ด้านนอกค่ายกลผลึกเกราะทอง
ตอนนี้บนเรือเหาะ หลี่ฮ่าวหรานเดินขึ้นมาที่หัวเรือ ก่อนเหลือบตาดูผืนมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ แล้วทอดมองไปยังทิศทางที่เจียวหลง ฟู่เสวี่ย หลบหนีไป ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
“คารวะท่านผู้บัญชาการแห่งกองกำลังเฉินจีหยิง!”
องครักษ์ทั้งสามของหลงหว่านชิงที่ยืนอยู่ห่างออกไป เอ่ยทักทายด้วยความนอบน้อม
ผู้บัญชาการหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นในทันทีที่เห็นทั้งสามคน “ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”
องครักษ์ทั้งสามต่างมองหน้ากัน แต่กลับไม่มีใครเอ่ยปากอธิบาย
ขณะเดียวกัน ผู้คนกว่าสองหมื่นคน ต่างมองเรือเหาะด้วยความประหลาดใจ ผู้ฝึกตนบางคนที่เพิ่งขึ้นมาจากน้ำ ก็จ้องยานเหาะของกองกำลังเฉินจีหยิงอย่างสงสัยเช่นกัน
“ไปถามมา!” หลี่ฮ่าวหรานเอ่ยเสียงเรียบ
“ขอรับ!”
ฟุ่บ!
สิ้นคำสั่ง คนกลุ่มหนึ่งของกองกำลังเฉินจีหยิง จึงะโลงจากเรือเหาะทันที เพียงครู่เดียว ก็พาคนสองสามคนขึ้นมา เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ผู้บัญชาการหนุ่มเหลือบมองไปรอบบริเวณ ตอนนี้คงได้แต่รออย่างเดียวเท่านั้น
ไม่นานนัก ข้อมูลทุกอย่างที่อยากรู้ ก็ถูกสรุปและนำมารายงาน
“หือ? กู่ไห่... อีกแล้วหรือ?” หลี่ฮ่าวหรานกล่าว พลางขมวดคิ้วแน่น
กู่ไห่?... นี่คือชื่อที่เขาได้ยินมา ั้แ่ในดินแดนแรกสาบสูญ จากนั้นก็ได้ยินอีกนับครั้งไม่ถ้วน
คราแรก ก็ตอนที่อยู่ในดินแดนแรกสาบสูญ กับวีรกรรมที่คนผู้นี้แสดงต่อหน้าผู้ฝึกตนนับแสนคน ที่อยู่ในสภาพถูกจำกัดระดับพลัง และแม้ว่าตนจะสามารถสังหาร ‘คุณชายเก้า’ ได้ด้วยธนูเพียงดอกเดียว แต่เพราะเหตุใด จึงรู้สึกราวกับว่า ตัวเองได้เก็บเอาคำพูดของคนอื่นมาเป็ของตน[1]อยู่เสมอ
จากนั้น ก็ที่พรรคต้าเฟิง ด้วยลูกศรเพียงดอกเดียว เขาสามารถล้มาาโจรสลัดแห่งทะเลตะวันออก อย่างลั่วเทียนเกอได้ ทว่า ก่อนหน้านั้น กู่ไห่ก็ได้สังหารผู้ฝึกตนไปมากกว่าสองหมื่นคน และสามารถเอาชนะลั่วเทียนเกอ ที่มีระดับพลังเหนือกว่าได้ ผู้บัญชาการหนุ่มจึงไม่ได้ภูมิใจอะไรนัก กับการแอบอ้างเอาความดีความชอบเ่าั้
แล้วมาตอนนี้ แม้ว่าเขาจะสามารถสังหารซ่งเซิงผิงได้ แต่เหตุใดจึงได้รู้สึกคล้ายว่า ตนเองกำลังหยิบเอาผลงานของผู้อื่นมาเป็ของตนอีกแล้ว?
“พาตัวกู่ไห่มาให้ข้า!” หลี่ฮ่าวหรานสั่งเสียงเย็น
“ขอรับ!”
