สุดท้าย เหยียนเฟยก็ไม่สามารถปลุกเยว่เยียนเยียนขึ้นมาได้ หากไม่ใช่เพราะเยว่เยียนเยียนมีการตอบสนองอยู่บ้าง เหยียนเฟยคงนึกว่าเยว่เยียนเยียนหนาวตายไปแล้ว
เหยียนเฟยที่ตกอยู่ในความสิ้นหวังเกิดกลัวขึ้นมาว่าหากรอต่อไป ฝนบนูเาอาจจะตกหนักกว่านี้ เขาจึงพยุงร่างกายที่ไม่ค่อยสบายนักเอาไว้ทั้งอย่างนั้น ฝืนยกเยว่เยียนเยียน ‘ภาระหนักพันชั่ง’ ผู้นี้ขึ้นมา แล้วแบกนางขึ้นหลังลงเขาไป
“เหล่าเฉิน...” เหยียนเฟยที่มาถึงเฉินไฮว่ชิงนั้นเริ่มจะประคองเอาไว้ไม่ไหวแล้ว เขาทรุดตัวคุกเข่าลงที่นอกบ้าน แต่กลับยังคำนึงถึงเยว่เยียนเยียน ระวังไม่ให้นางตกลงมาจากหลัง
นับว่าเฉินไฮว่ชิงยังมีจิตสำนึกอยู่บ้าง เพราะเมื่อวานเยว่เยียนเยียนและเหยียนเฟยไม่ได้กลับมาทั้งคืน นอนก็ไม่ได้หลับดี ข้าวก็ไม่ได้กิน สรุปสั้นๆ ก็คือเขานั่งรอด้วยความกระวนกระวายอยู่ทั้งคืน และยามนี้กำลังเตรียมจะออกไปออกกำลังกายตอนเช้ารับแสงอาทิตย์พอดี ทว่าแสงอาทิตย์ยังไม่ทันได้รับ ก็ต้องไปรับเหยียนเฟยที่คุกเข่าอยู่บนพื้นมาไว้ในอ้อมแขนแทน
“ไอ้หยา! นี่มันเกิดเื่อะไรขึ้น! นี่มันเื่อะไรกัน นี่มัน...” เฉินไฮว่ชิงเห็นเช่นนั้น ก็โยนของที่แต่เดิมถืออยู่ในมือทิ้งไปทันที แล้วรีบร้อนเข้าไปรับเหยียนเฟยเอาไว้
“แม่เ้า แม่นางผู้นี้เห็นว่าผอมบาง แต่แบกแล้วเหนื่อยแทบตายเลย เหล่าเฉินท่าน... มารับไป มารับไป...” เหยียนเฟยที่เหนื่อยจะตายมิตายแหล่ส่งเยว่เยียนเยียนที่อยู่บนหลังไปในมือของเฉินไฮว่ชิง แล้วยืนขึ้นมาอย่างโซซัดโซเซ เอ่ยเช่นนั้นแล้วกำลังจะเดินเข้าห้องของตนไป
“โอะ โอย...” เฉินไฮว่ชิงกำลังจะบ่นว่าเยว่เยียนเยียนช่างหนักเสียจริง เพียงพริบตาก็เห็นเหยียนเฟยเดินโซเซไปทางไหนสักทาง จึงรีบะโเรียกอีกครั้ง “เหยียนเฟย เ้าไม่เป็อะไรใช่หรือไม่ เ้าจะไปทำอะไรน่ะ?!” พูดพลางก็รุดไปข้างหน้าสองสามก้าว พยายามจะดึงตัวเหยียนเฟยที่ค่อยๆ เดินไกลออกไปเอาไว้
แต่เหยียนเฟยกลับไม่มีกะใจจะหันกลับไปตอบเฉินไฮว่ชิงเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงยกมือขึ้นโบกไปข้างหลัง โดยไม่เอ่ยอะไรออกมาเลย เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินไปข้างหน้าอย่างเดียว
เฉินไฮว่ชิงนิ่งค้างอยู่กับที่ จ้องมองแผ่นหลังของเหยียนเฟย เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จากนั้นจึงอุ้มเยว่เยียนเยียนกลับไปยังห้องของนาง จัดแจงวางเ้าตัวลงบนเตียงให้พร้อมสรรพ
