เมิ่งอู่เอื้อมมือออกไปแตะ ค่อยพบว่ามือเปื้อนเืกำเดาดังคาด นางอดไม่ได้ที่จะแหงนหน้าก่อนกล่าว "แค่รู้สึกร้อนนิดหน่อย อาจเป็เพราะอากาศแห้งกระมัง"
เมิ่งอู่กล่าวพลางตักน้ำเย็นในถังเก็บน้ำมาล้างหน้าหนึ่งกระบวย ยามนั้นเองจิตใจที่ฮึกเหิมก็จืดจางลง
นางยังเช็ดคราบเืที่ปลายนิ้วของอินเหิงออกด้วย จากนั้นหยิบผ้าขนหนูแห้งผืนหนึ่งออกมา ก่อนกล่าวอย่างกระตือรือร้น “อาเหิง ให้ข้าเช็ดผมให้เ้าเถิด”
อินเหิง “อืม”
เมิ่งอู่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา จับเส้นผมของเขา แล้วใช้ผ้าขนหนูซับน้ำ
นิ้วของนางลูบไปตามเรือนผมสะอาด นุ่มลื่นราวกับลูบผ้าไหม ครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
เมื่อซับน้ำส่วนใหญ่ออกไปแล้ว กอปรกับสายลมยามค่ำพัดโชย ไม่นานผมของอินเหิงก็แห้งไปกว่าครึ่ง และทิ้งตัวลงระบ่าและสาบเสื้อตามใจชอบ
จากนั้นเมิ่งอู่ค่อยเข้าไปอาบน้ำ
อินเหิงนั่งพิงเก้าอี้เข็นเงียบๆ อยู่ในลานเรือน เสียงน้ำเบาๆ ดังแว่วผ่านประตูห้องอาบน้ำที่ปิดอยู่
เขาเงยหน้าเล็กน้อย มองดูดวงดาวยามรัตติกาลเหนือศีรษะ ใกล้และไกลยินเสียงกบในทุ่งนาร้องระงมตลอดเวลา สุนัขของครอบครัวใดก็ไม่รู้เห่าขึ้นกะทันหันสองครั้ง
ยามค่ำคืนที่นี่งดงามยิ่งยวด
เมื่อเมิ่งอู่อาบน้ำเสร็จ ปลายผมของนางยังมีน้ำหยดอยู่ ดูคล้ายเพิ่งชะล้างั์ตาคู่นั้นที่กระจ่างใสดุจจันทราในน้ำ กระเพื่อมไหวบางๆ
"อาอู่ ให้ข้าเช็ดผมให้เ้าด้วยเถิด"
ปฏิบัติต่อผู้อื่นเหมือนที่ผู้อื่นปฏิบัติต่อตนเอง แน่นอนว่าเมิ่งอู่เห็นด้วยสุดใจ ก่อนขยับม้านั่งมานั่งตรงหน้าอินเหิง นิ้วเรียวของอินเหิงสางผมให้นางอย่างอ่อนโยนจนรู้สึกคันยุบยิบนิดหน่อย
เมิ่งอู่ส่งเสียงครางเบาๆ เป็ระยะๆ
อินเหิงเอ่ยถาม "สบายหรือไม่?"
เมิ่งอู่กล่าวอย่างเพลิดเพลิน "อาเหิง ไฉนนิ้วของเ้าถึงดีกว่าหวีไม้เล่า"
อินเหิงหลุบตาลงครึ่งหนึ่ง นิ้วเรียวเกี่ยวปอยผมข้างหูของนางขึ้นเบาๆ แล้วใช้ผ้าขนหนูซับน้ำให้แห้ง เขาจับจ้องใบหูเล็กๆ สีขาวนวลของนาง ติ่งหูนุ่มนิ่มกลมเกลี้ยงน่ารักมาก นางแตกต่างจากคุณหนูตระกูลใหญ่ที่มักเจาะหูและสวมต่างหูประดับมุก
ติ่งหูของนางไม่มีรอยเจาะ
อินเหิงตอบว่า "อาจเพราะนิ้วมือยืดหยุ่นกว่าหวีไม้กระมัง"
อินเหิงลูบนิ้วไปตามขมับของนาง อาจเป็เพราะลมหายใจของเขาที่รินรดอยู่ข้างหูโดยไม่ตั้งใจ ัับางเบานี้พาให้ใบหูของนางเป็สีชมพู
กาลก่อนเมื่อใดก็ตามที่ลมหายใจอ่อนโยนของอินเหิงรินรดข้างหู เมิ่งอู่มักร้อนผะผ่าวที่หูเป็พักๆ แต่บางทีนางเองก็ไม่ได้ตระหนักว่าใบหูของนางไวต่อความรู้สึกแดงง่าย ยิ่งไม่คิดว่าจะให้อินเหิงเห็น
อินเหิงชะงักนิ้วเล็กน้อย จู่ๆ ดวงตาสีอ่อนที่เ็าในยามปกติก็เปลี่ยนเป็มืดมนระคนลุ่มลึก
เมิ่งอู่ยังไม่รู้ตัว หรี่ตาอย่างสบายๆ ก่อนกล่าว "เ้าหยุดทำไม?"