คนของกองกำลังเฉินจีหยิงเมื่อได้ยินเช่นนั้น จึงะโลงจากเรือเหาะ และแยกกันออกไปทั่วบริเวณ เพื่อค้นหาตัวกู่ไห่ทันที
อีกด้านหนึ่ง ชายสองคนจากกองกำลังเฉินจีหยิง ก็มายังเขตค่ายกลผลึกเกราะทอง จากนั้นก็ดึงลูกธนูสีทองออกมา
แครกๆ!
เมื่อลูกธนูถูกดึงออกทีละนิด รอยร้าวก็ค่อยๆ ปรากฏบนค่ายกลมากขึ้นเรื่อยๆ ค่ายกลป้องกันที่ผู้คนต่างกล่าวอ้าง ว่าสามารถต้านทานผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงได้ถึงหนึ่งร้อยคน บัดนี้กำลังจะพังทลายด้วยลูกธนูทองดอกนี้
ตูม!
ลูกธนูยาว ถูกดึงออกมาได้ในที่สุด
ตูม!
ทันทีที่ธนูทองหลุดออกไป ค่ายกลผลึกเกราะทองอันแข็งแกร่ง ก็ะเิเป็จุณ พื้นที่ภายในสำนักซ่งเจี่ย จึงปรากฏแก่สายตาของทุกคน
ซ่า!
มวลน้ำที่ท่วมอยู่รอบบริเวณ ได้ไหลเข้าสู่หุบเขาไปบางส่วน
“อา... โครงกระดูก! กะโหลก!”
“นี่มันอะไรกัน?”
“ไม่มีร่างกาย เหลือเพียงกะโหลกศีรษะ?”
ผู้คนมากมายต่างแตกตื่น ทันทีที่เห็นสภาพที่เกิดขึ้นภายในสำนัก
เมื่อเห็นเช่นนั้น เหล่าผู้ฝึกตนต่างก็รู้สึกหวาดผวาขึ้นในใจ
โครงกระดูกทั่วหุบเขาเหล่านี้ คือกลุ่มครึ่งอสูรอย่างนั้นหรือ? เนื้อของพวกเขาอยู่ที่ไหน? เนื้อและเืของพวกเขาหายไปไหนกัน?
ทั้งหมดนี่... เป็ฝีมือของกู่ไห่อย่างนั้นหรือ?
เสียงสูดลมหายใจดังขึ้น ความกลัวกำลังกัดกร่อนจิตใจของทุกคน ตอนนี้ พวกเขาต่างก็กังขาไม่น้อย ว่าก่อนหน้านี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
กู่ไห่สังหารศิษย์สำนักซ่งเจี่ยทั้งหมดไปแล้วจริงหรือ? พวกเขากลายเป็กองกระดูกได้อย่างไร?
ผู้คนต่างตกตะลึง ไม่เว้นแม้กระทั่งเหล่าผู้ฝึกตนที่ก่อนหน้านี้เคยหมายมั่นปั้นมือ ว่าจะขโมยลูกท้อร้อยปีจากกู่ไห่ จากสภาพที่เห็นนี้ พวกเขาคงต้องคิดไตร่ตรองให้ดีเสียแล้ว
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า คนจากกองกำลังเฉินจีหยิง พลันชะงักไป
ภาพกองกระดูกที่กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งในหุบเขาและบนที่ราบ แม้แต่หลี่ฮ่าวหราน ก็ยังรู้สึกใไม่ต่างกัน
แม้จะเคยสังหารผู้คนมานับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่เคยหลงเหลือสภาพอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ไว้ให้ใครเห็น
“กู่ไห่ นี่มัน... ไม่ต่างอะไรกับปีศาจ?” ผู้บัญชาการหนุ่มกล่าวเสียงเย็น
“ผู้บัญชาการหลี่โปรดระวังคำพูดด้วย ท่านมิได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยตาของตัวเอง ที่กู่ไห่ต้องสังหารปีศาจเหล่านี้ ก็เพื่อช่วยชีวิตพวกเราทั้งหมด” องครักษ์ของหลงว่านชิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักเอ่ยขึ้น
แม้ว่าเขาจะตื่นตระหนก และอธิบายเกี่ยวกับเื่ที่เกิดขึ้นไม่ได้ แต่ในชีวิตนี้ กู่ไห่ก็ถือว่าเป็ผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะกู่ไห่ ไต้ซือหลิวเหนียนก็คงจะยังไม่กลับมา และถ้าไม่ใช่เพราะชายผู้นี้ พวกเขาก็คงไม่รอด ดังนั้น เมื่อได้ยินหลี่ฮ่าวหรานพูดจาให้ร้ายอีกฝ่าย องครักษ์ทั้งสามจึงเอ่ยปากปกป้องทันที
“ฮึ่ม!” ผู้บัญชาการหนุ่มตอบกลับอย่างเ็า
“หึ!”
