ขณะที่กล่าวเนี่ยตงไห่ก็หยิบป้ายคำสั่งแผ่นหนึ่งจากหน้าอกออกมาส่งให้กับเนี่ยเทียน
ป้ายคำสั่งขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือเมื่อมาอยู่ในมือให้ความรู้สึกเย็นเฉียบราวกับทำมาจากหยกเย็นชิ้นหนึ่ง
หน้าตรงของป้ายคำสั่งสลักรูปหอแห่งหนึ่ง ที่มีเครื่องประดับส่องแสงแพรวพราวระยิบระยับบนหลังคา หอแห่งนี้มีอาวุธวิเศษงดงามมากมายตั้งกองอยู่ เมื่อพลิกป้ายคำสั่งกลับเนี่ยเทียนก็เห็นคำว่า “หอหลิงเป่า” ทันที
“นี่คืออะไรรึขอรับ?” เนี่ยเทียนกล่าวอย่างสงสัย
“ป้ายคำสั่งที่เอาไว้ใช้ร่วมการประลอง” เนี่ยตงไห่ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก็อธิบายอย่างละเอียด “เ้าเองก็รู้ว่ารอบด้านเมืองเฮยอวิ๋นของเรายังมีเมืองที่ขนาดเท่ากันอีกหกแห่ง เมืองหกแห่งนั้นแบ่งออกเป็เมืองซุ่ยกู่ เมืองจิงเหลย เมืองอั้นซิง เมืองหานสือ เมืองเหลิ่งเยว่ เมืองหวงซา”
“ในบรรดาเมืองทั้งหกแห่งนั้น มีตระกูลที่เหมือนกับตระกูลเนี่ยของพวกเราอยู่เยอะมาก ซึ่งตระกูลพวกนั้นต่างก็พึ่งพาอำนาจของผู้ฝึกลมปราณที่ต่างกันออกไป”
“ในูเาและแม่น้ำระหว่างเมืองทั้งเจ็ดมีสำนักผู้ฝึกลมปราณที่แข็งแกร่งสี่แห่ง สำนักหลิงอวิ๋นเป็เพียงแค่หนึ่งในนั้น”
“นอกจากสำนักหลิงอวิ๋นแล้วยังมีหอหลิงเป่า หุบเขาเทาและอารามเสวียนอู้”
“เมืองเฮยอวิ๋นของพวกเรา ตระกูลเนี่ยรับใช้สำนักหลิงอวิ๋น ตระกูลอันพึ่งพาหอหลิงเป่า ตระกูลอวิ๋น... ถือเป็ตระกูลในสังกัดของหุบเขาเทา”
“ตระกูลของอีกหกเมืองที่เหลือซึ่งเหมือนตระกูลเนี่ยของพวกเราต่างก็เป็ตระกูลมนุษย์ที่อยู่ในสังกัดของหอหลิงเป่า สำนักหลิงอวิ๋นหุบเขาเทาและอารามเสวียนอู้ช่วยผู้ฝึกลมปราณทั้งสี่ขั้วอำนาจใหญ่หักร้างถางพงขุดเขาหาแร่ให้แก่พวกเขา ช่วยพวกเขาปลูกพืชวิเศษหรือไม่ก็จัดการเื่ราวต่างๆ ในโลกมนุษย์ให้กับพวกเขา”
เนี่ยเทียนสีหน้าจริงจังฟังพลางพยักหน้าไปด้วย “เป็อย่างนี้นี่เอง”
“ว่ากันว่าหอหลิงเป่า สำนักหลิงอวิ๋น หุบเขาเทาและอารามเสวียนอู้ต่างก็อยู่ในสังกัดของพันธมิตรผู้ฝึกลมปราณแห่งหนึ่ง แม้ว่าขั้วอำนาจของผู้ฝึกลมปราณทั้งสี่นี้ต่างก็เป็พันธมิตรเดียวกัน แต่โดยส่วนตัวแล้วกลับมีการแข่งขันกันเอง การชิงดีชิงเด่นระหว่างคนรุ่นเล็กเกิดขึ้นให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง”
“การแข่งขันเดิมทีก็เป็การขัดเกลาประสบการณ์ที่จำเป็ของผู้ฝึกลมปราณอย่างหนึ่ง”
