เื่ที่หลิวซานกุ้ยกับจางกุ้ยฮัวอาหารเป็พิษ ได้เผยแพร่ออกจากปากของป้าหลี่กับหลี่เจิ้ง
ส่วนหลิวเต้าเซียงไม่ได้เพิ่มเติมเื่ราวอะไรเข้าไป
ไม่จำเป็ต้องเพิ่ม ไม่จำเป็ต้องอธิบาย เพียงแค่รอดูการเปลี่ยนแปลงเงียบๆ
อย่างมากที่สุดเวลามีคนถามว่าเป็เพราะอาหารที่ท่านย่าให้หรือไม่ นางได้แต่ก้มหน้า ทำสีหน้าหดหู่ แต่ไม่ยอมพูดให้ร้ายหลิวฉีซื่อแม้แต่คำเดียว
บางครั้งการไม่ตอบโต้กลับก็เป็คำตอบที่ชัดเจน
หลิวเต้าเซียงไม่ได้พูด แต่ก็ไม่อาจห้ามพวกที่ชอบคิดไปเลยเถิดได้ คำพูดเหล่านี้จึงถูกส่งต่ออย่างมีนัยยะ
สามวันต่อมา หลิวซานกุ้ยและจางกุ้ยฮัวสามารถลุกจากเตียงและเดินไปรอบๆ ได้
หลายวันมานี้ไม่รู้ว่าซูจื่อเยี่ยมัวแต่ยุ่งกับอะไร แต่ไม่เห็นตัว ทุกครั้งก็มีเพียงหมอจ้าวเครายาวปรากฏตัว
หลิวเต้าเซียงไม่ได้เอ่ยถามว่าซูจื่อเยี่ยหายไปไหน
นางเรียกเกวียนวัวมา โดยมีหลี่เจิ้งและป้าหลี่ให้ความช่วยเหลือพาพ่อแม่ของนางกลับบ้าน
ที่ไม่พึ่งคนในบ้านนั้นอาจเป็เพราะความรังเกียจที่มีต่อหลิวฉีซื่อ
จางกุ้ยฮัวมาถึงประตูบ้าน สีหน้าของนางไม่ค่อยดีนักจึงนั่งอึกอักอยู่บนเกวียนวัว
หลิวเต้าเซียงฉุกคิดได้ “ท่านพ่อ บ้านหลังนั้นใกล้เสร็จแล้วหรือ?”
หลิวซานกุ้ยเหลือบมองไปที่ประตูบ้าน ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าย่ำแย่ “ซ่อมเสร็จแล้ว เดาว่าของใช้ในบ้านก็น่าจะใกล้แล้ว”
บ้านหลังนั้นใหญ่กว่าห้องของนางตอนนี้ มีเรือนใหญ่ที่หันหน้าออกไปทางทิศใต้ สองฝั่งขนาบเรือนใหญ่มีปีกตะวันออกและปีกตะวันตก
บ้านหลังนั้นก็เหมือนกับบ้านหลังปัจจุบันของตระกูลหลิว
“แล้วคอกหมูสร้างเสร็จแล้วหรือ?” หลิวเต้าเซียงพะวงแต่เื่นี้
ดวงตาของหลิวซานกุ้ยนั้นอ่อนแอเล็กน้อย “สร้างบ้านเสร็จก็จะล้อมคอกหมูต่อ”
“ท่านพ่อ เราย้ายเข้าไปก่อนเถอะ!” หลิวเต้าเซียงเอื้อมมือออกมาคว้าแขนเสื้อของเขา
เสียงตื่นเต้นดีใจดังออกมาจากทางประตู “ท่านพ่อ ท่านแม่ น้องรอง พวกเ้ากลับมาแล้วหรือ? ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านเป็อย่างไรบ้าง ข้าได้ยินแล้ว ทุกคนบอกว่า...”
