“หมอนี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ แม้แต่ลู่เจียงก็ยังกล้าล่วงเกิน ลู่เจียงไม่ลงมือฆ่าเขาเอง แต่ให้เขาตัดแขนเองก็ถือว่าเป็โอกาสของเขา การที่ไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ ช่างรนหาที่ตายเสียจริง!” ผู้คนในที่แห่งนั้นได้ยินเช่นนั้นต่างก็ตะลึงค้างขณะมองสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างตรงหน้า แม้เย่เฟิงจะแข็งแกร่ง แต่จะเอาชนะลู่เจียงได้อย่างไร ลู่เจียงเป็ถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 4 ไม่ใช่คนที่เขาจะต่อต้านได้
“สวะนี่โอหังนัก พี่ลู่ไม่ต้องพูดกับเขาให้มากความหรอก ลงมือฆ่าเขาก็พอแล้ว!” จงเทายิ้มอย่างชั่วร้าย เมื่อลู่เจียงได้ยินก็ปลดปล่อยไอเย็นทันที เขาคือผู้ฝึกยุทธ์ในรายนามขั้นรวมชี่ ไม่ใช่ใครที่ไหนจะยั่วยุเช่นนี้ได้
“เพิ่งบรรลุขั้นรวมชี่ก็กล้าเหิมเกริมเช่นนี้ คำพูดของเ้าเมื่อครู่เป็การตัดสินใจที่โง่เง่าสิ้นดี” ลู่เจียงมองเย่เฟิงตาเขม็งด้วยท่าทีเ็า จากนั้นเห็นเขาเดินออกมาพร้อมปลดปล่อยพลัง “ในเมื่อเ้าไม่รู้จักกาลเทศะ เช่นนั้นเ้าก็จงชดใช้กับสิ่งที่เ้าได้ทำลงไปเสียเถอะ!”
ทันใดนั้นพลังปราณของลู่เจียงพุ่งสูงเสียดฟ้า แหลมคมประหนึ่งเหล็กในของแมงป่อง จากนั้นปล่อยฝ่ามือโจมตีเย่เฟิง หมายสังหารเย่เฟิงให้ตายคาที่!
เย่เฟิงเผยสีหน้าเย็นเยียบพลางกวาดตามองจงเทาและลู่เจียง จากนั้นก็ปล่อยฝ่ามือออกไป ก่อนจะเข้าปะทะกับฝ่ามือของลู่เจียง ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่นจนคลื่นทำลายล้างแพร่กระจายเป็วงกว้าง
ด้วยการปะทะนี้ ส่งผลให้เย่เฟิงถอยหลังไปหลายก้าว รู้สึกว่ามีไอพิษกัดกร่อนแขนของเขา จึงรู้สึกชาและค่อย ๆ สูญเสียการรับรู้ แต่เย่เฟิงระดมพลังหยวนเพื่อขจัดไอพิษพวกนั้นอย่างเร่งรีบ ทันใดนั้นเองบนแขนของเย่เฟิงปรากฏหยดน้ำสีม่วงดำขนาดเล็กนับไม่ถ้วนราวกับเป็เมือกพิษ พลังกัดกร่อนของมันรุนแรงมากจนแขนของเย่เฟิงร้อนผ่าวดุจไฟเผา
“เป็เคล็ดวิชาที่ชั่วร้ายยิ่งนัก!” เย่เฟิงคิดในใจขณะมองลู่เจียงด้วยสายตานิ่งอึ้ง ระดับการบ่มเพาะของอีกฝ่ายสูงกว่าเขา ทั้งยังมีเคล็ดวิชาที่ชั่วร้ายมาก ๆ เย่เฟิงััได้ว่าศึกนี้ตนเป็ฝ่ายเสียเปรียบ
“ลู่เจียงแกร่งมาก ไม่ใช่คนที่เย่เฟิงจะต่อต้านได้!” ผู้คนต่างเห็นว่าการโจมตีของลู่เจียงทำให้เย่เฟิงตกอยู่ในที่นั่งลำบาก และคิดว่าเย่เฟิงรนหาที่ตายเองที่ไปล่วงเกินลู่เจียงเช่นนั้น
“มีพลังแค่นี้ก็ยังกล้ายั่วยุข้า มิหนำซ้ำยังทำร้ายน้องชายข้า ข้าจะทำให้เ้าได้ตายอย่างน่าอนาถ!” ลู่เจียงแสยะยิ้ม ดวงตาคู่นั้นของเขาก็ฉายแววชั่วร้ายกว่าเดิม
