ถงซื่อผู้เป็มารดาของนางและน้องสาวทั้งสองต่างนิ่งค้างอยู่ที่เดิมในท่าทางปกป้องบิดาทึ่ม มิอาจขยับเขยื้อนแม้เพียงนิด
บิดาทึ่มนั่งพิงกำแพงด้วยท่าทีคล้ายกำลังหลับฝัน เข็มทองเจ็ดสีที่ปักไว้เต็มศีรษะ สั่นเทาไม่ยอมหยุด
หากไม่เห็นว่ามีเืกำเดาสีแดงเข้มสองสายไหลออกจากจมูกเขาล่ะก็ ท่าทางเช่นนั้นไม่ต่างกับกำลังฝันดี สีหน้าสุขสงบยิ่งนัก
ภาพเหตุการณ์นี้แปลกประหลาดจนยากอธิบาย ไม่รู้จริงๆ ว่าปรมาจารย์เทพเซียนผู้นี้ของนางทำได้อย่างไร
ครั้นเวลาผ่านไป หลังจากเืกำเดาสีแดงเข้มของบิดาทึ่มเปลี่ยนเป็สีแดงสด หมอเทวะค่อยๆ ถอนเข็มทองเจ็ดสีออกจากบนศีรษะของบิดาทึ่มโดยเริ่มจากสีแดงเข้ม ส้ม แดงสด เขียว ฟ้าคราม น้ำเงิน และม่วงตามลำดับ
ทันใดนั้นร่างกายของชายชราก็โงนเงน เคอโยวหรานรีบประคองหมอเทวะเอาไว้อย่างตาไวมือเร็ว สายตาทอดมองผู้เฒ่าด้วยความเป็กังวลและเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ ท่านไม่เป็อันใดใช่หรือไม่เ้าคะ?”
หมอเทวะเอ่ยพลางโบกมือ “ไม่เป็ไร แค่อายุมากแล้ว กำลังวังชาไล่ตามไม่ทัน เพิ่งจะใช้เข็มคลื่นเมฆาเจ็ดสีก็รู้สึกเหนื่อยเสียแล้ว”
เคอโยวหรานขมวดคิ้ว “เช่นนั้นให้ข้าแบกท่านกลับไปพักผ่อนสักหน่อยดีหรือไม่เ้าคะ?”
หมอเทวะล้วงหยิบขวดลายครามสีขาวออกมาจากอกเสื้อ เทยาลูกกลอนหนึ่งเม็ดแล้วกลืนลงไป หลังปิดเปลือกตาปรับลมหายใจก็ถอนหายใจหนึ่งเฮือกแล้วหยัดยืนตรงพลางเอ่ยว่า
“ข้ามิได้อ่อนแอถึงเพียงนั้น บนศีรษะของเ้าทึ่มผู้นี้มีเืคั่ง ทั้งยังตกค้างอยู่ในศีรษะมามากกว่าสามสิบปีแล้ว
หากไม่รักษาโดยการใช้เข็มคลื่นเมฆาเจ็ดสีและปล่อยให้ล่าช้านานเกินไป ข้าจะต้องพ่ายแพ้ให้ตาเฒ่าสารพัดพิษเป็แน่”
ดวงตาของเคอโยวหรานสั่นไหว นางเปิดปากถามว่า “หากท่านอาจารย์ใช้วิธีอื่นจะสามารถรักษาให้หายดีได้หรือไม่เ้าคะ? จำต้องใช้เวลานานเพียงใด?”
หมอเทวะลูบหนวดเขี้ยวขณะกล่าว “หากฝังเข็มทั่วไปต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนจึงจะสามารถขจัดเืคั่งทั้งหมดออกจากศีรษะของเขาได้ แต่ถ้าใช้เข็มคลื่นเมฆาเจ็ดสีก็ใช้เวลาเพียงสามวันเท่านั้น”
เคอโยวหรานเอ่ยด้วยความเป็กังวล “ท่านอาจารย์ใช้เข็มคลื่นเมฆาเจ็ดสีจะต้องสิ้นเปลืองกำลังวังชาเป็อย่างยิ่ง มิสู้ใช้การฝังเข็มทั่วไปเถิดเ้าค่ะ แพ้ชนะไม่นับเป็เื่ใหญ่อันใด ร่างกายของท่านต่างหากที่สำคัญที่สุดนะเ้าคะ!”
