิ้งก่อน
แต่พอกำลังจะเดินต่อ นางกลับโดนอู๋ซื่อหยุดเอาไว้ก่อน
“ฟู่อินเอ๊ย ข้ารู้ว่าเ้าเป็เด็กดี ย่ารู้ดีแก่ใจ” สีหน้าอู๋ซื่อไร้อารมณ์ จากนั้นน้ำเสียงก็เปลี่ยนไป “แต่เงินพวงนี้อยู่ได้ไม่กี่วันหรอก พ้น่ปลายฤดูใบไม้ร่วงไปก็จะเข้าฤดูหนาวแล้ว ยิ่งเหลือผักให้กินน้อยลงไปอีก จำไว้ว่าต้องส่งเงินเพิ่มมาเป็ค่าผักด้วยเล่า!”
เด็กสาวเกือบจะเดินสะดุด รู้อยู่แล้วว่าคนบ้านใหญ่นี่ไม่น่าคบสักนิด
แต่นางก็ไม่ได้ไร้หนทางขนาดนั้น จึงได้หันหน้ากลับไปยิ้มๆ “ตายจริง เงินจำนวนนี้มากพอให้ท่านกับท่านปู่กินเนื้อทุกวันต่อไปอีกหนึ่งเดือนเลยนะเ้าคะ หากคิดว่าไม่พอ เหตุใดท่านกับท่านปู่ไม่ย้ายมาอยู่กับพวกเราบ้านสามล่ะเ้าคะ? ไม่เพียงข้าจะให้เดือนละสองตำลึงเงิน ข้ายังทำอาหารอร่อยๆ ให้ท่านกับท่านปู่ทุกวันได้ด้วย!”
ได้ยินเช่นนี้อู๋ซื่อก็กลอกตา
“ไอ้หยา เช่นนี้ก็ดียิ่ง ท่านแม่ฟังฟู่อินเถอะเ้าค่ะ ไปอยู่กับฟู่อินเสีย อย่าลืมนำของกินมาให้ลูกสะใภ้เช่นข้าด้วย โอ… ขออภัยเ้าค่ะ พอดีเ้าตัวเล็กหลานท่านในท้องข้าชอบกินเนื้อยิ่งนัก…”
“จ้าวซื่อ พูดบ้าอะไรของเ้า! หากพูดดีๆ ไม่ได้ เงียบปากเสียก็ไม่มีใครคิดว่าเ้าโง่!”
หลินฟู่อินเงยหน้า ที่แท้ปู่หลินก็กลับมาแล้ว คนสวมชุดสีน้ำเงินเข้ม ด้านหลังมีกระเป๋าผ้าผูกเอว ในนั้นมีกิ่งไม้แห้งๆ อยู่หลายกิ่ง ยืนอยู่หน้าประตูบ้านด้วยสีหน้ามืดครึ้ม
“ท่านปู่กลับมาแล้ว” หลินฟู่อินเรียกพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นจึงเห็นหลินต้าซานที่สวมชุดผ้ากระสอบสีน้ำตาลยืนอยู่ด้านหลัง เขาก็กำลังแบกกิ่งไม้แห้งๆ อยู่กองหนึ่งเช่นกัน นางจึงร้องทักเขาอีกคน
ปู่หลินพยักหน้ากล่าวกับนาง “ฟู่อินมาที่นี่หรอกหรือ”
หลินต้าซานไม่ตอบแม้แต่คำเดียว ทำราวกับไม่ได้ยิน
หลินฟู่อินไม่ใส่ใจ เพียงแต่ยิ้มแล้วพูด “ท่านปู่ ใช่ว่าท่านจะไม่รู้จักท่านป้า จะโกรธท่านป้าลงได้ยังไงเ้าคะ?” ดวงตากลมโตกะพริบ นางขยับมือไปช่วยแตะกระเป๋าผ้า ปล่อยกองกิ่งไม้แห้งลงมาแล้วหัวเราะ “แต่ว่าท่านปู่เ้าคะ สิ่งที่ฟู่อินพูดล้วนเป็ความจริง ให้ฟู่อินพาท่านกับท่านย่าไปอยู่ในเมือง่หนึ่งไม่ดีหรือเ้าคะ?”