ทันใดนั้น พลันเกิดกระแสลมแรงขึ้น... เรือเหาะของไต้ซือหลิวเหนียนบินกลับมาแล้ว
“ไต้ซือ ท่านไล่ตามเจียวหลงไป ได้ความว่าอย่างไรบ้าง?” ชายหนุ่มหันมามอง พร้อมเอ่ยถาม
“หลี่ฮ่าวหราน เหตุใดท่านจึงสังหารซ่งเซิงผิง?” ภิกษุชราถามกลับ พร้อมจ้องอีกฝ่ายด้วยดวงตาวาวโรจน์
“ท่านไต้ซือ้าจะสื่ออะไร? ข้าก็แค่ช่วยท่าน ที่กำลังถูกรุมสองต่อหนึ่งอย่างไรเล่า” หลี่ฮ่าวหรานกล่าวเสียงต่ำ
ไต้ซือหลิวเหนียนมองชายหนุ่มนิ่งๆ เป็เช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แม้แต่ตอนที่อยู่ในเมือง คนทั้งสองก็หาได้ยุ่งเกี่ยวกันไม่
“ฮึ่ม!” ไต้ซือหลิวเหนียนเพิกเฉยต่อผู้บัญชาการหนุ่ม ก่อนจะเหาะตรงไปยังองครักษ์ทั้งสามของหลงหว่านชิง
...
ภายในหุบเขา
“มองตาของข้าสิ!” จู่ๆ ศีรษะของหลี่ชิงเหอก็ะโขึ้น
“ฮึ่ม!” ในดวงตาของเขา ปรากฏประกายแสงสีแดงเข้ม
กู่ไห่หันหน้าหลบ ก่อนจะฟันกระบี่เจวี๋ยเซิงโต้กลับทันที
ตูม!
กลุ่มควันดำลอยคลุ้ง แล้วพุ่งตรงไปยังศีรษะของอีกฝ่าย
แต่ ศีรษะอสรพิษกลับหลบทัน และบินหนีไปอย่างรวดเร็ว
“กู่ไห่ เ้าไม่กล้าแม้แต่จะจ้องตาข้า เช่นนี้แล้วจะจับข้าได้อย่างไร?” หลี่ชิงเหอแผดเสียง
“ห้าวันมาแล้ว แม้ว่าข้าจะจับเ้าไม่ได้ แต่พลังของเ้ากำลังลดลงเรื่อยๆ ความเร็วในการหลบหนีก็ช้าลง ครั้นจะบินหนีก็ไม่อาจทำได้ เช่นนี้แล้ว จะหนีไปได้อีกนานแค่ไหนกัน?” ชายหนุ่มหันหลังให้ศีรษะอสูร ก่อนกล่าวอย่างเยียบเย็น
ฟึ่บ!
กระบี่เจวี๋ยเซิงถูกเหวี่ยงไปด้านหลัง ก่อนกวัดแกว่งไปมารอบตัวกู่ไห่
“แม้แต่หน้าของข้ายังไม่กล้ามอง แต่กลับอยากสังหารข้า มาดูกันว่าวันนี้ จะเป็ข้าหรือเ้าแน่ ที่ต้องตาย” หลี่ชิงเหอกล่าวเสียงต่ำ
ฟ่อๆๆๆ!