นางอุ้มหลิวชุนเซียงและมองกลับเข้าไปในบ้าน
แววตาของหลิวชิวเซียงเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา เมื่อมองดูบ้านท่านย่าที่นางทำงานรับใช้เยี่ยงวัวเยี่ยงควายมาสิบปี พอเกิดเื่กับพ่อแม่ของนาง ท่านปู่้าไปเยี่ยม แต่ท่านย่ากลับห้ามไว้ไม่ยอมให้ไป แล้วยังบอกว่า พ่อแม่ของนางดวงซวยเอง อย่าให้ท่านปู่นำความซวยกลับเข้าบ้าน
แท้จริงแล้วก็แค่กลัวว่าต้องใช้เงินของตัวเองสินะ?!
หลิวเต้าเซียงมองไปที่พี่สาวแสนดี รู้สึกว่านางโตขึ้นอย่างกะทันหัน
“ท่านพี่? ชุนเซียง เ้าคิดถึงพี่รองหรือไม่?”
อีกยี่สิบวันหลิวชุนเซียงจะอายุครบปีขวบพอดี
ขณะนี้ ดวงตากลมโตไร้เดียงสาของนางกำลังเบิกกว้างและจ้องมองหลิวเต้าเซียงอย่างสงสัย
นางเอียงศีรษะเล็กๆ เหมือนกำลังคิดอย่างจริงจัง
จากนั้นราวกับนึกได้ว่าใครอยู่ตรงหน้า จึงเอื้อมมือออกไปขอให้หลิวเต้าเซียงอุ้ม
หัวใจของหลิวเต้าเซียงอ่อนยวบยาบราวกับดินโคลน นางอุ้มหลิวชุนเซียงที่ตัวนุ่มนิ่มแล้วเดินเข้าบ้านไปก่อน
ตอนนี้หลิวซานกุ้ยเป็คนมีการศึกษา จึงรู้มารยาทค่อนข้างมาก
หลังจากที่ป้าหลี่และหลี่เจิ้งช่วยพาเขากับจางกุ้ยฮัวส่งเข้ามาที่ห้อง ก็กล่าวขอบคุณทั้งสองคน
หลี่เจิ้งเอื้อมมือออกไปตบไหล่เขา “ถ้าเ้าเลือกฤกษ์ดีๆ ได้แล้วก็บอกข้า ข้าจะให้คนไปช่วยงาน”
หลิวซานกุ้ยรีบขอบคุณเขาอีกครั้งด้วยความจริงใจ
หลี่เจิ้งแค่บอกว่าไม่ต้องกังวล ตอนที่เขาย้ายออกไป หลี่เจิ้งจะนำคนมาช่วยสนับสนุนเขาเอง
คงไม่มีใครรู้เื่นี้ชัดเจนดีเท่ากับคนที่อยู่ในสถานการณ์แล้ว
จิตใจของหลิวฉีซื่อนั้นอำมหิตเกินไป เมื่อครอบครัวหลิวซานกุ้ยเผชิญกับเื่เหล่านี้ แน่นอนว่าคงไม่อาจอยู่ต่อไปได้
“ซานกุ้ย เ้ากลับมาแล้วหรือ?”
หลิวต้าฟู่สวมชุดผ้าฝ้ายตัวสั้น ขณะนี้กำลังยืนตื้นตันอยู่ตรงหน้าประตู ไม่เจอเพียงแค่สามสี่วัน เขาดูเหมือนจะแก่ตัวไปมากนัก
หลิวต้าฟู่มองไปที่หลิวซานกุ้ยและภรรยาซึ่งดูไม่ค่อยดีนัก เขาเองก็มีความขมขื่นที่ยากจะพูดออกมา แต่ท้ายที่สุดลูกๆ กลับมาอย่างปลอดภัย เขาเองก็วางใจไปเปลาะหนึ่ง
“ให้พ่อดูหน่อย ผอมลงไปไม่น้อยเลยนะ กุ้ยฮัว พ่อต้องขอโทษด้วย เ้าอย่าได้เก็บไปคิดมาก”
ขณะที่หลี่เจิ้งยืนพินิจอยู่ตรงนั้น เขาก็รับรู้ว่ามีคนจ้องมองมาที่เขา เมื่อได้สติและหันไปดูจึงดีใจเล็กน้อย ที่แท้ก็เป็หลิวเต้าเซียงตัวน้อยที่แสนฉลาดนี่เอง
เขาหันศีรษะไปอย่างละอายใจ ประจวบเหมาะกับที่หลิวต้าฟู่กำลังสำรวจดูหลิวซานกุ้ย “ต้าฟู่ ครั้งนี้นับว่าลูกชายสามของเ้าดวงแข็ง เ้าควรสั่งสอนเมียเ้าให้ดีสักครั้ง ไม่ว่าอย่างไร เ้าก็เป็พ่อของลูก นิสัยของเมียเ้านั้นร้ายกาจเกินไป เ้าที่เป็พ่อไม่ปกป้องลูก มีอย่างที่ไหนกัน? หากเื่แพร่ออกไป ไม่ใช่แค่บุตรสาวเ้าจะแต่งออกไปยาก กระทั่งลูกๆ หลานๆ ในหมู่บ้านก็จะตกกระไดพลอยโจนไปด้วย”
ความหมายของเขา หลิวต้าฟู่พอเข้าใจ
หลิวต้าฟู่มองดูคนที่อยู่ในบ้านอย่างละอายใจ “เกิดเื่กับลูก ข้าเองก็กล่าวโทษนาง แต่นางนิสัยไม่ดี ข้าเองก็เถียงนางไม่ไหว ข้า...”
