“กิน? กินหาเตี่ยเ้าเหรอ...”
หากมิใช่เพราะว่าจะเป็การปลุกัหิมะให้ตื่น เ่ิูต้องด่าเป็ชุดแน่นอน
ว่ากันตามตรง เขาเกือบจะเป็ลมเพราะเ้าหมาบื้อตัวนี้อยู่แล้ว
มันไม่นึกเสียดายชีวิตเลยอย่างนั้นใช่ไหม?
ัหิมะตัวใหญ่ปานนี้ ต้องรีบชิงโอกาสตอนมันยังไม่ตื่นวิ่งหนีไปเสียอาจจะมีสิทธิ์รอดชีวิตก็ได้ แต่เ้ายังอยากไปกิน รนหาที่ตายใช่ไหม กลัวอายุยาวเกินไปหรือไงกัน?
กระทั่งพายุแรงกล้าที่น่ากลัวยังออกมาจากจมูกของัหิมะตอนมันหายใจด้วยซ้ำ คิดออกเลยว่าหากมันตื่นขึ้นมาจะน่ากลัวปานไหน
ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือที่ที่เขาอยู่คือรังัหิมะ หากัหิมะตัวนี้ตื่นเข้าล่ะก็ ัหิมะตัวอื่นคงไม่แคล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมาบ้าง พอถึงตอนนั้นต่อให้เทพาลู่เฉาเกอมาเองก็ต้องมีร้องไห้คาสนามบ้างแหละน่า ในโลกใต้ผืนหิมะแห่งนี้ ัหิมะคือราชันไร้พ่าย ควบคุมพลังแห่งน้ำแข็งและหิมะ ไม่มีศัตรูใดโค่นล้มมันได้
“เร็ว รีบหนี...”
เ่ิูหิ้วเ้าหัวโต เขารีบวิ่งหนีไปอีกทาง
“กิน อร่อย...” หัวโตมองัหิมะที่หลับสนิทอยู่ด้านล่างอย่างแสนรัก น้ำลายหยดย้อยออกมาจากริมฝีปาก
...
หนึ่งวันต่อมา
โพรงน้ำแข็งใต้ดิน
“พูดมาเถอะ เ้าหมาโง่ เ้าอยากตายอย่างไร?”
เ่ิูถามหัวโตอย่างโกรธจัด
หัวโตนั่งยองๆ อยู่ใต้ผนังหิมะ มันก้มหน้าอย่างกับเด็กน้อยทำความผิด ดวงตาฉ่ำน้ำเต็มไปด้วยความน้อยใจ ปากส่งเสียงออกมา หางโบกไปโบกมาเหมือนไม้กวาดขาวขนาดเล็ก
เ่ิูมองเห็นท่าทีมันแล้วก็ช่วยไม่ได้
หนึ่งวันเต็มใต้การนำทางของเ้าตะกละ เหมือนแมลงวันโดนเด็ดหัวที่บินเข้ามาในเขาวงกต ไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่รู้ว่ากำลังตรงไปทางไหน หลังผ่านโพรงน้ำแข็งที่อยู่ของัหิมะที่หลับใหลมาหกเจ็ดโพรง เ่ิูเริ่มมั่นใจแล้วว่า เ้าหัวโตไม่รู้ทางมาั้แ่แรก การนำทางของมันเพียงแค่พาเ่ิูไปเจอกับอุโมงค์ที่ัหิมะหลับใหลอยู่ตัวแล้วตัวเล่าเท่านั้น
เ่ิูหลงทาง
ตำแหน่งที่เขาอยู่ในตอนนี้ยังคงเป็ชายขอบของโพรงน้ำแข็งั์ใต้ดินยาวหลายพันเมตร
ส่วนอุโมงค์ภายในนี้ อุโมงค์หนึ่งมีัหิมะั์ขนาดคร่าวๆ สองพันเมตรหลับอยู่ ขดกายนอนเหมือนภูผาสูงชัน กำลังหลับได้ที่อย่างสุขสบาย ยามใดที่มันหายใจเข้าออก พายุหิมะอันน่ากลัวจะก่อร่างขึ้นจากปากและจมูก ลมหนาวคำรามกัมปนาท พายุแรงกล้าผลึกน้ำแข็งราวกับัหิมะั์สองตัวม้วนวาโย คดเคี้ยวอยู่ในห้องผลึกน้ำแข็ง ท้ายสุดก็พวยพุ่งสู่ช่องทาง้า!