อสรพิษมากมายพ่นพิษออกมาพร้อมกัน ดูราวกับตาข่ายพิษขนาดใหญ่ ที่กำลังมุ่งตรงไปยังชายหนุ่ม ขณะเดียวกัน หลี่ชิงเหอก็พยายามเต็มที่ ที่จะป้องกันการโจมตีจากอีกฝ่าย อสรพิษทั้งหลายพากันจับจ้องกู่ไห่ไม่วางตา
ตูม!
งูนับพันพุ่งเข้าใส่กู่ไห่ ปากของเหล่าอสรพิษอ้ากว้าง หมายขบกัดชายหนุ่ม ทุกอย่างดูแปลกไป เมื่อจู่ๆ กระบี่เจวี๋ยเซิงที่เคยขยับฟาดฟัน กลับหยุดนิ่ง
“จงตายเสียเถอะ... กู่ไห่!” หลี่ชิงเหอคำรามลั่น
“โฮก!”
ทันใดนั้น กลุ่มควันของกระบี่ก็พุ่งผ่านศีรษะอสูรไป
ฟ่อๆๆ!
งูนับพันที่เคยพุ่งเข้ามาก่อนหน้านี้ ชะงักค้าง ก่อนมองอีกฝ่ายด้วยความหวาดกลัว
กระบี่ไม่ได้ตัดพวกมันออกเป็สองท่อน แต่กลุ่มควันเ่าั้กลับเคลื่อนผ่านศีรษะไปอย่างนั้นหรือ?
“งูทุกตัวจ้องมองมายังกระบี่เจวี๋ยเซิงในมือขวาของข้า แต่กลับไม่สนใจมือซ้ายที่มีกระบี่ยาวนี่อยู่?” กู่ไห่กล่าวอย่างครุ่นคิด พร้อมหันหลังให้อีกฝ่ายเช่นเดิม
“เ้าเห็นได้อย่างไรว่าข้าอยู่ตรงไหน?” หลี่ชิงเหอถามเสียงสั่น อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาของตน
ทันใดนั้น ก็มีแสงสะท้อนบนมือขวาของชายหนุ่มในตอนนี้นอกจากจะถือกระบี่เจวี๋ยเซิงแล้ว ยังมีกระจกที่กำลังสะท้อนภาพศีรษะอสูรอีกด้วย
“กระจกหรือ? ไม่... ไม่...!” หลี่ชิงเหอหลับตาลงทันที ด้วยความร้อนรน
...
เวลาเดียวกัน ในอาณาบริเวณของจวนสกุลกู่
ซ่างกวนเหินที่กำลังทำหน้าที่ เฝ้าดูแลเหล่ารูปปั้นหินทั้งสามพันตัว เริ่มสังเกตเห็นถึงบางสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ รูปปั้นเ่าั้ก็สั่นไหวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ฮึ่ม!”
รูปปั้นหินทั้งสามพันเริ่มเปลี่ยนสภาพอย่างรวดเร็ว
“หึๆๆๆ!”
กองกำลังคนโฉดกว่าสามพันคน ได้ฟื้นคืนกลับมาเป็ปกติ ทุกคนในยามนี้ ต่างหอบหายใจหนัก เห็นได้ชัดว่ารู้สึกไม่สบายตัวนัก เมื่อต้องกลายเป็รูปปั้นหิน
“เกิดอะไรขึ้นกับข้ากันแน่?”
“นี่คือที่ไหน? เกิดอะไรขึ้น?”
“ตา... ดวงตาของหลี่ชิงเหอ!”
เมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ตนได้ประสบ เหล่าคนโฉดจึงกู่ร้องด้วยความเจ็บใจทันที
“พวกเ้า!” ซ่างกวนเหินะโเสียงดังลั่น
“ท่านหัวหน้าซ่างกวนเหินหรือ? เกิดอะไรขึ้น? พวกเราอยู่ที่ไหน?” เฉินเทียนซานเอ่ยถามอย่างกังวล
“ที่นี่คือจวนของนายท่านกู่ หากพวกเ้าฟื้นคืนกลับมาได้เช่นนี้ แสดงว่านายท่านจะต้องสังหารหลี่ชิงเหอไปแล้ว” ซ่างกวนเหินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“หืม?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนต่างตะลึงงัน
ภายในหุบเขา กู่ไห่วางกระบี่ของตนลง หัวของหลี่ชิงเหอยังคงอยู่ในสภาพเดิม แต่มีรูเจาะตรงกลางหว่างคิ้ว
ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้กระจกส่อง แล้วหยิบหัวอสรพิษนั้นขึ้นมา
วาบ!
