จ้านอู๋มิ่งรู้สึกว่าตนทำเกินไปแล้ว นี่เป็ครั้งแรกที่เขาใช้เคล็ดวิชาพลัง "คัมภีร์เทพอนัตตา" อย่างสุดกำลัง พลังนี้เหนือกว่าพลังใดๆ ในใต้หล้า พลังจิติญญาและพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ของฟ้าดินคล้ายยอมศิโรราบ ถูกพลังของ "คัมภีร์เทพอนัตตา" กลืนกิน ถึงกับก่อเกิดเป็หลุมดำขึ้นกลางนภากาศ เวลานี้เขาััได้ถึงประสาทััที่น่ากลัวหลายสายแผ่ขยายแทรกซึมเข้ามาในเขตแดนนี้ แต่ว่าพลังของเคล็ดวิชา "คัมภีร์เทพอนัตตา" แปลกพิสดารเกินไป ประสาทััเ่าั้ถูกดึงกลับไปทันทีเมื่อััถูกมัน ยังมิทันได้ตรวจสอบสิ่งใด
จ้านอู๋มิ่งโชคดีมากที่่เวลานี้เป็การคัดเลือกศิษย์ของแปดสำนักนิกายหลัก ใกล้เมืองหนานเจามีสัตว์ประหลาดเฒ่าและยอดฝีมือมากเกินไป ประสาทััเมื่อครู่นี้เป็ของยอดฝีมือเหนือจักรพรรดิาอย่างแน่นอน เมื่อคนเหล่านี้เจอพลังกลืนกินประหลาดพิสดาร พวกเขาก็รีบถอนประสาทัักลับไปทันที ไม่คิดตรวจสอบอีกต่อไป เป็เพราะพวกเขากังวลว่าเป็ตัวประหลาดเฒ่าของนิกายอื่นๆ กำลังฝึกฌานบ่มเพาะพลังหรือปฏิบัติภารกิจใดอยู่ที่นี่ ระหว่างสำนักนิกายด้วยกัน หากไม่เป็ปฏิปักษ์ต่อต้านกันโดยตรง ปกติแล้วจะไม่ตรวจสอบภารกิจของอีกฝ่าย นั่นกลับทำให้จ้านอู๋มิ่งสามารถเก็บความลับได้ต่อไป มิฉะนั้นแล้ว หากยอดฝีมือจักรพรรดิาทำการตรวจสอบอย่างสุดกำลัง จะต้องตรวจพบสภาวะพลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้และความปั่นป่วนวุ่นวายจนโกลาหลของพลังชีวิตแห่งฟ้าดิน ต้นเหตุหลักเป็เพียงชายหนุ่มที่เหมือนเช่นมดปลวกคนหนึ่งเท่านั้น นั่นย่อมจะเป็ภัยพิบัติของจ้านอู๋มิ่ง
ปรมาจารย์นักยุทธ์ผู้หนึ่งสามารถสร้างสภาวะพลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ออกมา สภาวะพลังที่กอปรด้วยความกดดันเหนือพลังฟ้าดินแห่งนี้ ตลอดจนสามารถสั่นสะท้านจิติญญาของผู้คนจากแหล่งต้นกำเนิดของพลังชีวิต ขอเพียงเป็ผู้มีมันสมองอยู่บ้างก็สามารถคิดออกว่าในร่างจ้านอู๋มิ่งมีความลับที่ยิ่งใหญ่ซุกซ่อนอยู่ ความลับนี้เพียงพอทำให้สำนักนิกายใหญ่ๆ หลายสำนักเกิดความบ้าคลั่ง ถึงเวลานั้นจ้านอู๋มิ่งก็จะกลายเป็เหยื่อถูกตามล่าโดยเหล่าบรรดายอดฝีมือทั่วหล้า โชคดีที่ใน่ระยะเวลาพิเศษนี้ ยอดฝีมือที่ทำการตรวจสอบล้วนให้เกียรติรักษาหน้าตากันอยู่บ้าง จึงทำให้จ้านอู๋มิ่งสามารถรอดพ้นจากวิกฤต แต่ถึงแม้เป็เช่นนี้ก็ยังทำให้จ้านอู๋มิ่งหวาดกลัวแทบตาย ไหนเลยจะกล้าเปิดเผยตัวอีก รีบก้าวข้ามผ่านนภากาศดุจภูตผีิญญาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยมาถึงเบื้องหน้าถูหย่งเฉิง ก่อนที่จิติญญาจะหายจากอาการตื่นตระหนก
