ลิฟต์ของอาคารเสินหวังย่อมต้องขับเคลื่อนด้วยศิลาิญญา ระบบเคลื่อนตัวขึ้นลงเรียบง่ายธรรมดาแบบนี้สำหรับนักหลอมยุทโธปกรณ์ของเมืองเซียนต่างๆ แล้วย่อมง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
เวลานี้หวังเค่อและจางเจิ้งเต้าเป็เพียงสองคนที่อยู่ในลิฟต์
“ศิลาิญญาห้าหมื่นชั่ง? ความหมายของเ้าคือครั้งนี้ข้าได้กำไรส่วนแบ่งห้าหมื่นชั่ง? หวังเค่อ เ้าใจกว้างขนาดนี้ั้แ่เมื่อไหร่กัน?” จางเจิ้งเต้าอุทาน
ห้าหมื่นชั่ง! ในกระเป๋าของจางเจิ้งเต้าเคยมีเงินขนาดนี้ั้แ่เมื่อไหร่? ตอนออกขุดสุสานยังไม่เคยทำเงินได้ขนาดนี้เลย โชคดีมาเยือนกะทันหันเกินไปจนจางเจิ้งเต้ารู้สึกหูอื้อตาลายอยู่บ้าง
“ข้าหวังเค่อกระทำเื่ราวด้วยความยุติธรรมมาตลอด หากสมควรจะได้ ข้าไม่ให้ขาดตกไปสักส่วนเดียว หากไม่สมควรจะได้ ข้าไม่ให้เกินไปสักส่วนเดียว! จางเจิ้งเต้า เ้าว่าข้ายังขี้งกอยู่หรือไม่?” หวังเค่อตบบ่าจางเจิ้งเต้า
“ไม่งก ไม่งกสักนิด ฮ่าฮ่าฮ่า นี่เป็ครั้งแรกเลยนะนี่ที่เ้าใจกว้างกับข้าแบบนี้!” จางเจิ้งเต้าเอ่ยอย่างตื่นเต้นยินดี
“ทำหน้าที่ของเ้าให้ดี ต่อไปก็เรียกแขกมาให้เยอะๆ แล้วเ้าก็จะได้กำไรส่วนแบ่งของเ้า!” หวังเค่อยิ้ม
“ดี ดี ช้าก่อน กำไรส่วนแบ่ง? ครั้งก่อนเ้าบอกว่าข้าได้กำไรส่วนแบ่งศูนย์จุดห้าเปอร์เซ็นต์ ครั้งนี้ข้าได้กำไรส่วนแบ่งห้าหมื่นชั่ง แปลว่าเ้าทำเงินได้สิบล้านชั่งไม่ใช่หรือนี่?” จางเจิ้งเต้าพลันตรัสรู้ ทันใดนั้นตาของมันก็กลมกว้างเป็ลูกระฆัง
จางเจิ้งเต้ารู้ว่าครั้งนี้หวังเค่อทำเงินได้ไม่น้อย แต่ก็ไม่น่าจะเวอร์วังขนาดนี้เลยนี่! ศิลาิญญาสิบล้านชั่ง? สิบล้านชั่ง?
ั์ใหญ่ทารกแกนิญญาทั่วไปยังทำเงินไม่ได้ขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ! แต่เ้าใช้เวลาแค่่เช้าก็ทำเงินได้ขนาดนี้แล้ว?
“ยังต้องนำไปใส่ไว้ในกองทุนประกันที่เอาไว้ใช้จ่ายเงินชดเชยในอนาคตต่อไปอีก ไหนเลยจะเยอะอย่างที่เ้าว่า ข้าลำบากลำบนตั้งเท่าไรกว่าจะได้เงินนี้มา! ไม่ได้สุขสบายแบบเ้าซะหน่อย!” หวังเค่อส่ายหน้า
“ผายลม เงินเข้ากระเป๋าเ้าไปแล้วยังจะคายกลับออกมาอีกหรือ? เ้าหลอกคนอื่นได้ก็หลอกไป แต่ถ้าคิดจะหลอกข้าฝันไปเถอะ!” จางเจิ้งเต้าเผยสีหน้าไม่เชื่อถือสักเสี้ยวเดียว
หวังเค่อชะงักไป เดี๋ยวนี้จางเจิ้งเต้าฉลาดขนาดนี้เชียวรึ?
