ลมพัดโบก ใบไม้ปลิดปลิว ซากกระดูกถูกฝังอยู่ในเมืองร้าง
ตัวอักษรคำว่า “ตำรา” ขนาดใหญ่สั่นไหวอยู่เหนือหอตำรา ศึกแย่งชิง ณ หอฉิน หอหมากรุก และหอภาพเขียนก็สิ้นสุดลงแล้ว
ศิษย์ของสำนักซิงซิว หยวนซิว และจื๋อซิวต่างทั้งสุขและเศร้า บางคนได้รับสมบัติล้ำค่า บางคนถูกฝังไว้ที่นี่ และส่วนใหญ่ก็กำลังมุ่งหน้ามายังจัตุรัสกลางเมือง เนื่องด้วยบ่อน้ำกลืนหมอกแห่งความโกลาหลปลดปล่อยคลื่นผันผวนที่น่าเหลือเชื่อออกมา
ชิวซานอวิ๋นมองตัวอักษรที่ลอยกลางอากาศ ใบหน้าหล่อเหลาของเขามีสีหน้าเศร้าหมอง และความรู้สึกเสียใจจนอยากสังหารคนก็ปรากฏขึ้นในใจ
ทันใดนั้นก็มีเงาของสัตว์ร้ายแวบผ่านมา และมีหญิงงามนางหนึ่งอยู่บนหลังของมันอย่างเงียบๆ แต่กลับดึงดูดความสนใจของชิวซานอวิ๋น
นั่นคืออสูรนาคาน้ำแข็งระดับสาม ลำตัวสีขาวเงินยาวประมาณสิบจั้ง และมีเกล็ดส่องแสงเจิดจ้า
สตรีที่สวมผ้าคลุมหน้านั่งอยู่บนหลังอสูรนาคา ดวงตาสุกใสของนางมีประกายน้ำแข็งแหลมคม ทั่วทั้งร่างปกคลุมไปด้วยหมอกน้ำแข็ง ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงอารมณ์ที่ขุ่นมัว
“ศิษย์สำนักหานเทียน?” ชิวซานอวิ๋นมีวิสัยทัศน์ที่ไม่เหมือนใคร เขาจึงเห็นว่าอีกฝ่ายแผ่รัศมีแปลกประหลาด ทั้งยังมีอาวุธิญญาที่ผันผวนบนร่าง
“สวมกวานสีม่วงและคาดสายรัดเอวสีเขียว นี่คือเครื่องแต่งกายขององค์ชายแห่งจักรวรรดิเชียนซาน” น้ำเสียงของนางผู้นี้ช่างไพเราะ พร้อมหัวเราะเบาๆ ด้วยความเย่อหยิ่ง
“ชิวซานอวิ๋นแห่งสำนักอินทนิล”
“องค์ชายสามนี่เอง ต้องขออภัยแล้ว”
“เ้าเป็ใคร?”
“น้องสาวมีนามว่าซูอวิ๋นจากสำนักหานเทียน ยินดีที่ได้พบพี่ชายชิว” นางตอบพลางร่อนลงพื้น ชายผ้าโบกสะบัด ผ้าคลุมหน้าปลิวไสวตามสายลม เผยให้เห็นใบหน้าละเอียดอ่อนและสวยงามพริบตาหนึ่ง ก่อนจะถูกปกปิดอย่างรวดเร็ว
ความประหลาดใจฉายวาบขึ้นมาในดวงตาของชิวซานอวิ๋น ความงามของซูอวิ๋นทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย เขากวาดสายตามองร่างที่สง่างามโดยไม่รู้ตัว และรู้สึกราวกับร่างของนางบางเบาเหมือนนกนางแอ่นที่บอบบาง ทั้งยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวไหลเวียนไปทั่วร่าง
“ที่แท้ก็น้องสาวซูนี่เอง สายเืและร่างกายของเ้าช่างวิเศษเหลือเกิน” ชิวซานอวิ๋นกำลังทดสอบข้อสันนิษฐานของตน
ซูอวิ๋นตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “น้องสาวมีร่างเสวียนหาน จะเทียบกับสายเืเงาอินทนิลของพี่ชายชิวได้อย่างไร?”