เหยียนเฟยกลับมายังห้องของตน พลันล้มตัวลงบนเตียง สองตาปิดสนิท ในหัวมีเสียงดังไม่หยุด ราวกับมีอสนีบาตสองสายผ่าลั่นอยู่ในหัวของตนอย่างน่าหวาดหวั่นทั้งน่าหงุดหงิดในคราวเดียว
หลังจากเข้าสู่ห้วงนิทราไปด้วยความเหนื่อยล้า ในความฝันก็ยังคงหวนย้อนกลับไปยังเื่ราวอันแปลกประหลาดต่อเนื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นวานนี้ ตัวอย่างเช่น เหยียนเฟยและเยว่เยียนเยียนประคับประคองกันผ่านคืนฝนตกหนักกลางูเาด้วยการด่าทอกันมาได้อย่างไร หรืออย่างเช่น ทั้งสองต่างโจมตีกันในถ้ำูเามืดมิดนั้นเช่นไร บางทีเื่เล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้อาจจะสามารถรวมกันเป็หนังสือเล่มหนึ่งในอนาคตยามใดยามหนึ่งก็ได้…
จากนั้นก็ตีพิมพ์ออกไป หาเงินก้อนโตให้กับเยว่เยียนเยียนและเหยียนเฟยมากมาย แล้วเกื้อหนุนให้พวกเขาไปผจญภัยในถ้ำกันอีกครั้ง
ชื่อของหนังสือเล่มนี้นั้นเรียกว่า “ผจญภัยไปกับเหยียนและเยว่” ...คิดดูแล้วตอนที่หนังสือเล่มนี้ออกวางตลาด แบร์กริลส์ [1] อะไรนั่นคงจะต้องว่างงานไปชั่วคราวในตลาดจีนเสียแล้วล่ะ
เหยียนเฟยที่อ่อนระโหยโรยแรงนั้นสลบไสลอยู่เช่นนั้นตลอด ในระหว่างนั้นเฉินไฮว่ชิงก็ยังนำอาหารเที่ยงมาดูเขาเล็กน้อย แต่แม้ว่าอาหารเที่ยงครั้งนี้จะไม่ใช่ผักกาดขาวต้มน้ำเปล่าแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถปลุกเหยียนเฟยที่น่าสงสารขึ้นมาได้
เมื่อมองไปยังเหยียนเฟยที่มีไข้ตัวร้อนอยู่ในการหลับใหลแล้ว เฉินไฮว่ชิงถอนหายใจยาว ก่อนจะสอดมุมผ้าห่มเข้าไปให้เ้าตัว จากนั้นเขาจึงกลับไปปรุงยาที่ห้องของตนอย่างยากลำบาก
แม้ว่าร่างกายของเยว่เยียนเยียนเทียบไม่ได้กับเหยียนเฟย แต่ก็ยังดีที่เมื่อคืนเหยียนเฟยได้เรียนรู้ในการทำตัวเป็แบบอย่างว่าชายหนุ่มควรจะปฏิบัติต่อหญิงสาวในที่กันดารอย่างไร นั่นก็คือยอมให้ตัวเองล้มป่วยไม่สบาย ดีกว่ายอมให้หญิงสาวป่วยไข้ทุกข์ทรมานแทนตน แม้ว่าเหยียนเฟยที่อยู่ในความฝันจะนึกเสียใจนิดๆ ถึงอย่างไรการเป็ไข้มันก็ช่างทรมานเสียจริง
ปากและลำคอแห้งผาก ดวงตาก็หนักอึ้งจนลืมไม่ขึ้น หากจะพูดง่ายๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับโดนผีอำนัก
เฉินไฮว่ชิงสาละวนอยู่ในห้องพักใหญ่ก็ปรุงยาขนานหนึ่งให้กับเหยียนเฟยเสร็จอย่างยากเย็น ขณะกำลังจะออกจากห้องไปต้มยา ที่หน้าประตูก็ส่งเสียงของเยว่เยียนเยียนดังขึ้น “อาจารย์...”
