หลังเหตุการณ์ในวันนั้น หนทางเดียวที่หนีเจียเอ๋อร์จะสามารถติดต่อกู่อวี่เสวียนได้ ก็คือการส่งข่าวผ่านคนของโจวชิงหวาซึ่งแฝงตัวอยู่ในวัง
ไม่ช้า นางก็ได้รับป้ายหยกจากกู่อวี่เสวียน
ด้วยป้ายหยกนี้ หนีเจียเอ๋อร์จึงเข้าออกพระราชวังได้ง่ายกว่าเดิม หญิงสาวแอบขโมยชุดนางกำนัลมาสวม ก่อนลอบไปพบหร่วนรั่วสุ่ยที่รออยู่ข้างพระราชวัง
พอเห็นหนีเจียเอ๋อร์สวมชุดนางกำนัล รั่วสุ่ยก็เบิกตากว้าง รีบปรี่เข้าไปซักถามทันที ว่าอีกฝ่ายถูกผู้ใดกลั่นแกล้งให้มาทำงานเช่นนี้
เพื่อมิให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด หนีเจียเอ๋อร์จึงอธิบายเหตุผลให้ฟัง หร่วนรั่วสุ่ยจึงโล่งอกทันควัน
หลังมองไปรอบๆ แล้วพบว่าปลอดคน นางจึงกระซิบว่า “คุณ...”
หนีเจียเอ๋อร์วางนิ้วทาบริมฝีปากเล็กบางของหร่วนรั่วสุ่ย ก่อนปราม “อย่าเรียกข้าว่าคุณหนู หากมีใครรู้เข้า แผนได้ล่มแน่ เ้าเรียกข้าว่าเสี่ยวเอ๋อร์ก็แล้วกัน”
หร่วนรั่วสุ่ยผงกศีรษะ “เสี่ยว... เสี่ยวเอ๋อร์ ข้าไม่สามารถออกไปโดยพลการได้ ต้องขออนุญาตกงกงเสียก่อน”
หนีเจียเอ๋อร์พยักหน้าเข้าใจ “ไม่เป็ไร เ้าไปเถอะ ข้าจะรออยู่ข้างนอก”
สักพักรั่วสุ่ยก็วิ่งเข้ามา ทั้งสองใช้ถนนอีกเส้นเพื่อหลีกเลี่ยงผู้คน จากนั้นนางจึงพาหนีเจียเอ๋อร์ไปยังกองกิจการภายใน
เพราะมีป้ายหยกขององค์หญิงใหญ่ พวกนางจึงผ่านเข้าไปด้านในได้ ทั้งสองไม่รอช้า รีบมุ่งหน้าไปยังห้องเก็บเอกสาร เพื่อดูรายชื่อนางกำนัลทันที
เมื่อตรวจสอบจนถี่ถ้วนแล้ว ก็พบว่าตรงชื่อของนางกำนัลนามหลี่ซิ่ว ซึ่งเพิ่งเข้ามาในวังเมื่อครึ่งเดือนก่อน ได้ถูกขีดฆ่าเอาไว้
หนีเจียเอ๋อร์ชี้ไปที่รายชื่อ แล้วหันไปถาม “รั่วสุ่ย เ้ารู้จักหลี่ซิ่วหรือไม่?”
หลังทบทวนอยู่พักใหญ่ หร่วนรั่วสุ่ยก็ตอบว่า “หลี่ซิ่วผู้นี้เป็นางกำนัลแผนกซักล้าง ซึ่งเป็แผนกต่ำสุดในราชสำนัก ดูเหมือนเพิ่งจะเสียชีวิตไปเมื่อสองวันก่อนเ้าค่ะ”
“ช่างบังเอิญนัก สองวันก่อนอย่างนั้นหรือ...” หนีเจียเอ๋อร์รู้สึกได้ว่า ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับนางกำนัลผู้นี้เป็แน่
พอวางสมุดรายชื่อลง หนีเจียเอ๋อร์ก็หันไปกุมมือหร่วนรั่วสุ่ย แล้วขอร้อง “รั่วสุ่ย เ้าช่วยข้าสืบหน่อยได้หรือไม่? ว่าแม่นางหลี่ซิ่วตายด้วยสาเหตุใด”
หร่วนรั่วสุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ด้วยไม่เคยถูกผู้ใดใช้คำว่า ‘ขอร้อง’ กับนางมาก่อน จึงพยักหน้าด้วยท่าทีขัดเขิน “เ้าค่ะ ข้าจะกลับมารายงานทันทีที่ได้คำตอบ”
หนีเจียเอ๋อร์กำลังจะกล่าวขอบคุณ แต่เหมือนรั่วสุ่ยจะไม่ชินกับการถูกปฏิบัติเช่นนี้ นางจึงเปลี่ยนเป็คลี่ยิ้ม เพื่อแสดงความซาบซึ้งแทน
เมื่อทั้งสองกลับออกมา ก็พบว่ามีหญิงสูงอายุผู้หนึ่งกำลังยืนจับจ้องอยู่ ซ้ำยังมองหนีเจียเอ๋อร์ไม่วางตา ก่อนพูดว่าไม่คุ้นหน้าอีกฝ่าย และซักถามว่านางเป็คนของตำหนักใด หญิงสาวจึงโกหกไปว่า ตนคือนางกำนัลของกู่อวี่เสวียน
จากนั้นหนีเจียเอ๋อร์ก็นัดหมายกับหร่วนรั่วสุ่ย ก่อนแยกย้ายกันไป
...