“ผู้ที่ควบคุมอำนาจของผู้ฝึกลมปราณทั้งสี่สำนักนั้น อันที่จริงแล้วต่างก็จงใจให้ท้ายเื่การแข่งขันระหว่างผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาด้วยกัน ในสายตาของพวกเขาผู้ฝึกลมปราณที่มีพร์ที่แท้จริงแล้วคิดจะไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของขอบเขตล้วนจำเป็ต้องผ่านประสบการณ์เหล่านี้ทั้งสิ้น”
“เนื่องด้วยในปีนั้นตัวพวกเขาเองก็เดินนำหน้าคนรุ่นเดียวกันไปทีละก้าวอย่างนี้เช่นกัน สุดท้ายถึงได้ประสบความสำเร็จอย่างปัจจุบัน”
“เพื่อขัดเกลาเด็กรุ่นเล็ก ขั้วอำนาจใหญ่ทั้งสี่นี้จึงมักจะจงใจสร้างสถานการณ์ความขัดแย้งที่เป็เอกลักษณ์ขึ้นมาเป็ประจำเพื่อให้เด็กรุ่นเล็กได้แข่งขันกันเอง ระหว่างการแข่งขันก็ได้ฝึกฝนการควบคุมพลังิญญาอย่างชำนาญและลึกซึ้ง เพื่อบรรลุถึงความมหัศจรรย์ที่แตกต่างกันออกไปของแต่ละขอบเขต”
“แน่นอนว่าภายใต้การวางแผนของพวกเขาทุกอย่างล้วนอยู่ในการควบคุม”
“เช่นเดียวกับครั้งนี้...”
พูดมาถึงตรงนี้เนี่ยตงไห่ก็หยุดไปครู่หนึ่งให้เนี่ยเทียนได้คิดตามคำพูดของเขา
เนี่ยเทียนขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานก็เข้าใจจุดประสงค์ของสำนักผู้ฝึกลมปราณใหญ่ทั้งสี่นั้น พยักหน้าเพื่อให้เขาพูดต่อไปได้
“ผืนแผ่นดินกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตามีโลกลึกลับแปลกประหลาดดำรงอยู่มากมาย โลกลึกลับเ่าั้ตั้งอยู่ในฟ้าดินเดียวกันกับพวกเขาแต่กลับมีความมหัศจรรย์ที่แตกต่างกันออกไป”
“โลกลึกลับบางแห่งอันตรายอย่างถึงที่สุด จนถึงทุกวันนี้ก็ยังมิอาจถูกปราบปรามได้”
“แล้วก็มีโลกลึกลับบางแห่งที่เมื่อผ่านการกวาดล้างจากขั้วอำนาจใหญ่ทั้งสี่จึงถูกวิเคราะห์ศึกษาอย่างถึงรากถึงโคนไม่มีความลับใดหลงเหลืออยู่นานแล้ว”
“โลกลึกลับแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า “มายามรกต” ที่หอหลิงเป่าเป็ผู้ควบคุมก็คือโลกลึกลับที่ถูกพิชิตอย่างสมบูรณ์แบบ ข้าได้ยินมาว่าโลกมายามรกตเพิ่งถูกค้นพบ ด้านในนั้นไม่เพียงแต่มีสัตว์วิเศษระดับสูงทั้งยังมีเผ่าพันธุ์ที่ดุร้ายแตกต่างไปจากพวกเราอยู่ด้วย”
“แต่ว่าภายใต้การร่วมมือกันของผู้ฝึกลมปราณแข็งแกร่งทั้งสี่สำนักใหญ่เผ่าดุร้ายในโลกมายามรกตรวมไปถึงสัตว์วิเศษระดับสูงเ่าั้จึงถูกถอนรากถอนโคนเสียเกลี้ยง”
