ตอนที่ 9 ใยแมงมุมในม่านแพร
ก้าวแรกของการเป็ "เงา" นั้น ต้องเยียบเย็นและไร้ร่องรอยดุจสายลมในฤดูเหมันต์
เยว่หลิงเข้าใจสัจธรรมข้อนี้ดีกว่าใคร นางไม่ได้รีบร้อนเคลื่อนไหวในทันที แต่กลับใช้เวลาสองสามวันถัดไปในการสังเกตการณ์และวางรากฐานสำหรับแผนการของนางอย่างเงียบเชียบ นางทำตัวให้กลมกลืนไปกับกิจวัตรประจำวันของซ่างฝูจวี๋อย่างแเียิ่งกว่าเดิม ทำงานหนักขึ้น ยิ้มแย้มมากขึ้น และแสดงความนอบน้อมต่อทุกคนมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อเหมยเซียง
นางรู้ดีว่าความเกลียดชังและความริษยานั้น เปรียบเสมือนงูพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด หากโจมตีมันซึ่งๆ หน้า มันย่อมพุ่งฉกกัดกลับมาอย่างสุดชีวิต แต่หากใช้น้ำผึ้งเคลือบยาพิษค่อยๆ ป้อนให้มันกิน มันจะตายลงอย่างช้าๆ โดยไม่รู้ตัว
โอกาสของนางมาถึงใน่ปลายปี เมื่อซ่างฝูจวี๋ต้องทำการตรวจนับและสรุปบัญชีผ้าไหมแพรพรรณทั้งหมดที่ถูกเบิกจ่ายไปตลอดทั้งปี มันเป็งานที่น่าเบื่อหน่ายและซับซ้อนอย่างที่สุด บัญชีแต่ละเล่มทำจากกระดาษซวนจื่อ หนาหนัก ถูกบันทึกด้วยพู่กันอย่างละเอียดลออเป็พันๆ บรรทัด ทุกรายการต้องถูกตรวจสอบย้อนกลับไปยังใบเบิกและลายมือชื่อของผู้รับผิดชอบ ห้องเก็บเอกสารใน่เวลานี้จึงเต็มไปด้วยนางกำนัลที่นั่งหลังขดหลังแข็งอยู่กับกองบัญชีจนดึกดื่น กลิ่นหมึกและกลิ่นอับของกระดาษเก่าลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศ
นี่คือฉากหลังที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับแผนการของนาง
เย็นวันหนึ่ง เยว่หลิงจงใจนั่งทำงานอยู่จนดึกกว่าใครเพื่อน นางนำกองบัญชีการเบิกจ่ายผ้าสำหรับ ของกำนัลส่วนพระองค์ มาวางกองไว้บนโต๊ะของนางจนสูงท่วมหัว นางแสร้งทำเป็ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ใช้หลังมือคลึงขมับของตนเองราวกับปวดศีรษะอย่างรุนแรง และทำพู่กันตกลงพื้นหลายต่อหลายครั้ง
เหมยเซียงซึ่งกำลังจะเดินกลับห้องพักผ่านมาเห็นเข้าพอดี นางหยุดชะงักฝีเท้า มุมปากปรากฏรอยยิ้มเยาะหยัน "เหตุใดน้องเยว่หลิงผู้เป็ที่โปรดปรานของหลี่ซ่างกง จึงยังต้องมานั่งทำงานหนักอยู่จนป่านนี้เล่า? หรือว่าสติปัญญาที่เคยใช้แก้ปัญหาเื่ด้ายปักนั้น มันได้เหือดหายไปหมดแล้ว?"