ในดวงตาถูหย่งเฉิงฉายแววปล่อยวางหลุดพ้นวูบหนึ่ง ก่อนตายกลับสามารถได้เห็นทักษะการต่อสู้ที่สะท้านฟ้าะเืดินเช่นนี้ ที่คิดอยู่ในใจของมีอักษรเพียงแค่สี่คำ “ตายโดยมิเสียใจ”
“ความจริงแล้วการฆ่าเ้าก็เหมือนการละเล่นนั่นเอง” ในท้ายที่สุดจ้านอู๋มิ่งก็ยังไม่ลืมที่จะแสดงความหยิ่งผยอง มีดเล่มเล็กในมือวาดผ่านลำคอของถูหย่งเฉิง จากนั้นก็ฉายแววหัวขโมย หยิบเอาแหวนของถูหย่งเฉิงแล้ววิ่งหนีไป ขืนยังไม่หนีจากที่เกิดเหตุอีก ก็จะกลายเป็เนื้อโอชะชิ้นใหญ่ในสายตาของตัวประหลาดเฒ่าแล้ว จ้านอู๋มิ่งลอบแอบเตือนตนเอง ต่อไปจะต้องใช้เคล็ดวิชา "คัมภีร์เทพอนัตตา" อย่างระมัดระวัง ถ้าจัดการไม่ดี บางทีอาจจะกลายเป็ศัตรูตัวฉกาจของบรรดานักยุทธ์ทั่วหล้าเลยทีเดียว
จ้านอู๋มิ่งเพิ่งจากไป บนเส้นทางูเาก็ปรากฏเงาร่างขึ้นหลายสาย สถานการณ์ไม่ปกติเมื่อครู่สร้างความตื่นตระหนกให้กับสำนักนิกายหลักหลายแห่งในบริเวณใกล้เคียง เมื่อพวกเขามาถึงกลับไม่พบเห็นสิ่งใด มีเพียงซากศพที่ถูกตัดหัวซากหนึ่ง ดังนั้นผู้คนจึงรีบจากไป ในใจคาดเดาว่าตัวประหลาดเฒ่าหัวหน้าสำนักนิกายใดที่ปฏิบัติภารกิจนี้ เื่ราวที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนเองจึงไม่ขอยุ่งเกี่ยวด้วย กลับไม่มีผู้ใดตรวจสอบในเชิงลึก
หนึ่งในคนที่ไปมาอย่างรีบร้อนมีสีหน้าไม่น่าดูอย่างยิ่ง ถูเหยียนเซิ่งนั่นเอง
ถูเหยียนเซิ่งไม่เคยสงสัยเื่ที่สี่ขุนศึกแห่งถูเหยียนจะฆ่าจ้านอู๋มิ่งได้ง่ายๆ ดังนั้นตอนแรกจึงไม่คิดจะออกจากมาดู แต่พลันเขาััได้ว่าผึ้งเงาภูตผีสองตัวที่ทุ่มเทอย่างหนักเลี้ยงไว้กลับตายไปแล้วตัวหนึ่ง เื่นี้ทำให้โกรธและสงสัยอย่างยิ่งเช่นกัน ดังนั้นจึงออกนอกเมืองมาด้วยตนเอง หลังจากออกจากเมืองมา เขาไม่เห็นจ้านอู๋มิ่ง กลับเห็นศพของถูหย่งเฉิงก่อน และหลังจากนั้นไม่นาน ก็เจอศพของถูฮาฮาอีกพร้อมกับหลุมลึกขนาดใหญ่หลุมนั้น ภายในหลุมยังคงแผ่กระจายพลังจิติญญาอัคคีอันปั่นป่วน เขากระจ่างแจ้งแก่ใจ เกรงว่าสี่ขุนศึกถูเหยียนประสบคราวเคราะห์มากกว่าวาสนา ยามนี้เริ่มจะรู้สึกครั่นคร้ามต่อจ้านอู๋มิ่งขึ้นมาบ้างแล้ว มดปลวกที่แทบไม่สามารถสร้างคลื่นลูกใหญ่ใดๆ กลับกำจัดราชันาทั้งสี่ของตนไปแล้ว สำหรับตนแล้ว นี่เป็ความอัปยศอย่างใหญ่หลวง แต่ก็แสดงให้เห็นว่ามดปลวกตัวนี้ไม่ธรรมดา