ดวงตาของชิวซานอวิ๋นเป็ประกาย แม้ร่างเสวียนหานจะไม่แข็งแกร่งมากนัก ทว่าสำหรับเขาผู้มีสายเืที่ทรงพลัง ทั้งยังมีพลังงานหยางและเืลมที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ร่างเสวียนหานย่อมจำเป็ในการต่อต้านพลังเหล่านี้
ดังนั้น สตรีที่มีร่างเสวียนหานจึงเป็หมอต้มยาหยวนซิวชั้นยอด เป็ผู้บำเพ็ญเต๋าผู้มีสายเือันทรงพลังที่หลายคนใฝ่ฝัน
“ร่างเสวียนหานนั้นหายากยิ่งนัก น้องสาวซูต้องเป็อัจฉริยะในสำนักหานเทียนเป็แน่” ชิวซานอวิ๋นยิ้มและเอ่ยชมเชย
“พี่ชายชิวกล่าวชมเกินไปแล้ว” ซูอวิ๋นสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยของชิวซานอวิ๋น ทันใดนั้นก็มีความคิดอื่นแวบขึ้นมา
แม้สำนักหานเทียนจะไม่อ่อนแอ แต่ก็ไม่สามารถทัดเทียมกับสำนักอินทนิลได้
หากนางสามารถเข้าสำนักอินทนิลผ่านทางชิวซานอวิ๋น และกลายเป็ศิษย์ของหนึ่งในสามแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ละก็ ความสำเร็จในอนาคตของซูอวิ๋นย่อมไร้ขีดจำกัด
และสิ่งที่ชิวซานอวิ๋นสนใจก็คือความงดงามและรูปร่างของนาง เมื่อทั้งสองคนต่างมีความ้าที่ชัดเจน พวกเขาก็จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยในทันที
ขณะที่ทั้งคู่พูดคุยกันอย่างมีความสุข ร่างหนึ่งก็แวบผ่านไปและดึงดูดความสนใจของชิวซานอวิ๋น
“ใครกัน?”
“ผู้สัญจรผ่านไปมา” เสียงเยือกเย็นเผยความเ็า นั่นเป็เสียงของสตรี
ซูอวิ๋นเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “เ้าบังอาจซ่อนหัวและหางต่อหน้าพี่ชายชิวซานอวิ๋นแห่งสำนักอินทนิลหรือ? ช่างอาจหาญเหลือคณา!”
“ที่แท้ก็เป็องค์ชายสามแห่งจักรวรรดิเชียนซานนี่เอง น่าเสียดายที่ท่านเป็เพียงคนตามืดบอด ตกหลุมรักหญิงน่ารังเกียจที่ตอบแทนความเมตตาด้วยความเกลียดชัง นางกล้าแม้แต่สังหารคู่หมั้นของตนเองด้วยซ้ำ ข้าชื่นชมท่านจริงๆ” เสียงเ็าเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและการเสียดสี
เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของชิวซานอวิ๋นก็แสดงความไม่พอใจทันที ส่วนซูอวิ๋นก็โกรธเคืองอย่างมาก
“หุบปาก! เ้ากล้าใส่ร้ายป้ายสีข้าได้อย่างไร? จงออกไปหาที่ตายที่อื่นเถิด”
“ใส่ร้ายหรือ? มีผู้ใดในเมืองเสวียนซานที่ไม่รู้ว่าเ้าตอบแทนความเมตตาด้วยความเกลียดชัง? เ้าบีบบังคับให้ผู้ช่วยชีวิตของตนมุ่งสู่ความตาย ทั้งยังสังหารคู่หมั้นอีกด้วย ช่างไร้ยางอายเสียจริง”
“เ้าอยากตายสินะ!” ซูอวิ๋นโกรธมาก นี่เป็สิ่งที่น่าอับอายที่สุดในชีวิตของนางและมีเพียงไม่กี่คนในสำนักหานเทียนที่รู้เื่นี้ นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีคนกล้าพูดถึงเื่นี้ต่อหน้านาง เมื่อเกิดเื่เช่นนี้แล้ว นางจะมีหน้าไปพบผู้คนได้อย่างไร?