สายตาของหมอเทวะฉายแววดุดัน เอ่ยอย่างฮึกเหิมว่า “มิได้ ครั้งก่อนคนผู้นั้นชนะข้าไปแล้วคราหนึ่ง ครั้งนี้มิอาจปล่อยให้ตาเฒ่าทารกนั่นได้เปรียบเป็อันขาด”
เพิ่งจะสิ้นเสียง ท้องของหมอเทวะพลันส่งเสียงร้องดัง “จ๊อก” ออกมา
เขากุมท้องพลางเอ่ยอย่างกล้ำกลืนความไม่เป็ธรรมว่า “แม่นางน้อย อาจารย์ฝังเข็มไปสองหน ยามนี้หิวยิ่งนัก เ้ามิได้บอกว่าจะเข้าเมืองไปซื้อวัตถุดิบทำอาหารรสเลิศเช่นนั้นหรือ? เหตุใดยังอยู่ที่นี่อีกเล่า? เย็นนี้เ้าจะทำสิ่งใดเซ่นไหว้อวัยวะภายในทั้งห้าของอาจารย์หรือ?”
เอ่ยรวดเดียวสามคำถาม ทำเอาเคอโยวหรานชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตากลิ้งกลอกไปมาก่อนจะรีบพูดประจบว่า
“ตอนท่านอาจารย์ช่วยฝังเข็มให้บิดาของข้า ข้าก็ได้เตรียมวัตถุดิบทำอาหารเอาไว้แล้วเ้าค่ะ ยามนี้ก็มิใช่ว่ามารับท่านกับบิดามารดาและน้องๆ กลับไปหรอกหรือเ้าคะ”
ครั้นหมอเทวะได้ยินก็รีบเอ่ยว่า “เช่นนั้นยังจะมัวรีรออันใดอีก รีบไปเถิด!”
กล่าวพลางรีบคลายจุดให้ถงซื่อและน้องสาวทั้งสอง ก่อนแบกต้าส่าที่ยังมิได้สติทะยานไปทางจวนสกุลต้วน
ถงซื่อกับน้องสาวทั้งสองเห็นเช่นนั้น ด้วยกลัวว่าบิดาทึ่มจะเกิดเื่ จึงแทบจะพากันวิ่งห้อตะบึงตามหมอเทวะไปกันหมด
เคอโยวหรานที่ถูกทิ้งไว้ด้านหลังกุมขมับ ท่านอาจารย์อย่าได้ร้อนรนถึงเพียงนี้ได้หรือไม่?
หากไปถึงจวนสกุลต้วนแล้วพบว่าทั้งหม้อและเตาเย็นเยียบ ยังไม่รู้ว่าเขาจะฉีกทึ้งนางจนมีสภาพเช่นไร?
ครั้นนึกถึงเื่นี้ เคอโยวหรานก็อดสั่นสะท้านขึ้นมามิได้ หางตาเหลือบไปเห็นกระบุงแบกหลังใบหนึ่งที่วางอยู่ตรงหัวมุมเข้าพอดี
อาจมีชาวบ้านคนใดลืมเอากลับไปก็เป็ได้ นับว่าเอื้อประโยชน์ให้นางพอดี
นางก้าวเท้าไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว ล้วงหยิบข้าว เส้นหมี่ และเนื้อหมูใส่ลงไปจนเต็มกระบุง
จากนั้นแบกกระบุงขึ้นหลังเดินกลับจวนสกุลต้วนอย่างสิ้นเปลืองเรี่ยวแรง ร่างกายเล็กๆ เช่นนี้ช่างอ่อนแอเหลือเกิน จำต้องบำรุงให้ดี
เพิ่งจะมาถึงครึ่งทางกลับพบอาจารย์ทั้งสอง ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ถูกสองผู้เฒ่าเข้ามาคล้องแขนคนละข้าง จากนั้นโยนนางเข้าไปในครัวสกุลต้วนด้วยความเร็วแสง