หลังเห็นัหิมะมาหลายสิบตัว เ่ิูก็ยังคงะเืใจเหมือนเดิม
ถึงแม้ว่าสายเืของัเทพารุ่นหลังจะไม่บริสุทธิ์เหมือนเดิม กระทั่งสูญเสียความสามารถในการบินไปแล้ว แต่ัหิมะยังคงรักษารูปลักษณ์ภายนอกเช่นัเทพเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีความสูงค่าและทรงอานุภาพอย่างไร้เทียมทาน ัหิมะตรงหน้านี้ ตัวใหญ่กว่าตัวใดที่เ่ิูผ่านตามา พายุหิมะที่ออกจากปากและจมูกของมันก็น่ากลัวเป็ที่สุด บางทีอาจเป็หัวหน้าย่อยของรังัก็ได้ใครจะรู้!
“หลงทางแล้ว จะวิ่งพล่านไปทั่วไม่ได้ ไม่งั้นหากไปเจอเขตพวกเผ่าปีศาจเข้าได้ยุ่งแน่!”
เ่ิูนั่งอยู่บนโขดหิน เขาเท้าคางอย่างครุ่นคิด
ในถ้ำัหิมะแห่งนี้ จะที่ไหนก็ล้วนมีช่องทางที่ัเคยเลื้อยผ่านอย่างมีชีวิตชีวา มันไม่ต่างกับเขาวงกต หัวโตนำทางจนมั่วไปหมด ตอนนี้เ่ิูยังไม่รู้เลยว่าตัวเขาอยู่ตรงจุดไหน จะกลับไปยังจุดเริ่มต้นก็ทำไม่ได้ อีกทั้งช่องทางผลึกหิมะส่วนมากก็ไม่ได้แข็งแรงอะไรมาก เป็ทางที่ัหิมะบังเอิญทิ้งเอาไว้เท่านั้น จะถล่มลงมาเมื่อไรก็ย่อมได้ กลับกัน ในห้องผนังหิมะนี้เป็แหล่งจำศีลของัหิมะที่มันตระเตรียมไว้อย่างพิถีพิถันด้วย ไม่เพียงกว้างขวางและสมดุลเท่านั้น ยังสามารถหลบหลีกพายุหิมะได้ด้วย เป็แหล่งพักผ่อนที่ไม่เลวเลยทีเดียว
และจากการสังเกตการณ์ของเ่ิู เด็กหนุ่มลงความเห็นว่าัหิมะตัวนี้หลับลึกมาก แม้แต่พายุผลึกน้ำแข็งที่มันหายใจออกมา ส่งเสียงกัมปนาทปานนั้นกลับปลุกมันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นหากระมัดระวังเป็พิเศษเสียหน่อย มันจะไม่มีทางตื่นขึ้นมาได้อย่างแน่นอน นี่กลายเป็สถานที่ซึ่งปลอดภัยที่สุดเสียอย่างนั้น
เขาคิดแล้วจึงตัดสินใจจะหยุดลงตรงขอบโพรงน้ำแข็งแห่งนี้
เวลาฟื้นฟูของอักขระล่องหนแห่งคัมภีร์ทองแดงต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน
หยุดอยู่ที่นี่หนึ่งเดือน จากนั้นค่อยใช้วิชาล่องหนออกไป เห็นทีว่าน่าจะเป็วิธีที่เหมาะที่สุดแล้ว
เมื่อตัดสินใจได้แน่วแน่ เ่ิูกลับไม่ร้อนรนอีกต่อไป
เขาถอดเกราะศึกอาชาขาวออกมา หยิบอาภรณ์สีดำจากหม้อทองแดงยอดเมฆาในตันเถียนออกมาผลัดเปลี่ยน เขาถือวิสาสะนั่งขัดสมาธิอยู่บนโขดหินแผ่นเรียบ เริ่มฝึกวิชาต่อ
“ัหิมะเป็รุ่นหลังของัเทพา อีกทั้งพวกมันยังใช้ชีวิตอยู่ในโลกน้ำแข็งและหิมะเป็ประจำ ดังนั้นตอนหายใจถึงก่อร่างเป็พายุหิมะ พลังน้ำแข็งหนาวที่แอบแฝงมาต้องบริสุทธิ์กว่าลมหิมะอย่างแน่นอน ฝึกวิชาในที่เช่นนี้ ต้องเป็ประโยชน์ต่อปราณน้ำแข็งของข้ามากแน่ๆ! ยังไม่นับที่ตำแหน่งรังัหิมะยังมีที่มา ใช่ว่าจะหาเจอเมื่อไรก็ได้ น่าจะเป็แหล่งที่พลังปราณใต้หล้าอุดมสมบูรณ์ที่สุดในรอบหลายพันลี้!”