เยว่หลิงเงยหน้าขึ้นมองเหมยเซียง ดวงตาของนางฉายแววอ่อนล้าและท้อแท้ใจอย่างสมจริง "พี่เหมยเซียงน้องกำลังจะบ้าตายอยู่แล้วเ้าค่ะ" นางกล่าวเสียงอ่อย "หลี่ซ่างกงสั่งให้น้องตรวจสอบบัญชีของกำนัลเหล่านี้ทั้งหมด แต่ตัวเลขมันกลับไม่ตรงกันเลยสักนิดเดียว มีรายการผ้าไหมชั้นเลิศหลายพับที่ถูกเบิกออกไป แต่กลับไม่มีบันทึกว่าถูกส่งไปที่ตำหนักใดบ้าง"
นางแสร้งทำเป็ก้มหน้าลงซ่อนความกังวล "หากข้าหาข้อผิดพลาดนี้ไม่พบก่อนรุ่งสาง มีหวังหลี่ซ่างกงต้องตำหนิข้าอย่างรุนแรงเป็แน่ ตำแหน่งผู้ช่วยที่เพิ่งได้มานี้ อาจจะหลุดลอยไปก็ได้"
คำพูดนั้นสะกิดต่อมความสะใจของเหมยเซียงได้อย่างจัง นางเดินเข้ามาใกล้ ชำเลืองมองกองบัญชีบนโต๊ะด้วยหางตา "ก็สมควรแล้วนี่ ตำแหน่งนี้มันควรจะเป็ของข้ามาั้แ่แรก เ้ามันก็แค่เด็กเมื่อวานซืนที่โชคดีเท่านั้น พอเจองานจริงเข้าก็ไปไม่เป็"
"น้องทราบเ้าค่ะ" เยว่หลิงตอบรับอย่างว่าง่าย "น้องเทียบกับพี่เหมยเซียงที่ทำงานอยู่ที่นี่มานานนับสิบปีไม่ได้เลยแม้แต่น้อย พี่คงจะรู้จักตื้นลึกหนาบางของบัญชีเหล่านี้ดีกว่าน้องเป็แน่" นางกล่าวพลางเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่แฝงไว้ด้วยความชื่นชมและขอความช่วยเหลืออย่างแเี
การเยินยออย่างซึ่งๆ หน้านั้นได้ผลชะงัด เหมยเซียงรู้สึกพึงพอใจในตนเองขึ้นมาทันที "แน่นอนอยู่แล้ว บัญชีพวกนี้มันมีช่องโหว่ของมันอยู่เสมอ พวกขันทีที่มารับของบางทีก็จงใจลงบันทึกให้คลุมเครือเพื่อที่จะแอบยักยอกของเล็กๆ น้อยๆ ไปขายข้างนอก"
"จริงหรือเ้าคะ!" เยว่หลิงทำตาโต "แล้ว แล้วน้องควรจะทำอย่างไรดี? มีทางใดที่จะตรวจสอบได้บ้างหรือไม่เ้าคะ?"
เหมยเซียงนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ความคิดที่จะได้เห็นเยว่หลิงถูกลงโทษนั้นช่างหอมหวาน แต่ความคิดที่จะได้แสดงให้เห็นว่าตนเองเหนือกว่านั้น กลับหอมหวานยิ่งกว่า
"มันก็มีอยู่ทางหนึ่ง" นางกล่าวอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก "แต่เป็วิธีที่เสี่ยงและต้องทำอย่างลับๆ"
หัวใจของเยว่หลิงเต้นแรงขึ้น เหยื่อติดกับแล้ว!