ปู่หลินยิ้มให้กับท่าทีของนาง รู้สึกว่าหลานสาวคนนี้คิดว่าตัวเองหาเงินได้แล้ว คงไม่รู้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเป็อย่างไร บ้านในเมืองใช่จะซื้อกันง่ายๆ หรือ?
แต่เขาไม่กล่าวอะไร เพียงบอก “เด็กดี ข้ารู้เ้าเป็เด็กดี แต่ลุงเ้ายังอยู่ที่นี่ ปู่ต้องอยู่กับเขา เขาเป็ลูกชายคนโต! หากข้ามลุงใหญ่เ้าไป ข้ากับย่าไปอยู่กับเ้าจะเป็เช่นไรกัน? คนในหมู่บ้านหูลู่มีแต่จะเยาะหยันปู่ย่าเ้าเท่านั้น”
หลินฟู่อินหัวเราะ “ฟู่อินคิดง่ายเกินไปเ้าค่ะ”
นางไม่รู้ความจริงหรอก แค่จงใจพูดออกไปเพราะรู้ว่าคนอย่างปู่หลินไม่มีทางตกลงไปอยู่กับบ้านสามแน่
ปู่หลินพยักหน้าแล้วจึงถาม “ฟู่อิน วันนี้มาบ้านนี้มีอะไรหรือ? เื่ภัตตาคารหลิวจี้วุ่นวายหรือ?”
ปู่หลินรู้จากชาวบ้านแล้วว่าหลินฟู่อินทำการค้าขายกับภัตตาคารหลิวจี้ในเมือง เขาคิดว่าคงเป็ไข่ดอกสนพวกนั้นจึงไม่ได้สงสัยเื่ที่หลินฟู่อินต้องเข้าเมืองบ่อยๆ
“เ้าค่ะ ่นี้การค้าขายในเมืองไม่ค่อยดี ข้าก็เลยกลับมา” หลินฟู่อินยิ้ม “แต่อีกไม่กี่วันก็ดีขึ้นแล้ว วันนี้ข้ามาพาคนในหมู่บ้านไปทำงานในเมืองเ้าค่ะ”
“พาคนไปทำงานในเมือง?” ปู่หลินเริ่มรู้สึกว่าหลินฟู่อินมาครั้งนี้มีเื่ดีๆ ติดมาด้วย “เ้าจะทำอะไร? ้าคนเท่าไร? ค่าจ้างเท่าไร? เื่อาหารกับที่อยู่เล่า?”
ปู่หลินถามคำถามรัวออกมาสี่ห้าคำถาม ล้วนแต่ตรงเข้าประเด็นทั้งสิ้น
แต่คำถามพวกนี้หลินฟู่อินมีคำตอบในใจอยู่แล้ว นางค่อยๆ ตอบไม่รีบร้อน “ให้ไปทำงานจิปาถะตามคำสั่งเ้าค่ะ แต่เป็พวกงานง่ายๆ ้าทั้งหมดสิบคน ค่าแรงวันละหกอีแปะ”
“์ หกอีแปะรวมอาหารกับที่อยู่ต่อวัน เป็เื่ดีไม่ใช่หรือ?” จ้าวซื่อตาโตขึ้นมา แล้วยิ้มมองหลินฟู่อิน “ฟู่อิน ดูป้าเ้าเถอะ ข้าไปได้หรือไม่? ข้าทำได้นะ…”
“เสนอหน้าไปเสียทุกที่! ไม่ใช่เพิ่งบอกว่าจะตายหรอกหรือ? ยังมีแรงไปทำงานได้อีก?” อู๋ซื่อตวาด หากจ้าวซื่อเข้าเมืองไปทำงานจริงๆ นางก็ยินดี แต่มีหรือว่านางจะไม่รู้นิสัยเกียจคร้านของนาง เกรงแต่คนเข้าเมืองไปแล้วจะใช้งานคนอื่นในบ้านหลินเสียมากกว่า
จ้าวซื่อส่งเสียงเหอะไม่เห็นด้วย นางหันไปมองสามีของตนก็พบว่าสายตาหลินต้าซานแวววาวเต็มไปด้วยความอยากลอง
“ฟู่อิน เ้าว่าข้าจะทำได้หรือไม่?” ในที่สุดหลินต้าซานก็เปิดปาก
หลินฟู่อินมองเขาครู่หนึ่ง เห็นสายตาคาดหวังจึงได้ยิ้มตอบ “ท่านลุงไปได้เ้าค่ะ แต่ยังไงก็คงต้องปรึกษากับท่านป้า ท่านปู่ ท่านย่าก่อนใช่หรือไม่เ้าคะ?”