“จ้านอู๋มิ่ง ข้าจะต้องฆ่าเ้าด้วยมือข้าเอง!” ถูเหยียนเซิ่งทำลายต้นไม้เล็กรอบๆ ตัวพังพินาศย่อยยับ รังสีฆ่าฟันในจิตใจเข้มข้นรุนแรงยิ่ง
……
จ้านอู๋มิ่งไม่คิดจะหยุดอยู่นอกเมือง ถึงแม้ทราบว่าถูเหยียนเซิ่งออกมานอกเมืองแล้ว
ก่อนออกนอกเมือง จ้านอู๋มิ่งกำชับเหยียนอี้ หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว กลับไปที่บริเวณใกล้ประตูเมืองทันที เฝ้าสังเกตว่าถูเหยียนเซิ่งออกนอกเมืองหรือไม่ เมื่อครู่เหยียนอี้ฉายแสงหิ่งห้อยห้าครั้ง จ้านอู๋มิ่งจึงทราบว่าถูเหยียนเซิ่งมาแล้ว
แม้ว่าเขามีแผนรับมือคนผู้นี้ั้แ่แรก แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเคล็ดวิชา "คัมภีร์เทพอนัตตา" ของตน ไม่อาจใช้อย่างพร่ำเพรื่อ ถ้าเกิดจัดการไม่ดีขึ้นมา ก็จะกลายเป็เหยื่อที่ถูกตามล่าของตัวประหลาดเฒ่าไปจริงๆ นั่นก็จะยุ่งยากแสนสาหัสแล้ว อาศัยพลังกายเนื้อล้วนๆ เพียงอย่างเดียว เขาไม่มีความมั่นใจเต็มที่ว่าจะสังหารราชันาสองดาวได้หรือไม่ นอกจากนี้คู่ต่อสู้ยังเป็ถึงศิษย์สายในของสำนักกระบี่ิญญา จะต้องมีวิธีการปกป้องรักษาชีวิตอยู่ไม่น้อย เื่ราวที่ไม่มีความมั่นใจจ้านอู๋มิ่งมิกระทำอย่างเด็ดขาด สิ่งที่เสี่ยงอันตรายเกินไปมิคุ้มค่าที่จะกระทำ ดังนั้นจ้านอู๋มิ่งเลือกถอยกลับเข้าไปในเมือง ในอนาคตมีโอกาสค่อยมาจัดการเด็ดปลายหางนี้ทิ้งไป
แต่เพียงไม่นานจ้านอู๋มิ่งก็เปลี่ยนใจแล้ว เนื่องเพราะเขาพบคนผู้หนึ่ง——เจี่ยชิง
จ้านอู๋มิ่งพบกับเจี่ยชิง เพราะเจี่ยชิงรออยู่ระหว่างทางกลับเข้าเมืองตลอดมา เขาไม่ทราบว่าจ้านอู๋มิ่งอยู่บริเวณใดของนอกเมือง และก็ไม่มีทางหาพบ แต่ถ้าค้นหาจ้านอู๋มิ่งไม่เจอ ก็ไม่มีคำตอบให้คุณหนูได้ ดังนั้นจึงได้แต่รออยู่ตรงระหว่างทางกลับเข้าเมือง คาดหวังว่าจ้านอู๋มิ่งจะกลับมาอย่างปลอดภัย และจ้านอู๋มิ่งก็กลับมาอย่างปลอดภัยแล้วจริงๆ เขาถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
“ไฉนท่านก็ออกมา?” จ้านอู๋มิ่งรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง
“คุณหนูขอให้ข้ามาหาเ้า ข้าไม่ทราบว่าเ้าอยู่ที่ใด จึงได้แต่รอตรงระหว่างทางกลับเข้าเมือง” เจี่ยชิงอับจนปัญญา
นึกถึงหลิ่วหว่านอวี๋ ในใจจ้านอู๋มิ่งก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา กล่าวยิ้มๆ ขึ้นว่า “ยังคงเป็หว่านอวี๋ที่เป็ห่วงใยข้าที่สุด” หยุดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ท่านมาได้ถูกจังหวะยิ่ง มีท่านอยู่ ข้าก็มีความมั่นใจว่าจะจัดการกับเขาได้สำเร็จแล้ว!”