ซูอวิ๋นพุ่งเข้าหาคนผู้นั้นอย่างรวดเร็ว ในใจคิดเพียง้าสังหารหญิงนางนี้ทิ้งเสีย
“กรรมดีกรรมชั่วย่อมตามทันในวันหนึ่ง วิถีแห่ง์ยังคงเคลื่อนโคจร หากไม่เชื่อก็จงเงยหน้าขึ้น เ้าย่อมเห็นว่า์ไม่เคยละเว้นผู้ใดไม่ใช่หรือ? หากองค์ชายสามไม่อยากตายั้แ่เยาว์วัย อยู่ให้ห่างจากคนบางคนย่อมส่งผลดีกับท่านมากกว่า” ผู้หญิงคนนั้นลอยออกไปโดยไม่สนใจการโจมตีของซูอวิ๋นแม้แต่น้อย ซึ่งทำให้นางโกรธและอับอายอย่างมาก
“เ้าคนต่ำช้า! แน่จริงก็อย่าหนีสิ”
“น้องสาวซูไม่จำเป็ต้องโกรธ เห็นได้ชัดว่าคนผู้นั้น้าหว่านความขัดแย้งระหว่างเ้าและข้า”
“พี่ชายชิวช่างชาญฉลาดยิ่งนัก”
ซูอวิ๋นและชิวซานอวิ๋นทำราวกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าในใจของพวกเขากลับแฝงไปด้วยเจตนาชั่วร้าย
...
เื่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นบริเวณหอภาพเขียน
ศิษย์ของสำนักชื่อหยวนปังต่างรอดูซิ่งอวี่เจวียนอับอาย ทว่าพวกเขากลับต้องเห็นสหายร่วมสำนักของตนถูกแทงคอและกรีดร้องด้วยความเ็ป
อู่เจี้ยนหงคำรามอย่างโกรธแค้น ก่อนจะส่งเสียงะโดังลั่น “ใครกันที่กล้าใช้กลลวงต่อต้านศิษย์สำนักชื่อหยวนปังของข้า? จงออกมารับความตายเดี๋ยวนี้!”
ลมพัดหวืออย่างเกรี้ยวกราด ใบไม้ร่วงหล่นปลิวทั่วพื้น ราวกับปราณกระบี่โบยบินที่แสดงเจตนาสังหาร
ซิ่งอวี่เจวียนรู้สึกถึงบรรยากาศที่คุ้นเคย น้ำตาไหลอาบดวงหน้า ยามนี้นางอยากระบายความคับข้องใจที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้
“ถ้าไม่ออกมาข้าจะสังหารนางเดี๋ยวนี้!” อู่เจี้ยนหงขู่ขวัญแล้วมองหาผู้อาสาฆ่าซิ่งอวี่เจวียน
“ข้าเอง” ศิษย์หลักของสำนักชื่อหยวนปังคนหนึ่งะโเตะหัวซิ่งอวี่เจวียนอย่างรุนแรงจนทำให้ห้วงอากาศบิดเบี้ยว
ซิ่งอวี่เจวียนกัดฟันสู้ นางพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะเบี่ยงหัวหลบ ทว่าอาการของนางนั้นสาหัสมากจนไม่สามารถขยับหนีได้เลย
บริเวณหอภาพเขียนมีพืชพรรณเขียวชอุ่ม ต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านคล้ายร่มที่กางคลุมศีรษะของซิ่งอวี่เจวียนเอาไว้
เถาวัลย์เขียวพุ่งออกมาจากกิ่งไม้ ราวกับสายรุ้งที่ทะลุดวงอาทิตย์ด้วยความรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงพริบตาเดียวก็แทงเข้าที่หน้าอกของศิษย์ผู้ลงมือคนนั้น แล้วตรึงเขาไว้กลางอากาศ
สายโลหิตสาดกระเซ็นใส่ร่างของซิ่งอวี่เจวียน ฉากที่น่าตื่นใเช่นนี้ทำให้ทุกคนในสำนักชื่อหยวนปังโกรธจัด
“อย่าเอาแต่เก็บหัวซ่อนหาง! หากมีความกล้าก็จงออกมาเสีย!”