หนีเจียเอ๋อร์กลับมายังจวนสกุลหนี แต่ยังไม่ทันถึงเรือน หนีจวิ้นหว่านก็เข้ามาขวางเสียก่อน
นางสวมชุดสีเหลืองสดใส แต่งหน้าอ่อนๆ แต่กลับดูงดงามจนยากจะละสายตา
พอหนีเจียเอ๋อร์เห็นรอยยิ้มอันเปี่ยมสุขของพี่สาว พลางคิดว่าต่อไปอีกฝ่ายต้องพบกับเื่เศร้า ก็อดหดหู่มิได้
“พี่หญิงมาหาข้า มีเื่อันใดหรือ?”
หนีจวิ้นหว่านยังคงยืนขวางนางเอาไว้ ใบหน้าเปื้อนยิ้มดูสดใสราวกับเด็กน้อย ทำให้หนีเจียเอ๋อร์อดเลิกคิ้วมิได้
“ข้าก็แค่เห็นว่า่นี้เ้าดูยุ่งๆ ไม่รู้ว่าไปแอบสร้างเื่อันใดไว้อีกหรือไม่ วันนี้จึงมาที่นี่เพื่อดักพบ เห็นเ้ากลับมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เกิดอะไรขึ้นหรือ? เล่าให้ข้าฟังได้นะ”
ได้ยินเช่นนั้น หนีเจียเอ๋อร์ก็แสยะยิ้ม เพราะไม่คิดจะให้ใครรู้เื่ในวันนี้ จึงได้บอกปัดไปว่า “ข้าเหนื่อยนิดหน่อย หากพี่หญิงไม่มีธุระอันใดแล้ว ข้าขอตัวก่อน ไว้ค่อยคุยกันวันหลัง”
พูดจบ นางก็เบี่ยงตัวหลบ และเดินจากไป
แต่หนีจวิ้นหว่านไม่คิดจะยอมแพ้ ยื่นมือออกไปขวาง ก่อนเหยียดยิ้มเย้ยหยัน “น้องหญิง สองวันที่ผ่านมา เ้าออกเช้ากลับดึก คงมิใช่ว่ากำลังหาทางช่วยโจวชิงหวาอยู่หรอกนะ เ้าช่วยอะไรเขามิได้หรอก”
“คิดว่าตัวเองเป็สตรีผู้เก่งกาจอันดับหนึ่งแล้ว จะทำอะไรก็ได้... นึกว่าจะช่วยโจวชิงหวาได้จริงๆ เช่นนั้นหรือ?” หนีจวิ้นหว่านขึ้นเสียง
หนีเจียเอ๋อร์ถอนหายใจ ก่อนเอ่ยเบาๆ “พูดจบแล้วใช่หรือไม่? เช่นนั้นก็ช่วยหลีกทางด้วย”
ปฏิกิริยาของนาง ทำให้หนีจวิ้นหว่านถึงกับกำหมัดแน่นด้วยความขุ่นเคือง
ั้แ่เด็ก สิ่งที่ตนเกลียดที่สุดก็คือท่าทีใจเย็นของน้องสาว ซึ่งใช้ความสงบสยบทุกสิ่ง ไม่ตื่นตระหนกหรือร้อนรน ไม่ว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะเป็เช่นไร นางก็ยังนิ่งเฉย ราวกับไม่ใส่ใจเื่ใดเลย
หนีจวิ้นหว่านกัดฟันกรอด กำลังจะเดินผละไปเหมือนทุกครั้ง แต่เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็พบว่านายท่านหนีและสวีซื่อกำลังเดินมาทางนี้ นางจึงนึกอยากจะกลั่นแกล้งหนีเจียเอ๋อร์สักหน่อย
นางหันไปแสยะยิ้ม แล้วกล่าวว่า “น้องหญิง เ้าคิดว่าโจวชิงหวาจะต้องโทษบั่นคอหรือไม่? ข้าละเป็ห่วงจริงๆ!”