เรือนผมของนางละเอียดและอ่อนนุ่ม อินเหิงประคองไว้ในมือ ราวกับกำลังประคองเม็ดทรายละเอียดหนึ่งกำมือแล้วปล่อยให้ไหลผ่านหว่างนิ้ว
เมิ่งอู่รู้สึกว่าสองมือของอินเหิงดั่งมีมนต์สะกดจริงๆ ทำให้นางรู้สึกเกียจคร้านและคันยุบยิบ คาดไม่ถึงว่าจะสบายจนดึงความง่วงงุนและความเหนื่อยล้าของนางออกมาได้
ยามที่ผมแห้งไปกึ่งหนึ่ง เปลือกตาของนางก็เริ่มปิด
เมื่ออินเหิงเช็ดผมให้นางจนเกือบแห้งแล้ว และกำลังจะปลุกนาง คาดไม่ถึงว่านางกลับหลับไปเสียแล้ว ศีรษะผงกไปข้างหน้า
อินเหิงตาไวมือไว กอดไหล่ของนางไว้ มือเดียวก็กอดตัวของนางกลับมา
นางเอนตัวอิงแอบอยู่ในวงแขนของอินเหิงเบาๆ
อินเหิงก้มลงมองนาง ก็เห็นวงหน้าพริ้มเพรา ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท เขาอดเปล่งเสียงกระซิบถามข้างหูของนางไม่ได้ “หลับไปแล้วหรือ?”
เมิ่งอู่ขยับตัวเล็กน้อยในอ้อมแขนของเขาคล้ายกำลังพยายามหาตำแหน่งที่สบายมากขึ้น
อินเหิงฉวยโอกาสนี้กระชับวงแขน กอดนางไว้อย่างมั่นคง ก่อนกล่าวว่า “นอนหลับข้างนอกเยี่ยงนี้อาจไม่สบายเอาได้”
ทว่าน่าเสียดายที่ยามนี้เขาอุ้มนางกลับเข้าห้องไม่ได้
เมิ่งอู่รู้สึกตัวตื่น สะลึมสะลือถามว่า “ข้าเผลอหลับไปตื่นหนึ่งแล้วหรือเนี่ย มือของอาเหิงช่างสบายเหลือเกิน” นางยังคงซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา ยกมุมปากขึ้นก่อนฉวยโอกาสกล่าว “ไอ้หยา เ้าจะได้นอนหลับสบายเหมือนกัน ไม่ได้การ ข้าจะกอดเ้าเอง”
กล่าวเยี่ยงนั้นแล้ว นางก็เอื้อมมือไปโอบเอวของอินเหิงไว้ แล้วอดกอดเขาแน่นไม่ได้
อินเหิงตัวแข็งทื่อเล็กน้อย เขาเพียงก้มหน้าลง แล้วใช้นิ้วสางผมข้างขมับของนาง กล่าวเสียงแ่ๆ เบาๆ แต่ฟังแล้วเย้ายวนชวนให้คนลุ่มหลง “เมิ่งอู่ ยามนี้เ้ากำลังรังแกข้าจนข้าลุกไม่ขึ้นใช่หรือไม่”
เมิ่งอู่เงยหน้าแล้วหรี่ตามองเขาด้วยแววตาคาดหวัง ก่อนกล่าวอย่างมั่นใจ “เ้าใส่ร้ายข้า ข้าทั้งรักทั้งเอ็นดูเ้าแทบไม่ทัน แล้วจะเต็มใจรังแกเ้าได้อย่างไร”
อินเหิงกระตุกมุมปากอย่างคลุมเครือ กล่าวว่า “ช่างเถิด ต่อให้พูดไปเ้าก็ไม่เข้าใจ ได้เวลากลับไปพักผ่อนแล้ว”
เมิ่งอู่จึงผละออกจากวงแขนของเขา ปัดผมยาวของตนเองไปไว้ด้านหลัง ยืดตัวบิดี้เีหนหนึ่ง จากนั้นก็เข็นอินเหิงเข้าห้อง
แม้กระดูกขาของอินเหิงจะเหยียดตรงได้แล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์ดี นางจึงนำไม้มาดามขาให้เขาอีกครั้ง ก่อนพยุงเขาให้นอนลง จากนั้นจึงกลับเข้าห้องของตนเอง
นอนหลับฝันดีตลอดทั้งคืน
คิดไม่ถึงว่าวันรุ่งขึ้น ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านจะรู้กันทั่วว่า พวกอันธพาลประจำหมู่บ้านไปกินดื่มที่เรือนของเมิ่งอู่ ยังมีบางคนเห็นเมิ่งอู่กับอันธพาลพวกนั้นเดินกลับไปกลับมาในป่า...