ลมหนาวพัดโชยมา ใบไม้ที่เหี่ยวเฉาค่อยๆ ร่วงหล่น บรรยากาศแห่งความตายอบอวลไปทั่วหอภาพเขียน
ดอกไม้ประหลาดผุดจากพื้นดิน แล้วโอบอุ้มร่างกายที่าเ็ของซิ่งอวี่เจวียนขึ้นมา พลังิญญาจำนวนมากหลั่งไหลเข้าซ่อมแซมสภาพร่างกายและจิตใจของนาง
หญ้าต้นน้อยห่อหุ้มร่างบางไว้ ใบหญ้าเขียวขจีซึ่งเต็มไปด้วยปราณกระบี่ก่อตัวเป็ป้อมปราการ ต้นไม้ใหญ่เติบโตอย่างรวดเร็วจนสูงตระหง่าน และเถาวัลย์ก็พันเป็เกลียวราวกับหอกที่กำลังร่ายรำด้วยพลังอันน่าอัศจรรย์
พืชพรรณในบริเวณนี้ล้วนเริงร่า ดอกไม้และเถาวัลย์พลิ้วไหว พร้อมเข้าล้อมบรรดาลูกศิษย์ของสำนักชื่อหยวนปังเอาไว้
ใบหน้าของอู่เจี้ยนหงเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและพูดอย่างเหยียดหยามว่า “ก็แค่ทักษะกองพลพฤกษาของพวกจื๋อซิว ที่แห่งนี้เป็เพียงถนนสายเล็ก แค่ใช้เปลวเพลิงโหมใส่ทุ่งหญ้าก็พอแล้ว!”
ศิษย์สำนักชื่อหยวนปังกว่าหนึ่งโหลรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว พวกเขาจัดตั้งค่ายกลเพลิงหยวนซิว และจุดเปลวเพลิงแห่งจิติญญาที่แผดเผา
ใบหญ้าโผล่ขึ้นจากพื้นดินประมาณสองจั้งพร้อมแกว่งไปมา ปราณกระบี่ถล่มนภาก็กวัดกวาดไปทั่ว ฉีกค่ายกลให้เกิดช่องว่างในทันที
ใบไม้เปรียบเสมือนอาวุธลับ เถาวัลย์เป็เหมือนหอก และดอกไม้เหมือนวงล้อหมุน ทั้งหมดผสานกันเป็พลังที่ท่วมท้นและโหมเข้าใส่ศัตรู
“ระวัง...อั๊ก! บ้าเอ๊ย!”