แววตาของหนีเจียเอ๋อร์เปลี่ยนเป็แข็งกร้าว ก่อนตวาดอย่างเดือดดาล “ไปให้พ้น!”
เมื่อเห็นว่าพี่สาวยังคงยืนลอยหน้าลอยตาไม่ลดละ หญิงสาวจึงยื่นมือออกไปหมายจะผลักอีกฝ่าย แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ามุ่งหน้ามาทางนี้
หนีเจียเอ๋อร์พยายามระงับโทสะ ยังไม่ทันเดินหนี ผู้เป็พี่ก็แสร้งทำเป็ซวนเซเหมือนจะล้ม พลางร่ำไห้
เมื่อรู้ว่านี่คืออุบายที่ตั้งใจจะใส่ร้ายตน หญิงสาวจึงคว้าร่างอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่น พอเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ นางก็ทิ้งตัวลงกับพื้น
จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นถามเสียงสั่น “พี่หญิง ท่านผลักข้าทำไม?”
นายท่านหนีที่กำลังเดินมา เห็นเข้าพอดี จึงปรี่ไปตำหนิหนีจวิ้นหว่านเสียยกใหญ่
หนีจวิ้นหว่านอ้าปากพะงาบๆ พูดไม่ออก เดิมทียังตั้งใจจะใส่ร้ายน้องสาว แต่กลับถูกตลบหลังเสียอย่างนั้น... เหตุใดจึงเป็เช่นนี้ไปได้?
สวีซื่อรีบเข้ามาขอความเมตตาให้บุตรสาวทันที แต่ก็พาลถูกสามีต่อว่าไปด้วย โทษฐานที่ไม่รู้จักสั่งสอนลูกให้รู้จักผิดชอบชั่วดี ถึงได้มารังแกพี่น้องเช่นนี้!
หนีจวิ้นหว่านพยายามแก้ต่าง โดยบอกว่าตนถูกใส่ร้าย แต่นายท่านหนีโมโหมากจนไม่ฟังผู้ใด เขาลงโทษให้นางไปสำนึกผิดในเรือนเป็เวลาครึ่งชั่วยามทันที
ก่อนจากไป หญิงสาวยังหันมามองหนีเจียเอ๋อร์ ด้วยดวงตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความโกรธเคือง
สวีซื่อก็เจ็บใจมากเช่นกัน
...
รุ่งขึ้น หนีเจียเอ๋อร์ก็มาพบหร่วนรั่วสุ่ยตามเวลานัดหมาย
ซึ่งอีกฝ่ายก็มิได้ทำให้ผิดหวัง นางกำนัลตัวน้อยรายงานข้อมูลที่ตนสืบมาได้ทันที “คุณหนู จากการสอบถามคนในแผนกซักล้าง พวกเขาบอกว่า ขณะที่ไปรับผ้ามาซัก หลี่ซิ่วแอบขโมยถ้วยชาไพลินมาจากตำหนักองค์รัชทายาท พอถูกจับได้ ก็ต้องโทษถูกทุบตีจนตายเ้าค่ะ”
ได้ยินเช่นนั้น หนีเจียเอ๋อร์ก็ยิ่งงุนงง “ในตำหนักองค์รัชทายาท มีข้าวของล้ำค่ามากมาย หากคิดจะขโมยจริงๆ เหตุใดถึงไม่ขโมยสิ่งที่มีค่ามากกว่านั้น?”
หร่วนรั่วสุ่ยพยายามคิดตามอยู่ครู่หนึ่ง “หรือนางเกรงว่าจะถูกลงโทษหนัก หากขโมยของมีค่า จึงเลือกขโมยของธรรมดาๆ เ้าคะ?”
หนีเจียเอ๋อร์จึงสวนกลับ “แต่นางก็ถูกลงโทษจนตายทันทีที่ถูกจับได้!”
หญิงสาวรู้สึกว่า นี่มิใช่การลงโทษฐานขโมยสิ่งของ หากแต่เป็การฆ่าปิดปากเสียมากกว่า!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้