“วัตถุวิเศษระดับสูงในโลกมายามรกตซากกระดูกของสัตว์วิเศษ ความลับของคนต่างเผ่าถูกขั้วอำนาจยิ่งใหญ่ทั้งสี่แบ่งฮุบกันไปนานแล้ว”
“แต่โลกมายามรกตยังคงดำรงอยู่”
“เนื่องจากสี่ขั้วอำนาจใหญ่้าฝึกเกลาเด็กรุ่นเล็ก จึงจงใจเหลือสัตว์วิเศษระดับต่ำเอาไว้ไม่ฆ่าทิ้ง ทุกระยะห่างหลายปีก็จะจัดให้เด็กในขอบเขตหลอมลมปราณเข้าร่วมประลองในโลกมายามรกต”
“ให้พวกเขาใช้การถูกข่มขู่อย่างเหมาะสมจากสัตว์วิเศษ ใช้การแก่งแย่งชิงดีระหว่างกันมาขัดเกลาเทคนิคการต่อสู้ของตัวเอง ขัดกล่อมจิตใจของตัวเองบรรลุถึงความมหัศจรรย์ของขอบเขตพลัง”
“เนื่องจากโลกมายามรกตเป็ของหอหลิงเป่า ดังนั้นการประลองทุกครั้งหอหลิงเป่าจึงมีอัตราผู้เข้าประลองสิบห้าคน”
“สำนักหลิงอวิ๋น หุบเขาเทาและอารามเสวียนอู้ต่างก็มีกันสำนักละสิบอัตรา”
“การประลองครั้งนี้ก็เป็เช่นเดิมอำนาจยิ่งใหญ่ทั้งสี่จะจัดหาเด็กรุ่นเล็กขั้นหลอมลมปราณสี่สิบห้าคนเข้าไปในโลกมายามรกต”
“ไม่นานมานี้ข้าก็เพิ่งได้ยินมาว่าเนี่ยเสียนเองก็เป็หนึ่งในสิบชื่อของสำนักหลิงอวิ๋น เนี่ยเสียนถึงหลอมลมปราณขั้นเก้าแล้วขาดอีกแค่ก้าวเดียวก็เหยียบย่างเข้าสู่ท้าย์ได้แล้ว สำนักหลิงอวิ๋นเองก็หวังเป็อย่างยิ่งว่าเมื่อผ่านโอกาสครั้งนี้เขาจะสามารถบรรลุถึงความมหัศจรรย์ในการใช้พลังิญญาจากนั้นก็เลื่อนขั้นสู่ท้าย์ได้อย่างราบรื่น”
“ตลอดทั้งสำนักหลิงอวิ๋นมีเพียงสิบอัตรา พวกลูกหลานของผู้เฒ่าในสำนักก็ฮุบกันไปแล้วหลายอัตรา อัตราที่เหลือสำนักหลิงอวิ๋นจึงมอบให้กับตระกูลอื่นที่พึ่งพาพวกเขาเช่นเดียวกับตระกูลเนี่ยของพวกเรา”
“ตระกูลเนี่ยกลับไม่ได้เป็หนึ่งในนั้น”
“เนื่องจากตระกูลเนี่ยของพวกเราไม่ได้อัตรา ดังนั้น... เื่นี้ข้าจึงไม่ได้บอกกับเ้า”
พูดมาถึงตรงนี้เขาก็มองป้ายคำสั่งในมือของเนี่ยเทียนอย่างลึกล้ำแล้วกล่าวว่า “ข้านึกไม่ถึงเลยว่านางหนูตระกูลอันนั้นถึงกับส่งป้ายคำสั่งมาให้เ้าอย่างนี้”
“เห็นได้ชัดว่านางคิดจะให้เ้าเข้าไปในโลกมายามรกตด้วยป้ายคำสั่งแผ่นนี้เพื่อให้หอหลิงเป่าหรือคนใดก็ตามของตระกูลอันคอยจับตามองเ้าในโลกมายามรกต หวังจะสืบหาความลับของการเกิดรอยร้าวห้วงมิติจากตัวเ้า”
“แม้ว่าข้าจะรู้จุดประสงค์ของนางแต่โอกาสเช่นนี้ก็หาได้ยากยิ่งจึงตัดสินใจให้เ้าไปลองดู”
ในความเป็จริงแล้วก่อนหน้าที่จะเข้ามา ใจของเนี่ยตงไห่ยังคงลังเลว่าจะให้เนี่ยเทียนไปที่โลกมายามรกตดีหรือไม่