เมื่อสงบลง เ่ิูจึงได้พบข้ออัศจรรย์นี้อย่างกะทันหัน
ครั้นพิจารณาเื่การฝึกวิชาอย่างเดียวแล้ว ที่แห่งนี้คือที่อันเหมาะสมกับการฝึกอย่างเหนือชั้น
เ่ิูปิดเปลือกตาลง โคจรวิชาลมหายใจไร้ชื่อ เข้าสู่สภาวะมั่นคงอย่างรวดเร็ว
...
พริบตาเดียว สามวันก็ผ่านพ้นไป
ด่านโยวเยี่ยน
สำนักเ้าด่าน
หอบัญชาการชั้นสาม
“อะไรนะ? ท่านชายหลิวยังไม่ได้ข่าวท่านทูตตรวจการณ์เย่อีกหรือ?” หลิวจงหยวนเหมือนมดถูกต้ม เขาเดินกลับไปกลับมาอย่างร้อนรน
เซียนภาพหลิวอวี่หลางอ่านหนังสือลับของกองทัพเสร็จสิ้นแล้วก็เผยแววตาผิดหวังบนใบหน้า เขาส่ายหน้าอย่างเงียบงัน
หลิวจงหยวนกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรถึงจะดี ครู่ต่อมาถึงถอนหายใจยาว
ซิ่งเอ๋อร์ผู้ปกติจะมีนิสัยเที่ยวเล่นซุกซน หลังกวาดสายตาอ่านหนังสือลับของกองทัพแห่งแผนกเสนาธิการเสร็จแล้ว จนมั่นใจว่าไม่มีอะไรบกพร่อง ใบหน้าอันหล่อเหลาก็เ็ปและผิดหวังอย่างไม่อาจยับยั้งได้ เขาถอนหายใจขื่นขม “บุรุษคนนั้น ทำไมหนีออกมาไม่ได้กันนะ...เขามัน...สวะเหลือเกิน ข้าคาดหวังในตัวเขาขนาดนั้นแท้ๆ...น่าโมโห!”
ผ่านเหตุการณ์ที่ทุ่งน้ำแข็งทลายหิมะมาแล้ว สามคนนี้ก็มีความประทับใจต่อเ่ิูเป็อย่างมาก แน่นอนว่ามีความรู้สึกดีๆ กับเขาด้วย
หลังเรือเหาะอักขระออกมาจากภพผนึกของเยี่ยนปู้หุยในวันนั้นได้แล้ว ไม่นานก็มาพบผู้บัญชาการกองทัพหน้าอย่างหลิวสุยเฟิงซึ่งรอรับอยู่พอดี สุดท้ายจึงกลับด่านโยวเยี่ยนได้อย่างปลอดภัย แผนที่อันล้ำค่าบนเรือเหาะก็ถูกเก็บเข้าหน่วยเสนาธิการกองทัพอย่างไร้รอยขีดข่วน เป็ความสำเร็จครั้งใหญ่อย่างไร้ข้อสงสัย กระทั่งเทพาโยวเยี่ยนอย่างลู่เฉาเกอยังออกหน้ามาตบรางวัลแก่ท่านหลิวและคนบนเรือเหาะอย่างงาม นักรบได้ปูบำเหน็จจำนวนมาก หลิวจงหยวนได้เลื่อนขั้นๆ หนึ่ง กลายเป็แม่ทัพกองโจรหนึ่งในยี่สิบอันดับแรกของทัพหน้า ทหารใต้บังคับบัญชาเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวหนึ่ง
มีเพียงเ่ิูเื่เดียวเท่านั้นที่ถูกระงับไปชั่วคราว
หมู่ทหารชั้นสูงได้ยินคำปราศรัยของท่านชายหลิวและคนอื่นซึ่งสรรเสริญเ่ิูเป็อย่างมาก ในเมื่อท่านชายหลิวยังเชื่อมั่น ว่าทูตถือดาบตรวจการณ์คนใหม่นี้อาจจะหนีรอดพ้นจากเงื้อมมือเยี่ยนปู้หุยได้ เช่นนั้นจึงให้เก็บเื่ของเ่ิูเป็ความลับไม่ประกาศ รอจนเขากลับมาก่อนค่อยว่ากัน ขณะเดียวกันฝ่ายเสนาธิการก็ส่งยอดฝีมือและผู้รับใช้จำนวนนมากไปตระเวนอยู่แถบชายแดนทิศใต้ หากได้ข่าวคราวของเ่ิูต้องรายงานทันที
ทว่า สามวันผ่านพ้นไป ก็ยังคงไม่มีข่าวใดติดต่อมา
คนมากมายเริ่มเชื่อมั่นทีละเล็กละน้อยว่าเ่ิูสิ้นชีพในสมรภูมิแล้ว