“เอ๊ะ? เยียนเยียนเ้าตื่นแล้วหรือ...” เฉินไฮว่ชิงถอดแว่นตาของตนลง แล้วจึงหันกลับไปมองเยว่เยียนเยียนอย่างเชื่องช้า “เ้านี่นะ ทำให้ข้าเป็ห่วงแทบแย่... แต่ไม่เป็อะไรก็ดีแล้ว ไม่เป็อะไรก็ดีแล้ว...”
พูดถึงตรงนี้ เยว่เยียนเยียนจึงรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย ถึงอย่างไรตนก็ทำให้ทั้งสามคนต่างไม่สบายใจกันไปหมด... เพราะตนเพียงคนเดียว
“อาจารย์ ท่านอย่าหยอกล้อข้าเล่นสิเ้าค่ะ...” เยว่เยียนเยียนก้มหน้าลง เดินเข้าไปเบื้องหน้าเฉินไฮว่ชิง แล้วไม่ได้พูดอื่นใดอีก เฉินไฮว่ชิงเองเพียงแค่ยิ้มอย่างขมขื่นเล็กน้อย แม้ในใจจะรู้สึกว่าตนเองไม่ได้หยอกล้อเยว่เยียนเยียนเลย เพียงแค่กำลังพูดความจริงก็เท่านั้น! แต่ปากกลับไม่กล้าแก้ต่างเื่นี้กับเยว่เยียนเยียนเลยแม้แต่น้อย
ถึงอย่างไรตอนนี้เหยียนเฟยก็ล้มป่วยเสียแล้ว หากเยว่เยียนเยียนหนีไปอีกครั้ง เช่นนั้นก็คงต้องให้ตนถ่อสังขารแก่ๆ นี้ไปตามหาแล้วล่ะ
“ก็ได้ๆ จากนี้ไปก็อย่าพรวดพราดไปเช่นนี้อีกนะ” เฉินไฮว่ชิงตบลงบนไหล่ของเยว่เยียนเยียนเบาๆ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม ชั่วขณะที่เยว่เยียนเยียนหลุบตาลง ก็บังเอิญเห็นห่อยาในมือของเฉินไฮว่ชิงเข้าพอดี “เอ๊ะ ห่อยานี้จะเอาให้ใครหรือเ้าคะ? หรือว่า… เหยียนเฟย...?”
เมื่อนั้นเฉินไฮว่ชิงถึงนึกขึ้นมาได้ ห่อยาในมือของตนนั้นเตรียมเอาไว้ให้กับเหยียนเฟยคนไข้ผู้นั้น... เขาจึงตบหัวตัวเองราวกับนึกขึ้นได้ เอ่ย “โธ่เอ๊ย! เ้าไม่พูดข้าก็ลืมไปแล้ว เ้าคนโง่นั่นน่ะ เมื่อวานคงจะทนหนาวอยู่ทั้งคืน ยามนี้กำลังมีไข้สูงเชียวล่ะ... ข้ากำลังจะไปต้มยาป้อนเขา เ้ารีบไปพักผ่อนเถอะ!”
เหยียนเฟยป่วยหรือ?!
เหยียนเฟยเ้าคนน่ารำคาญนั่น... คาดไม่ถึงว่าจะป่วย
ตนไม่ควรจะดีใจอย่างนั้นหรือ? เยว่เยียนเยียนเกิดความรู้สึกที่ไม่มั่นคงนักขึ้นมาในใจ คงจะเป็ความละอายใจต่อเหยียนเฟยนั่นเอง ถึงอย่างไรเมื่อคืนเหยียนเฟยก็คอยดูแลตนอยู่ตลอดไม่ใช่หรือ?