“หวังเค่อ แขกที่มาครั้งนี้ล้วนเป็ฝีมือข้าล้วนๆ! พวกมันทั้งหมดมาที่นี่เพราะข้า! เ้าดู ข้าช่วยเ้าทำเงินมากมายปานนั้น แต่เ้ากลับแบ่งให้ข้ากระจิดเดียว? แค่น้ำหนึ่งหยดในมหาสมุทร? เ้าทำเกินไปหรือไม่?” จางเจิ้งเต้าจ้องไม่วางตา
“น้ำหนึ่งหยดในมหาสมุทร? เ้าเรียกศิลาิญญาห้าหมื่นชั่งว่าน้ำหนึ่งหยดในมหาสมุทร? ถ้าเ้าไม่อยากได้งั้นก็ช่างปะไร!” หวังเค่อส่ายหน้า
“ไม่ ไม่ ข้าเอา ข้าเอา! คิดซะว่าเมื่อกี้ข้าไม่ได้พูดอะไรเลย!” จางเจิ้งเต้ารีบรับสภาพ
“เฮ้อ จางเจิ้งเต้า เ้ามองแต่งานที่ตัวเองทำแต่ไม่ได้มองงานที่คนอื่นทำเลยใช่ไหม? ตัวเ้าแค่ส่งเทียบเชิญ วิ่งเต้นช่วยงานจิปาถะแต่กลับทำเงินได้ห้าหมื่นชั่งในเวลายี่สิบวัน เ้าจะไปหางานดีๆ แบบนี้ได้จากไหนอีก?” หวังเค่อส่ายหน้า
“ขะ ข้าทำงานเสริมเป็หน่วยรักษาความปลอดภัยด้วยเถอะ!” จางเจิ้งเต้าพยายามเถียงสู้
“ศิลาิญญาห้าหมื่นชั่งยังไม่พอ? เ้าทำงานแค่นี้ยังมีหน้ามาพูด? ครั้งนี้ข้าใช้ลูกน้องไปเท่าไหร่ พวกมันไม่ได้ทำงานเลยว่างั้น? มีใครในหมู่พวกมันที่ได้ค่ากำไรส่วนแบ่งสูงกว่าเ้า? เ้าเป็คนบอกเองนะว่าคนมากมายขนาดนั้น ปากท้องมากมายขนาดนั้น ข้างหลังพวกมันยังมีครอบครัวอีกตั้งเท่าไร พวกมันได้เงินไม่มากเท่าเ้า แต่เ้ายังมีหน้ามาขอข้าเพิ่มอยู่อีก?” หวังเค่อเอ่ยอย่างดูถูก
“แต่ แต่...!”
“มิผิด เ้าส่งเทียบเชิญพาคนมาร่วมงานสามพันคน แต่เื่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ข้าเป็คนต้นคิดหรือไง? หากไม่มีพวกท่านอาจารย์มารับหน้าให้ คนอื่นมีหรือจะยอมเชื่อถือเรา? หากไม่มีคำปราศรัยเรียกน้ำตาของข้าในวันนี้ ลูกค้าของเราจะยอมซื้อประกันไหม? ไหนจะอาคารเสินหวังนี่อีก ไม่ต้องใช้เงินสร้างขึ้นมารึไง! เ้าทำงานอยู่แค่นั้นแต่กลับได้ตั้งเงินขนาดนี้ล้วนเป็เพราะว่าข้าเห็นแก่มิตรภาพตลอดหลายปีของเราหรอกนะ แต่เ้าก็ยังมีหน้ามาขอเงินข้าเพิ่ม? เกียรติศักดิ์ศรีเ้าล่ะ? จิตสำนึกเ้าล่ะ?” หวังเค่อจี้ถาม
จางเจิ้งเต้า “…!”