ชาวบ้านต่างก็มีปากพูด เป็ธรรมชาติที่จะเลี่ยงเสียงซุบซิบนินทามากมายไม่ได้
พูดถึงหวังสี่ซุ่นกันดีกว่า คราแรกเขายุยงให้เหล่าอันธพาลไปหาเื่เมิ่งอู่ แต่ตนเองโดนทุบตีกลับ ต่อมายามที่พวกอันธพาลไปแก้แค้น เขาก็อ้างว่าาแยังไม่หายดีและเลือกที่จะมองเฉยๆ
หวังสี่ซุ่นคิดอย่างสะใจว่า เมิ่งอู่ยั่วโมโหคนที่ไม่สมควรยั่วโมโหมากที่สุดในหมู่บ้าน ต่อให้เขาไม่ลงมือแทรกแซง คนพวกนั้นก็จะทำให้นางกินไม่หมดแอบห่อเอากลับ [1] อย่าคิดว่าจะได้อยู่อย่างสงบสุขอีกต่อไปเลย!
ทว่าหวังสี่ซุ่นคาดไม่ถึง เพียงไม่กี่วันอันธพาลเ่าั้กลับเปลี่ยนท่าทีเป็ฝ่ายเดียวกันและยืนอยู่ข้างเมิ่งอู่อย่างสมบูรณ์
ยิ่งกว่านั้นพวกอันธพาลยังขับไล่หวังสี่ซุ่นออกจากกลุ่มของพวกเขาอย่างสิ้นเชิงด้วย
นั่นเป็เพราะหวังสี่ซุ่นเคยพยายามรังแกเมิ่งอู่ รังแกหัวหน้าใหญ่ก็เท่ากับรังแกพวกเขา อีกทั้งหวังสี่ซุ่นยังไม่ซื่อสัตย์ ปล่อยให้ผู้อื่นยืนหยัดแทนเขา ส่วนตนเองกลับเป็เพียงเต่าหดหัว
ต่อจากนี้ไปเหลือหวังสี่ซุ่นคนเดียว แล้วจะมีผู้ใดในหมู่บ้านเกรงกลัวเขาอีกเล่า หากเขากล้าก่อเื่เดือดร้อน ชาวบ้านก็จะร่วมมือกันลงโทษเขาเป็แน่
เมื่อเอ่ยถึงเื่นี้ ชาวบ้านล้วนถอนหายใจโล่งอก
บัดนี้เนื้อร้ายประจำหมู่บ้านที่ทำร้ายทุกคนหาได้น่ากลัวอีกต่อไปไม่
ทว่าหวังสี่ซุ่นไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ในใจเต็มไปด้วยความชิงชัง จึงป่าวประกาศไปทั่วว่า ยามอยู่ในทุ่งข้าวฟ่าง เมิ่งอู่ตกเป็ของเขาแล้ว
ในเมื่อเมิ่งอู่ไม่ยอมปล่อยเขาไป เขาก็จะทำให้เมิ่งอู่เงยหน้าไม่ขึ้นชั่วชีวิต
เขาเล่าเื่ราวให้ทุกคนที่พบเจอฟังอย่างสมจริงสมจัง ยังเล่าถึงกลอุบายต่างๆ ที่เขาใช้ และขั้นตอนอย่างละเอียด ยิ่งฟังมากยิ่งทำให้ผู้คนเชื่อง่ายว่าเป็เื่จริง
นางเซี่ยถือมีดออกจากครัว เมิ่งอู่เห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปกอดนางไว้ก่อนกล่าว “ท่านแม่ ท่านแม่ ใจเย็นก่อนเ้าค่ะ เื่พวกนั้นไม่มีอะไร”
นางเซี่ยกล่าว “ปล่อยข้า กล้าใส่ร้ายป้ายสีบุตรสาวข้า ข้าจะไปฆ่าเขา!”
อินเหิงเอ่ยว่า “ฮูหยิน มีดเล่มนั้นไม่เร็วพอ ฟันทีเดียวคงไม่ขาด เนื้อกับหนังน่าจะยังติดกันไม่น่ามอง เืของมนุษย์เหม็นคาว หากเลอะมือก็จะมีแต่กลิ่นเหม็น ยากจะล้างออกขอรับ”
นางเซี่ย “...” มือสั่น “เ้า...เ้าอย่ามาทำให้ข้ากลัว!”
……….
[1] กินอาหารที่ร้านไม่หมด แอบห่อเก็บไว้ในเสื้อคลุมแล้วออกไป หมายถึง ก่อเื่เลวร้ายหรือทำให้เกิดเื่ไม่ดีขึ้นก็จำต้องแบกรับผลที่จะตามมา