ตอนที่ 4 โอสถเย็นเฉียบกับน้ำตาอุ่น
รัตติกาลคืบคลาน... แต่สำหรับเสี่ยวเฉินแล้ว มันคือรุ่งอรุณแห่งการเริ่มต้นใหม่อย่างแท้จริง
เขานั่งขัดสมาธิอยู่กลางห้องที่มืดสนิท คัมภีร์โอสถา ไม่ได้วางอยู่ตรงหน้า แต่กลับลอยวนเวียนอยู่ในห้วงมหาสมุทรแห่งจิตสำนึกของเขาอย่างเงียบงัน ข้อมูลมหาศาลที่ถูกส่งตรงเข้าสู่สมอง กำลังถูกจัดเรียงและวิเคราะห์โดยระบบประมวลผลที่ทรงพลังที่สุด หลู่ปิง
“หลู่ปิง วิเคราะห์โครงสร้างพลังปราณใหม่ของข้า”
[รับทราบ กำลังวิเคราะห์พลังปราณของโฮสต์ได้หลอมรวมกับพลังงานลึกลับจาก คัมภีร์โอสถาโดยสมบูรณ์ ข้าขอเรียกพลังงานนี้ชั่วคราวว่า ปราณาเยือกแข็ง คุณสมบัติ: เย็นเยือก กัดกร่อน ทำลายล้างสูง และมีความสามารถในการ ชำระล้าง สิ่งเจือปนในระดับโมเลกุลได้อย่างน่าทึ่ง นี่คือปรากฏการณ์ที่ขัดแย้งกับหลักเทอร์โมไดนามิกส์ที่ข้าเคยบันทึกมาทั้งหมด]
เสียงสังเคราะห์ของหลู่ปิงเจือแววสับสนอย่างหาได้ยาก
“ข้ามเื่ฟิสิกส์ของเ้าไปก่อน” เสี่ยวเฉินกล่าวในใจ “ด้วยพลังปราณนี้ ข้าสามารถเริ่มหลอมโอสถตามตำราได้แล้วใช่หรือไม่?”
[ยืนยัน จากสูตรโอสถระดับต่ำสุดที่บันทึกไว้ โอสถชำระไขกระดูก ซึ่งต้องใช้สมุนไพรหยินสุดขั้วสามชนิดและโลหะิญญาอีกสองอย่าง ร่างกายของโฮสต์ในปัจจุบันสามารถรองรับการหลอมโอสถนี้ได้ แต่ประสิทธิภาพสำเร็จอยู่ที่ 37% เท่านั้น เนื่องจากขาดความชำนาญในการควบคุมปราณาเยือกแข็ง]
“37% ต่ำเกินไป” เสี่ยวเฉินขมวดคิ้ว เขาไม่ใช่คนที่จะเดิมพันกับความล้มเหลว “หาหนทางเพิ่มอัตราความสำเร็จ”
[คำแนะนำ: โฮสต์ควรเริ่มจากการฝึกควบคุม ปราณาเยือกแข็ง ให้คล่องแคล่วเสียก่อน คัมภีร์ได้ระบุถึงเคล็ดวิชาพื้นฐาน เกล็ดน้ำค้างพันชั้น ซึ่งเป็การฝึกควบคุมปราณให้แยกส่วนและรวมตัวได้อย่างอิสระ ข้าได้สร้างโปรแกรมจำลองการฝึกในสมองของท่านแล้ว สามารถเริ่มได้ทันที]
เสี่ยวเฉินหลับตาลง โลกภายนอกดับวูบไป ทันใดนั้น เขาก็เข้าสู่พื้นที่ว่างเปล่าในจิตสำนึก ที่นั่นมีลำธารแห่งพลังงานสีดำอมม่วงไหลเชี่ยวกรากอยู่เบื้องหน้า มันคือ ปราณาเยือกแข็ง ที่ยังไม่ถูกฝึกให้เชื่อง
และแล้ว การฝึกฝนอันเข้มข้นในโลกแห่งจิตก็ได้เริ่มต้นขึ้น
เวลาภายนอกผ่านไปเพียงหนึ่งคืน แต่ในโลกจำลองของหลู่ปิง เสี่ยวเฉินได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาเกล็ดน้ำค้างพันชั้น ไปแล้วนับหมื่นๆ ครั้ง จากที่เคยควบคุมปราณได้อย่างยากลำบาก บัดนี้เขาสามารถสั่งให้มันแยกตัวออกเป็เส้นใยเล็กๆ นับร้อยสาย หรือจะรวมตัวกันเป็เกล็ดน้ำแข็งที่คมกริบก็ได้ดั่งใจนึก