เจี่ยชิงรู้สึกประหลาดใจ เกิดเื่ใดขึ้น จ้านอู๋มิ่ง้าฆ่าผู้ใด เขาก็แค่รับคำสั่งคุณหนูมารับจ้านอู๋มิ่งกลับ เวลานี้เห็นท่าทางชื่นชอบการต่อสู้ของจ้านอู๋มิ่ง ไหนเลยจะเหมือนคนที่จะมีปัญหา นี่ก็คือคนที่จะไปหาเื่เขาผู้อื่นตัวเป้งเลยเชียว
“ฆ่าผู้ใด?” เจี่ยชิงยังคงถามขึ้นคำหนึ่ง
“ถูเหยียนเซิ่ง!” จ้านอู๋มิ่งตอบอย่างแน่วแน่เด็ดขาด
เจี่ยชิงพูดไม่ออกจริงๆ ตอนที่เขาทราบว่าจ้านอู๋มิ่งอยู่นอกเมืองและ้ากำจัดถูเหยียนเซิ่งที่เป็ปลายหางที่น่ารำคาญนี้ เขารู้สึกว่าคนตรงหน้าผู้นี้ยิ่งผิดปกติเข้าไปใหญ่ ฝ่ายตรงข้ามมีราชันาสี่คนอยู่ภายใต้สังกัด และจ้านอู๋มิ่งมีเพียงเหยียนอี้คนเดียว และยังเป็แค่ราชันาหนึ่งดาว ก็ยังกล้าออกจากเมืองอย่างเงียบๆ ยังอธิบายอย่างไพเราะน่าฟังอีกว่าเป็การล่อศัตรูกำจัดคนชั่วร้าย
สิ่งที่ทำให้เจี่ยชิงยิ่งพูดไม่ออกก็คือ จ้านอู๋มิ่งกลับสามารถกำจัดราชันาทั้งหมดสี่คนนั้นไปแล้วจริงๆ เขาได้แต่พูดว่านี่คือปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง แต่ปาฏิหาริย์ที่เกิดกับจ้านอู๋มิ่ง ก็มิรู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด คนผู้นี้ไม่สามารถวิจารณ์ด้วยเหตุผลทั่วไปโดยสิ้นเชิง ั้แ่รู้จักกันมา เขามักทำสิ่งที่ทำให้ผู้อื่นคาดมิถึง อย่างไรราชันาที่เขากำจัดก็ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองคนแล้ว แม้แต่ราชันาระดับสี่ดาวและสามดาวก็ยังถูกเขาสังหารมาแล้ว ราชันาระดับสองดาวและหนึ่งดาวไม่กี่คนก็ไม่นับเป็อะไรได้
จ้านอู๋มิ่งส่องไฟเรืองแสงหิ่งห้อยหลายคราไปยังทิศทางของเหยียนอี้ ไม่นานเหยียนอี้ก็มาถึง
ก่อนหน้านี้คือหนึ่งต่อสี่ ล้วนเป็การลอบโจมตี ลอบสังหาร วางกับดัก ใช้กลยุทธ์ เฉพาะถูหย่งเฉิงคนสุดท้ายผู้เดียวเท่านั้นที่สังหารโดยตรง กลับเกือบทำให้เกิดเภทภัยใหญ่หลวงตามมา เวลานี้จ้านอู๋มิ่งเตรียมสังหารซึ่งหน้า ตนมีราชันาสองดาวผู้หนึ่ง ราชันาหนึ่งดาวคนหนึ่ง รวมทั้งตนเอง สามคนรับมือถูเหยียนเซิ่งคนเดียว และถูเหยียนเซิ่งก็แค่ราชันาสองดาว เหนือกว่าเหยียนอี้อยู่บ้างเล็กน้อยเท่านั้น แต่พวกตนมีถึงสามคน โบราณว่าไว้สามอันธพาลเฒ่าเหนือกว่าาานักมวยเก่า เขาไม่เชื่อว่าด้วยพลังของคนสามคนยังกำจัดแมลงน่ารำคาญตัวนี้ไม่ได้ ในเมื่อกล้ากรรโชกขู่เข็ญตน ก็ให้ได้ลองัักับรสชาติของสามรุมหนึ่งสักครา