หลิวฉีซื่อมีสินเ้าสาวมากมายคอยหนุนสถานะไว้อยู่ ทำให้เขาไม่อาจแข็งข้อต่อหน้าภรรยาได้เลย
เขาเป็ชาวนาที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา จิตใจจึงไม่ได้คดเคี้ยวเหมือนหลิวฉีซื่อ
หลี่เจิ้งรู้สึกผิดหวังในตัวหลิวต้าฟู่ยิ่งนัก เขาทอดถอนใจแทนครอบครัวหลิวซานกุ้ย สุดท้ายก่อนจากไปก็ได้เอ่ยกับหลิวต้าฟู่ด้วยความหวังดี “ต้าฟู่ เราเติบโตมาด้วยกัน ข้ารู้ว่าเ้านิสัยเป็เช่นไร แต่ว่า เ้าลองดูบ้านเ้าสิ หลายปีมานี้นอกจากซานกุ้ยที่ดูแลพวกเ้า แล้วมีใครอีกหรือ? ข้าที่เป็พี่ก็ไม่ขอพูดมาก เ้าลองไปคิดดูให้ดีเถิด”
เมื่อหลิวฉีซื่อกลับมา อาหารค่ำก็เตรียมไว้แล้วโดยชุ่ยหลิว
เดิมทีหลิวฉีซื่อออกไปก็มักจะพานางไปด้วย แต่ชุ่ยหลิวออกตัวขอทำอาหารที่บ้านเอง
ตรงจุดนี้เป็ที่ชื่นชอบของหลิวฉีซื่อมาก ลูกสะใภ้ในดวงใจของนางสมควรเข้าครัวเป็
ชุ่ยหลิวไม่เพียงแค่พาออกหน้าออกตาได้ อีกทั้งยังมีฝีมือในการทำอาหาร ที่สำคัญกว่าคือ สัญญาทาสของชุ่ยหลิวแม้จะยกให้หลิวฉีซื่อแล้ว แต่ตอนนั้นฮูหยินหวงเอ่ยว่าให้ชุ่ยหลิวเอาทรัพย์สินของตนเองออกมาด้วย
ดังนั้นถึงแม้ชุ่ยหลิวจะเป็เพียงชนชั้นต่ำ แต่อันที่จริงนางนั้นมีเงิน
นางไม่้าเสียเปรียบผู้ใด ที่ยกชุ่ยหลิวให้แก่บุตรชายรองเพื่อเป็ภรรยาน้อย ก็เพราะว่าจะได้แตกกิ่งก้านสาขา ได้ทั้งคนและเงิน
หลิวฉีซื่อคิดอย่างภาคภูมิใจ จากนั้นก้าวเข้าไปในบ้านอย่างผ่อนคลาย
เมื่อเห็นหลิวเต้าเซียงอุ้มหลิวชุนเซียงนั่งเล่นใต้ระเบียง เดิมทีนางคิดจะเมินเฉยแล้วผ่านไป
แต่สุดท้ายก็หันปลายเท้าเดินมาทางปีกตะวันตก
“เต้าเซียง แล้วพ่อกับแม่ของเ้าเล่า?”