เด็กรุ่นเล็กที่เข้าไปในโลกมายามรกต ส่วนหนึ่งนั้นคือลูกศิษย์ของหอหลิงเป่า สำนักหลิงอวิ๋น หุบเขาเทาและอารามเสวียนอู้ อีกส่วนหนึ่งก็คือผู้มีพร์จากแต่ละตระกูลในเมืองทั้งเจ็ด
ผู้ที่ได้เข้าไปส่วนใหญ่แล้วมักจะอยู่ในขั้นหลอมลมปราณหกจนถึงหลอมลมปราณเก้า แล้วก็มีคนหลายส่วนที่มักจะขาดอีกก้าวเดียวก็ถึงท้าย์
ในโลกมายามรกตเพียงแค่ไม่ให้มีคนตาย ไม่ว่าจะเป็การสู้รบแบบใดก็เกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การต่อสู้จึงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง หากถูกคนโจมตีจนาเ็หนักก็ไม่สามารถโทษคนอื่นได้
เนี่ยเทียนที่อยู่แค่หลอมลมปราณหกจะให้ไปโลกมายามรกตในตอนนี้เดิมทีเขาไม่วางใจอย่างมากคิดจะยอมทิ้งโอกาสไป
ทว่าเมื่อเขาเข้ามาในห้องแล้วสังเกตเห็นหินชิงเหยียนนั้นแตกกระจายเป็เสี่ยงๆ ร่วงเต็มพื้น...
เขาจึงเปลี่ยนความคิดในทันที
“ท่านตา! โลกมายามรกตนั่นข้าต้องเข้าไปให้ได้! ท่านวางใจเถอะอยู่ในนั้นข้าไม่มีทางเสียเปรียบแน่นอน!” เนี่ยเทียนกำป้ายคำสั่งที่อันซืออี๋มอบไว้อย่างแน่น ตลอดร่างของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ฮึกเหิมปณิธานในการรบพลุ่งพล่าน
ไม่รู้ว่าเหตุใดพอนึกถึงการต่อสู้กับคนวัยเดียวกันในโลกมายามรกต เืของเขาก็พลันเดือนพล่านอยากจะพุ่งเข้าไปในนั้นเสียเดี๋ยวนี้
ราวกับว่าั้แ่เกิดมาเขาก็กระหายการสู้รบอยู่แล้ว!
“ดี!” เนี่ยตงไห่เองก็ััได้ถึงความปรารถนาในการรบของเขา
“ป้ายคำสั่งนี้มาจากหอหลิงเป่าเ้าต้องเข้าไปในนั้นพร้อมกับคนของหอหลิงเป่า พรุ่งนี้เช้าจะมีคนของหอหลิงเป่ามารับเ้าที่ตระกูลเนี่ยพาเ้าไปที่โลกมายามรกต”
“สิ่งของใดที่อาจก่อให้ห้วงมิติเกิดการเปลี่ยนแปลงทางที่ดีที่สุดเ้าควรเก็บไว้ในที่มิดชิดอย่านำเข้าไปในโลกมายามรกตด้วย”
“อีกอย่างเมื่ออยู่ในโลกมายามรกตข้าเชื่อว่าจะมีคนของหอหลิงเป่าจับตามองเ้าอยู่ เ้าต้องระมัดระวังให้มาก”
“เข้าใจแล้วขอรับ” เนี่ยเทียนพยักหน้า
เขาเองก็รู้ดีว่าอันซืออี๋ไม่มีทางนำป้ายคำสั่งของโลกมายามรกตมามอบให้โดยไร้สาเหตุเป็แน่ ในโลกมายามรกตจะต้องมีคนของอันซืออี๋คอยจับตามองเขาอยู่ตลอดเวลาแน่นอน เพราะหวังจะไขปริศนาการเปลี่ยนแปลงของห้วงมิติที่ตระกูลเนี่ย เพื่อจะได้ดินแดนลึกลับที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมอีกหนึ่งแห่ง
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าจะไม่เอากระดูกสัตว์ชิ้นนั้นเข้าไปที่โลกมายามรกต
......