แสงสีทองค่อยๆ ปรากฏออกมาจากกลุ่มงูบนศีรษะของหลี่ชิงเหอ แบบเดียวกับตอนที่ร่างเขาถูกะเิ แล้วมีแสงสีทองลอยออกมา
แสงสีทองนี้ ดูเหมือนจะมิใช่สิ่งที่จะมีไว้เพื่อความสวยงาม แต่มันคือทารกน้อยสีทอง ดูราวกับร่างในวัยเยาว์ของหลี่ชิงเหอก็ไม่ปาน
“เ้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่?” กู่ไห่ถาม พลางจ้องมองทารกสีทองในมือตน ก่อนจะหันกลับไปคว้ากระบี่เจวี๋ยเซิงขึ้นมา
ทารกน้อยสีทองนั้น ดูโปร่งใสนัก เขาหันไปมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“นี่คือ ‘ิญญาหยวนอิง’ หรือ ‘ิญญาก่อกำเนิด’ เป็หนึ่งในดวงิญญาของข้า อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร หากไร้ซึ่งสามดวงจิต เมื่อร่างดับสูญ ดวงิญญาเหล่านี้ก็จะแยกย้ายกันไปหมด” ทารกสีทองกล่าวเสียงแ่
“หยวนอิงหรือ? ระดับพลังหยวนอิง? เ้ามีพลังอยู่ในระดับหยวนอิงหรือ?” กู่ไห่ถามกลับ
“มนุษย์เรามีสามจิตเจ็ดิญญา สามจิต ได้แก่ จิตแห่งฟ้า จิตแห่งปฐี และจิตแห่งิญญา ส่วนดวงิญญานั้น ยิ่งร่างกายแข็งแกร่ง ดวงิญญาก็จะยิ่งกล้าแข็ง เมื่อเ้าบรรลุระดับหยวนอิง ก็จะสามารถพัฒนารูปร่างของดวงิญญาออกมาได้ เช่นที่ข้าเป็... ิญญาก่อกำเนิด” ทารกสีทองเอ่ยเสียงเบา
“เ้าคือหลี่ชิงเหออย่างนั้นหรือ?” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ิญญาก่อกำเนิดแสดงความขมขื่นบนใบหน้าเล็กน้อย ก่อนตอบ “ใช่! ิญญาเป็แหล่งที่มาของความแข็งแกร่ง ก่อนหน้านี้ข้ายังมีศีรษะอยู่ จิตทั้งสามจึงยังคงอยู่เช่นกัน
ดวงิญญาของข้าจึงได้เข้าไปในศีรษะ ทำให้สามารถหลบหนีมาได้จนถึงตอนนี้ แต่เ้าก็ไล่ตามไม่ลดละ เป็เวลาห้าวันแห่งการไล่ล่า จึงทำให้ดวงิญญาข้าเกือบจะถึงขีดจำกัด
เ้าทำให้จิตทั้งสามของข้า กระจายกันออกไป แต่เป็เช่นนี้ก็ดีไม่น้อย ตอนนี้จิตแห่งฟ้ากลับคืนสู่์ และจิตแห่งปฐีก็ได้ไปยังยมโลก เพื่อกลับชาติมาเกิด อย่างน้อย นั่นก็ดีกว่าต้องมีชีวิตอยู่ เพื่อกินมนุษย์เช่นก่อนหน้านี้” ขณะเอ่ย ทารกน้อยสีทองก็ค่อยๆ อ่อนกำลังลงเรื่อยๆ ราวกับว่ากำลังจะสลายหายไป
“กู่ไห่… ขอบคุณ!” จู่ๆ ิญญาก่อกำเนิดก็เอ่ยขึ้น รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้า
“เ้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก” ชายหนุ่มกล่าว พลางขมวดคิ้วแน่น
“ข้าไม่อยากเป็แบบนี้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้า้า แต่ก็ไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีกแล้ว... อนิจจา! แต่นี่ก็ถือว่าดีมากแล้ว” ิญญาก่อกำเนิดพูดอย่างแ่เบา
ฟิ้ว!