……
ถูเหยียนเซิ่งเริ่มคำนวณในใจ จะใช้โอกาสในการคัดเลือกใหญ่ของแปดสำนักนิกายกำจัดจ้านอู๋มิ่งอย่างไร คนผู้นี้เป็เหมือนหนามที่ยอกอกชิ้นหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการเสียชีวิตของสี่ขุนศึกถูเหยียน เขาทราบว่าข้อได้เปรียบที่สุดของตนคือศักดิ์ฐานะ คุ้นเคยกับผู้าุโที่รับสมัครศิษย์ในสำนักกระบี่ิญญา จึงมีสิทธิ์ในการเสนอบางอย่าง สิ่งนี้เพียงพอที่จะดึงดูดคนหนุ่มเปี่ยมพร์มากมายมาประจบเอาใจตน สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ ไม่จำเป็ต้องลงมือด้วยตนเองก็สามารถเด็ดชีวิตจ้านอู๋มิ่งแล้ว
พูดถึงการถอยหลังหมื่นก้าวแล้ว ต่อให้อัจฉริยะรุ่นเยาว์เหล่านี้ไม่สามารถฆ่าจ้านอู๋มิ่ง ก็ต้องประสบพบเจอการสูญเสียด้วยน้ำมือจ้านอู๋มิ่ง การสูญเสียก็คือเป็ปฏิปักษ์ เมื่อเป็เช่นนี้ แม้ว่าจ้านอู๋มิ่งยังมีชีวิตอยู่ ก็ต้องผูกความแค้นสร้างความพยาบาทกับอำนาจเื้ัคนรุ่นเยาว์จำนวนมากอย่างแน่นอน จะคอยสร้างปัญหาให้จ้านอู๋มิ่งมิรู้จบสิ้น
นึกถึงตรงนี้ถูเหยียนเซิ่งหัวเราะแล้ว ถึงแม้เถี่ยมู่เหอจะพ่ายแพ้ แต่นั่นคือการสู้กันตัวต่อตัว ถ้าตนยุคนหนุ่มเ่าั้พากันปิดล้อมต่อสู้กับจ้านอู๋มิ่ง มิใช่จะไม่มีโอกาสที่จะฆ่า ทันใดนั้นความเย็นเยียบชนิดหนึ่ง ทำให้หัวใจของถูเหยียนเซิ่งสั่นสะท้านคราหนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้น ภายใต้แสงจันทร์ เงาร่างสองสายขวางอยู่ตรงหน้าทางเดิน สำนึกฆ่าฟันอันเข้มข้นทำให้ทราบว่าฝ่ายตรงข้ามมุ่งมาที่ตน
“จ้านอู๋มิ่ง!” ดวงตาถูเหยียนเซิ่งฉายแววประหลาดใจขึ้นวูบหนึ่ง กลับเป็จ้านอู๋มิ่งและชายชราผู้หนึ่ง ชายชราเป็เพียงราชันาหนึ่งดาว ดูลักษณะแล้วคล้ายดั่งอีกฝ่ายตั้งใจมาหาตน คิดไม่ตกว่าจ้านอู๋มิ่งมีความมั่นใจมาจากที่ใด อาศัยราชันาผู้นั้นหรือ? แต่ในเวลานี้รู้สึกดูแคลนจ้านอู๋มิ่งแล้ว การตายของถูหย่งเฉิง เป็ไปได้อย่างยิ่งที่จ้านอู๋มิ่งร่วมมือกับผู้อื่น หากเป็เช่นนี้กลับมิรู้สึกแปลกใจแล้ว