[การฝึกฝนเสร็จสิ้น ระดับความชำนาญในเคล็ดวิชาเกล็ดน้ำค้างพันชั้น: ขั้นต้น อัตราความสำเร็จในการหลอมโอสถชำระไขกระดูก เพิ่มขึ้นเป็ 82%]
เสี่ยวเฉินลืมตาขึ้นพร้อมกับแสงแรกของวันใหม่ เขารู้สึกอ่อนล้าทางจิตใจเล็กน้อย แต่ร่างกายกลับเปี่ยมไปด้วยพลังที่ถูกขัดเกลาจนเฉียบคมยิ่งขึ้น
“ได้เวลาหาวัตถุดิบแล้ว”
เขาเดินออกจากเรือนพัก ตรงไปยังหอโอสถ ซึ่งเป็คลังเก็บสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดของตระกูล แต่ยังไม่ทันจะถึง เขาก็ถูกหยุดไว้โดยชายวัยกลางคนผู้หนึ่งซึ่งเป็ผู้ดูแลหอโอสถ
“นายน้อยเฟิงหลิว” ผู้ดูแลโค้งคำนับอย่างเสียไม่ได้ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยการดูแคลน “ไม่ทราบว่าท่านมาที่นี่ด้วยธุระอันใด? ที่นี่ไม่มีของเล่นให้ท่านนะขอรับ”
“ข้ามาเบิกสมุนไพร” เสี่ยวเฉินตอบเสียงเรียบ
“เบิกสมุนไพร?” ผู้ดูแลเลิกคิ้วสูง “ตามกฎของตระกูล ผู้ที่จะเบิกสมุนไพรระดับสามขึ้นไปได้ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้าุโฝ่ายโอสถ หรือเป็นักหลอมโอสถฝึกหัดที่ลงทะเบียนแล้วเท่านั้น ซึ่งนายน้อยไม่ได้มีคุณสมบัติทั้งสองข้อ”
มันคือการปฏิเสธอย่างซึ่งหน้า!
เสี่ยวเฉินมองลึกเข้าไปในดวงตาของผู้ดูแลคนนั้น เขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่แค่การทำตามกฎ แต่เป็การจงใจกลั่นแกล้ง เขาคือขยะในสายตาคนเหล่านี้ การจะมาขอเบิกของมีค่าจึงเป็เื่น่าหัวร่อ
“เช่นนั้น ข้าขอเบิกเพียงสมุนไพรระดับหนึ่งและสองก็พอ” เขากล่าวพลางยื่นรายการที่เตรียมไว้ให้ “หญ้าจันทราเย็น ผลึกเหมันต์ ดอกอสูรกลืนิญญา”
ผู้ดูแลรับรายการมาดูแล้วก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “นายน้อย ท่านล้อข้าเล่นใช่หรือไม่! หญ้าจันทราเย็นกับผลึกเหมันต์น่ะพอหาได้ แต่ดอกอสูรกลืนิญญานั่นมันพืชพิษร้ายแรง! ท่านจะเอาไปทำยาพิษหรืออย่างไร! ข้าให้ท่านไม่ได้เด็ดขาด!”
“ข้าจะเอาไปทำอะไรนั่นเป็เื่ของข้า ท่านมีหน้าที่แค่จัดหาวัตถุดิบตามที่ข้าร้องขอ”
“ข้าทำไม่ได้! หากเกิดเื่อะไรขึ้นมา ข้าต้องเป็คนรับผิดชอบ!” ผู้ดูแลยืนกรานเสียงแข็ง
การโต้เถียงเริ่มดึงดูดสายตาของบ่าวไพร่ที่เดินผ่านไปมา ทุกคนต่างมองมาที่เสี่ยวเฉินด้วยสายตาสมเพช ระคนเย้ยหยัน ภาพของนายน้อยผู้ไม่เอาไหนที่กำลังถูกผู้ดูแลตอกหน้า กลายเป็เื่สนุกประจำวันของพวกเขาไปแล้ว
ขณะที่บรรยากาศกำลังตึงเครียด...
“นายน้อย! นายน้อยเ้าขา! แย่แล้วเ้าค่ะ!”
เหมยหลินวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ใบหน้าของนางซีดเผือด เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและหยาดน้ำตา “นายหญิง นายหญิงล้มป่วยหนักเ้าค่ะ! ท่านหมอหลวงกำลังดูอาการอยู่ แต่...แต่อาการไม่ดีขึ้นเลย!”
หัวใจของเสี่ยวเฉินกระตุกวูบ!
เขาทิ้งเื่สมุนไพรไว้เื้ัทันที แล้วรีบวิ่งตรงไปยังเรือนของประมุข เมื่อไปถึง ภาพที่เห็นทำให้โลหิตในกายของเขาแทบจะเย็นเฉียบ...
เจียงซินเย่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ ริมฝีปากแห้งแตกเป็สีม่วงคล้ำ ลมหายใจรวยรินอ่อนแรง บนผิวของนางมีไอเย็นสีดำจางๆ ปกคลุมอยู่!
ข้างเตียงนั้น เสี่ยวฟู่เจี่ยนยืนกำหมัดแน่น เส้นเืบนหน้าผากปูดโปน ดวงตาแดงก่ำจ้องมองภรรยาสุดที่รักด้วยหัวใจที่แหลกสลาย ชายชราผมขาวหลายคนกำลังวุ่นวายกับการฝังเข็มและป้อนยา แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
หนึ่งในนั้นคือ ผู้าุโเต๋อ หัวหน้านักหลอมโอสถของตระกูล ผู้มีสีหน้าเคร่งเครียดและจนปัญญา
“เป็อย่างไรบ้างท่านาุโ!” เสี่ยวฟู่เจี่ยนถามเสียงสั่น
ผู้าุโเต๋อถอนหายใจยาว ส่ายหน้าช้าๆ “เรียนท่านประมุข อาการของนายหญิงแปลกประหลาดนัก ชีพจรเต้นอ่อนและเย็นเฉียบผิดปกติ ราวกับถูกพิษเย็นชนิดร้ายแรง แต่กลับตรวจไม่พบร่องรอยของพิษในร่างกายเลย ข้า... ข้าจนปัญญาแล้วจริงๆ”
คำว่า จนปัญญา ทำให้ร่างสูงใหญ่ของเสี่ยวฟู่เจี่ยนถึงกับโซซัดโซเซ
“ไม่จริง...”
“ท่านพ่อ!” เสี่ยวเฉินก้าวเข้าไปประคองบิดาของเขาไว้ เขามองไปยังร่างของมารดาบนเตียง ในสมองของเขา เสียงของหลู่ปิงดังขึ้นอย่างรวดเร็ว
[...กำลังสแกนเป้าหมาย ตรวจพบความผิดปกติของระบบไหลเวียนพลังงาน พลังงานหยินในร่างกายเกิดการย้อนกลับอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดพิษเย็นใน ที่กัดกร่อนอวัยวะภายใน สาเหตุ: ความเหนื่อยล้าทางร่างกายและจิตใจที่สะสมมานาน ประกอบกับอาการป่วยเก่าที่ซ่อนเร้นอยู่ได้กำเริบขึ้น หากไม่รีบรักษา อวัยวะภายในจะล้มเหลวภายในสองชั่วยาม!]
“พิษเย็นใน...” เสี่ยวเฉินพึมพำออกมา
ผู้าุโเต๋อหันมามองเขาด้วยความรำคาญ “เ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม อย่ามาพูดจาเหลวไหล! พิษเย็นในมีอยู่แค่ในตำราโบราณเท่านั้น! เ้าอ่านหนังสือมาสองสามวันคิดว่าตัวเองเป็หมอเทวดาแล้วรึ!”
เสี่ยวเฉินไม่สนใจคำพูดแดกดันนั้น เขามองตรงไปยังบิดาของเขา “ท่านพ่อ ลูกรักษานางได้”
เพียงประโยคสั้นๆ แต่กลับทำให้ทุกคนในห้องนิ่งอึ้งไป!
เสี่ยวฟู่เจี่ยนมองหน้าลูกชายด้วยแววตาที่สับสน “เฟิงหลิว นี่ไม่ใช่เื่ล้อเล่นนะ!”
“เ้า! ไอ้เด็กเมื่อวานซืน!” ผู้าุโเต๋อชี้หน้าเขาอย่างเกรี้ยวกราด “พวกข้าที่เป็นักหลอมโอสถมาทั้งชีวิตยังจนปัญญา แล้วเ้าที่เป็แค่ขยะของตระกูลจะทำอะไรได้! คิดจะเอาชีวิตของนายหญิงมาเป็ของเล่นรึ!”
