“พี่ใหญ่หยาง พวกท่านจะติดตามข้าได้อย่างไร?” เซียวเฉินถามด้วยรอยยิ้มขื่น “พวกเราสามคนไม่ใช่คนของแคว้นกู่ สุดท้ายก็ต้องจากไป”
หยางเยี่ยนยิ้ม “ท่านวางใจเถอะ พวกเราพี่น้องอยู่ที่แคว้นกู่ได้ ในเมื่อตอนนี้ท่านเป็ผู้ปกครองแคว้นกู่แล้ว ย่อมสามารถเคลื่อนย้ายแคว้นกู่ได้”
คำพูดของหยางเยี่ยนทำให้คนทั้งสามใ
เคลื่อนย้ายแคว้นกู่?
หลังจากเซียวเฉินใไปชั่วขณะก็กล่าวว่า “ข้าจะลองดู”
เซียวเฉินว่าแล้วก็หลับตา ลองใช้การรับรู้ติดต่อสื่อสารกับแคว้นกู่ ความคิดกระเพื่อมไปรอบด้าน เวลาค่อยๆ ผ่านไป ขณะที่ทุกคนมีสีหน้ากังวล จู่ๆ ก้นทะเลสาบก็เกิดเสียงดังสนั่น วังหลวงแต่ละหลังอันหรูหราโอ่อ่าถูกดึงขึ้นสู่เวิ้งนภา
วังแต่ละหลังคือวังหลวงของแคว้นกู่
วังหลวงที่พวกเขารับการสืบทอดก่อนหน้านี้
ฉู่หยวนและฉู่เยียนหรานตะลึงงันไปโดยสมบูรณ์
พวกหยางเยี่ยนด้านหลังต่างมีสีหน้าลิงโลดยินดี พวกเขาไม่ได้เห็นวังหลวงของแคว้นกู่มานานแล้ว นานจนความทรงจำของพวกเขาเลือนราง บัดนี้แคว้นกู่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง พวกเขาแต่ละคนต่างพลุ่งพล่าน
ทุกคนมีสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง
แคว้นกู่ลอยค้างกลางอากาศ ปิดฟ้าบังตะวัน แผ่รัศมีเจิดจรัสและปลดปล่อยอานุภาพกดดันแห่งา ดุจเมือง์ลงมายังโลกมนุษย์
วิ้ง วิ้ง!
“พี่ใหญ่หยาง ต่อไปข้าควรทำอย่างไร?” เซียวเฉินถาม นี่เป็ครั้งแรกที่เขาเรียกวังหลวงแคว้นกู่ ใหญ่กว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนฮวงหลายสิบเท่า นี่คือเมืองทั้งเมือง [1] เชียวนะ!
“นำเข้าสู่ห้วงการรับรู้ของท่าน”
เซียวเฉินมีสีหน้าเคร่งขรึม ดวงตามีแสงเสวียนวาบขึ้น จากนั้นแคว้นกู่ก็ปลดปล่อยแสงเสวียนร้อยจั้ง เจิดจ้าสุดขีด เมืองวังขนาดั์ค่อยๆ หดเล็กลง ส่วนพวกหยางเยี่ยนก็กลายเป็ลำแสงลอยเข้าไป สุดท้ายเมืองวังก็กลายเป็ลำแสงลอยเข้าตรงหว่างคิ้วของเซียวเฉิน
จากนั้น เสียงของหยางเยี่ยนก็ดังมาจากในห้วงการรับรู้ของเซียวเฉิน “เฉินเซียว หากต่อไปจะเรียกพวกเรา ท่านแค่ใช้การรับรู้เรียกก็พอ”
“อืม” เซียวเฉินพยักหน้า
หลังจากเซียวเฉินเก็บทัพชิงหลงไว้ในห้วงการรับรู้ ใบหน้าก็มีรอยยิ้มเจิดจรัส ถึงอย่างไรนี่ก็เป็กองทัพอันแข็งแกร่งขั้นเสวียนเต๋าห้าชั้นฟ้าขึ้นไป เมื่อทอดสายตามองดูแล้ว แคว้นเยี่ยและแคว้นชางหวงก็นำออกมาไม่ได้
กองทัพนี้เป็ผู้ช่วยของเซียวเฉินอย่างไม่ต้องสงสัย!
และเป็ไพ่ตายของเขา!