จากฝั่งปีศาจไม่มีข่าวคราวอะไร หากเขายอมจำนนต่อปีศาจแล้วล่ะก็ เผ่าปีศาจย่อมต้องประกาศให้รู้กันทั้งใต้หล้าั้แ่แรก เหมือนตอนที่เยี่ยนปู้หุยยอมศิโรราบต่อข้าศึกในครานั้น ใช้เื่ประเภทนี้โจมตีและยั่วโมโหพลทหารโยวเยี่ยน
กระทั่งท่านชายหลิวที่วาดหวังในตัวเ่ิูอย่างมาก ยังเริ่มหมดหวังไปลงเรื่อยๆ
“ใต้เท้าลู่เคยพูดไว้ว่า ให้เวลาแค่สามวันเท่านั้น หากในสามวันเ่ิูยังไม่กลับมา ต้องรายงานทางกองทัพแล้ว...” ท่านชายหลิวหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ ขณะเดียวกันเขาก็โทษตัวเองด้วย หากตัวเขาในตอนนั้นยืนหยัดอีกสักหน่อย ไม่แน่ว่าอาจนำเ่ิูกลับมาด้วยได้ หรือไม่ก็ไม่ควรส่งเ่ิูไปรับหน้าที่ทำภารกิจคราวนี้เลย
เสียดาย ที่อะไรๆ ก็สายไปเสียแล้ว
หลิวจงหยวนนั่งงุนงงอยู่บนเก้าอี้ เขาไม่เอื้อนเอ่ยอะไรอยู่นาน
เด็กหนุ่มคนหนึ่ง คนหนุ่มที่หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล สิ้นแล้วในยามนี้หรือ?
หวนนึกถึงภาพรอยยิ้มและเสียงเริงร่าของเ่ิูทีไร ทุกอย่างเหมือนเพิ่งผ่านไปเมื่อวาน
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบแทบชั่วนาตาปี
จนกระทั่ง
ปัง!
ประตูใหญ่ห้องถูกกระแทกอย่างแรงจากด้านนอก
องครักษ์ไม่อาจขัดขวางเวินหว่านที่เหมือนวัวบ้าได้
เวินหว่านดวงตาแดงก่ำ เขาพุ่งปราดเข้ามาเขม็งมองท่านชายหลิวอย่างเอาเป็เอาตาย เขาตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว “อยู่ไหน? เ่ิูอยู่ที่ไหน? เ้าพาเขาไปไว้ไหน? ส่งเขามาให้ข้า!”
แม้ว่าจะได้ฉายาว่าแม่ทัพกร่างเบาปัญญา แต่นี่เป็ครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นเวินหว่านหมดมาดอย่างสิ้นเชิง
หลิวจงหยวนยืนขึ้นอย่างเร่งร้อน เขาว่า “แม่ทัพเวิน เ้าคลั่งแล้ว กล้าบุกเข้ามาในหอบัญชาการคือทำผิดต่อกฎอัยการศึก เ้ารีบออกไปเสีย ท่านหลิวจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเ้า ไม่งั้น...” ว่าพลางรีบฉุดเวินหว่านออกไปข้างนอก หลิวจงหยวน้าช่วยเวินหว่าน เขารู้สายสัมพันธ์ระหว่างเวินหว่านกับเ่ิูดี แล้วก็เข้าใจจิตใจเวินหว่านในตอนนี้ด้วย แต่ความเห็นใจใช่ว่าจะสามารถละเลยกฎอัยการศึกได้ บุกเข้าหอบัญชาการ ชนประตูจนพัง หากข่าวนี้แพร่ออกไปเวินหว่านต้องเดือดร้อนแน่
“หลีกไป หลีกไปให้หมด!” เวินหว่านโกรธจัดเหมือนกระทิง เขาบุ่มบ่ามชี้จมูกหลิวจงหยวน แล้วด่าสาดเสียเทเสีย “หลิวจงหยวน เอ็งสัญญากับข้าตอนนั้นว่าอย่างไร? หา? ใครกันที่ทุบอกบอกว่าจะต้องพาเ่ิูกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้ ตอนนี้เขาล่ะ? เอ็งดันกลับมาไร้รอยขีดข่วน ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง แล้วเ่ิูล่ะ!?”
หลิวจงหยวนละอายใจนัก แต่เขาไม่โกรธ พลางรีบดึงเวินหว่านออกไปด้านนอก
ท่านชายหลิวนั่งอยู่หลังโต๊ะ เขาไม่เอื้อนเอ่ยแม้แต่ประโยคเดียว