“ท่านทำไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าข้าจะทำไม่ได้” เสี่ยวเฉินสวนกลับอย่างเ็า แววตาคมกริบดุจน้ำแข็ง “ในเมื่อพวกท่านหมดหนทางแล้ว จะเสียหายอะไรถ้าจะให้ข้าลองดู? หรือว่า...ศักดิ์ศรีของท่านผู้าุโมันสำคัญกว่าชีวิตของนายหญิงกัน?”
“เ้า!”
คำพูดนั้นแทงใจดำของผู้าุโเต๋ออย่างจัง! มันคือการตบหน้าเขาฉาดใหญ่ต่อหน้าประมุข!
“พอได้แล้ว!” เสี่ยวฟู่เจี่ยนตวาดลั่น เขามองหน้าผู้าุโเต๋อที่หน้าเขียวหน้าแดงสลับกัน แล้วหันกลับมามองลูกชายที่แววตาเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างประหลาด ความมั่นใจที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในชีวิต
ในยามนี้ เขาเหมือนคนจมน้ำที่พร้อมจะคว้าฟางทุกเส้น
เขากัดฟันตัดสินใจ “เฟิงหลิว เ้าจะทำอย่างไร?”
“ลูก้าเตาหลอมโอสถ และสมุนไพรสามอย่าง หญ้าจันทราเย็น ผลึกเหมันต์ และ ดอกอสูรกลืนิญญา!”
เมื่อชื่อสุดท้ายถูกเอ่ยออกมา ทุกคนในห้องก็สูดลมหายใจเย็นเยียบ!
“นั่นมันพืชพิษ!” ผู้าุโเต๋อคัดค้านทันที “เ้าบ้าไปแล้วรึ! จะใช้วิธี ใช้พิษต้านพิษ งั้นรึ! ด้วยอาการของนายหญิงในตอนนี้ มันเท่ากับส่งนางไปตายเร็วขึ้น!”
“พิษหรือยา อยู่ที่ว่าใครเป็คนใช้” เสี่ยวเฉินกล่าวอย่างสุขุม “เวลาเหลือน้อยแล้ว ท่านพ่อ โปรดเชื่อใจลูกสักครั้ง”
เสี่ยวฟู่เจี่ยนมองลึกลงไปในดวงตาของลูกชาย และในที่สุด เขาก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ไปเอาของที่เขา้ามาให้หมด! เดี๋ยวนี้!”
ณ ลานหน้าเรือน เตาหลอมโอสถทองแดงถูกนำมาตั้งไว้ สมุนไพรทั้งสามอย่างถูกวางเรียงอยู่ข้างๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยความกดดัน ทุกสายตาจับจ้องมาที่เด็กหนุ่มร่างบางเพียงคนเดียว
เสี่ยวเฉินไม่สนใจใครทั้งสิ้น เขาสูดลมหายใจลึก
วูบ!
เขาวาดฝ่ามือออกไป ปราณาเยือกแข็งสีดำอมม่วงพวยพุ่งออกจากฝ่ามือเข้าสู่เตาหลอมทันที!
ครืด...แคร่กๆ!
เตาหลอมทองแดงที่ร้อนระอุ พลันถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งสีดำในพริบตา! ไอเย็นะเืแผ่กระจายไปทั่วบริเวณจนทุกคนต้องถอยห่างด้วยความใ!
“นั่น...นั่นมันพลังปราณอะไรกัน!”
“เหตุใดจึงเย็นเยียบและน่าสะพรึงถึงเพียงนี้! นี่มันวิชามารชัดๆ!”
ผู้าุโเต๋อเบิกตากว้างจนแทบถลน อ้าปากค้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อสายตา!
เสี่ยวเฉินไม่สนใจเสียงวิจารณ์ สมาธิทั้งหมดของเขาจดจ่ออยู่กับการควบคุมเปลวไฟเย็นในเตาหลอม เขาโยนสมุนไพรทั้งสามอย่างเข้าไปตามลำดับด้วยความแม่นยำราวจับวาง ปราณาเยือกแข็งแยกตัวออกเป็เส้นใยเล็กๆ นับร้อยสาย เข้าไปสกัดแก่นแท้ของสมุนไพรแต่ละชนิดอย่างอ่อนโยนแต่รวดเร็ว
นี่คือเทคนิคการหลอมโอสถที่ผิดแผกจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง! ไม่มีการใช้ไฟร้อน ไม่มีการเผาไหม้ มีเพียงการสกัดเย็นด้วยพลังปราณที่บริสุทธิ์และเย็นเยียบที่สุด!