ส่วนจงเทาและเซี่ยโหวิที่อยู่ข้าง ๆ ก็ดูด้วยความสนุกสนาน โดยเฉพาะจงเทา เขาดูเบิกบานใจเป็พิเศษ ทว่าฉินเยียนหรานกลับดูเป็กังวล นางดูออกว่าลู่เจียงออกโรงทั้งที เย่เฟิงเป็ฝ่ายเสียเปรียบแน่นอน
“พูดให้มันน้อย ๆ หน่อย นี่แค่เพิ่งเริ่มก็เท่านั้น!” เย่เฟิงไร้ซึ่งความเกรงกลัวใด ๆ พลันหอกัเงินประกายในมือส่องแสงกะพริบ ก่อนจะแทงหอกออกไป รังสีหอกทะลวงอากาศหมายแทงร่างลู่เจียง
“หึ!” ลู่เจียงแค่นเสียงเ็า จากนั้นไอม่วงดำห่อหุ้มร่างลู่เจียง เขาขยับเท้าเล็กน้อยก็หลบรังสีหอกนั่นได้ในพริบตา ขณะเดียวกันก็เหวี่ยงฝ่ามือออกไปโจมตี พร้อมกับมีไอพิษแผ่ปกคลุมทั่วบริเวณ ทำให้ผู้คนหายใจไม่ทั่วท้อง
เย่เฟิงเพียงคิด พลันเปลวไฟลุกโชนในมือ อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นฉับพลัน พลังธาตุไฟแข็งแกร่งมากราวกับจะหลอมละลายทุกสิ่ง
“ไป!” เย่เฟิงเพียงแผดเสียงะโ ทันใดนั้นลูกไฟลอยออกไปและขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ขณะพุ่งไปหาฝ่ามือของลู่เจียง นี่ทำให้ลู่เจียงชะงักไปชั่วขณะ เขาอยากชักมือกลับแต่ก็สายเกินไป ฝ่ามือจึงเข้าปะทะกับลูกไฟนั่น ทำให้ฝ่ามือของเขาถูกแผดเผา สีหน้าต้องถอดสี จากนั้นไอม่วงดำที่แกร่งกล้ายิ่งกว่าพวยพุ่งออกจากร่าง ก่อนจะเข้าห่อหุ้มแขนข้างนั้นที่ถูกไฟเผา เพื่อดับไฟ ทว่าแขนข้างนั้นถูกไฟเผาไประดับหนึ่งแล้ว ความเ็ปทำให้เขากัดฟันแน่น เขาจึงรีบใช้ยาเม็ดเพื่อรักษาทันที
“ไม่คิดว่าเย่เฟิงผู้นี้จะมีพลังธาตุไฟที่แข็งแกร่งเพียงนี้ ถึงกับทำให้ลู่เจียงต้องเสียเปรียบเพราะเปลวไฟนั่น แข็งแกร่งมาก!” ผู้คนต่างต้องตกตะลึงกับพลังของเย่เฟิง ตอนที่เย่เฟิงเอาชนะลู่เฉิน ทุกคนก็คิดว่าเย่เฟิงแข็งแกร่งแล้ว แต่พวกเขากลับไม่คาดคิดว่าจะแข็งแกร่งถึงกับต่อต้านลู่เจียงอันดับที่ 7 ในรายนามขั้นรวมชี่ได้
“ยโสโอหังจนมองไม่เห็นหัวผู้อื่น หากข้าอยู่ระดับเดียวกับเ้า แค่ขยับมือก็ทำลายเ้าได้แล้ว” เย่เฟิงกล่าว
ลู่เจียงเผยสีหน้าบูดเบี้ยว คุณสมบัติร่างของเขาคือแมงป่อง แม้แต่ผู้มีอันดับในรายนามขั้นรวมชี่สูงกว่าเขาก็ยังต้องเกรงกลัว แต่แมงป่องของเขากลับด้อยกว่าเปลวไฟ
“เ้าเป็คนบีบข้าเองนะ!” ลู่เจียงกล่าวเสียงเย็น
เมื่อสิ้นเสียง ไอพิษปะทุออกจากร่างลู่เจียง นาทีต่อมาเห็นแสงกะพริบที่ด้านหลังของลู่เจียง ปรากฏเงามายาแมงป่องที่แผ่ไอพิษม่วงดำ ปลายหางของมันทั้งใหญ่และแหลมคมมาก
“วี้ด!” แมงป่องกู่ร้อง ทันใดนั้นปลายหางขนาดใหญ่ที่รายล้อมด้วยไอพิษพุ่งมาหาเย่เฟิง
“ิญญาาแมงป่อง!”