ศิษย์หลักของสำนักชื่อหยวนปังต่างกรีดร้องโหยหวน ต้นไม้ ดอกไม้ ต้นหญ้า และเถาวัลย์หลายร้อยต้นบดขยี้ค่ายกลเพลิงหยวนซิวโดยตรง ก่อนจะแทงทะลุร่างของศิษย์จำนวนมาก
อู่เจี้ยนหงแผดเสียงอย่างบ้าคลั่ง เขาตีลังกากลับหัวพร้อมเบิกตากว้างด้วยความโกรธ มือและเท้าของเขาถูกมัดด้วยเส้นเถาวัลย์ จึงทำได้เพียงดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง
ส่วนศิษย์สำนักชื่อหยวนปังคนอื่นๆ หากไม่เสียชีวิตก็าเ็สาหัส ยิ่งมีชีวิตรอดนานเท่าใด จุดจบก็ยิ่งเลวร้ายมากขึ้นเท่านั้น และเสียงกรีดร้องแห่งความสิ้นหวังก็ดังออกมาไม่หยุด
“ปล่อยข้า!” อู่เจี้ยนหงโอดครวญ อาวุธิญญาของเขาลอยออกจากแล้วทำลายเถาวัลย์ที่พันรอบมือและเท้า จากนั้นก็ทะยานขึ้นไปบนอากาศ
ห้วงอากาศคำรามพร้อมลูกศรไม้ที่พุ่งเข้ามา มันแทงเข้าที่หน้าอกของอู่เจี้ยนหงเสียงดังฟู่แล้วตรึงเขาไว้กับผนัง
“ศิษย์พี่อู่!”
เหล่าลูกศิษย์สำนักชื่อหยวนปังต่างกรีดร้อง อู่เจี้ยนหงเป็ผู้แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม ทว่าเขากลับถูกยิงทะลุชุดเกราะด้วยลูกศร
ในฐานะหนึ่งในศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งหยวนซิว ทั้งยังเป็ที่รู้จักในฐานะกลุ่มที่ดีที่สุดในใต้หล้า ใครจะนับว่าจื๋อซิวแข็งแกร่งกันเล่า?
ก่อนหน้านี้ ยามที่พวกเขาล้อมสังหารศิษย์หลักของสำนักร้อยบุปผา พวกเขาต่างก็บดขยี้อีกฝ่ายด้วยจิตใจที่หยิ่งผยอง
แล้วเหตุใดสถานการณ์จึงเปลี่ยนไปเช่นนี้?
อู่เจี้ยนหงดูิ่ทักษะกองพลพฤกษา ทั้งยังกล่าวว่าสามารถเอาชนะได้ด้วยค่ายกลเพลิงที่ร้อนแรงของสำนักชื่อหยวนปัง
แล้วผลสุดท้ายเป็เช่นใดเล่า?
หลายคนร่ำร้องครวญคราง พวกเขายอมรับผลที่เกิดในคราวนี้ไม่ได้ ส่วนซิ่งอวี่เจวียนก็หลั่งน้ำตาด้วยความรู้สึกตื่นเต้นยินดี
“เหล่าศิษย์พี่ พวกท่านเห็นสิ่งนี้หรือไม่?”
เสียงแห่งความโกรธเกรี้ยวสั่นะเืไปถึง์ ซึ่งส่งมาจากฝั่งหอตำรา
อู่เจี้ยนหงคำรามอย่างบ้าคลั่ง เขาหักลูกศรไม้บนหน้าอกทิ้งแล้วจ้องมองไปยังทิศทางนั้น ก่อนจะเห็นว่ามีร่างหนึ่งลอยเหนือพื้นดินหลายสิบจั้ง และทั้งร่างล้อมรอบด้วยเหล่าพฤกษา
ซิ่งอวี่เจวียนส่งเสียงร่ำไห้ น้ำตาเป็ประกายในดวงตา
ในที่สุดหนิงเทียนก็มาแล้ว!