ร่างทารกของิญญาก่อกำเนิดค่อยๆ สลายตัว กลายเป็หมอกสีทองที่ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ก่อนจางหายไปในที่สุด
กู่ไห่เงียบไปชั่วขณะ
“สามจิตและเจ็ดิญญา ดวงิญญาจะเป็อย่างไรขึ้นอยู่กับร่างกาย เมื่อบรรลุระดับหยวนอิง จะสามารถพัฒนาดวงิญญาของตน และดวงิญญาก็เป็แหล่งที่มาของความแข็งแกร่ง?” เขาเอ่ยพึมพำด้วยความพิศวง
ในตันเถียน ปราณก่อกำเนิดจะถูกพัฒนาอยู่เสมอ ในอนาคตปราณก่อกำเนิดเหล่านี้ จะพัฒนาออกมาเป็รูปแบบของิญญาก่อกำเนิดอย่างนั้นหรือ?
แม้หลี่ชิงเหอจะถูกเปลี่ยนให้เป็อสูร และถูกสังหาร แต่ท้ายที่สุดก็ได้สติกลับคืนมาจนได้
กู่ไห่ถอนหายใจเล็กน้อยอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะคว้าศีรษะอสรพิษของอีกฝ่ายขึ้นมา
มือของเขาค่อยๆ เคลื่อนเข้าัักับอสรพิษนับพันที่อยู่บนหัวของหลี่ชิงเหอ ทันใดนั้นเส้นเืที่เชื่อมระหว่างศีรษะและเหล่าอสรพิษ พลันถูกผนึกเอาไว้
ชายหนุ่มทอดสายตามองออกไป ก็พบงูพิษตัวหนึ่ง กำลังว่ายน้ำมา
เขาจึงถ่ายพลังหยวน เข้าไปยังอสรพิษนับพันบนศีรษะของหลี่ชิงเหอทันที
ฟึ่บ!
ดวงตาที่ปิดสนิทพลันเปิดขึ้น เหล่าอสรพิษเริ่มเคลื่อนไหวไปมา ภายใต้การกระตุ้นโดยพลังหยวนของกู่ไห่ ทำให้แสงสีแดงเปล่งประกายขึ้นในดวงตาของหลี่ชิงเหออีกครั้ง
ฟ่อ!
งูพิษที่ว่ายน้ำอยู่ไม่ไกลนั้น เมื่อถูกแสงสีแดงอาบร่าง ก็สั่นสะท้าน และกลายเป็รูปปั้นหินไปในที่สุด
“จริงหรือนี่” ชายหนุ่มผงะเล็กน้อย
เพียงแค่ทดสอบดู ก็ทำให้รู้ว่าภายในเส้นผมงูเหล่านี้ มีพลังบางอย่างไหลเวียนอยู่ และนั่นก็คือกุญแจสำคัญ ที่นำมาสู่การปลดปล่อยแสงสีแดงที่ว่า แค่ปล่อยแสงไปเมื่อครู่ พลังก็ถูกใช้ไปถึงหนึ่งในสี่ส่วนแล้ว
“ผมงูเหล่านี้ สามารถใช้ได้อีกแค่สามครั้งเท่านั้น... ปิโตรเคมี[2]?”
กู่ไห่เก็บศีรษะอสรพิษ ลงไปในช่องว่างมิติของตนอย่างระมัดระวัง บางทีมันอาจจะมีประโยชน์ในอนาคตก็เป็ได้
-----------------------------------
[1] เก็บเอาคำพูดของคนอื่นมาเป็ของตน (拾人牙慧) เป็สุภาษิตจีน หมายถึง แอบอ้างนำผลงานของคนอื่นมาเป็ของตนเอง
[2] ปิโตรเคมี คือสารเคมีที่ผลิตจากสารประกอบไฮโดรคาร์บอน โดยผ่านกระบวนการต่างๆ ที่ต้องอาศัย ความร้อน ความดัน และการทำ ปฏิกิริยาเคมี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้