คำพูดแบบนี้เ้าหวังเค่อยังเอ่ยออกมาได้? ข้าหน้าไม่อายพอแล้ว แต่พอเทียบกับเ้า ข้าไม่อาจนับเป็ผายลมอันใดได้เลยด้วยซ้ำ! หนังหน้าของเ้านี้เสกสร้างออกมาได้อย่างไรกันแน่!?
“แต่ถึงยังไงกำไรส่วนแบ่งศูนย์จุดห้าเปอร์เซ็นต์ก็น้อยเกินไปอยู่ดี! ช่วยเพิ่มให้ข้าอีกนิดไม่ได้เลยหรือ?” จางเจิ้งเต้าเว้าวอน
“เ้านี่นะ! ไม่ได้รู้เลยว่าคนอื่นเขาลำบากเืตาแทบกระเด็นขนาดไหนกว่าจะได้เงินมา เ้ามองเห็นแต่ภาพข้ากินเนื้อ แต่มองไม่เห็นภาพข้าถูกทุบตีจนเืตกยางออก! เ้ารู้ไหมว่ากว่าข้าจะทำเงินได้ต้องลำบากแค่ไหน?” หวังเค่อหน้าดำ
จางเจิ้งเต้า “…!”
แม่งเอ๊ย เงินที่เ้าได้มานั่นเรียกว่ายากเหรอ? งั้นข้าที่ทำเงินไม่ได้มาตลอดหลายปีนี่เรียกว่าอะไร?
“เ้าทำหน้าทำตาอะไรของเ้า? ไม่เชื่อ? งั้นเอางี้ เดี๋ยวจะหาว่าข้าไม่เห็นแก่ความเป็เพื่อนของเรา พวกที่มาซื้อประกันกับเราวันนี้ต่างอยู่ในห้องพักแขกในอาคาร เ้าไปรบเร้าพวกมันให้ซื้อประกันเพิ่ม หากเ้าทำได้ ข้าจะให้กำไรส่วนแบ่งเ้าเพิ่มสิบเท่า! ว่าไงล่ะ?” หวังเค่อว่า
“จริงนะ? สิบเท่า?” จางเจิ้งเต้าตื่นเต้นยินดีขึ้นมาทันที
“มิผิด แต่อย่าละเลยล่วงเกินแขกของข้าเด็ดขาด ทำได้แค่เกลี้ยกล่อมพวกมัน ต้องได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย และทั้งสองฝ่ายต้องสุขสมอารมณ์หมายเหมือนๆ กัน!” หวังเค่อประกาศเสียงเข้ม
“วางใจได้ๆ ข้ารับรองว่าจะต้องขายประกันระลอกใหม่ได้แน่!” จางเจิ้งเต้าเอ่ยอย่างตื่นเต้น
“ติ๊ง!”
ลิฟต์มาถึงชั้นบนสุด
หวังเค่อกับจางเจิ้งเต้าร่ำลากัน
หวังเค่อเปิดประตูห้องสำนักงานชั้นบนสุดก่อนก้าวเข้าไป
“สิบเท่า? ตอนอยู่หอประชุมเป็เพราะข้าชูบรรยากาศกระตุ้นให้พวกมันเืลมพลุ่งพล่านไหลขึ้นศีรษะก็เลยเออออซื้อประกันแบบว่าไงว่าตามกัน แถมยังต้องยกความดีความชอบให้ ‘ตัวช่วย’ อีกมากมาย ตอนนี้? คนที่ซื้อประกันส่วนใหญ่ตั้งสติกันได้นานแล้ว เชื่อว่าคงกำลังนึกเสียใจกันอยู่ ดีไม่ดีอาจกำลังท้องไส้ป่วนปั่นจนต้องอาเจียนออกมาเพราะนึกเสียใจอยู่ในห้องพักแขกเลยก็ได้ ตอนนี้พวกมันคงอยากจะเลิกต่อประกันแทบตายแล้วด้วยซ้ำ! โชคร้ายที่เงินไหลเข้ากระเป๋าข้าหมดแล้วคิดว่าจะได้คืนไหมล่ะ? ก่อนอื่นก็เบิ่งตาดู ‘ข้อกำหนดยกเว้น’ ในสัญญาก่อนเถอะค่อยว่ากัน! ส่วนจางเจิ้งเต้า? อึ๋ย แค่ไม่โดนด่าเปิงกลับมาก็บุญแล้ว” หวังเค่อยักไหล่ปิดประตูห้องทำงาน
หวังเค่อมองดูห้องทำงานแล้วสีหน้าก็ต้องขมวด “ไฉนห้องทำงานข้านี้ถึงให้บรรยากาศหดหู่อึมครึมขนาดนี้ คงจะไม่เกิดเื่แย่ๆ หรอกใช่ไหม? อืม สถานที่ดูไม่ค่อยเป็มงคลเอาเสียเลย ยังดีนะที่ข้าเหลือทางหนีทีไล่ไว้!”