เวลาผ่านไปราวกับชั่วนิรันดร์
ในที่สุด เสี่ยวเฉินก็ตบไปที่เตาหลอมเบาๆ
ป๊อก!
เม็ดยาสีดำสนิทขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือเม็ดหนึ่งดีดตัวออกมา เขารับมันไว้ในมือ เม็ดยานั้นเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง ไม่มีกลิ่นหอมของโอสถแม้แต่น้อย มีเพียงกลิ่นอายแห่งความตายจางๆ ลอยออกมา
“โอสถสำเร็จแล้ว”
เขาเดินตรงเข้าไปในห้องนอนที่บัดนี้เหลือเพียงบิดาของเขายืนรออยู่ด้วยใจที่ร้อนรุ่ม
“นี่รึโอสถของเ้า?” เสี่ยวฟู่เจี่ยนมองยาเม็ดสีดำในมือลูกชายด้วยความลังเล
เสี่ยวเฉินไม่พูดอะไรอีก เขาเดินไปข้างเตียง ประคองร่างของมารดาขึ้นมาอย่างเบามือ แล้วนำโอสถเม็ดนั้นป้อนเข้าปากนางอย่างอ่อนโยน
ทุกคนกลั้นหายใจ...
เวลาผ่านไปหนึ่งลมหายใจ... สองลมหายใจ... สามลมหายใจ...
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
ใบหน้าของผู้าุโเต๋อที่แอบมองอยู่ตรงประตูเริ่มปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยัน
แต่ทันใดนั้นเอง!
ไอเย็นสีดำที่ปกคลุมร่างของเจียงซินเย่พลันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ก่อนจะถูกดูดเข้าไปในร่างกายของนางจนหมดสิ้น!
จากนั้น ไอสีดำสนิทที่ขุ่นมัวกว่าเดิมหลายเท่าก็ถูกขับพวยพุ่งออกมาจากทุกรูขุมขนของนาง แล้วสลายไปในอากาศ!
ผิวที่เคยซีดเผือดราวกับหิมะ เริ่มปรากฏสีเืฝาดขึ้นมาอย่างช้าๆ ริมฝีปากสีม่วงคล้ำกลับมาเป็สีชมพูระเรื่อ ลมหายใจที่เคยรวยรินกลับมาสม่ำเสมอและทรงพลัง!
และแล้ว เปลือกตาที่ปิดสนิทมานานของนางก็ขยับไหว ก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆ
“ท่านพี่... เฟิงหลิว...”
เสียงของนางแหบพร่า แต่ชัดเจน!
เสี่ยวฟู่เจี่ยนยืนตัวแข็งทื่อราวกับรูปสลัก ก่อนที่หยาดน้ำตาแห่งความดีใจจะทะลักออกมาจากดวงตาของบุรุษผู้ไม่เคยหลั่งน้ำตาให้ใครเห็นง่ายๆ!
“ซินเย่! เ้า...เ้าฟื้นแล้ว!” เขาทรุดตัวลงข้างเตียง กุมมือนางไว้แน่นราวกับกลัวว่านางจะหายไปอีกครั้ง
เสี่ยวเฉินยืนมองภาพนั้นเงียบๆ ความรู้สึกอุ่นร้อนที่ไม่คุ้นเคยแล่นผ่านเข้ามาในหัวใจ
เจียงซินเย่หันมามองใบหน้าของบุตรชาย ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความรักและความงุนงง “ลูกแม่ ข้าฝันไป ข้าฝันว่าเ้ากลายเป็คนที่เก่งกาจและน่าภาคภูมิใจ”
เสี่ยวเฉินยิ้มออกมาเป็ครั้งแรก รอยยิ้มที่มาจากหัวใจอย่างแท้จริง
เขาก้มลงไป กุมมืออีกข้างของมารดาขึ้นมาแนบแก้มของตนเอง
“ท่านแม่ นั่นไม่ใช่ความฝัน”
“ต่อจากนี้ไป ลูกจะปกป้องท่านเอง”
น้ำตาอุ่นร้อน รินไหลลงบนโอสถที่ยังคงเย็นเฉียบ หลอมรวมเป็ปาฏิหาริย์ที่แท้จริง