"วิธีใดหรือเ้าคะ? พี่เหมยเซียงโปรดชี้แนะน้องด้วยเถิด!" นางอ้อนวอน
"เราต้องนำบัญชีเบิกจ่ายของซ่างฝูจวี๋ ไปเทียบกับบัญชีรับของเข้า ของแต่ละตำหนักโดยตรง" เหมยเซียงอธิบาย "โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท และตำหนักอวี้ชิงกงของจ้าวอ๋อง ซึ่งเป็สองตำหนักที่ได้รับของกำนัลมากที่สุดใน่นี้ หากมีรายการใดที่ไม่ตรงกัน ก็แสดงว่ามีการยักยอกเกิดขึ้นระหว่างทาง"
"แต่ แต่เราจะไปขอบัญชีของตำหนักเ่าั้มาได้อย่างไรเ้าคะ? นั่นมันเป็เอกสารชั้นใน" เยว่หลิงแสร้งทำเป็กังวล
เหมยเซียงแค่นเสียงในลำคอ "เ้าไม่ต้องรู้หรอก ข้ามีวิธีของข้า ข้ามีคนรู้จักที่เป็ขันทีชั้นผู้น้อยทำงานอยู่ที่กองทะเบียนของทั้งสองตำหนัก เพียงแค่ให้สินบนเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถแอบคัดลอกรายการของเดือนที่แล้วออกมาได้แล้ว"
นี่คือสิ่งที่เยว่หลิง้า! นางไม่ได้้าให้เหมยเซียงขโมยบัญชีตัวจริงออกมาซึ่งจะทำให้เป็เื่ใหญ่โต นาง้าเพียงแค่ข้อมูลเท่านั้น
"แต่ มันจะไม่อันตรายไปหรือเ้าคะ? หากถูกจับได้"
"เื่นั้นเ้าไม่ต้องห่วง ข้าไม่โง่พอที่จะทำอะไรซึ่งๆ หน้าหรอกน่า" เหมยเซียงกล่าวอย่างลำพองใจ "เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เห็นแก่ที่เ้าอุตส่าห์ยอมรับว่าตัวเองด้อยกว่าข้า ข้าจะช่วยเ้าในครั้งนี้ก็ได้"
นางยื่นข้อเสนอที่เยว่หลิงได้ปูทางไว้ให้ทุกอย่าง "ข้าจะไปจัดการหาบัญชีคัดลอกของทั้งสองตำหนักมาให้ แต่เมื่อเื่นี้คลี่คลายแล้ว เ้าจะต้องไปทูลหลี่ซ่างกงว่า เป็ข้าที่ค้นพบความผิดปกติและเป็ผู้ชี้แนะแนวทางการตรวจสอบให้แก่เ้า ตกลงหรือไม่?"
"ตกลงเ้าค่ะ! แน่นอนอยู่แล้ว!" เยว่หลิงรีบรับคำอย่างรวดเร็วจนเกินจริง "บุญคุณครั้งนี้ของพี่เหมยเซียง น้องจะไม่มีวันลืมเลย!"
...
สองวันต่อมา ในมุมมืดของหอเก็บแพรพรรณ เหมยเซียงก็ได้นำม้วนกระดาษเล็กๆ สองม้วนมายื่นให้เยว่หลิงอย่างลับๆ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและสมหวัง
"นี่คือบัญชีรับของกำนัลของตำหนักบูรพาและตำหนักอวี้ชิงกงตลอดสองเดือนที่ผ่านมา" นางกระซิบ "ข้าได้มาอย่างยากลำบาก เ้าจงรีบนำไปตรวจสอบแล้วคืนให้ข้าโดยเร็วที่สุด อย่าให้ใครเห็นเป็อันขาด"
"ขอบคุณพี่เหมยเซียงมากเ้าค่ะ" เยว่หลิงรับม้วนกระดาษนั้นมาซ่อนไว้ในแขนเสื้อ หัวใจของนางเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น นางโค้งคำนับให้เหมยเซียงอย่างงดงาม ก่อนจะรีบเดินจากไป
เหมยเซียงมองตามหลังเยว่หลิงไปด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย นางไม่ได้ให้บัญชีคัดลอกฉบับจริงแก่เยว่หลิง แต่นางได้จงใจแก้ไขตัวเลขบางรายการในนั้น นางตั้งใจจะสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายขันทีบางคนที่นางไม่ชอบหน้า และให้นางกำนัลโง่ๆ อย่างเยว่หลิงเป็คนนำเื่นี้ไปรายงานหลี่ซ่างกงเอง เมื่อความจริงถูกเปิดโปง คนที่จะต้องรับเคราะห์ก็คือเยว่หลิง ในฐานะที่เป็ผู้ตรวจสอบและนำเสนอข้อมูลที่ผิดพลาด!