ในขณะเดียวกันเหมือนอย่างที่หวังเค่อคาดการณ์ไว้ จางเจิ้งเต้าพกพารอยยิ้มเป็มิตรต่อสิ่งแวดล้อมมายืนเคาะประตูขายประกันอยู่หน้าห้องของแขกคนหนึ่ง
“ผู้าุโเฉิน ประกันที่ท่านซื้อไปวันนี้เป็อย่างไรบ้าง? ท่านสนใจที่จะซื้อเพิ่มอีกสักเล่มไหม?” จางเจิ้งเต้ายิ้มประจบเอาใจ
“ปง!”
บานประตูกระแทกปิดอย่างแรง ขณะเดียวกันก็กระแทกสันจมูกของจางเจิ้งเต้าจนเกิดเสียงแตกหักตามไปด้วย
จางเจิ้งเต้ากุมจมูกร้องโอดโอยเหมือนสุกรถูกเชือด “แม่งเอ๊ย ไม่ซื้อก็ไม่ซื้อสิ ทำไมต้องปิดประตูแบบไม่บอกกล่าวกันด้วย!? จมูกข้า! ไอ๊โหย!”
จางเจิ้งเต้านึกอยากเข้าไปปรับทัศนคติผู้าุโเฉินขึ้นมา แต่พอนึกถึงคำขอของหวังเค่อว่าไม่อาจละเลยไม่ให้เกียรติลูกค้าจึงได้แต่กล้ำกลืนความเ็ปเดินจากไป
มาถึงห้องถัดไป เคาะประตู ประตูเปิดออก เป็สหายเต๋าผู้คุ้นเคยอีกท่านหนึ่ง
“สหายไช่ ท่านสนใจ...!” จางเจิ้งเต้ากำลังยิ้มแย้มถามคำ
“ปง!”
บานประตูกระแทกปิดอีกครั้ง จางเจิ้งเต้ากุมจมูกทรุดลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง
“แม่งเอ๊ย ข้ายังพูดไม่ทันจบเลยด้วยซ้ำ เ้ามาปิดประตูใส่กันแบบนี้ได้ยังไง!” จางเจิ้งเต้าแสนชอกช้ำระกำใจ
หลังจากตระเวนเคาะประตูยอดฝีมือประจำสำนักที่คุ้นหน้าคุ้นตากันต่อไปอีกสามสี่ห้อง จมูกของจางเจิ้งเต้าก็แดงเด่นมาแต่ไกล
“ข้ารู้แล้ว ศิลาิญญาห้าหมื่นชั่งไม่เพียงแต่เป็กำไรส่วนแบ่งของข้า แต่ยังเป็ราคาค่างวดของหม้อก้นดำอีกด้วย! คนพวกนี้กำลังนึกเสียใจที่ซื้อประกัน พวกมันเลยโทษว่าเป็ความผิดข้าที่ไปหลอกลวงพวกมัน? หวังเค่อ เ้าลูกตัวบัดซบ! นี่เ้าให้ข้าแบกหม้อก้นดำแทนหรือนี่!” จางเจิ้งเต้าหดหู่สุดประมาณ
แต่จะให้ล้มเลิกเท่านี้หรือ? จางเจิ้งเต้าไม่ยินยอมหรอก!