“เช่นนั้นใครเป็คนจ่ายค่าจ้าง?” ในใจปู่หลินก็้าให้หลินต้าซานเข้าไปทำงานในเมืองอยู่แล้ว หนึ่งคือไปหาเงิน สองคือไปหลบเสียหน่อย หลายวันมานี้ลูกคนโตของเขาใช้ชีวิตด้วยความเหนื่อยใจเพียงใด แต่เื่ที่ต้องถามก็ต้องถามให้ชัดเจน
เื่นี้หลินฟู่อินคุยกับหลิวฉินเอาไว้แล้ว เพื่อป้องกันปัญหา นางจะเอาค่าจ้างทั้งหมดไปฝากไว้ที่เขา จากนั้นให้เขานำเงินออกมาตามรอบ
เด็กสาวจึงยิ้มตอบ “คนให้ค่าแรงเป็คุณชายใหญ่ของภัตตาคารหลิวจี้เ้าค่ะ”
“คุณชายใหญ่หลิว? เ้าได้เป็คู่ค้ากับคุณชายใหญ่หลิวจริงๆ หรือ?” ดวงตาของปู่หลินสว่างวาบ หากเป็เช่นนั้นเขาย่อมยินดีให้หลินต้าซานเข้าเมืองไปทำงาน คุณชายใหญ่ลูกเ้าของภัตตาคารหลิวจี้ ค่าแรงต้องไม่น้อยแน่
หลินฟู่อินเป็คู่ค้ากับหลิวฉินอยู่แล้ว เื่นี้จึงไม่มีอะไรให้ปิดบัง
เห็นนางยอมรับ จ้าวซื่อก็มีสายตาริษยาขึ้นมา นางถามเสียงเขียว “เช่นนี้เ้าก็หาเงินได้มากขึ้นใช่หรือไม่? ไม่อย่างนั้นคงไม่เอาเงินพวงมาซื้อผักได้ง่ายดายปานนี้?” ทั้งยังพูดต่อ “ฟู่อิน หากเ้ารวยแล้วต้องคิดถึงพวกเราด้วยนะ ยังมีน้องสาวเ้าอีกสองคน ข้าท้องอยู่คงไปไม่ได้ เหตุใดเ้าไม่เอาน้องๆ ไปด้วยเล่า? พวกนางมือเท้าว่องไวทำงานได้แล้ว”
หลินเสี่ยวเถาหลินเสี่ยวเหอมองหลินฟู่อินด้วยดวงตาหนักแน่นคาดหวัง ้าให้นางผงกหัวตกลงพาเข้าเมืองด้วย
อย่างแรกคือทั้งสองโตจนป่านนี้แล้วยังไม่เคยเข้าเมือง กระทั่งหลินเฟินหลินฟางหน้าเหม็นสองคนนั้นยังเคยเข้าเมืองตั้งหลายครั้ง สองคือไปแล้วยังได้เงินอีก สามคือบ้านหลังนี้ั้แ่ท่านแม่ของพวกนางท้องก็ทะเลาะกับท่านย่าทุกวัน ตอนที่ต่างฝ่ายต่างโมโหก็เอามาลงที่พวกนาง เข้าเมืองไปมีงานทำมีอาหารมีที่พักย่อมดีกว่ามาก!
ที่จริงไม่ใช่ว่าพวกนางอยากจะหนีจากบ้านเดิมถึงขนาดนั้น แต่ตอนนี้ชีวิตพวกนางสองพี่น้องไม่ได้ดีไปกว่าบิดาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกสักเท่าไร ซ้ำยังแย่ยิ่งกว่า
อย่างน้อยอู๋ซื่อยังสงสารลูกชายที่เป็บิดาของพวกนาง
แต่จ้าวซื่อแต่ไหนแต่ไรก็เป็พวกไร้หัวใจ กระทั่งหลินต้าหลางยังไม่สงสาร จะมาสงสารพวกนางสองพี่น้องได้อย่างไร?