เมื่อคิดเช่นนั้น เยว่เยียนเยียนก็พลันวู่วาม แย่งห่อยาในมือของเฉินไฮว่ชิงมา แล้วเอ่ยกับเขา “ไม่เป็ไร ท่านอาจารย์ไปพักผ่อนเถอะเ้าค่ะ ยานี้ ข้าจะต้มเอง!”
ไม่ทันรอให้เฉินไฮว่ชิงพูดอะไร เยว่เยียนเยียนก็โบกห่อยาในมือแล้ววิ่งหายวับไปทันที... เหลือเพียงเฉินไฮว่ชิงที่สับสนมึนงงอยู่ท่ามกลางลมหนาวแต่เพียงผู้เดียว
“แต่ว่าเยียนเยียน ข้ายังไม่ได้บอกวิธีต้มเลย...”
ถึงแม้น้ำเสียงของเฉินไฮว่ชิงนั้นดังพอที่หยุดยั้งความเสียหายได้ทัน แต่ดูแล้วเยว่เยียนเยียนที่วิ่งไปไกลนั้นคงจะไม่ได้ยิน เห็นเพียงเงาหลังที่ไกลออกไปด้วยความลิงโลด
แน่นอนว่า ความกังวลของเฉินไฮว่ชิงนั้นไม่ได้ไร้เหตุผล ถึงอย่างไรเยว่เยียนเยียนก็เป็หญิงสาวที่แม้แต่ผักกาดขาวต้มน้ำเปล่าก็ยังทำได้ไม่ดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงงานที่มีต้องใช้ฝีมือมากเช่นการต้มยา
ผลไม่ต่างจากที่คาด ตอนที่เฉินไฮว่ชิงรีบรุดมาถึงห้องครัวที่เยว่เยียนเยียนต้มยา... เื่แรกที่เขาต้องทำก็คือดับไฟ
“ช่างเถอะๆ ยาห่อนี้คงใช้ไม่ได้แล้ว อาจารย์เปลี่ยนกับเ้าก็แล้วกัน!” ใบหน้าของเฉินไฮว่ชิงเต็มไปด้วยเขม่าขี้เถ้า เขาไอไปพลางเอ่ยกับเยว่เยียนเยียนไปพลาง
เยว่เยียนเยียนที่อยู่อีกด้านกลับมีท่าทีอึดอัดใจอย่างยิ่ง มองเฉินไฮว่ชิงด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “ไม่เอาเ้าค่ะอาจารย์ ท่านให้ข้าลองอีกครั้งเถอะ ถึงอย่างไรเหยียนเฟยก็เป็ไข้เพราะคอยดูแลข้า ข้าเองก็อยากจะช่วยทำอะไรเพื่อเขาบ้าง!”
ช่วย? หากให้เยว่เยียนเยียนต้มยาให้เหยียนเฟย น่ากลัวว่าคงไม่ใช่การช่วย แต่คงจะเป็ระบายแรงแค้นต่างหาก! เฉินไฮว่ชิงอึดอัดใจเกินกว่าจะพูดออกไป จึงได้แต่เอ่ยเลี่ยง “พอแล้วเยียนเยียน หากรอเ้าต้มยาเป็ เหยียนเฟยก็ป่วยตายกันพอดี... ข้าต้มเอง พอถึงเวลาเ้าเอาไปส่งก็ได้ไม่ใช่หรือ?”
เยว่เยียนเยียนที่ได้หนทางประนีประนอมตบมืออย่างดีอกดีใจ พลันกลายเป็... เครื่องจักรปรบมือ แมวน้ำน้อย
เชิงอรรถ
[1] แบร์กริลส์ (贝爷) เอ็ดเวิร์ด ไมเคิล กริลส์ หรือ แบร์ กริลส์ เป็นักผจญภัยชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียง เขาเป็ที่รู้จักจากซีรีส์ทางโทรทัศน์ Man vs. Wild
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้