ทว่า นางไม่มีทางรู้เลยว่า นางกำลังเดินเข้าไปสู่กับดักที่เยว่หลิงได้วางซ้อนไว้อีกชั้นหนึ่งอย่างแยบยล
คืนนั้น เยว่หลิงไม่ได้นอนทั้งคืน นางกางม้วนกระดาษทั้งสองออกภายใต้แสงตะเกียง สิ่งที่นางสนใจไม่ใช่ตัวเลขที่ไม่ตรงกันตามที่นางได้อ้างไว้กับเหมยเซียง แต่นางกำลังวิเคราะห์รายชื่อของขุนนางที่ส่งของกำนัล และชนิด ของ ของกำนัลเ่าั้ต่างหาก
บัญชีนั้นได้เผยให้เห็นภาพที่ชัดเจนอย่างน่าทึ่ง
ฝ่ายองค์รัชทายาทนั้น ได้รับของกำนัลส่วนใหญ่เป็ตำรับตำราโบราณ พู่กันและแท่นฝนหมึกชั้นเลิศ หรือไม่ก็เป็สมุนไพรบำรุงร่างกายราคาแพง ผู้ที่ส่งของเหล่านี้มาส่วนใหญ่เป็กลุ่มขุนนางบุ๋นสายอนุรักษ์นิยมและเหล่าบัณฑิตาุโแห่งสำนักฮั่นหลิน...เป็กลุ่มอำนาจเก่าที่กำลังเสื่อมคลายลงทุกวัน
ในทางตรงกันข้าม บัญชีของจ้าวอ๋องนั้นกลับน่าสนใจยิ่งกว่ามาก ของกำนัลที่ส่งมายังตำหนักอวี้ชิงกงนั้นมีั้แ่เกราะอ่อนที่ทำจากหนังแรด อานม้าที่ประดับด้วยอัญมณี ไปจนถึงธนูและดาบเหล็กกล้าชั้นดีที่ตีขึ้นโดยช่างฝีมือจากนอกด่าน ผู้ที่ส่งของเหล่านี้มาคือกลุ่มขุนนางฝ่ายบู๊รุ่นใหม่ บรรดาแม่ทัพนายกองที่ไม่ได้มาจากตระกูลขุนนางเก่าแก่ และที่น่าประหลาดใจที่สุดคือ มีรายชื่อของพ่อค้าวาณิชย์รายใหญ่หลายคนที่ควบคุมการค้าเกลือและเหล็กกล้า ซึ่งเป็เส้นเืใหญ่ทางเศรษฐกิจของต้าเยี่ยนรวมอยู่ด้วย!
นี่คือการสร้างฐานอำนาจทางการทหารและเศรษฐกิจอย่างเงียบๆ!
เยว่หลิงใช้พู่กันจุ่มหมึก คัดลอกรายชื่อและรายการที่สำคัญทั้งหมดลงบนแผ่นผ้าไหมสีขาวผืนเล็กๆ อย่างรวดเร็ว นางไม่ได้คัดลอกทั้งหมด แต่เลือกเฉพาะข้อมูลที่เป็หัวใจสำคัญเท่านั้น จากนั้นนางจึงเผากระดาษที่นางจดบันทึกไว้ในตอนแรกทิ้งจนหมดสิ้นไม่ให้เหลือร่องรอย
เช้าวันรุ่งขึ้น นางนำบัญชีคัดลอก (ฉบับแก้ไขของเหมยเซียง) ไปคืนให้เหมยเซียงตามสัญญา "ขอบคุณพี่เหมยเซียงมากเ้าค่ะ น้องพบบางอย่างที่น่าสงสัยแล้วจริงๆ น้องจะนำเื่นี้ไปรายงานหลี่ซ่างกงตามที่พี่แนะนำ"
เหมยเซียงยิ้มรับอย่างยินดี โดยไม่รู้เลยว่าชะตากรรมของตนเองกำลังจะขาดสะบั้นลงในไม่ช้า
แต่เยว่หลิงไม่ได้นำเื่นี้ไปรายงานหลี่ซ่างกงในทันที นางมีแผนการที่แยบยลกว่านั้น