ฟังคำของจ้าวซื่อแล้วปู่หลินก็คิดตาม
ทว่าอู๋ซื่อกลับปฏิเสธ “เสี่ยวเถาเสี่ยวเหอไปไม่ได้ หากพวกนางไปแล้วงานบ้านจะทำยังไง? ทั้งซักผ้า ทำกับข้าว กวาดพื้น เก็บผักพวกนี้ จะให้ข้าทำคนเดียวหรือ?”
พอได้ยินที่ภรรยาพูดแล้วปู่หลินก็เห็นด้วย ภรรยาเขาแก่มากแล้ว จะให้นางดูแลบ้านคนเดียวนี้เป็ไปไม่ได้ จะให้พึ่งพาจ้าวซื่อยิ่งไม่ได้ ก็มีแค่หลานสาวสองคนที่ต้องทำแล้ว
“ช่างเถอะ เสี่ยวเถากับเสี่ยวเหอยังเด็กอยู่ก็ให้อยู่บ้าน ออกไปทำงานั้แ่อายุแค่นี้ ผู้อื่นจะคิดว่าสกุลหลินของเราดูแลหลานสาวไม่ดีเอาได้” ปู่หลินตัดสินใจไม่ให้พวกนางไป เด็กทั้งสองจึงใจสลายเช่นนี้เอง
ทุกอย่างเป็ไปตามที่หลินฟู่อิน้า นางกระแอมแล้วยิ้ม “เช่นนั้นก็มีท่านลุงไปคนเดียวนะเ้าคะ?”
“อืม ให้ลุงเ้าไปคนเดียวก็พอ” ปู่หลินพยักหน้า ที่จริงหากไม่ใช่ว่าเป็หลินฟู่อินกับคุณชายใหญ่หลิวร่วมมือกัน เขาก็อยากไปด้วย
แต่หากเขาไปจริงๆ ก็รู้สึกว่าเช่นนี้เหมือนปู่ทำงานให้หลาน ชวนให้รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย อีกอย่าง ตอนนี้จ้าวซื่อเองก็ทำตัวราวกับเป็เทพธิดาอย่างไรอย่างนั้น จะปล่อยเอาไว้โดยที่เขาไม่คุมไม่ได้เด็ดขาด
หลินฟู่อินได้ผลลัพธ์ตามที่คาดไว้แล้วก็จากไปอย่างสุภาพ ปู่หลินมองแผ่นหลังของนาง เด็กคนนี้บุคลิกดูสง่าผ่าเผยและสุขุมขึ้นทุกครั้งนับั้แ่กลับจากในเมือง คนไม่พูดจาเสียดสีแล้ว แต่ยังกดข่มคนในบ้านใหญ่ได้
เป็ครั้งแรกจริงๆ ที่ปู่หลินคิดว่า หากนางไม่ใช่หลานสาว แต่เป็หลานชายก็คงจะดี!
หลินฟู่อินกลับจากบ้านใหญ่ก็ไปหยิบเอาไข่ดอกสนกับไข่เยี่ยวม้าอย่างละสิบฟองเดินไปบ้านหลี่เจิ้ง เมื่ออีกฝ่ายเห็นของหายากในตะกร้าที่นางยกมา เขาก็ยิ้มแล้วหัวเราะ
หลินฟู่อินพูดถึงสิ่งที่้าจบ เขาก็ะโไปมาด้วยความยินดี ในที่สุดเมื่อข่มความตื่นเต้นได้แล้วก็พูดกับหลินฟู่อิน “เช่นนั้นก็ให้เจียงเหล่าซื่อ หูต้ากั๋ว หลี่ตงกั๋วแล้วก็หูหวาซือเข้าเมืองไปทำงานเถอะ ทั้งสี่คนนี้ซื่อสัตย์เชื่อฟัง ทำงานคล่องแคล่ว ฟู่อินเห็นว่ายังไง?”
“คนที่ท่านแนะนำมาแน่นอนว่าต้องเหมาะสม ข้าไม่คัดค้านเ้าค่ะ” หลินฟู่อินพยักหน้า พอเห็นอีกฝ่ายกลอกตาก็คิดว่าเขาคงอยากพูดอะไรอีกจึงใจเย็นรอให้เขาเอ่ย นางเองก็อยากรู้ว่าเขาจะขออะไรกันแน่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้