เย่เฟิงชะงักนิ่ง ไม่แปลกเลยที่ลู่เจียงผู้นี้จะมีไอพิษที่รุนแรง จากนั้นเขาปล่อยลูกไฟในมือซ้ายออกไป พร้อมกับแทงหอกในมือขวา สองการโจมตีดูน่าสะพรึงกลัวสุดขีด
ผู้คนรอบข้างที่เห็นศึกต่อสู้นี้ต่างก็ใ กระทั่งมีหลายคนล้มเลิกการสู้กับสัตว์อสูรและหาสถานที่สูง ๆ เพื่อที่จะได้ดูศึกของเย่เฟิงกับลู่เจียง
“โฮก!!!” ขณะนั้นเองมีเสียงคำรามของฝูงสัตว์อสูรดังมาจากส่วนลึกของเขาเทียนเสวียน และเสียงก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ
ครู่ต่อมาทุกคนรับรู้ได้ถึงแรงสั่นะเืจากพื้นดินใต้ฝ่าเท้า ดูเหมือนว่ามันรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับแผ่นดินกำลังสั่นไหวก็ไม่ปาน
“เกิดอะไรขึ้น?” ผู้คนต่างแปลกใจและอดไม่ได้ที่จะหันไปมองตามต้นเสียงที่ดังขึ้น พวกเขาพบว่ามีฝุ่นตลบจากที่บางแห่งในส่วนลึกของเขาเทียนเสวียนและมันกำลังเข้ามาใกล้ทางด้านนี้เรื่อย ๆ แผ่นดินก็ยิ่งสั่นไหวอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เสียงคำรามของสัตว์อสูรยังพลอยทำให้ผู้คนขนลุกเกรียวไปด้วย
“คลื่นสัตว์อสูร เป็คลื่นสัตว์อสูรขนาดมหึมา!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งอุทานด้วยความใ
ผู้คนต่างเบิกตาโพลง พวกเขารู้ว่าคลื่นสัตว์อสูรขนาดมหึมาหมายถึงอะไร ต่อให้พวกเขาอยู่ขั้นรวมชี่ก็ต้านทานไม่ไหว
“เป็ปราณอสูรที่น่าหวาดผวามาก คลื่นสัตว์อสูรระดับนี้อาจเป็ไปได้ว่าจะมีสัตว์อสูรระดับพิภพปรากฏตัว นี่ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!” ผู้คนต่างพากันตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ได้ถึงปราณอสูรที่แผ่ออกมาจากทางด้านนั้น สัตว์อสูรระดับพิภพเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ขั้นยุทธ์แท้ แล้วพวกเขาจะต่อต้านได้อย่างไร เกรงว่าต้องให้ผู้าุโขั้นยุทธ์แท้ของสำนักยุทธ์ออกโรงจึงจะกำราบได้
“คลื่นสัตว์อสูรมหึมากำลังมา รีบอพยพเร็วเข้า!” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น เป็เสียงของผู้าุโสายนอกคนหนึ่งที่รักษาความเรียบร้อยที่นี่ คลื่นสัตว์อสูรมหึมานี้ดุร้ายและทรงพลังมาก หากลูกศิษย์เหล่านี้ยังอยู่ที่นี่ต่อก็รังแต่จะเป็อาหารของพวกมัน
“ไปเร็ว!” ทุกคนทยอยออกไปจากที่นี่ ทว่าพวกเขายังไปได้ไม่ไกลก็เห็นสัตว์อสูรฝูงหนึ่งบินอยู่บนท้องฟ้า พวกมันโฉบลงมาพร้อมใช้กรงเล็บฉีกกระชากร่างลูกศิษย์ไปหลายคน ลูกศิษย์เ่าั้อุทานอย่างใและพยายามหนี แต่กลับไร้ประโยชน์ พลังของสัตว์อสูรอีแร้งน่าสะพรึงกลัวมากเกินไป มันฉีกกระชากร่างพวกเขาอย่างเืเย็น จนเืสาดกระเซ็นทั่วอากาศ คนเ่าั้ยังไม่ทันส่งเสียงร้องก็กลายเป็ซากศพ