บ่ายวันนั้น ขณะที่นางกำลังนำผ้าไหมผืนใหม่ไปส่งที่ตำหนักของพระสนมซูเฟย (พระมารดาของจ้าวอ๋อง) นางจงใจเดินผ่านสวนไผ่ที่ฟู่กงกงดูแลอยู่ นางแสร้งทำเป็สะดุดก้อนหินล้มลง จนตะกร้าผ้าไหมในมือหกกระจายเกลื่อนพื้น และแผ่นผ้าไหมสีขาวผืนเล็กๆ ที่นางซ่อนไว้ ก็บังเอิญหลุดออกมาจากแขนเสื้อ ปลิวไปตกอยู่ใกล้ๆ กับพุ่มไผ่ที่ฟู่กงกงกำลังพรวนดินอยู่พอดี
นางรีบร้อนเก็บผ้าไหมผืนอื่นๆ ขึ้นมาอย่างลนลานลืมที่จะเก็บผ้าไหมผืนนั้น ก่อนจะรีบวิ่งจากไปราวกับกลัวความผิด
ฟู่กงกงที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลา เหลือบมองซ้ายขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น เขาจึงค่อยๆ เดินไปหยิบผ้าไหมผืนนั้นขึ้นมาอย่างแ่เบา สอดไว้ในแขนเสื้อของตนเอง แล้วกลับไปพรวนดินต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
...
ค่ำคืนนั้นเอง ณ ตำหนักส่วนพระองค์ของจิ้นอ๋อง
จ้าวเฟิงยืนอยู่เบื้องหน้าแผนที่การทหารขนาดใหญ่ที่กางอยู่บนโต๊ะ ในมือของเขาถือแผ่นผ้าไหมสีขาวผืนเล็กๆ ผืนนั้นอยู่ สายตาของเขาไล่อ่านรายชื่อและรายการที่ถูกเขียนด้วยลายมืออันงดงามบรรจงนั้นอย่างช้าๆ
มุมปากของเขาค่อยๆ ยกขึ้นเป็รอยยิ้มที่ทั้งพึงพอใจและอันตราย
"จ้าวเหยียน น้องรองของข้า เ้าเดินหมากได้ไม่เลวจริงๆ" เขาพึมพำกับตนเอง "แต่เ้าคงลืมไปว่า ในความมืดนั้น เงาย่อมมองเห็นได้ชัดเจนกว่าแสงสว่างเสมอ"
เขาหันไปมองยังทิศทางที่ตั้งของซ่างฝูจวี๋ในวังหลวง แววตาของเขาทอประกายร้อนแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ "วิหคเพลิงตัวน้อยของข้า เ้าทำได้ดีเกินกว่าที่ข้าคาดไว้นัก"
เขาไม่คิดเลยว่านางจะสามารถปฏิบัติภารกิจแรกได้สำเร็จลุล่วง รวดเร็ว และแเีถึงเพียงนี้ นางไม่เพียงแค่ส่งข้อมูลมาให้เขา แต่ยังรู้จักคัดกรองและวิเคราะห์เฉพาะส่วนที่สำคัญที่สุดมาให้ นางไม่ได้เป็แค่เงาที่ซื่อสัตย์ แต่เป็เงาที่รู้จักคิดด้วยตนเอง
ความปรารถนาในตัวนางพลุ่งพล่านขึ้นมาในกายของเขาอีกครั้ง มันไม่ใช่แค่ความ้าทางกายอีกต่อไปแล้ว แต่เป็ความ้าที่จะทั้งร่างกายและสติปัญญาอันหลักแหลมของนางไว้แต่เพียงผู้เดียว
"ดูเหมือนว่า คืนนี้ข้าคงต้องไปมอบรางวัล ให้นางด้วยตนเองเสียแล้ว" เขากล่าวกับเงาของตนเองในห้อง ก่อนจะสวมเสื้อคลุมสีดำและหายไปในความมืดของรัตติกาลมุ่งหน้าไปยังห้องพักของนางกำนัลผู้เป็เงาของเขา