หนึ่งเสียงดัง “ปัง” ประตูห้องครัวถูกคนทั้งสองลงกลอนจากด้านนอก เอ่ยเป็เสียงเดียวกันว่า
“แม่นางน้อย หากเ้าทำอาหารเย็นไม่เสร็จภายในครึ่งชั่วยาม เ้าก็จงนอนในห้องครัวเสีย”
มารดามันเถิด! การมีอาจารย์เป็ปรมาจารย์เทพเซียนที่ทำอันใดไม่คิดหน้าคิดหลังสองคน ศิษย์เช่นนางจำต้องมีความกล้าหาญอย่างยิ่งจริงๆ
เคอโยวหรานมองประตูห้องครัวที่ปิดสนิท เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน หากอยู่ตามลำพัง นางก็สามารถใช้สูตรโกงได้ตามสบาย
ชาติก่อนเคอโยวหรานคุ้นชินกับจังหวะชีวิตที่เร่งรีบ การเตรียมอาหารเย็นภายในเวลาครึ่งชั่วยาม สำหรับนางแล้วไม่นับว่าเป็เื่ยากอันใด
ขณะนางเตรียมจะนำไก่แช่แข็งสองตัวออกมาจากมิติวิเศษ เมื่อเห็นตู้แช่แข็งกลับต้องชะงักงันเสียก่อน
นี่มิใช่ไก่ห้าตัวที่เพิ่งกินหมดไปก่อนหน้านี้หรอกหรือ? เหตุใดถึงกลับคืนมาได้เล่า?
เคอโยวหรานมีความจำเป็เลิศมาั้แ่เด็ก ย่อมไม่มีทางจำผิดอย่างแน่นอน เพื่อพิสูจน์สิ่งที่ตนคาดเดา นางจึงไปตรวจสอบเขตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ดังคาด สุราที่ใช้จุดไฟทั้งสองขวดกลับมาตั้งตระหง่านอยู่บนที่ตั้งอีกครั้ง ทว่าสุราของแถมทั้งสองขวดมิได้กลับมาด้วย
นี่มันเื่อันใดกัน? ครั้นดูเครื่องปรุงที่ตนใช้ไป ทั้งหมดล้วนแต่กลับคืนสู่สภาพเดิมทั้งสิ้น
เหตุใดจึงมีเพียงสุราของแถมสองขวดนั้นที่มิได้กลับมาเล่า?
เคอโยวหรานเปิดถังขยะ ข้างในสะอาดหมดจดไม่มีฝุ่นผงแม้เพียงนิด กระทั่งถุงบรรจุภัณฑ์ที่ถูกทิ้งลงไปก็ล้วนหายไปทั้งหมด
เพื่อยืนยันสิ่งที่ตนคาดเดา เคอโยวหรานเอาขวดสุราของแถมที่วางไว้บนเคาน์เตอร์ชำระเงินโยนลงในถังขยะหนึ่งขวด จากนั้นเดินไปตรวจสอบเขตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เป็ไปตามคาด สุราของแถมกลับมาแล้ว ถูกยึดติดกับสุราขนาดปกติ มีสภาพเช่นตอนก่อนจะถูกฉีกออกไม่มีผิด และขวดที่อยู่ในถังขยะได้หายไปแล้ว
ฮ่าๆๆ! ความน่ายินดีมาเยือนกะทันหันเกินไป นางจำต้องใช้เวลาผ่อนคลายสักครู่
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สิ่งของที่ถูกโยนลงในถังขยะจะกลับคืนมาดั่งเดิม มิตินี้ช่างยอดเยี่ยมอย่างแท้จริงมิใช่หรือ?