“สิบเท่า? กำไรส่วนแบ่งสิบเท่าเชียวนะ ไม่อาจล้มเลิกถอดใจเพียงเท่านี้ได้ บางคนอาจไม่ยินยอมซื้อเพิ่มก็จริง แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็เช่นนี้ไปเสียทุกรายนี่นา? เหมือนอย่างที่เขาว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีใครยอมซื้อเลยสักคน! จริงสิ พวกที่ซื้อแค่เล่มสองเล่มล้วนแล้วแต่เป็ผียาจกทั้งสิ้น ขืนไปหาพวกมันแล้วจะขายอะไรได้? หากต้องหาก็ต้องหาพวกมีเงินแต่ไม่มีสมองจึงจะถูก อย่างเช่นแขกระดับสูงที่ซื้อประกันเป็สิบเล่มพวกนั้น!” จางเจิ้งเต้าครุ่นคิดคำนวณ
คิดไปคิดมา จางเจิ้งเต้าก็นึกถึงจุดรวมความสนใจของทุกคนก่อนหน้านี้ แม่สาวชุดชมพูนั่น
สาวเ้าซื้อประกันทีสิบเล่ม! แถมจางเจิ้งเต้ายังสอบถามจนทราบความมาแล้วว่าตอนที่สาวชุดชมพูผู้นี้มุ่งหน้าไปทางเขตพิเศษของลูกค้าระดับสูงนางไม่แม้แต่จะเหลือบแลเงื่อนไขสัญญาแต่โบกมือคราเดียวเหมาหมดทั้งสิบเล่ม ข้างกายนางมีแก๊งชายฉกรรจ์หัวโล้นเลี่ยนที่มีเงินไม่พอจ่าย แต่สาวเ้ากลับใจกว้างสุนทรช่วยซื้อให้พวกมันทุกคน ของสมนาคุณที่แจกฟรีนางไม่แม้แต่จะเอาด้วยซ้ำ ความใจใหญ่แบบนี้แหละที่มันกำลังตามหา!
ทรราชผู้ลี้ลับใช้เงินเหมือนกระดาษใช้ทองเหมือนกระดาษชำระ นี่แหละคือลูกค้าในอุดมคติของข้า!
จางเจิ้งเต้าเดินถูมือเข้ามาสอบถามบุคลากรประจำอาคารเสินหวังถึงตำแหน่งห้องพักของสาวชุดชมพู
จางเจิ้งเต้าพกพาความกระชุ่มกระชวยตระเตรียมต้มตุ๋นสาวชุดชมพูให้ซื้อประกันเพิ่มจากตน
หลังเดินมาหยุดหน้าประตูห้องพักของสาวชุดชมพู จางเจิ้งเต้าจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ก่อนยกมือเคาะประตูเบาๆ
“ก๊อกๆๆ!”
หลังเคาะไปสามทีถึงพบว่าบานประตูไม่ได้ลงกลอนไว้ เผยอให้เห็นช่องแคบๆ ที่แท้ประตูไม่ได้ลงกลอน?
“เข้ามา ข้าแง้มประตูไว้ให้เ้าแล้ว!” เสียงของสาวชุดชมพูดดังมาจากด้านใน
จางเจิ้งเต้า “???”
นี่มันสถานการณ์แบบไหนกัน? แง้มประตูไว้ให้ข้า? สาวชุดชมพูรู้ว่าข้าจะมา?
จางเจิ้งเต้าผลักประตูแล้วก้าวเข้าไป
แต่พอเข้ามาแล้วกลับเห็นว่าบานประตูห้องน้ำของห้องนี้กลับปิดอยู่
“ซู่ๆๆ!”
เสียงน้ำไหลดังมาจากในห้องน้ำ
“สาวชุดชมพูกำลังอาบน้ำ?” จางเจิ้งเต้าอุทานอย่างแปลกใจ
นางแง้มประตูไว้ให้ข้า ส่วนตัวนางเองกำลังอาบน้ำ? สถานการณ์อะไรกันนี่?