“ไม่ตายง่ายๆ หรอก!” หลิวเต้าเซียงอยากจะจับหลิวฉีซื่อมาฉีกร่างให้ได้ตอนนี้
หลิวฉีซื่อสำลักอย่างหนัก จากนั้นมองหลิวเต้าเซียง
นางเด็กไม่มีวิสัยทัศน์ เห็นทีคงต้องเป็พวกเท้าเปื้อนโคลนไปตลอดชีวิต
เมื่อนึกถึงบ้านพร้อมที่นาหนึ่งร้อยไร่ของตนเอง หลิวฉีซื่อก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองสูงส่งกว่าคนทั่วไปหนึ่งขั้น ขณะนั้นกำลังมองหลิวเต้าเซียงด้วยสายตาเหยียด
หลิวเต้าเซียงระงับความเกลียดชังในใจ แต่ก็ไม่มีอารมณ์พาหลิวชุนเซียงเล่นต่อ จึงอุ้มนางขึ้นมาและพากลับห้อง
หลิวฉีซื่อเห็นท่าทางร้ายกาจของนางก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองเสียหน้า “นางเด็กเลว หยุดเดี๋ยวนี้”
หลิวเต้าเซียงหยุดตรงประตูแล้วหันมาแสยะยิ้มใส่ “บอกให้ข้าหยุดก็ต้องหยุดหรือ?”
พูดจบก็ทิ้งหลิวฉีซื่อไว้ด้านหลังอย่างไม่ไยดี
“เ้า...” หลิวฉีซื่อโกรธมากจนเส้นเืตรงขมับเต้นตุบๆ นางนึกเสียใจทีหลัง ตอนนั้นน่าจะเล่นงานนางเด็กนี่ให้ตายไปพร้อมกัน หากไม่ใช่นางเด็กนี่ทำเสียเื่ เกรงว่าตอนนี้หลิวซานกุ้ยกับจางกุ้ยฮัวคงกลายเป็เศษดินอยู่บนสุสานหลังเขาแล้ว
เอี๊ยด ประตูบ้านเรือนหลังใหญ่ถูกเปิดออก
หลิวต้าฟู่เดินออกมาด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง ชุ่ยหลิวเห็นว่าหลิวฉีซื่อกลับมาก็เตรียมตั้งสำรับข้าวบนโต๊ะ ขณะที่หลิวต้าฟู่มีแววตาที่แฝงไปด้วยความโกรธและถลึงตามองนาง
ชุ่ยหลิวใ รีบหยิบจานแล้วถอยกลับไปอย่างเงียบๆ
“ฉีหรุ่ยเอ๋อร์ มานี่! ซานกุ้ย กุ้ยฮัว พวกเ้าทั้งครอบครัวมาที่นี่ด้วย” เขาคิดๆ ดู แล้วก็ะโไปทางห้องปีกตะวันตก “วั่งกุ้ย เ้าก็ไม่เด็กแล้ว มานี่ด้วย!”
หลิวฉีซื่อไม่เคยเห็นหลิวต้าฟู่เป็เช่นนี้มาก่อน ใจของนางเต้นรัวราวกับตีกลอง แต่นางเป็คนมีอำนาจทุกอย่างในบ้านหลังนี้ ด้วยเหตุนี้จึงยืนเท้าเอวอยู่ตรงลานบ้านเป็รูปกาน้ำชา “เ้าขึ้นเสียงกับใครกัน!”
มันเป็กลอุบายที่นางใช้จนคุ้นชิน
หลิวต้าฟู่ยังคงมีใบหน้าที่มืดมนและมองนางอย่างเ็า “หรืออยากให้ข้าตบสั่งสอนเ้าต่อหน้าลูกๆ?”
หลิวฉีซื่อใมาก นี่ไม่ใช่หลิวต้าฟู่ที่นางคุ้นเคย
“ท่านพ่อ ท่านเรียกข้าหรือ?” ใบหน้าของหลิวซานกุ้ยขาวซีด เขาเดินออกมาช้าๆ พร้อมกับห่มเสื้อหนึ่งตัว
เสียงเรียกที่อ่อนแอของเขา ราวกับกำลังสะท้อนความอำมหิตของหลิวฉีซื่อและความไม่ใส่ใจของหลิวต้าฟู่โดยไม่ต้องส่งเสียง
หลิวต้าฟู่เสียใจและรู้สึกโศกเศร้ามาก “ร่างกายยังไม่ดีขึ้นหรือ?”