ความโกรธเกรี้ยวของเขาหนักราวภูผา แรงกดดันยิ่งใหญ่เสียจนทำให้ห้วงอากาศสั่นไหว
ศิษย์เก้าในสิบคนจากสำนักชื่อหยวนปังถูกสังหาร และยามนี้เหลือเพียงสามคนเท่านั้น
ใบไม้ที่ร่วงหล่นล่องลอยตามสายลม พร้อมก่อตัวเป็สะพานกลางอากาศและหยุดที่เท้าของหนิงเทียน
“หนิงเทียน วันนี้คือวันตายของเ้า!” อู่เจี้ยนหงคำรามอย่างดุร้าย เจตนาสังหารของเขาทะยานสูง
ในฐานะผู้นำกลุ่ม อู่เจี้ยนหงย่อมไม่ยอมให้สหายร่วมรบต้องตายอย่างไร้ค่า เขาอยากทวงความยุติธรรมให้กับผู้ตาย แต่เขากลับลืมไปว่า สิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรมของเขานั้นมีพื้นฐานมาจากความชั่วร้ายที่พวกตนรุมสังหารศิษย์หลักของสำนักร้อยบุปผาก่อน
“ระวัง!” ซิ่งอวี่เจวียนร้องเตือนหนิงเทียนตามสัญชาตญาณ ทว่าศิษย์ชื่อหยวนปังสองคนที่าเ็สาหัสแต่ยังไม่ตาย กลับพุ่งเข้ามาและพยายามจะสังหารนาง
หนิงเทียนช่างเ็าอย่างยิ่ง เถาวัลย์ข้างกายพลิ้วไหวราวคมหอก ใบไม้ที่ม้วนตัวเป็ดั่งใบมีด ทำให้อู่เจี้ยนหงไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้เลย
พฤกษารอบกายซิ่งอวี่เจวียนต่างเป็กองพลที่แบกรับเจตนารมณ์ของหนิงเทียน และถูกควบคุมโดยจิติญญาของเขา
การควบคุมผ่านรอยประทับิญญา ทำให้หนิงเทียนสามารถใช้พลังของเหล่าพฤกษาเพื่อโจมตีหรือป้องกันตัวได้ ซึ่งทุกอย่างจะผสานเข้ากับทักษะต่อสู้ของเขา
วิธีนี้ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง อาจดูเหมือนเป็ทักษะเล็กๆ น้อยๆ แต่ความจริงแล้วมีพลังมหาศาล ไม่เช่นนั้นเขาจะทำลายค่ายกลเพลิงของสำนักชื่อหยวนปังโดยง่ายได้อย่างไร?
อู่เจี้ยนหงแข็งแกร่งมาก เขาอยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตผนึกดาราขั้นเก้า ทั้งยังมีสายเืพิเศษและชุดเกราะเหล็ก การป้องกันที่น่าหนาแน่นถึงเพียงนี้ คนทั่วไปย่อมไม่สามารถทำอะไรเขาได้
แต่ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด เขาก็มีแค่มือและเท้าเท่านั้น ภายใต้ทักษะควบคุมิญญาของหนิงเทียน เขาก็ทำได้เพียงหลบหนีด้วยความตื่นตระหนก
หากอยู่ในสถานการณ์หนึ่งต่อหนึ่ง หนิงเทียนอาจไม่สามารถเอาชนะเขาได้ แต่เมื่อเขาควบคุมดอกไม้ ต้นไม้ ต้นหญ้า และเถาวัลย์หลายร้อยชนิดในเวลาเดียวกัน เขาก็สามารถโจมตีฝ่ายตรงข้ามได้จากทุกทิศทาง และการป้องกันที่น่าภาคภูมิใจของอู่เจี้ยนหงก็เปราะบางลงไปทันที
บัดนี้กองทัพพฤกษาได้เผยความน่าสะพรึงกลัวออกมาอย่างชัดเจน พวกมันสังหารศิษย์ชื่อหยวนปังสองคนได้อย่างง่ายดาย และมีเพียงอู่เจี้ยนหงเท่านั้นที่หลบหนีไปได้
“หนิงเทียน...” ซิ่งอวี่เจวียนร้องไห้ แม้นางจะมีอายุและอยู่ในระดับที่มากกว่าหนิงเทียน แต่เมื่อนึกถึงความคับข้องใจที่ต้องทนทุกข์ทรมานก่อนหน้านี้ หยาดน้ำตาของนางก็เอ่อล้นออกมาอย่างไม่ขาดสาย
“ข้าขอโทษ ข้ามาช้าเกินไปแล้ว” หนิงเทียนพูดปลอบพลางโอบไหล่นางด้วยความเศร้าใจ