“พี่ใหญ่เฉิน ต่อไปท่านก็จะสร้างแคว้นใช่หรือไม่?” ฉู่เยียนหรานมองเซียวเฉินด้วยรอยยิ้มงดงามดุจบุปผา ดวงตาโค้งเป็จันทร์เสี้ยว น่ารักน่าชัง
“สหาย เช่นนั้นข้าจะเป็ท่านอ๋อง” ฉู่หยวนก็เอ่ยยิ้มๆ ตอนนี้เซียวเฉินสยบทัพชิงหลงได้แล้ว กองทัพอันแข็งแกร่งเช่นนี้สามารถช่วยเซียวเฉินออกรบได้อย่างแน่นอน การสร้างกลุ่มอิทธิพลระดับสูงสุดนั้น ต่อให้เป็แว่นแคว้นหนึ่งก็มิใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้
เวลานี้ พวกเขาจึงพบศักยภาพของเซียวเฉิน
เป็บุคคลไร้เทียมทาน หงส์ัในมวลมนุษย์!
ฉู่หยวนและฉู่เยียนหรานมองเงาร่างอันสง่างามโดดเด่นนั้นก็รู้สึกชื่นชม พวกเขาเชื่อว่าต้องมีสักวันที่เด็กหนุ่มตรงเบื้องหน้าจะขึ้นสู่จุดสูงสุดและทอดตาลงมองทวยราษฎร์
“ได้ หากมีวันนั้น ข้าจะให้สหายขึ้นสู่จุดสูงสุดกับข้า” ดวงตาของเซียวเฉินเปล่งประกายดุจดวงดาวอันเจิดจรัส
“พวกเราไปกันเถอะ”
“อืม”
เงาร่างสามสายหายไปจากที่เดิมอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกัน ทางทิศตะวันออกในเขตแคว้นกู่เป็พื้นที่รกร้าง มีแถบเมฆดำบนเวิ้งนภา ให้ความรู้สึกไม่สบายใจสุดขีดแก่ผู้คน ราวกับมีอะไรถูกสะกดไว้ภายใต้เวิ้งนภานั้น
สายลมเย็นเยียบพัดผ่าน เสียงหวีดหวิวทำให้หวาดกลัวจนตัวสั่น
ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีโลหิตไหลเป็สายธาร กลิ่นคาวเืคละคลุ้ง มีศพหลายสิบศพนอนระเกะระกะบนพื้น เืจับตัวแข็ง ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความพรั่นพรึง ตายตาไม่หลับ ไม่ว่าบุรุษ สตรี เด็ก และคนชรา ไม่มีใครรอดสักราย
มีร่างในชุดสีขาวยืนอยู่ในหมู่บ้าน ใบหน้าของเด็กหนุ่มซีดขาวไร้สีเื ซีดจนน่ากลัว แต่แววตากลับชั่วร้ายผิดปกติ ไม่มีตาขาว มุมปากมีโลหิตสด
เด็กหนุ่มเลียโลหิตสดข้างปาก เห็นได้ชัดว่ายังกระหาย
เขาคือฆาตกรตัวเอ้ที่ฆ่าล้างหมู่บ้าน ลงมือเข่นฆ่าอย่างไร้ขีดจำกัด กลิ่นคาวโลหิตย้อมท้องฟ้าผืนนี้จนกลายเป็สีแดงฉาน
“โลหิตของเด็กน้อยรสชาติหวานอร่อย” เสียงหัวเราะของเด็กหนุ่มน่าสยองขวัญ ดวงตาทอประกายดุร้าย
“เฉินเซียว เ้าบีบให้ข้าเดินเส้นทางสายนี้เอง เ้าทำให้ข้าไม่มีทางไป ข้าต้องฆ่าเ้าให้ได้ และใช้โลหิตของเ้ามาเพิ่มพลังฝีมือข้า ข้าจะให้เ้าตายไร้ที่ฝัง!”
เด็กหนุ่มกล่าว เมื่อเงาร่างเคลื่อนไหวก็หายไปจากหมู่บ้าน
หากเซียวเฉิน ฉู่หยวน และฉู่เยียนหรานอยู่ที่นั่นด้วย พวกเขาต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน เพราะเด็กหนุ่มใบหน้าซีดขาวที่ฆ่าล้างหมู่บ้านเมื่อครู่ไม่ใช่ใครที่ไหน คือโอวหยางจิ้งแห่งตระกูลโอวหยางในแคว้นเยี่ย!