ขณะที่พูดก็ยกเท้าก้าวไปทางบุตรชายสาม
“ท่านพ่อ มีเื่อะไรหรือ?”
หลิววั่งกุ้ยที่ผิวขาวซีดเช่นกัน ปรากฏตัวอย่างบังเอิญ
หลิวต้าฟู่มองไปที่บุตรชายคนเล็กที่ป่วยและยังไม่หายดีนัก จึงยิ่งทุกข์ใจมากขึ้นไปอีก
“วั่งกุ้ย เ้าช่วยพยุงพี่สามเ้ามาที่ห้องโถงหน่อย แล้วก็ไปเรียกเต้าเซียงกับชิวเซียงมา”
หลิวต้าฟู่ถอนหายใจเต็มแรง เขาอยู่มาครึ่งค่อนชีวิตจนเท้าข้างหนึ่งเหยียบในหลุมแล้ว จึงไม่อยากให้ลูกหลานเกลียดชังตนเอง
มีบางสิ่งที่เขาคิดได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง เื่วันนี้ไม่ควรปล่อยให้มันผ่านไปเช่นนี้ เขาต้องให้คำตอบแก่บุตรชายคนที่สาม
ในบ้านมีคนเพียงไม่กี่คน ไม่นานนักคนทั้งหมดก็มากันครบ
แม้แต่หลิวเสี่ยวหลันก็ถูกเรียกตัวออกมาด้วย
หลิวต้าฟู่นั่งอยู่ตรงกลาง เขาไม่ได้ให้หลิวฉีซื่อนั่งข้างๆ แต่ให้อิงเอ๋อร์ยกเก้าอี้ของนางไปไว้ด้านหน้าเขา
“เื่ของซานกุ้ย เ้าคงรู้ดีอยู่แก่ใจ”
ราวกับหมอกและควันบดบังเขา ทำให้ไม่อาจมองเห็นว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่
หลิวฉีซื่อนั่งอยู่ตรงนั้น นางเลื่อนเปลือกตาขึ้นมามองหลิวต้าฟู่ “ฮึ เ้าคิดจะทำอะไร? เปิดศาลไต่สวนหรือ เ้าคิดว่าตัวเองเป็ใคร? หากไม่มีสินเ้าสาวของข้า เ้าจะมีชีวิตอย่างเช่นทุกวันนี้หรือ อีกอย่าง ใครจะรู้ว่าสองคนนี้อ่อนแอถึงเพียงนี้ อาหารเ่าั้ทุกคนก็กิน แต่มีเพียงพวกเขาสองคนที่ป่วย ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น? พวกเขากินข้าวเที่ยงที่บ้านก็จริง แต่ใครจะรู้ว่าก่อนหน้านั้นกินอะไรไป แล้วหลังจากนั้นไปไหนต่อ?”
หลิวฉีซื่อก็ขี้ขลาด แต่นางไม่มีทางยอมรับว่าตนเองลงมืออย่างเหี้ยมโหดกับหลิวซานกุ้ย
ขณะที่หลิวเต้าเซียงนั้นคาดการณ์ไว้แล้ว
แต่นี่ไม่ใช่ประเด็น เพราะตอนที่หลิวซานกุ้ยและจางกุ้ยฮัวถูกส่งตัวไปยังโรงหมอ มีคนมากมายรู้เห็น
นอกจากนี้หมอจ้าวก็จิตใจดี หลังจากตรวจเจอสิ่งที่หลิวซานกุ้ยกับจางกุ้ยฮัวกินเข้าไปแล้ว ก็บอกต่อกับหมอท่านนั้นในโรงหมอด้วยความหวังดี เพื่อให้เขาบอกกับญาติสหายที่มาเยี่ยมผู้ป่วย
ด้วยเหตุนี้ เื่นี้จึงแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วในละแวกนั้น โดยที่หลิวฉีซื่อไม่ทันรู้ตัว
-----