เวลาเดียวกัน ณ ตระกูลอวิ๋น
อวิ๋นจื้อกั๋วสีหน้าปิติยินดีฮัมเพลงมาตลอดทางที่กลับมายังบ้านของตัวเอง
ในห้องหยวนชิวอิ๋งและอวิ๋นซงลูกของนางและยังมีคนสนิทอีกสองสามคนที่นางพามาจากตระกูลหยวนรอคอยเขาอยู่ด้วยความร้อนใจนานแล้ว
มองเห็นอวิ๋นจื้อกั๋วกลับเข้ามาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้าหยวนชิวอิ๋งพลันตื่นเต้นรีบถามขึ้นว่า “เป็อย่างไรบ้าง? ่ชิงมาได้หรือไม่?”
อวิ๋นจื้อกั๋วหัวเราะฮ่าๆ
“ซงเอ๋อเพิ่งอายุสิบเอ็ดปีก็อยู่ในขั้นหลอมลมปราณหกแล้วตลอดทั้งตระกูลอวิ๋นแน่นอนว่าต้องเป็เขาที่มีคุณสมบัติไปโลกมายามรกต!”
“ข้าก็คิดไว้แล้ว” หยวนชิวอิ๋งหัวเราะเบิกบาน “ไม่เห็นแก่หน้าภิกษุสงฆ์ก็ควรต้องเห็นแก่หน้าพระพุทธรูป ตระกูลหยวนของข้าคือตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหานสือต่อให้ในบรรดาตระกูลที่พึ่งพาหุบเขาเทาจะมีมากมาย ทว่าตระกูลหยวนของข้าก็อยู่อันดับหนึ่ง ข้าแต่งงานกับเ้าก็ถือว่าลำบากข้ามากพออยู่แล้ว แน่นอนว่าตระกูลอวิ๋นต้องให้เกียรติครั้งนี้แก่ท่านพ่อข้า”
“ใช่แล้วใช่แล้ว” อวิ๋นจื้อกั๋วหัวเราะเสียงดัง
“หากไม่ได้แต่งงานกับเ้าเกรงว่าอัตราครั้งนี้คงจะไม่สามารถเอามาให้ซงเอ๋อได้ จริงๆ ข้าได้ดีเพราะบารมีเ้าโดยแท้”
“เข้าใจก็ดีแล้ว” หยวนชิวอิ๋งพึงพอใจกับท่าทีของเขามาก
ขณะที่นางกำลังจะพูดอะไรบางอย่างก็เห็นว่ามีคนคนหนึ่งเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าแปลกประหลาด คนผู้นั้นก็คือข้ารับใช้าุโของตระกูลหยวนที่นางจัดการให้ไปฆ่าเนี่ยเฉี่ยนและเนี่ยเทียน
“นายหญิงข้าเพิ่งได้ข่าวมาว่าอันซืออี๋ให้คนนำป้ายคำสั่งไปให้เ้าเด็กเนี่ยเทียนนั่น"
“เนี่ยเทียน!” หยวนชิวอิ๋งถลึงตากว้างนึกถึงคำพูดที่เนี่ยเทียนดูิ่นางเมื่อครั้งที่อยู่หน้าหอหลิงเป่าโทสะก็พลันพุ่งปะทุขึ้นมากลางใจ “ซงเอ๋อ! รอบนี้หยวนเฟิงพี่ชายของเ้าก็ไปที่โลกมายามรกตเช่นกันเสี่ยวเฟิงเป็หลานที่ข้ารักมาั้แ่เด็กเมื่อหนึ่งปีก่อนเขาก็เหยียบย่างเข้าสู่หลอมลมปราณเก้าถูกหุบเขาเทารับตัวไปแล้ว”
“เมื่อไปถึงโลกมายามรกตเมื่อเ้ากับเสี่ยวเฟิงเจอเ้าเนี่ยเทียนนั่น พวกเ้าต้องพยายามกำจัดมันเพื่อข้าให้ได้!” หยวนชิวอิ๋งกล่าวสั่งความอย่างโเี้
“ท่านแม่ท่านวางใจเถอะ ข้ารู้ว่าควรจะทำเช่นไร!”
------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้