“ไปรอที่เตียงก่อนเลย เดี๋ยวข้าอาบเสร็จแล้วจะตามไป!” สาวชุดชมพูที่อยู่ในห้องน้ำเอ่ยออกมาอีกครั้ง
เสียงน้ำไหลซู่ๆ สร้างบรรยากาศวาบหวามสยิวใจให้กับห้อง
จางเจิ้งเต้ามองดูเตียงหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง จากนั้นมองไปทางห้องน้ำอีกต่อหนึ่ง และแล้วก็นึกถึงความเป็ไปได้บางอย่างขึ้นมา
“นี่ นี่ อย่าบอกนะว่าสาวชุดชมพูผู้นี้ตั้งใจจะให้ข้าสละพรหมจรรย์?” จางเจิ้งเต้าหน้าแข็งทื่อ
หากเป็โฉมสะคราญ ไม่สิ หากเป็สตรีธรรมดาทั่วไป จางเจิ้งเต้าอาจสมยอมเพื่อหน้าที่การงาน แต่พอนึกถึงสัดส่วนที่ต่อให้คลุมทาบไว้ด้วยชุดกันฝนก็ยังอวดความเ้าเนื้อกำยำของสาวเ้าออกมาอย่างชัดเจนแล้ว จางเจิ้งเต้าก็เริ่มตัวสั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“ข้ามาคุยเื่ประกัน!” จางเจิ้งเต้าเอ่ยด้วยสีหน้าหดหู่ใจ
“ประกัน? นั่นไม่สำคัญอีกแล้ว สิ่งสำคัญคือเื่ที่พวกเรากำลังจะทำกันอยู่ต่างหาก! ไว้เสร็จกิจเมื่อไหร่มีอะไรค่อยว่ากัน!” เสียงของสาวชุดชมพูดังมาจากในห้องน้ำ
จางเจิ้งเต้ามองเตียงหลังใหญ่กลางห้องด้วยสีหน้าเหมือนโดนยาเบื่อหนู
อย่าบอกนะว่าข้าต้องยอมเสียสละตนเองเพื่อหน้าที่การงานจริงๆ? ข้าไม่ยอม!
หวังเค่อพูดถูกแล้ว เงินก้อนนี้ได้มาไม่ง่ายเลยจริงๆ! ตัวข้าเห็นแต่ภาพโจรกินเนื้ออย่างอิ่มเอมใจ แต่ไม่ทันเห็นภาพโจรถูกทุบตีจนช้ำเืช้ำหนอง!
เพราะอะไรกัน? ทีตอนหวังเค่อทำเงินล้วนมีแต่ความสนุกสนานเร้าใจเหมือนเป็การละเล่นอย่างหนึ่ง แต่พอถึงทีข้ากลับกลายเป็น่าหดหู่ะเืขวัญแบบนี้? แถมยังต้องเสียสละร่างกายอีกด้วย?
“ช่างเถอะ แค่ปิดตาทีเดียวเดี๋ยวก็ผ่านพ้นไป!” จางเจิ้งเต้ากัดฟันแผ่ตัวไปกับเตียงหลังใหญ่
“ข้าเตรียมตัวเตรียมใจเสร็จแล้ว จะ เ้าจะออกมาได้รึยัง?” จางเจิ้งเต้าเผยสีหน้าโศกสลด
“ใกล้แล้ว กลั้นใจรอสักนิด เ้าเปิดหีบที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนเลยก็ได้ ด้านในมีแส้ที่ข้าเตรียมเอาไว้อยู่! เดี๋ยวต้องใช้!” เสียงของสาวชุดชมพูดังมาจากทางห้องน้ำอีกครั้ง
จางเจิ้งเต้าอ้าปากค้างหันหน้าไปทางหีบที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง
“ยังมีแส้อีกหรือนี่?” จางเจิ้งเต้าพึมพำเนื้อตัวสั่นเป็ลูกนก
เงินก้อนนี้ยังจะได้อีกหรือไม่? ปิดตาทีเดียวก็ได้หรือไม่? ต้องใช้เวลานานแค่ไหน? ยังมีอุปกรณ์เตรียมไว้ให้ด้วย? ที่แท้ให้ข้าใช้หรือว่าให้เ้าใช้กันแน่!?