เคอโยวหรานโยนขวดสุราของแถมอีกหนึ่งขวดลงในถังขยะเช่นกัน จากนั้นนางก็มองบนชั้นวางสินค้าที่มีสุราเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งขวดแล้วหัวเราะจนตาปิดเห็นแค่ฟัน
เวลาค่อยๆ ล่วงเลยผ่านไป ยังไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ภายในห้องครัวพลันส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอลอยออกมา
ไม่เพียงแต่อาจารย์ทั้งสอง กระทั่งทุกคนในสกุลต้วนและแม่ลูกสกุลเคอยังแทบน้ำลายไหล
เมื่อเป็เื่อาหารรสเลิศ กล่าวได้ว่าอาจารย์แพทย์พิษทั้งสองมีหลักการในทิศทางเดียวกัน ยามปกติมักหาเื่ก่อวิวาท แต่ยามนี้กลับพุ่งมาหน้าประตูห้องครัวอย่างพร้อมเพรียง ออกแรงดึงประตูให้เปิดออกเสียงดังครืด
หลังเบียดเสียดกันเข้ามาข้างในเสียงดัง “พึ่บ” พลันยื่นมือไปหมายจะคว้าไก่ตุ๋นน้ำแดงในถาด
เคอโยวหรานรีบตบพื้น ขณะเดียวกันก็ปัดมือของคนทั้งสองและเอ่ยว่า “ไปล้างมือ”
ทั้งสองชำเลืองมองเคอโยวหรานอย่างกล้ำกลืนความไม่เป็ธรรมก่อนจะไปล้างมือโดยพร้อมเพรียง จากนั้นนั่งลงข้างโต๊ะอาหารด้วยท่าทีว่านอนสอนง่ายราวกับเด็กนักเรียนตัวน้อย
มารดาสกุลต้วนเห็นเช่นนั้นถึงกับจิ๊ปากอุทาน ต้วนต้าหลางกับต้วนเอ้อร์หลางก็พากันเบิกตาอ้าปากค้างไม่ต่างกัน
หากก่อนหน้านี้ผู้อื่นบอกพวกเขาว่ามีคนกล้าตีหมอเทวะกับเซียนพิษ ทั้งยังสั่งให้ผู้าุโทั้งสองกระทำบางสิ่ง พวกเขาคงแค่นเสียงเย้ยหยัน หัวเราะเยาะว่าคนผู้นั้นคุยโวโอ้อวดเกินจริงเป็แน่
ทว่าวันนี้ได้มาเห็นกับตาตนเอง มิอาจไม่รู้สึกนับถือเคอโยวหรานได้เลย ช่างเก่งกาจอย่างยิ่งจริงๆ!
เคอโยวหรานรู้ว่าวันนี้อาจารย์ทั้งสองหิวมาก ดังนั้นจึงเตรียมโต๊ะจัดสำรับให้พวกเขาในห้องอาหารเป็อันดับแรก ทั้งยังไม่ลืมเตรียมสุราดีสองขวดอีกด้วย
ครั้นเห็นคนทั้งสองรีบร้อนจนไม่สนใจตน เคอโยวหรานได้แต่ยกยิ้มแล้วนำอาหารไปส่งให้ต้วนเหลยถิงที่อยู่ตามลำพัง
เพื่อไม่ให้รบกวนการทานอาหารของอาจารย์ทั้งสอง จึงจัดสำรับอีกสองโต๊ะในห้องรับรองแขกภายใต้ความเห็นชอบของมารดาสกุลต้วน
นางเรียกมารดากับน้องสาวทั้งสองของตนมานั่งหนึ่งโต๊ะ ส่วนมารดาสกุลต้วนพาคนสกุลต้วนทั้งหมดนั่งอีกหนึ่งโต๊ะ
บนโต๊ะของสกุลต้วนมีทั้งไก่และเนื้อ นับได้ว่าอุดมสมบูรณ์ต่างจากยามปกติ
เมื่อเทียบกับโต๊ะอาหารสกุลต้วน โต๊ะอาหารสกุลเคอช่างซบเซายิ่งนัก บนโต๊ะคือข้าวต้มรสจืดกับผักดอง มากที่สุดเพิ่มแค่หมูทอดแผ่นเล็กหนึ่งจานเท่านั้น
ขณะเคอโยวหรานกำลังช่วยตักข้าวต้มให้มารดากับน้องสาวทั้งสองคนที่สำรวมตนอย่างยิ่งและไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดให้มากความ น้ำเสียงประชดประชันของหยวนซื่อผู้เป็ภรรยาต้วนต้าหลางพลันดังขึ้น
“ภรรยาต้วนซานหลาง เ้าจัดสำรับอาหารเย็นสองโต๊ะเช่นนี้ ้าจะทำให้สกุลต้วนของพวกเราอับอายใช่หรือไม่?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้