“น่าสะพรึงกลัวมาก!” ผู้คนเห็นฉากที่น่าสยดสยองนี้ต่างก็ขนลุกขนพอง และรู้สึกเย็นวูบวาบที่หลัง
สัตว์อสูรอีแร้งฝูงนี้ล้วนเป็สัตว์อสูริญญาระดับสูง พวกเขามิอาจต่อต้านไหวได้ บัดนี้มีเพียงหนีเอาชีวิตรอดจึงจะเป็วิธีเลือกที่ชาญฉลาดที่สุด
“โฮก!!!” เสียงคำรามของสัตว์อสูรดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนส่วนใหญ่ยังไปไหนได้ไม่ไกล สัตว์อสูรพวกนั้นจึงร่อนลงพื้นและเปิดฉากสังหารทันที
การเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรจำนวนมากนั่น แม้แต่บรรดาผู้าุโยังรู้สึกไร้เรี่ยวแรง กระทั่งรับประกันความปลอดภัยของลูกศิษย์อ่อนแอเ่าั้ไม่ได้
เย่เฟิงยังคงต่อสู้กับลู่เจียง ซึ่งเขาสังเกตเห็นการมาของคลื่นสัตว์อสูรนานแล้ว แต่ลู่เจียงผู้นี้ไม่คิดจะปล่อยเขาไปง่าย ๆ
“เย่เฟิง คลื่นสัตว์อสูรมหึมากำลังมา พวกเราไปจากที่นี่กันเถอะ!” ฉินเยียนหรานส่งเสียงผ่านจิตไปหาเย่เฟิงพร้อมกับมีสีหน้าเป็กังวล นางไม่เคยเห็นคลื่นสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มาก่อน
“เ้าไปก่อนเลย หมอนี่ดูท่าไม่เลิกราง่าย ๆ ข้าจะไปหาเ้าทันทีที่สลัดหมอนี่ได้” เย่เฟิงเผยสีหน้าจริงจังขณะมองคลื่นสัตว์อสูรนั่น หากฉินเยียนหรานอยู่ที่นี่อาจไม่ใช่เื่ดี ออกไปจากที่นี่ก่อนจะดีกว่า
“ไม่ได้ เราสองคนมาด้วยกัน แล้วข้าจะทิ้งเ้าได้เยี่ยงไร? งั้นเอาแบบนี้ ข้าจะช่วยเ้ากำจัดเขาเอง!” ฉินเยียนหรานกล่าว นางไม่มีทางทำเื่ไร้คุณธรรมอย่างแน่นอน จากนั้นนางปล่อยฝ่ามือหงส์แดงเข้าโจมตีลู่เจียง การโจมตีนี้กะทันหันมาก ทำให้ลู่เจียงชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบฝ่ามือหงส์แดงได้ทันควัน
“สวะ นี่เ้าถึงกับใช้ผู้หญิงให้มาสู้กับข้าเลยงั้นหรือ?” ลู่เจียงเย้ยหยัน แม้ิญญาาแมงป่องของเขาจะดุร้ายและมีพลังมหาศาล แต่หากใช้งานเป็เวลานาน มันจะทำให้เขาสูญเสียสติและถูกไอพิษกลืนกิน จนเริ่มกระหายเืและจะกระทำในสิ่งที่มิอาจคาดเดาผลลัพธ์ได้
ทว่าบัดนี้ลู่เจียงยังคงไม่เลิกราที่จะฆ่าเย่เฟิงให้ได้ทั้งที่คลื่นสัตว์อสูรมหึมากำลังมาเยือน นี่เป็การรนหาที่ตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“ลู่เจียงน่าจะถูกไอพิษกลืนกินแล้ว พวกเราไปกันเถอะ เพื่อหลีกเลี่ยงคลื่นสัตว์อสูรด้วย”
ขณะมองศิษย์สำนักยุทธ์ถูกสัตว์อสูรเขมือบกินไม่หยุด เซี่ยโหวิก็ส่งเสียงผ่านจิตไปหาจงเทา เพราะเขาไม่อยากให้ตัวเองเป็อะไรไป
“ไม่รีบ ก่อนจะไปข้าอยากมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับสวะนั่นสักหน่อย!” จงเทาเหยียดยิ้มอย่างชั่วร้าย ขณะกวาดตามองเย่เฟิงที่กำลังต่อสู้อยู่กับลู่เจียง