“เ้ามิใช่้าฆ่าข้าหรือ? ข้าเป็ผู้ที่เวลากระทำสิ่งใดไม่ชอบทิ้งปัญหาคาราคาซังไว้ที่สุด ไม่กลัวโจรขโมย แต่กลัวโจรผูกใจเจ็บแค้น ดังนั้นจึงคิดว่ากำจัดเ้าทิ้งเสียประเสริฐกว่า” จ้านอู๋มิ่งเอ่ยปากพูดกับถูเหยียนเซิ่งอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส
“อาศัยเ้าหรือ?” ถูเหยียนเซิ่งหัวเราะ ราชันาหนึ่งดาวหนึ่งคนกับปรมาจารย์นักยุทธ์ผู้หนึ่งคิดฆ่าตน ทำให้รู้สึกอยากจะหัวเราะ ช่องว่างต่างกันหนึ่งระดับของราชันานั้นห่างไกลนัก ต่อให้ราชันาหนึ่งดาวสองคนเผชิญกับราชันาสองดาวคนเดียวก็มีแต่พ่ายแพ้ไม่มีชนะ นอกจากนี้ถูเหยียนเซิ่งยังเป็ศิษย์ของสำนักกระบี่ิญญาอีกด้วย ไหนเลยจะสามารถนำมาเปรียบเทียบกับราชันาสองดาวทั่วไป จ้านอู๋มิ่งกลับเพ้อเจ้อคิดโต้ตอบตน
“ข้าชอบความหลงตัวเองของเ้า เนื่องเพราะเวลาเริ่มต้นยิ่งเชื่อมั่นตนเองมากเท่าไร สุดท้ายตอนเสียชีวิตยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น ถูเหยียนเซิ่ง ข้ามองเ้าในแง่ดีนะ” น้ำเสียงจ้านอู๋มิ่งเหมือนกับผู้าุโกำลังอบรมสั่งสอนผู้เยาว์
ถูเหยียนเซิ่งในใจโกรธจัด ไม่สามารถฝืนสะกดข่มสำนึกฆ่าฟันได้อีกต่อไป สภาวะพลังพลุ่งพล่านขึ้นทันใด
จ้านอู๋มิ่งส่งสายตาเป็สัญญาณกับเหยียนอี้คราหนึ่ง ใบหน้ายังคงหัวเราะร่า ถอยหลังกลับไปอยู่ด้านหลังเหยียนอี้ เห็นได้ชัดว่าไม่้าประมือต่อสู้กับถูเหยียนเซิ่งตัวต่อตัว แต่ว่าพอจ้านอู๋มิ่งถอยไป กลับทำให้สภาวะพลังของถูเหยียนเซิ่งหยุดชะงัก ตรงหน้าเขาคล้ายดั่งจู่ๆ กลายเป็ช่องว่างขึ้นมา พลังที่เขารวบรวมขึ้นกำลังจะะเิออกจึงระบายลงในช่องว่างนั้น ดุจดั่งสระน้ำที่มีน้ำอยู่เต็มเกิดมีรอยแหว่งขึ้นกะทันหัน น้ำในสระน้ำรั่วไหลออกอย่างควบคุมไม่ได้
และยามนี้เองดาบของเหยียนอี้ก็ฟันออก เป้าหมายของดาบคือตำแหน่งที่พลังของถูเหยียนเซิ่งรั่วไหลออกมานั่นเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้