“เ้าดูหน่อยว่าแส้ใช่มีอยู่ทั้งหมดสิบเอ็ดอันหรือไม่ อันหนาสุดที่อยู่ตรงกลางเป็ของข้า! อย่าหยิบผิดล่ะ!” สาวชุดชมพูะโมาจากทางห้องน้ำ
จางเจิ้งเต้า “…!”
จางเจิ้งเต้าไม่ได้แตะต้องหีบใบนั้นสักอณูผิว แต่กลับรู้สึกเหมือนโลกถล่มลงมาแล้ว
แม่งเอ๊ย รังแกกันเกินไปแล้ว แส้อันเดียวไม่พอ ต้องเตรียมไว้ถึงสิบเอ็ดอัน? แถมยังจะเอาอันที่หนาสุดอีกต่างหาก?
เ้าคิดจะเล่นพิเรนทร์อันใด? คิดอะไรอยู่กันแน่?
เงินก้อนนี้ ข้าควรเอาดีหรือไม่!
ทำกันเกินไปแล้วนะ!
“เ้าหยิบแส้มาช่วยข้าหน่อย!” เสียงของสาวชุดชมพูดังมาจากทางห้องน้ำอีกครั้ง
จางเจิ้งเต้าเบิ่งตามองไปทางห้องน้ำ
เ้ายังอาบไม่ทันเสร็จก็จะเริ่มแล้วรึ? ต้องรีบขนาดนั้นเลย?
นึกถึงร่างเ้าเนื้อกำยำ จางเจิ้งเต้าอดเนื้อตัวสั่นเทาขึ้นมาไม่ได้
“เงินก้อนนี้ข้าไม่เอาแล้ว ทำกันเกินไปแล้ว!” จางเจิ้งเต้าถีบตัวออกจากเตียงด้วยความอับอายขายขี้หน้า ปิดประตูวิ่งจู๊ดหายไปในเสี้ยวพริบตา
จางเจิ้งเต้าเพิ่งจากไปได้ไม่นานบานประตูห้องน้ำก็เปิดออก ถงอันอันสาวชุดชมพูไม่ได้อาบน้ำแต่อย่างใด มันยังสวมชุดสีชมพูตัวเก่ง มือยังถือก๊อกที่มีน้ำไหลเจิ่งอยู่อันหนึ่ง ก๊อกอ่างน้ำในห้องน้ำหลุดร่วงลงมาเผยให้เห็นสาเหตุที่มีเสียงน้ำไหลซู่ๆ ตลอดเวลา
“หายไปไหนแล้ว? ข้าใช้ของวิเศษต่อสายยางไม่ได้ก็เลยให้พวกเ้ามาช่วยงาน แล้วนี่หายหัวไปไหนกันหมด?” ถงอันอันหน้าดำ
“อะแฮ่ม! เพื่อไม่เป็การเผยไต๋จนถูกจับได้เลยต้องทนบีบเสียงอยู่ตลอด แต่ก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อยังอยู่ในอาคารเสินหวังนี่ ยังคงต้องระวังไว้ให้มาก เพราะงั้นคงต้องใช้เสียงแบบนี้ต่อไปก่อน!” ถงอันอันรำพึงรำพันขณะบีบเสียงอีกครั้ง
จางเจิ้งเต้าหกล้มคลุกคลานมาถึงโถงบันได หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมนึกย้อนความหลัง
“แม่งเอ๊ย กว่าจะหาสาวมือเติบเจอไม่ใช่ง่ายๆ แต่ก็ต้องละวางจากมาเยี่ยงนี้? แต่ในเมื่อสาวมือเติบคนนี้วิตถารเหลือทนใครมันจะไปทนไหว!? ข้าไม่ยินยอมพร้อมใจ กำไรส่วนแบ่งของข้า! ข้าแค่อยากขายประกันก็เท่านั้น ทำไมถึงต้องเหนื่อยยากเสี่ยงชีวิตแบบนี้ด้วย?” จางเจิ้งเต้าทั้งขมขื่นทั้งชอกช้ำ
ขณะกำลังขมขื่นชอกช้ำก็ไม่วายเหลียวกลับไปมองห้องของสาวชุดชมพูอย่างเคียดแค้น
แต่แล้วจางเจิ้งเต้าก็ต้องตาโต มันเห็นคนหัวโล้นร่างกำยำเดินเข้าไปในห้องนั้น
“หัวโล้น? ชายโฉด?” จางเจิ้งเต้าอุทาน
หลังจากที่เห็นชายหัวโล้นเข้าไปในห้องนั้น จางเจิ้งเต้าก็ทำหน้าหลากหลายอารมณ์รสชาติ ความขมขื่นนี้ตนไม่อาจทำใจกล้ำกลืนลงคอไปได้ แต่ท้ายที่สุดก็มีคนที่สามารถกระทำได้!
“หวังเค่อพูดไว้ไม่ผิดเลย ไหนเลยจะมี่เวลาที่สงบอย่างแท้จริง[1] ขอแค่มีคนมารับหน้าที่หนักแทนพวกเราก็พอแล้ว! ชายโฉดหัวโล้น เ้าคือยอดวีรบุรุษที่แท้จริง แม้แต่ยายจ้ำม่ำร่างชมพูก็ยังไม่คณนามือเ้า!” จางเจิ้งเต้าทอดถอนใจอย่างเลื่อมใส
ในขณะที่กำลังถอนใจอยู่นั้นจู่ๆ มันก็ต้องเบิกตาโพลง
เพราะชายโฉดหัวโล้นคนที่สองก็ทำลับๆ ล่อๆ เข้าห้องของสาวชุดชมพูไปอีกคน
“ชายโฉดสองคน? สาวชุดชมพูรับมือไหวหรือนี่?” จางเจิ้งเต้าครางอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
จากนั้นชายโฉดรายที่สามก็หายเข้าไปในห้องของสาวชุดชมพูในเวลาไล่เลี่ยกัน
จางเจิ้งเต้าตาโตเป็ลูกระฆัง นี่มันอะไร? ใช่สวิงอะไรสักอย่างที่หวังเค่อเคยบอกมันเมื่อนานมาแล้วหรือไม่?
แล้วคนหัวล้านรายที่สี่ก็ย่องเข้าไปในห้องของสาวชุดชมพูติดๆ กัน
หัวโล้นรายที่ห้า!
หัวโล้นรายที่หก!
จางเจิ้งเต้ามองอย่างโง่งม กลายเป็พยานรู้เห็นภาพชายโฉดหัวโล่งเตียนสิบคนย่างกรายเข้าห้องสาวชุดชมพูไป
“ซี๊ดดด~~~! สิบคน!? เจอความใจป้ำของสาวมือเติบเข้าไปก็เลยไม่เหลือเรี่ยวแรงขัดขืนเลยสักเฮือกเดียว? สถานการณ์การว่าจ้างยุคปัจจุบันดุเดือดถึงพริกถึงขิงขนาดนี้แล้ว?” จางเจิ้งเต้าอุทาน
“ปง!”
จากนั้นก็เห็นบานประตูถูกกระแทกปิดอย่างแรง ราวกับว่าถูกลงกลอนจากภายใน
จางเจิ้งเต้ากลืนน้ำลายดังเอื๊อก แววตามีแต่ความทึ่ง คนค่อยๆ เขย่งเท้าเข้าไปใกล้ เตรียมแนบหูรอฟังว่าด้านในจะมีเื่ราวตื่นเต้นลุ้นระทึกแบบใดเกิดขึ้นบ้าง
[1] มาจากประโยคมองเห็นขุนศึกในาที่ยังคงมีการต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้ง ในใจมีความรู้สึกปวดแสบ ไหนเลยจะมี่เวลาที่สงบได้ แต่ก็มีบุคคลที่รับหน้าที่หนักแทนพวกเรา ขอแสดงความเคารพแก่ผู้กล้าที่เดินทางสวนกระแส