ทางใต้ในเขตแคว้นกู่ มีทะเลไร้ขอบเขต คลื่นั์ถาโถม มีฟ้าแลบฟ้าผ่าเป็ระยะบนเวิ้งนภา เป็ภาพทิวทัศน์วันสิ้นโลก ราวกับวินาทีถัดไปโลกจะถูกทำลาย ตรงหน้าผาริมทะเล มีบุรุษหนึ่งคนกับสตรีหนึ่งคน
ครืนครัน!
มีฟ้าแลบและอัสนีสีฟ้าอ่อนกรีดผ่านนภา
คลื่นั์ม้วนตัวสูง สาวน้อยมองบุรุษที่อยู่ด้านข้าง กล่าวว่า “พี่ ท่านคิดจะใช้อัสนี์ฝึกวิชาจริงๆ หรือ?” ใบหน้าอันงดงามของสาวน้อยมีแววกังวล ส่วนใบหน้าของเด็กหนุ่มมีรอยยิ้ม
“อืม” เด็กหนุ่มรับคำ จากนั้นก้าวออกมา เท้าเหยียบอากาศ ต่อยหมัดจู่โจมเวิ้งนภา สายฟ้าทะลักลงมาอย่างบ้าคลั่งทันควัน แสงวิชชุกลายเป็กระแสไฟสีฟ้าฟาดเปรี้ยงใส่เด็กหนุ่มอย่างหนักหน่วง
ตูม!
แกร่ก!
สายฟ้าผ่าร่างของเด็กหนุ่มอย่างรุนแรง ร่างของเด็กหนุ่มเกิดอันตรายถึงชีวิตและร่วงจากกลางอากาศ เหมือนว่าวสายขาด สาวน้อยที่อยู่ริมหน้าผาตื่นตระหนก
“พี่...”
“ชิงโหรว อย่าเข้ามา มันอันตราย...”
...
มุมหนึ่งบนเวทีต่อสู้ บุรุษใส่หน้ากากคนหนึ่งต่อยหมัดจู่โจม ราวกับกฎเกณฑ์ที่บรรจุอยู่ระหว่างฟ้าดินมีพลังทำลายล้างไร้ขีดจำกัดที่สามารถทะลุความว่างเปล่าได้ โจมตีจนคู่ต่อสู้ของเขาต้องถอยร่นไม่หยุด สายตาเขาเ็า มีเพียงการต่อสู้เท่านั้น
ตูม!
ตูม!
เขากระแทกหมัดอย่างต่อเนื่องจนคู่ต่อสู้ของเขาพ่นโลหิตสด สุดท้ายต้องเลือกยอมแพ้และออกจากการต่อสู้ เสียงโห่ร้องรุนแรงดังขึ้นด้านล่างเวทีในพริบตา
เด็กหนุ่มหันกายจากไปโดยไม่เอ่ยวาจา
ไม่มีใครรู้ฐานะที่แท้จริงของเขา ไม่รู้ว่าเขามาจากที่ใด พวกเขารู้เพียงแค่ว่า นับจากเขามาที่นี่ การต่อสู้แต่ละครั้งทำให้คนเืลมพลุ่งพล่าน สู้จนอกสั่นขวัญแขวนทุกครั้ง ไม่ค่อยพ่ายแพ้
หลังเด็กหนุ่มจากไปก็ถอดหน้ากากออกมา นั่นเป็ใบหน้าที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ดวงตาของเขามีประกายวาบขึ้น...
ผู้มีพร์นับร้อยของแคว้นเยี่ยเข้าไปในเขตแคว้นกู่ บัดนี้พวกเขาแต่ละคนต่างมีชะตาชีวิตของตนเอง บางคนได้พบโชควาสนาระดับสูงสุด บางคนแสวงหามรรคาระดับสุดยอด บางคนมีชีวิตอยู่เพื่อต่อสู้ และบางคนเดินบนเส้นทางของผู้ฝึกวิชาชั่วร้าย
แต่ละคนต่างมีชะตาชีวิตของตนเอง...
---
[1] วังหลวงทั้งวังประกอบด้วยหลายตำหนัก มีลักษณะเป็เมืองวัง เหมือนพระราชวังต้องห้ามที่เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน